ตอนที่แล้วบทที่ 2 แปดนิ้วโดยกำเนิด (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 แปดนิ้วโดยกำเนิด (4)

บทที่ 3 แปดนิ้วโดยกำเนิด (3)


บทที่ 3 แปดนิ้วโดยกำเนิด (3)

 

ดิยาร์ราตะลึงงัน ควรรู้ไว้ว่า บนโลกใบนี้ การที่ทารกอายุครบเดือนสามารถรับพรจากนักเวทได้เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการให้ผู้วิเศษระดับม่วงมาอวยพร มีเพียงบรรดาเจ้าชายและเจ้าหญิงจากประเทศใหญ่เท่านั้นถึงได้รับการปฏิบัติดูแลแบบนี้!

 

“นี่...” ดิยาร์รามองไปทางเหมยอิง เขาที่ปีนี้อายุได้หกสิบเจ็ดแล้วย่อมมองออกว่าฉินซางสีหน้าเปลี่ยนไปหลังจากเห็นลูกของเหมยอิง จึงอดลังเลขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับครอบครัวเหมยอิง หากลูกของพวกเขาเป็นอะไรไปที่นี่ เขาจะรับผิดชอบอย่างไร

 

สายตาของเหมยอิงฉายแววเย็นเยือกจางๆ ทำให้ความหยิ่งยโสที่ซ่อนอยู่ภายในเผยปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น “ท่านนายกสมาคม ข้าอยากรู้ว่าทำไม”

 

ความนิ่งเฉยในดวงตาของฉินซางได้เลือนหายไปหมดสิ้นตั้งแต่ตอนที่เห็นมือน้อยคู่นั้น ในดวงตาทั้งคู่เผยให้เห็นอารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้ง แม้แต่น้ำเสียงก็ฟังดูลุ่มลึกขึ้นมาก “เพราะมือคู่นั้นของเขา นี่คือสิ่งที่ข้ามองเห็น มือคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกนี้ คุณผู้หญิงเหมยอิง ข้าไม่มีเจตนาร้าย”

 

ความเยือกเย็นที่เหมยอิงเผยออกมาค่อยๆ จางหายไป อันที่จริง แม้ในดวงตาของผู้วิเศษฉินซางตรงหน้าจะเต็มไปด้วยแววกระตือรือร้น แต่ดูจากปราณที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาแล้ว ไม่มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม แต่พอได้ยินฉินซางเอ่ยถึงมือของลูกชาย สีหน้าของเธอก็อดบูดเบี้ยวขึ้นมาไม่ได้ “ท่านปรมาจารย์ฉินซาง ทำไมท่านถึงบอกว่ามือคู่นี้ของลูกข้าสมบูรณ์แบบที่สุดในโลกล่ะ? ท่านกำลังเยาะเย้ยข้ารึ?”

 

มือสองข้างของคนเรา แต่ละข้างมีห้านิ้ว สำหรับอัศวินคนหนึ่งแล้ว ไม่ว่านิ้วใดก็ล้วนสำคัญยิ่งทั้งนั้น แม้เด็กในอ้อมแขนของเหมยอิงจะเสียไปเพียงนิ้วก้อยข้างซ้ายและขวา แต่กลับส่งผลกระทบมหาศาลต่อการถืออาวุธ ถึงขั้นไม่สามารถจับดาบยาวให้อยู่มือได้ พ่อแม่คนไหนไม่หวังให้ลูกของตัวเองสมบูรณ์แบบบ้าง? เหมยอิงก็ไม่ต่างกัน แต่ทุกอย่างนอกเหนือจากนี้ล้วนดีไปหมด มีแค่แปดนิ้วโดยกำเนิดนี้เท่านั้นที่เคยทำให้เธอเจ็บปวดแทบขาดใจ ทั้งแปดนิ้วได้ตัดสินแล้วว่าลูกของตนไม่สามารถเป็นปรมาจารย์ดาบได้ แต่นั่นกลับเป็นความหวังของครอบครัว!

 

“โอ้ ไม่ใช่ๆ ฟาร์เลนจงเจริญ ข้าขอสาบานในนามของฟาร์เลน ข้าไม่มีเจตนาเยาะเย้ยเจ้าแต่อย่างใดแน่นอน” ในดวงตาทั้งคู่ของฉินซางเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกขณะมองทารกที่ยังคงดิ้นรนพลางสะอื้นไห้ “บางทีสำหรับคนอื่นแล้ว มือคู่นี้นับว่าพิการ แต่สำหรับคนอย่างข้า นั่นกลับเป็นมือที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ รออีกสักหน่อย เจ้าจะเข้าใจเอง”

 

ท่ามกลางสายตาของเหมยอิง ดิยาร์รา และเปียโรที่จ้องมองอยู่ ฉินซางนั่งลงขัดสมาธิช้าๆ แสงสว่างประกายวาบบนมือขวา เหมยอิงมองเห็นลางๆ นั่นคือแหวนบนนิ้วก้อยข้างขวาของฉินซาง แหวนมิติ หนึ่งในของวิเศษที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเวท

 

พิณโบราณสีน้ำตาลแดงตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเงียบๆ วางราบอยู่บนตักของเขา สายพิณเจ็ดเส้น เปล่งประกายแสงสีเงินอ่อน มือสองข้างของฉินซางกดลงบนสาย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

 

ใบหน้าแก่ชราเริ่มสงบนิ่งและอ่อนน้อม ตลอดหัวจรดเท้าเต็มไปด้วยลมปราณแห่งชีวิต ประหนึ่งว่าตั้งแต่โบราณนานมาแล้ว เขานั่งอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด รักษาท่าทาง ชุดขาว ผมเงิน พิณโบราณเอาไว้อย่างนั้น ชั่วพริบตาที่มือทั้งสองของเขาสัมผัสสายพิณ ทั้งร่างก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่งในห้องโถงสมาคมเวทมนตร์แห่งนี้ สายตาของทุกคนจดจ่อไปที่เขาโดยไม่รู้ตัว

 

มือซ้ายยกขึ้นแผ่วเบา กดลงบนตัวพิณด้านบนสายพิณ ไม่ได้สัมผัสกับพิณแต่อย่างใด นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ข้างขวางอเล็กน้อย นิ้วกลางกับนิ้วนางกดลงเบาๆ บนสายที่ห้า ปล่อยนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ดีดสายที่เจ็ดเบาๆ กลางอากาศ เกิดเป็นเสียงก้องดุจผึ้งร้อง เสียงก้องฟังดูทุ้มลึกทรงพลัง สะท้อนกังวาน ชั่วขณะนั้น ราวกับอากาศแข็งตัว เสียงทารกร้องไห้จ้าหยุดลงอย่างเงียบเชียบ

 

ในผ้าห่อตัวทารก ดวงตากลมโตสีดำประกายคู่หนึ่งมองไปยังทิศทางที่เสียงดังออกมา เสียงละเมอเบาๆ ยังคงดังประปรายออกจากปาก

 

ไม่ว่าจะเป็นนักเวทระดับสูงอย่างเปียโร หรือพ่อมดอย่างดิยาร์รา หรือนักรบอย่างเหมยอิง เมื่อได้ยินเสียงนี้ดังกังวานขึ้น ประหนึ่งสิ่งปนเปื้อนทุกอย่างในร่างกายถูกกำจัดหมดสิ้นในพริบตา ร่างกายและจิตใจปลอดโปร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เลือดไหลเวียนคล่อง ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

 

“ไม้แห้งมังกรคำราม ท่านคือ...” เจตนาเป็นปฏิปักษ์ที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของเหมยอิงตอนนี้อันตรธานไปหมดสิ้น เผยให้เห็นแววประหลาดใจและยินดีอย่างยิ่งขณะที่มองฉินซาง

 

ฉินซางไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยิ้มออกมาบางๆ ขณะเดียวกันมือทั้งสองของเขาก็ขยับไหว มือซ้ายกดลงแผ่วเบา มือขวากระดกขึ้นเล็กน้อย ท่วงทำนองไพเราะจับใจลอยล่องออกมา เสียงพิณละเอียดอ่อนและครอบคลุมทั่วบริเวณ นิ้วมือควบคุมความเร็วช้าหนักเบาอย่างสุขุม จังหวะที่ฉับไว เจือหางเสียงอ้อยอิ่งที่ลอยเวียนวน เกิดเป็นทำนองเสนาะที่ซาบซึ้งอยู่ในใจ แสงสีม่วงอ่อนแผ่กระจายจากสายพิณสีเงินตามมือทั้งสองของเขาที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะอย่างเงียบๆ รัศมีสีม่วงอ่อนแต่ละวงปกคลุมอยู่ภายในห้องโถง แต่ไม่ได้แผ่ขยายออกไป

 

พลังจิตของนักเวทแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตอนนี้เปียโรและดิยาร์รากลับหลงอยู่ในเพลงพิณที่ซาบซึ้งถึงจิตวิญญาณนั้นเสียแล้ว แววตาเปี่ยมด้วยความยินดีและความลุ่มหลง ลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตอนนี้ตัวเองยืนอยู่ที่ใด

 

เหมยอิงเป็นเพียงคนเดียวที่มีสติรู้ตัว เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงยังครองสติเอาไว้ได้ ทั้งที่ระดับพลังจิตไม่อาจเทียบเคียงนักเวทได้เลย เธอมองเห็นอย่างชัดเจน แสงสีม่วงอ่อนไหลไปรวมกันในทิศทางเดียว และทิศทางนั้นก็คือผ้าห่อตัวทารกในอ้อมแขนเธอนั่นเอง

 

ทารกหยุดร้องไห้นานแล้ว ตอนที่เหมยอิงก้มลงมองลูกรักของตนเอง กลับตกใจเมื่อพบว่าลูกชายของตนกำลังยิ้มอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มือน้อยที่แต่ละข้างมีเพียงสี่นิ้วโบกไปมาเบาๆ ในอากาศ ท่ามกลางเสียงพิณอันละเอียดอ่อนและครอบคลุมทั่วบริเวณนี้ จำนวนครั้งที่มือทั้งสองของเขาโบกไหว คาดไม่ถึงว่าจะสอดคล้องกันกับเสียงพิณ ส่วนแสงสีม่วงอ่อนก็กำลังเจาะเข้าไปในร่างกาย ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยอย่างน่าอัศจรรย์

 

นี่คือเรื่องจริงหรือ? เหมยอิงรู้สึกสับสนราวกับอยู่คนละโลก กระทั่งเพลงพิณเพลงนี้จบลงอย่างเงียบๆ ก็ยังตั้งสติกลับมาไม่ได้

 

“ผ้าโพกแพรสะบัดพลิ้ว จอกสุราปริ่มล้น สายคลายปรับหัวหมุด แคนหอนหลอมแคนเงิน ใช้พิณวสันตอัสนีบรรเลงเพลง ‘ธารเขียว’ เพลงนี้ เหมาะสมแก่การชำระร่างกายและจิตใจของเด็กคนนี้ที่สุด” เสียงของฉินซางดึงเหมยอิงกลับมาจากความรู้สึกที่เหมือนราวกับความฝัน ตอนที่เงยหน้าขึ้นมอง เห็นแต่เพียงดวงตาของฉินซางเปล่งแสงสีเงินอันน่าเกรงขาม ไม่เห็นพิณโบราณบนตักก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อมองดูลูกรักในอ้อมอกอีกครั้ง เขากลับผล็อยหลับไปแล้ว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอช่างน่าฟังอะไรอย่างนี้ ผิวของลูกน้อยดูเหมือนจะเริ่มเปล่งปลั่งสดใสมากขึ้นกว่าเดิม ดวงหน้าน้อยๆ ที่งดงามนั้นเจือรอยยิ้มหวาน

 

“อัจฉริยะ เขาคืออัจฉริยะอย่างแน่นอน ข้าตัดสินไม่ผิดหรอก ถึงเขาจะอายุเพิ่งครบเดือน แต่ก็ยังสามารถสัมผัสความงดงามที่แท้จริงในเสียงพิณของข้าได้ ช่างน่าอิจฉาสำนักไผ่ของพวกเจ้าจริงๆ! ทำไมถึงไม่มาอยู่กับข้านะ? ตอนนี้เจ้าคงเข้าใจแล้วล่ะสิว่าทำไมข้าถึงชื่นชมมือน้อยๆ อันสมบูรณ์แบบของเขา สำหรับมือพิณ นิ้วก้อยข้างซ้ายและขวาคือนิ้วต้องห้าม ไม่มีประโยชน์อะไรแต่แรกแล้ว วันหลังฝึกพิณไป นิ้วก้อยที่เป็นส่วนเกินย่อมจะต้องเป็นปัญหาไม่มากก็น้อย ในฐานะนักเทวคีต ข้าเข้าใจเรื่องพวกนี้ดียิ่งนัก แต่ก่อนเคยมีเรื่องเล่าว่า เขาเรียกใครสักคนที่มือแต่ละข้างมีหกนิ้วว่ามารพิณหกนิ้ว นั่นเป็นเรื่องกุขึ้นมาทั้งเพ ดีดพิณ สองมือแปดนิ้วก็เพียงพอ แปดนิ้วโดยกำเนิด ช่างสมบูรณ์แบบเสียนี่กระไร!” ฉินซางกล่าวอุทาน

 

“ท่านปรมาจารย์ ที่จริงแล้วท่านคือ...” เหมยอิงหยั่งเชิงถาม ความหยิ่งยโสในวาจาเลือนหายไปนานแล้ว ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายปล่อยแสงสีม่วงออกมาจากตัว แต่เป็นเพราะเพลง ‘ธารเขียว’ ก่อนหน้านี้ เพราะเสียงดนตรีของไม้แห้งมังกรคำรามนั้น

 

ฉินซางกล่าวว่า “ข้ามาจากฟาร์เลน หากไม่ใช่เพราะทะเลโพรงมรกต ข้าจะมาที่นี่ทำไมกัน? เดิมทีว่าจะหาลูกศิษย์มาสืบทอดวิชาข้า แต่นึกไม่ถึงว่าอัจฉริยะผู้น่าสรรเสริญของข้ากลับเป็นคนในสำนักไผ่ของพวกเจ้า ไปเถอะ พาข้าไปหาพ่อตาของเจ้ากัน เย่หลีเอ๋ยเย่หลี เราไม่เจอกันตั้งหลายสิบปี ไม่รู้ว่าร่างกายเจ้ายังแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่า”

 

เหมยอิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันควัน “ท่านแซ่ฉิน ไม้แห้งมังกรคำราม ท่านคือ...ของสำนักพิณ...”

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด