ตอนที่แล้วภาค 1 ตอนที่ 5 เฉียดผ่านมัจจุราช
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปภาค 1 ตอนที่ 7 ราตรีที่เงียบสงบ

ภาค 1 ตอนที่ 6 ประทุษร้าย


ตอนที่ 6 ประทุษร้าย

 

โกโก้ให้ไป๋หลิงส่งเสี่ยวเจ๋อกลับไป เพราะห่วงว่าเขายังเป็นเด็ก กลัวเกิดเรื่องในช่วงเวลาที่ไม่ปกตินี้ขึ้นมา รอจนพวกเขาไปหมดแล้ว จึงมานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์คนเดียว คิดจะเขียนรายงานขณะที่สมองมีแนวคิดวิเคราะห์อุ่นๆ อยู่ แต่พอจิตใจสงบลงถึงได้รู้ตัวว่าหิวมาก หนาวมาก ดังนั้นท่านหมอนิติเวชคิดถึงสุกี้หม้อไฟอีกแล้ว แล้วความคิดก็ก้าวกระโดดคิดถึงน้ำซุปปลาของแม่ขึ้นมา

 

น้ำซุปปลา สุกี้หม้อไฟ เนื้อแกะปิ้ง อมยิ้ม...

 

โกโก้ลุกพรวดขึ้นมา ตัดสินใจเก็บของกลับไปกินข้าวบ้าน ก่อนกลับเธอตบหน้าโครงกระโหลกที่ใส่ชุด รปภ. ในห้องทำงาน พูดยิ้มๆ “เฝ้าบ้านดีๆ นะ”

 

โกโก้ฮัมเพลงพลางเดินลากเท้าคนเดียวออกจากแผนกนิติเวช ขณะที่เดินไปถึงมุมเลี้ยวในชั้น 4 จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรองเท้าหนังดังมาจากด้านหลังสองครั้ง จึงหันกลับไปมองโดยทันที บนทางเดินที่เงียบเชียบ ไม่มีใครสักคน

 

จิตใจที่ลิงโลดหนาวจนกลายเป็นน้ำแข็งในทันใด โกโก้เดินผ่านมุมเลี้ยวอย่างเงียบๆ หยิบมีดผ่าตัดที่ติดตัวออกมา ยืนกลั้นหายใจอยู่ตรงนั้น

 

เงียบสงัด

 

ผ่านไปหลายนาที จนเธอคิดว่าตัวเองคงคิดมากไป จึงได้ออกจากชั้นสี่ พอถึงหน่วยอาชญากรรมที่อยู่ชั้น 2 เธอเลี้ยวเข้าไป ห้องทำงานกว้างใหญ่ยังมีคนหรอมแหรมที่ทำงานล่วงเวลาอยู่ เธอถามถึงโจวต้าเจิ้ง มีคนบอกว่า “หัวหน้าโจวกลับไปแล้ว คุณจะโทรหาเขาไหม”

 

“ไม่ต้องๆ” โกโก้กลับออกไป สะบัดหน้าของตัวเอง หาเขาทำไม ไม่มีธุระอะไรนี่

 

แต่เธอก็ตื่นตัวมากขึ้น เลือกเดินแต่ที่ที่ไฟสว่างและมีคนทำงานอยู่ เดินไปพลางโทรหาที่บ้าน “เหลือซุปอร่อยๆ ไว้บ้างหรือเปล่า” พอออกจากตัวตึก ลมหนาวพัดมา สมองก็เต็มไปด้วยภาพของซุปปลาอีกครั้ง

 

หลังตึกของกองบังคับการ มีลานกว้างที่ทำหลังคาไว้เพื่อจอดรถ โกโก้เดินไปเอารถสกู๊ตเตอร์ เสียงร้องของลูกแมวจากไหนไม่รู้ดังมาจากกอหญ้าดึงดูดเธอไปหา ค่อยๆ เข้าใกล้พงหญ้าเล็กๆ ที่มืดสลัว มีลูกแมวสีขาวตัวหนึ่งจริงๆ เสียงเมียวๆ อย่างกับร้องไห้ ท่าทางน่าสงสาร โกโก้คิดๆ ดู แล้วก็เอาเนื้อแกะปิ้งที่เสี่ยวเจ๋อซื้อมาซึ่งป่านนี้เย็นชืดแล้วมาวางไว้หน้าแมวน้อย กลิ่นคาวของเนื้อแกะเรียกความสนใจของแมว เจ้าตัวน้อยกระโจนใส่ทันที ใช้แรงแทะแล้วแทะอีก โกโก้ที่นั่งอยู่ข้างๆ มองอย่างสนุก

 

กว่าเธอจะรู้ตัวว่าด้านหลังมีคนเข้ามา ทุกอย่างก็ได้เกิดขึ้นแล้วภายในเสี้ยววินาที

 

เธอยังไม่ทันได้ยืนขึ้น ก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่างกาย ยังไม่ทันร้องออกไปสักแอะเดียว โลกทั้งโลกก็หายไป

 

——————————————

เลือนราง... ภาพเลือนราง...ลืมตาไม่ขึ้น สิ่งที่รู้สึกได้ทั้งหมดก็คือเจ็บ เจ็บไปหมด...

 

...หายใจ...ใคร ใครทับอยู่บนตัวฉัน...หายใจ...ขอร้อง ให้ฉันได้หายใจ...

 

ฉันกำลังถูกคนบีบคออยู่เหรอ...ทำไมหายใจเอาอากาศ...เข้าไปไม่ได้

 

มือของฉัน...จับได้แล้ว...มือของใคร...อยู่บนคอฉัน...

 

ความมืด...วิงเวียนเข้ามาเป็นระลอก...อยากนอน...หลับ...อย่างนี้...

 

เสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังจนแหวกฟ้าราตรีขาดได้

 

ขอล่ะ...ใครกรี๊ดจนแสบแก้วหูขนาดนั้น...ทำให้หลับไม่ได้...ง่วงจัง...ไม่ได้...

 

...อากาศ...ให้ฉัน...อา...

 

เฮือก...โกโก้หายใจเข้าอย่างแรงโดยสัญชาติญาณ น้ำหนักบนตัวได้หายไปแล้ว สายตาพร่ามัวมองเห็นคนวิ่งมาหา เสียงรองเท้าส้นสูงดังใกล้เข้ามาอย่างชัดเจน เสียงของผู้หญิง

 

“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ยังไม่ตายใช่ไหม...ช่วยด้วย...” เสียงร้องแหลมปี๊ดของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง รู้สึกถูกอ้อมกอดที่อบอุ่นอุ้มขึ้นมา แกว่งไปแกว่งมา โกโก้เวียนหัวจนทนไม่ไหว พระเจ้า ถึงฟื้นก็จะต้องถูกแกว่งจนตาย เสียงฝีเท้าทยอยดังมาแต่ไกล โกโก้พยายามลืมตาขึ้น

 

สิ่งที่เธอเห็นสุดท้ายคือหน้าที่คุ้นๆ กำลังมองเธอด้วยสีหน้ากังวลปนประหลาดใจ

 

โอ้ ผู้หญิงคนนี้ เหมือนจะชื่อว่าสวีหวั่นลี่

 

——————————————

 

ต้าเจิ้งก้าวเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างรีบเร่ง รองเท้าหนังกระทบพื้นดังเป็นจังหวะที่เต็มไปด้วยพลัง เขาใส่สูทลำลองสีดำ ผูกเนคไท ใส่รองเท้าหนัง เครื่องแต่งกายดูดีเช่นนี้ช่างไม่สอดคล้องกับลักษณะเด่นของตำรวจอาชญากรรมที่ไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ต้องสงสัยอะไร เพราะขณะที่ได้รับโทรศัพท์ เขากำลังทำตามคำสั่งขั้นเด็ดขาดของแม่ไปดูตัวอยู่ ซึ่งก็ทำให้เขากระฟัดกระเฟียดอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าเขาไม่ไปดูตัว บางที ถึงแม้จะเป็นแค่บางที ก็อาจจะได้ไปส่งสวินเข่อหรันกลับบ้าน แล้วก็จะไม่ทำให้เธอเกือบถูกบีบคอตายคาลานหลังกองบังคับการ

 

ที่จริงสวินเข่อหรันสามารถไปทำงานที่ดีกว่าในระดับมณฑลได้ เป็นเพราะท่านผู้เฒ่าฉางออกปาก เธอถึงได้มาช่วยแบกรับงานในหน่วยของตน เรื่องนี้เขาเข้าใจดี ถ้าเกิดเธอมีอันเป็นไปขึ้นมา ท่านผู้เฒ่าฉางมิต้องแทงหัวหน้าอย่างเขาจนตายไปเลยเหรอ

 

ความกระวนกระวาย เสียใจ โมโหสุมอยู่ในใจทั้งหมด ถ้าก่อนหน้านี้ท่าทีของเขาต่อคดีนี้อาจจะรู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดจะรับคดีสวีลี่อย่างเป็นทางการเพื่อสอบสวน แต่ในเวลานี้ บอกไม่ถูกเพราะเป็นความอัปยศของหัวหน้าหน่วยอาชญากรรม หรือความโกรธแค้นของเพศผู้ที่พื้นที่ของตนถูกรุกราน สรุปก็คือโจวต้าเจิ้งในขณะนี้ติดไฟโทสะไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เพียงระยะเวลา 5 นาทีจากห้องฉุกเฉินถึงห้องผู้ป่วยภายใน ก็ได้โทรศัพท์ออกไปสามครั้ง ตะโกนปลุกสมาชิกในทีมของตนจากการนอนหลับ บังคับให้มารวมตัวกันที่โรงพยาบาลภายในสิบห้านาที ความดังของเสียงทำให้นางพยาบาลที่อยู่บริเวณนั้นขมวดคิ้ว ถ้านี่ไม่ใช่โรงพยาบาลตำรวจที่อยู่ข้างๆ กองบังคับการตำรวจ คงจะมีผู้ป่วยลุกขึ้นมาด่าใส่แล้ว

 

ใช้เท้าถีบประตูออกพร้อมกับวางสายโทรศัพท์ในมือ เขาเห็นโกโก้ที่กำลังใส่เสื้อชั้นนอกอย่างตะลึงงัน

 

สวีหวั่นลี่ร้องเบาๆ อยู่ข้างๆ เห็นชัดอยู่ว่าตกใจเหมือนกัน

 

โกโก้รีบติดกระดุมเสื้อต่อ “ขอร้องล่ะ คราวหน้าถ้าเห็นป้ายกรุณาอย่ารบกวน ช่วยเคาะประตูก่อน”

 

กรุณาอย่ารบกวนเหรอ ท่านหัวหน้าโจวไม่ยักกะเห็น พอโดนโกโก้ว่าอย่างนี้ก็เลยรู้สึกเคอะเขิน คำพูดสั่งสอนทั้งหลายที่เกือบจะหลุดปากตั้งแต่แรก ถูกกลืนลงไปครึ่งหนึ่ง

 

คุณหมอผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ขยับแว่นนิดหนึ่ง “ร่างกายไม่มีปัญหาใหญ่ ที่เอวถูกไฟช็อต ตอนหกล้มอาจทำให้สมองได้รับความกระทบกระเทือนเล็กน้อย ต้องทำการตรวจเพิ่มถึงได้ทราบว่าเป็นระดับไหน”

 

สวีหวั่นลี่เห็นสีหน้าอึมครึมของต้าเจิ้ง อยากจะพูดอะไรดีๆ หน่อย แต่ยังไม่ทันอ้าปาก ต้าเจิ้งก็หันมาหา “มันเกิดอะไรขึ้นแน่”

 

“เอ่อ...ฉันเลิกงานแล้ว จะไปเอาจักรยานที่ด้านหลังตึก เห็นในพงหญ้ามีคนนั่งยองๆ อยู่คนหนึ่ง รู้สึกแปลกใจก็เลยเดินไปดูใกล้ๆ เลยเห็นว่าเหมือนเขากำลังบีบคออีกคนที่อยู่บนพื้น ฉันตกใจก็เลยกรี๊ดขึ้นมา แล้วคนนั้นก็กระโดดพรวดขึ้นมา หนีไปอีกด้านหนึ่ง ในตัวฉันไม่มีของป้องกันตัวเลยไม่กล้าไล่ตาม แล้วก็อุ้ม...เธอ คนที่ได้ยินเสียงวิ่งมาหาแล้วส่งเธอมาที่โรงพยาบาล” สวีหวั่นลี่รู้สึกกลัวที่เห็นหน้าของต้าเจิ้งเขียวขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงของตัวเองค่อยลงไปเรื่อยๆ

 

ต้าเจิ้งก้าวพรวดมาถึงหน้าโกโก้ คำรามเสียงต่ำใส่ “สวินเข่อหรัน ยังไงเธอก็ต้องหาเรื่องให้ฉันสักหน่อยใช่ไหม”

 

โกโก้เงยหน้ามองเขา หน้าตาบ่งบอกถึงความมึนงง เงียบสนิท ต้าเจิ้งปรายตาเห็นรอยบีบสีแดงที่คอบางๆ ของเธอ ไฟโทสะทั้งหมดก็อันตรธานหายไปทันที อ้าปากแต่ก็ดุไม่ออกอีก จากนั้นก็ครุ่นคิดตามความเคยชิน

 

“เห็นหน้าคนนั้นหรือเปล่า” ต้าเจิ้งถาม

 

สวีหวั่นลี่ส่ายหน้า ส่วนโกโก้ก็ยังคงเงียบกริบ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต้าเจิ้งสงสัยว่าเธอถูกบีบคอจนเอ๋อไปแล้ว

 

ในห้องผู้ป่วยเงียบไปสักพักหนึ่ง ต้าเจิ้งเริ่มโทรศัพท์หาหัวหน้า รปภ. เหล่ากู่ การถูกไฟช็อตนี้ทำให้เขานึกถึงกระบองไฟฟ้าที่ฝ่าย รปภ. แจกให้พนักงานทุกคนในแผนก ผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับ รปภ. ครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หลังจากพูดจาอย่างเปิดเผยกับเหล่ากู่ในส่วนสำคัญของเรื่องนี้ไปแล้ว เขาก็ได้เดินไปที่ประตูพูดคุยกับตำรวจที่ส่งโกโก้มาที่โรงพยาบาล ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเจ๋อก็รุดมาถึงประตูพอดี

 

“พี่สวิน!” เสี่ยวเจ๋อตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นรอยบีบแดงๆ บนคอของโกโก้ “พี่ๆ ไม่เป็นไรใช่ไหม”

 

พอโกโก้เห็นเสี่ยวเจ๋อ สายตาเลื่อนลอยนั้นได้กลับเป็นปกติบ้าง ยิ้มบางๆ “ไม่เป็นอะไร ถือซะว่าถูกหมากัดไปคำหนึ่ง”

 

จนเวลานี้แล้วยังจะมาพูดเล่นอีก เสี่ยวเจ๋อรู้สึกทำหน้าไม่ถูก

 

ถอนหายใจเบาๆ ไปหนึ่งครั้ง โกโก้พูดอย่างจริงจังว่า “ซูเสี่ยวเจ๋อ นายต้องอยู่กับไป๋หลิงคืนนี้ ฉันติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาของนายแล้ว พรุ่งนี้เช้าเขาจะมารับนายกลับไปที่มหาวิทยาลัย”

 

เสี่ยวเจ๋ออึ้ง “ทำไม”

 

“ไม่ทำไม” บนใบหน้าของโกโก้ไม่มีร่องรอยของการล้อเล่นหลงเหลืออยู่สักนิดเดียว “นับแต่นี้ไป การฝึกงานของนายหยุดลงชั่วคราว จนกว่า...จนกว่าฉันคิดจะต่อค่อยมาว่ากัน”

 

เสี่ยวเจ๋อมองตาปริบๆ คนรอบๆ ไม่มีใครปริปากพูดสักคำ ใครๆ ก็รู้ สวินเข่อหรันถูกทำร้ายหมายความว่าเสี่ยวเจ๋อก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นกัน

 

“ผมไม่ไป” เสี่ยวเจ๋อกำมือไว้แน่น

 

“หมอนิติเวชก็เป็นตำรวจเหมือนกัน วินัยข้อแรกของตำรวจก็คือทำตามคำสั่ง” เสียงของโกโก้แหบแต่มั่นคง

 

“ผมไม่ไป” เสี่ยวเจ๋อย้ำ

 

“ฉันจะหักคะแนนนาย” ในที่สุดโกโก้ก็ทนไม่ไหว เริ่มข่มขู่ตามนิสัย

 

“ถึงจะถูกทำโทษโดยการคัดหนังสือหลักนิติเวชศาสตร์เบื้องต้นทั้งเล่ม ผมก็ไม่ไป” เสี่ยวเจ๋อขึ้นเสียงสูง

 

โกโก้ถอนหายใจ “ฉันไม่สน อาจารย์ที่ปรึกษาของพวกนายจะลากนายไปเอง”

 

“อาจารย์ที่ปรึกษาผมสอนแพทย์แผนจีน ถ้าเขารั้นสู้ผมได้ ผมก็ไม่ได้มาฝึกงานที่แผนกนิติเวชของพี่หรอก!” สีหน้าเสี่ยวเจ๋อเหมือนนักปฏิวัติที่พร้อมจะพลีชีพเพื่อชาติ ท่าทางแสดงพลังเสมือนจะบอกว่าข้าบอกแล้วว่าไม่ไปก็คือไม่ไป ใครก็อย่าคิดมาลากข้าไป

 

โกโก้กำลังจะบันดาลโทสะ พลันก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่ตัว ขมวดคิ้วก้มหน้าลง หมดแรงที่จะเกรี้ยวกราดใส่ ห้องผู้ป่วยจึงเงียบลงอีกครั้ง

 

ต้าเจิ้งก้มมองโกโก้ ถามอีกครั้งว่า “เธอรู้ไหมว่าเป็นฝีมือใคร”

 

โกโก้ส่ายหน้า “ไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าเป็นคนเดียวกัน...หลังจากถูกไฟช็อต ฉันไม่ได้หมดสติไปทันที ได้ยิน...เขาถามว่า...กุญแจอยู่ไหน”

 

จับมือทั้งคู่ที่กำลังบีบคอตนเองอย่างไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว เยื่อแก้วหูดังก้องแต่ก็ได้ยินอย่างชัดเจนที่ชายผู้นั้นคาดคั้นด้วยเสียงต่ำ “บอกมาเร็ว กุญแจอยู่ไหน กุญแจตู้ที่ใส่ศพอยู่ไหน...”

 

โกโก้หายใจลึกๆ หนึ่งครั้ง เงยหน้ามองต้าเจิ้ง “เป็นไอ้หมอนั่นที่งัดตู้เก็บศพ”

 

หวั่นลี่เห็นความกลัดกลุ้มที่อัดแน่นในสายตาของต้าเจิ้ง แล้วเขาก็เดินออกจากห้องผู้ป่วย

 

——————————————

พอต้าเจิ้งออกมานอกประตูก็เห็นหวังอ้ายกั๋วและเซวียหยางเพิ่งรุดมาถึง ถือโอกาสที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ต่างคนรายงานผลการสืบสวน

 

เซวียหยางบอกว่า “สวีลี่อายุ 25 ปี เป็นพนักงานเสมียนของบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง นิสัยสงบเสงี่ยมและเก็บความรู้สึก ไม่มีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ซับซ้อน คืนเกิดอุบัติเหตุ เธอคิดจะไปงานปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อนร่วมหอสมัยมหาวิทยาลัย ซึ่งก็ได้ตรวจสอบกับพ่อแม่แล้วว่ามีจริง เส้นทางไปงานวันเกิดคือจากบริษัทของเธอนั่งรถไฟฟ้าถึงสถานีเฉิงหนาน โรงแรมอยู่ห่างจากด้านตะวันออกของสวนสาธารณะเฉิงหนานสองถนน หน่วยจราจรคิดว่าสวีลี่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางไปโรงแรม สาเหตุที่ต้องสืบสวนใหม่เพราะคนขับรถผู้ก่อเหตุยืนยันว่าตัวสวีลี่เองพุ่งออกจากข้างถนน เป็นการฆ่าตัวตาย อีกอย่าง เพื่อนที่อยู่ที่โรงแรมในคืนนั้นบอกว่า งานเริ่มเวลาทุ่มหนึ่ง สวีลี่ออกจากบริษัทตอนห้าโมงเย็น ตามนิสัยของเธอปกติจะไม่ไปสาย คาดว่าจะถึงสถานีเฉิงหนานก่อนทุ่ม พรุ่งนี้ผมจะไปหาเทปบันทึกที่สถานีรถไฟฟ้าดูว่าจะหาเวลาแน่นอนที่สวีลี่ไปถึงสถานีเฉิงหนานได้ไหม แต่เวลาเกิดเหตุคือประมาณสองทุ่มสี่สิบนาที มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่งนี้ ไม่มีใครรู้นี่สิ ผมคิดว่าเป็นจุดสำคัญ”

 

หวังอ้ายกั๋วยังไม่สามารถรู้ความสัมพันธ์ของคนในแผนก รปภ. ดี หลายวันต่อจากคืนที่มีคนบุกรุกแผนกนิติเวช คนลาดตระเวนของแผนก รปภ. ไม่ได้ซ้ำคน ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครต้องสงสัยอย่างชัดเจน ระยะหลังนี้ก็ไม่มีคนนอกมาป้วนเปี้ยนแถวแผนก รปภ. ถือว่าไม่มีอะไรคืบหน้าก็ว่าได้

 

ต้าเจิ้งฟังไปพลางเดินวนอยู่ที่เดิม รอจนทุกคนพูดจบเขาถึงได้หยุดนิ่ง เงยหน้าแล้วพูดว่า “เซวียหยาง หวังอ้ายกั๋ว นายสองคนไปหาเหล่ากู่ของแผนก รปภ. เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ฉันเพิ่งจะโทรคุยกับเขาเมื่อสักครู่นี้ พรุ่งนี้เช้าจะเริ่มวางแผน ถ้าเป็นคนในแผนก รปภ. จริง ฉันไม่เชื่อว่าไอ้หมอนั่นมีฤทธิ์เดชมากขนาดบินหนีออกจากใต้ตาฉันได้”

 

ทั้งหมดพยักหน้าหงึกๆ รับคำสั่งแล้วเดินออกไป ต้าเจิ้งหันหน้ามองไปยังประตูห้องผู้ป่วย...

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด