ตอนที่แล้วบทที่ 23 : เริ่มการผจญภัยที่แท้จริง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 : พิษ

บทที่ 24 : เริ่มใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน


บทที่ 24 : เริ่มใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน

 

กิลเลนยอมที่จะไปตะวันออกแต่โดยดี อันที่จริงชายหนุ่มไม่กล้าขัดใจเธอนักหรอก ทำให้เป้าหมายของเขาจากตะวันตกกลายมาเป็นตะวันออกที่อยู่ห่างไปไม่ไกลมากนัก ด้วยความเร็วของโฮเวอร์ไบค์ทำให้ภายในไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงจุดที่น่าจะใช้พักเอาแรงได้

 

กิลเลนไม่เห็นว่ามันจะต่างจากที่เขาเริ่มลงจากยานเท่าไหร่นัก ทุกที่เต็มไปด้วยพื้นที่แตกระแหง และถึงจะมีต้นไม้บ้างแต่บางส่วนก็ถูกพิษของแวนเดียร์ไปซะส่วนใหญ่ กิลเลนจอดรถของตัวเองใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่ไม่ห่างจากลำธารมากนัก ซึ่งลำธารนี้ยาวออกไปจนสุดสายตา

 

กิลเลนคุ้ยของในกระเป๋าเก็บของออกมา อคาลาได้แต่นั่งมองเขาที่ไม่พูดไม่จาอะไร ชายหนุ่มเลือกที่จะตั้งฐานที่นี่เพื่อหาอะไรตกถึงท้องบ้าง ว่าแล้วกิลเลนก็นั่งลงและเหวี่ยงเหยื่อลงไปที่ลำธารแห่งนั้น

 

“ทำอะไรน่ะ” อคาลาลงจากรถและยื่นหน้ามาหากิลเลนจนจมูกเกือบจะชนกันอยู่แล้ว

 

“เหวอ!” กิลเลนอุทาน เขาตกใจสุดขีดจนเบ็ดตกปลาเกือบจะหลุดมือไปร้อนถึงอคาลาต้องคว้ามันเอาไว้ ซึ่งจังหวะนั้นเองเขาก็จับมันทันพอดีทำให้ตอนนี้มือของทั้งสองทาบทับกันอย่างไม่ตั้งใจ

 

“ใจลอยตลอดเลยนะ” อคาลายกยิ้มเหมือนเช่นเคย ก่อนจะเป็นฝ่ายนำมือออกไปเอง เธอนั่งลงข้างเขาโดยมีบากะอินุตามมาด้วย ไม่รู้ว่าด้วยความหิวหรืออ่อนเพลียกันแน่ที่ทำให้กิลเลนใจจดใจจ่ออยู่กับการตกปลาจนไม่พูดกับเธอเลยหลังจากนั้น

 

“นี่...” อคาลาเป็นฝ่ายทำลายความเงียบแทน “จะได้รึยังน่ะ” เธอพยักพเยิดไปที่ผืนน้ำที่นิ่งสนิทนั้น กิลเลนพ่นลมหายใจแต่ก็ยังนั่งอยู่แบบนั้นต่อไป

 

“เดี๋ยวก็คงได้แล้วล่ะ”

 

“ตอนนี้ล่ะ”

 

กิลเลนไม่ได้หันมามองเธอที่จ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย “ใกล้แล้ว...”

 

“แล้วตอ-”

 

“อย่าเพิ่งมากวนเซ่!” กิลเลนตะโกนเมื่อเห็นเธอถามทุกห้าวินาที เสียงดังของเขาทำให้ทั้งบากะอินุและอคาลาสะดุ้งโหยง

 

“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวปลาก็ตกใจหมดหรอก” กิลเลนอยากจะหันมาเฉ่งใส่อีกรอบ แต่เสียงจ๋อมจากลำธารก็เรียกความสนใจจากทั้งสามได้เป็นอย่างดี เหยื่อถูกดึงลงไปใต้น้ำ กิลเลนรีบลุกขึ้นและออกแรงดึงสุดแรง “เสร็จล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากก่อนจะกระตุกคันเบ็ดขึ้นมา

 

ตุบ…

 

“...” ทั้งกลุ่มตกอยู่ในความเงียบเมื่อสิ่งที่พวกเขารอคอยตกลงบนพื้นด้านหน้า มันเป็นปลาที่มีขนาดพอทั้งสองอิ่ม แต่หน้าตาประหลาดของมันก็ทำให้กิลเลนต้องพิจารณาว่าจะยอมกินมันหรือทนหิวต่อไปดี ผิวสีดำเป็นเมือกเหมือนแวนเดียร์ มีตาที่ดูเหมือนลวดลายเขียนบนผิว มองอย่างไรก็เหมือนกับแวนเดียร์ผสมปลาชัด ๆ เขาหันมาหาอคาลาเพื่อขอความเห็น “คิดว่าไง หน้าตาแบบนี้...”

 

ถึงแม้ความน่าเชื่อถือจะมีน้อย แต่เมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายของเธอแล้ว ชายหนุ่มก็จับมันขอดเกล็ดและล้างเครื่องใน เขาพบว่าสภาพข้างในดูดีกว่าที่คิด เนื้อมันดูไม่แตกต่างจากปลาธรรมดาทั่วไป เมื่อเห็นดังนั้นจึงจุดไฟและลงมือย่างมันโดยไม่ปริปากอะไรอีก เขาตั้งใจย่างมันอย่างดี พลิกซ้ายทีขวาทีเพื่อให้แน่ใจว่าสุกทั่วตัว หลังจากปรุงเล็กน้อยด้วยเกลือเจ้าปลาหน้าตาประหลาดและดูไม่น่าเชื่อถือก็ถูกแบ่งครึ่ง เขาแบ่งส่วนที่ยังไม่ได้ปรุงให้บากะอินุคนละครึ่งกับตนเองเพราะรู้ว่าสุนัขไม่ควรจะกินของเค็ม และยกที่เหลือให้กับอคาลา

 

“นายกินเถอะ” ว่าแล้วเธอก็แย่งส่วนที่น้อยที่สุดมาแทน “นายต้องใช้พลังงานอีกเยอะ”

 

“ไม่ใช่ว่ารสชาติมันแย่หรอกเรอะ” กิลเลนยังไม่กล้ากัดมัน เขารอดูปฏิกิริยาของอคาลาก่อนหลังจากเธอลองชิมมัน หญิงสาวยกนิ้วโป้งให้กิลเลน “สรุปมันดีรึไม่ดี ไอ้ที่เธอชูนิ้วให้เนี่ย”

 

อคาลาและบากะอินุพากันกินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อกิลเลนเห็นแบบนั้นเขาก็กัดเจ้าปลานั้นเข้าไปเต็มปากเต็มคำ เพียงแค่กัดลงไปน้ำหวานในเนื้อก็ทะลักออกมาจนเต็มปาก รสหวานฉ่ำนุ่มนวล ไม่มีกลิ่นคาวอย่างที่คาด สัมผัสที่นุ่มนวลช่างไม่เข้ากับหน้าตาพิลึกพิลั่นของมันแม้แต่นิด อคาลาลอบมองเขาด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นกิลเลนพึงพอใจกับมัน

 

“อร่อยไหม” หญิงสาวเอ่ยถาม หลังจากที่ปลาเกือบครึ่งในมือของกิลเลนถูกจัดการไปภายในเวลาไม่นาน

 

กิลเลนพยักหน้าหงึกหงัก “อร่อยสิ คงเป็นเพราะฉันปรุงดีแน่ ๆ”

 

“นายใส่แค่เกลือเองนะ...”

 

“ไม่ใช่เกลือธรรมดาสักหน่อย นี่เป็นเกลือสีชมพูที่คุณแมดเดอลีนให้มาเชียวนะ เป็นเกลือที่ได้จากเหมืองเกลือในภูเขาหิมาลัยและมีแร่ธาตุมากกว่าแปดสิบชนิด” กิลเลนบรรยายสรรพคุณตามคำบอกเล่าที่ได้ยินมาจากแมดเดอลีน

 

“งั้นเหรอ เรานึกว่ามันเป็นเกลือสังเคราะห์ซะอีก” อคาลาดักคอแต่กิลเลนไม่สนใจ มื้อนี้อิ่มอร่อยกว่าที่คาดไว้ แถมไม่ต้องเปลืองอาหารแห้งที่ตุนไว้ใช้ยามฉุกเฉินด้วย เขาไม่มีอะไรจะบ่นอีก

 

กิลเลนลูบท้องของตนเองอย่างพึงพอใจ บากะอินุเองก็กระดิกหางไปมาอย่างมีความสุข ดูเหมือนรสชาติของปลาหน้าตาไม่น่ากินนั่นจะถูกปากพวกเขาเป็นอย่างมาก และแน่นอนมันจะกลายเป็นมื้อโปรดของกิลเลนไปอีกนานระหว่างที่สำรวจโลกใบนี้

 

ชายหนุ่มเอนหลังด้วยท่าทีสบาย ๆ เขาแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะสะดุดตากับผลที่รูปร่างเหมือนแอปเปิ้ลในยุคของเขา กิลเลนดีดตัวขึ้นโดยมีอคาลามองตาม ชายหนุ่มเอื้อมเด็ดผลที่อยู่ใกล้มือที่สุด เมื่อปลาประหลาดนั่นไม่ใช่อุปสรรคในการกินของเขา เจ้าผลแอปเปิ้ลสีดำนี่ก็เช่นกัน

 

กิลเลนเช็ดมันกับเสื้อของตนอย่างลวก ๆ ก่อนจะกัดมันลงไปหนึ่งคำ เขาเคี้ยวอย่างช้า ๆ พยายามลิ้มรสและวิเคราะห์มัน รสชาติไม่ต่างจากแอปเปิ้ลที่โลกเก่าซึ่งเขาจากมาแม้หน้าตาจะดูไม่น่ากินก็ตาม แต่เมื่อเขากลืนลงไป รสขมที่ทั้งฝาดและบาดลิ้นปลาย ๆ นั่นก็ทำให้กิลเลนหน้าเหยเก

 

“เป็นยังไง” อคาลาขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขาทำสีหน้าแบบนั้น ชายหนุ่มพยายามกลืนมันลงท้อง

 

“มีพิษนี่” กิลเลนชี้มาที่แอปเปิ้ลสีดำสนิทที่มีรอยแหว่งไปแล้ว อคาลาพยักหน้า เธอไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไรแถมยังพูดต่ออีกว่า

 

“ของส่วนใหญ่ก็ติดเชื้อจากพวกแวนเดียร์ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ปลาที่พวกเรากินเข้าไปด้วย” อคาลาชี้ไปที่ซากก้างปลาที่วางอยู่ตรงกองไฟ กิลเลนขว้างเจ้าแอปเปิ้ลนั่นทิ้งไปก่อนจะโวยวาย

 

“แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนเล่า ถ้าเกิดตายขึ้นมาจะทำยังไง” กิลเลนทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขาลูบปากของตนไปมา “จะว่าไป พิษมันอาจจะก็ไม่แรงมากแฮะ ไม่แสบลิ้นแล้ว”

 

“ทำตัวให้ชินเถอะ” อคาลายิ้ม เธอเอื้อมไปเก็บแอปเปิ้ลที่เขาขว้างมันออกไปไม่ไกล อคาลาเช็ดฝุ่นออกจากมันและยื่นให้กับเขา “เชื่อเราสิ อาหารพิษพวกนี้จะเป็นอาหารหลักของพวกเรานับแต่วันนี้ พวกเราจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพวกมัน” เธอมองไปรอบกาย ที่ซึ่งต้นไม้สีดำกระจัดกระจายกันไปทั่วบริเวณ

 

ชายหนุ่มถอนหายใจ เขากัดเจ้าผลไม้สีดำนั่นไปอีกคำ รสชาติประหลาดฝาดคอยังคงไม่เลือนหายไป แต่ในเมื่ออคาลาบอกแบบนั้น กิลเลนก็จัดการแอปเปิ้ลนั่นจนหมดลูก และจริงดังคาดเขาไม่ได้เป็นอะไรเพราะสัตว์และพืชที่นี่มีเพียงพิษอ่อน ๆ เท่านั้น ไอ้เรื่องที่สร้างความยากลำบากให้กับการกินของเขา คงจะเป็นรสชาติของมันนี่แหละ…

 

‘เอาไปทำให้อร่อยขึ้นคงไม่น่าเป็นปัญหาหรอกมั้ง...’

 

“แต่ก็ระวังจะท้องเสียเอาได้นะ” อคาลากล่าวเตือน

 

“แล้วทำไมเพิ่งจะมาบอกกันล่ะ” กิลเลนถามย้ำ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ฟัง หญิงสาวยังคงอธิบายต่อไป

 

“ที่สำคัญถ้าไม่มีภูมิต้านทาน กินเยอะไปก็ตายได้เหมือนกัน”

 

“ก็แล้วทำไมเพิ่งจะมาบอกกันล่ะเฮ้ย” เมื่อสิ่งที่กิลเลนได้รับมีเพียงรอยยิ้มและดวงตาที่จ้องเขาอย่างไม่รู้สึกรู้สา

 

กิลเลนพบว่าพืช สัตว์แทบทุกชนิดมีความเกี่ยวข้องกับแวนเดียร์ พวกมันมีรูปร่างประหลาดและมีพิษ บางอย่างก็รูปร่างคล้ายแวนเดียร์ที่เขาเคยปราบมา แต่อาจจะมีบางส่วนที่ต่างออกไป บางทีโลกนี้อาจจะไม่เหลือสัตว์หรือพืชที่เขาเคยรู้จักอีกแล้วก็ได้

 

เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เขาเริ่มสงสัยว่านี่อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากพิษอ่อน ๆ นั่นด้วย ทำให้กิลเลนผล็อยหลับไปในเวลาไม่นาน

 

ในคืนนั้นเขาฝันเห็นบลูเบนที่น่าจะตายไปแล้ว ร่างสูงใหญ่ของมันคล้ายกับมังกรแต่มีขาเป็นม้า เหนือป่าที่ติดพิษจากแวนเดียร์ ร่างของมันสูงตระหง่านโดดเด่น ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นฝันก็ตามที แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

 

 

 

บลูเบน...” กิลเลนพึมพำ เขาไม่คิดว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อแพทริคเป็นคนลงมือกำจัดมันเองด้วยพลังจิตของเขาแล้วนี่… ภาพที่ผู้ถูกเลือกโดนสังหารย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของเขา มันถูกฉายซ้ำอีกครั้งในความฝันของเขา

 

ร่างของคาตาลิสต์และผู้ถูกเลือกถูกขว้างลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี น่าแปลกที่ในความฝันนี้เขาไม่เห็นแพทริคเข้ามากำจัดมันเหมือนกับในความจริงนั่น กิลเลนซ่อนตัวอยู่ในป่า เขาไม่เห็นผู้ร่วมทีมคนอื่น ๆ แต่ในแผนที่ของเขาก็ไม่มีสัญญาณผู้รอดชีวิตเช่นกัน

 

มันคำรามและเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นเขาแทน บลูเบนวิ่งผ่านต้นไม้เหล่านั้นเข้ามาที่เขา ต้นไม้ล้มระเนนระนาดอย่างง่ายดาย พื้นสั่นสะเทือนเพราะฝีเท้าที่ใหญ่กว่าเขาเป็นเท่าตัว กิลเลนออกวิ่งอย่างตื่นตระหนก เขาหอบหายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ควับ!

 

กรงเล็บจากขาหน้าของมันพุ่งแหวกอากาศเข้ามา หมายที่จะเด็ดหัวของกิลเลนภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว กิลเลนกระโดดไปข้างหน้า เซถลาไปกับพื้นล้มลุกคลุกคลานเพื่อหนีเอาตัวรอด เขาลอบมองหาบากะอินุในขณะที่ตะเกียกตะกายให้หลบพ้นจากวิถีโจมตีของบลูเบน

 

กิลเลนผุดลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง เขารู้ว่านี่เป็นเพียงความฝันแต่เขาไม่สามารถบังคับให้ตัวเองตื่นขึ้นได้เลย ภายในร่างกายของเขามันหนักอึ้งไปหมด ทั้งลมหายใจก็ยากจะควบคุม ชายหนุ่มหมดแรงในที่สุด เขาทรุดกายลงกับพื้นเมื่อขาไม่สามารถออกแรงวิ่งอีกต่อไปแล้ว

 

เขาหันกลับไป เมื่อรู้ว่าไม่มีบากะอินุอีกต่อไป ในใจของเขาก็รู้สึกเศร้าหมองอย่างประหลาด บลูเบนหายใจแรงใส่เขา มันหยุดอยู่เบื้องหน้ากิลเลน เสียงคำรามหวีดหูดังกึกก้องป่าที่ราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว กิลเลนคลำหาพลาสมาร์สเปียร์ แต่ไม่มี… ชายหนุ่มหลับตาลง ยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะมาถึง

 

แต่แล้วร่างของหญิงสาวที่คุ้นเคยก็โผล่มาเบื้องหน้าเขา

 

เธอยืนคั่นกลางระหว่างบลูเบนและเขาอย่างไม่เกรงกลัว เธอยกยิ้มให้ มันแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเหมือนอย่างเคย เธอพูดอะไรบางอย่างกับเขาเหมือนกับทุกครั้ง แต่กิลเลนจับใจความไม่ได้ในตอนนั้น เจ้าบลูเบนไม่ได้หยุดกรงเล็บนั่น มันเงื้อขาหน้าขึ้นสูงเหนือฟากฟ้าก่อนจะตะปบลงมาที่ร่างของเธอ

 

“อคาลา!!!” กิลเลนตะโกนลั่น เขาสะดุ้งเฮือกและลุกขึ้นมาจากพื้น ชายหนุ่มเอามือทาบอก ลมหายใจยังคงรุนแรงเหมือนเพิ่งวิ่งมาหลายร้อยเมตร ผู้ถูกเรียกอยู่ไม่ไกลจากเขา เธอรีบลุกมาหากิลเลนและเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น เราอยู่นี่แล้ว” อคาลานั่งลงข้าง ๆ ชายหนุ่มยกมือขึ้นเพื่อจะบอกว่าตนไม่เป็นไร จนในที่สุดเขาก็หายใจเป็นปกติ กิลเลนหันมามองเธอที่ยังคงจ้องเขาด้วยความกังวลใจ “ฝันร้ายหรอ”

 

กิลเลนพยักหน้า เช็ดเหงื่อที่ซึมตามไรผมของตนเอง “ฉันฝันเห็นบลูเบน” เขาทำหน้าเคร่งเครียดก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบา “มันตายไปแล้วนี่”

 

“แต่นายก็ยังฝันเห็นมัน นายฝันเห็นแวนเดียร์หลายตัว” อคาลากล่าว มองไปที่ลำธารด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้ “นายเคยคิดไหม ว่านายอาจจะสื่อสารกับพวกมันได้”

 

กิลเลนส่ายหัวปฏิเสธระรัว “ฉันไม่คิดแบบนั้น” เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ กิลเลนไม่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดจะกลายมาเป็นเรื่องจริงได้ จึงเหมือนกับการพูดเรื่องเพ้อฝันออกมาเท่านั้น “แต่ถ้าเราคุยกับพวกมันได้ เราก็อาจจะหลีกเลี่ยงการฆ่ามันได้จริงไหม”

 

อตาลาหันกลับมามองกิลเลน เธอเฝ้าดูกิลเลนพูดต่อไปโดยไม่ขัดอะไร ไม่รู้กิลเลนคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นเธอยิ้มอย่างพึงพอใจ ดูเหมือนเธอจะเห็นด้วยกับความคิดประหลาด ๆ นี่

 

“ในฝันฉันฝันเห็นเธอ เธอเข้ามาช่วย...” อคาลามองตาใส เธอขยับเข้ามาใกล้รอฟังสถานการณ์ในความฝันอย่างใจจดใจจ่อ กิลเลนชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ควบคุมน้ำเสียงให้ออกมาเป็นปกติที่สุด อคาลาไม่ได้ถอยห่างเมื่อเห็นเขานิ่งไป

 

“ในฝันเป็นยังไง” หญิงสาวเอ่ยถาม “เราช่วยได้ไหม”

 

“ไม่รู้เหมือนกัน จู่ ๆ เธอก็เข้ามาขวาง และฉันก็ตื่นขึ้นมาเนี่ยแหละ” กิลเลนบอก อคาลาทำหน้าเศร้าเมื่ออดได้รู้จุดจบของความฝันที่ทำให้กิลเลนสะดุ้งจนสุดตัวขนาดนี้ กิลเลนถอนหายใจ “เอาเถอะยังไงมันก็แค่ความฝัน ฉันคงคิดมากไปหน่อย แต่ในฝันเธอพูด”

 

“หืม….” อคาลาเอียงคอมอง กิลเลนพยายามหวนนึกไปถึงความฝันที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน เขาเพ่งความคิดนึกถึงเสียงของอคาลาที่แผ่วเบาก่อนที่เขาจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา

 

“เธอบอกว่าฉันคิดผิด” กิลเลนหันไปสบตากับเธอ

 

“ก็นายคิดผิดจริง ๆ”

 

“อะไร ทำไมเธอไม่บอกฉันล่ะ ฉันคิดผิดเรื่องอะไร ดูเหมือนเธอจะมีความลับอยู่เยอะเลยนะ” เขาถาม คิ้วขมวดเป็นปมจนอคาลาอดขำไม่ได้ เธอยังไม่ยอมบอกสิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงการส่ายหัวพร้อมรอยยิ้มถูกใจ กิลเลนถอนหายใจอย่างยอมแพ้

 

“สักวัน... สักวันนายจะเข้าใจทุกอย่างเอง” เธอพูดประโยคเดิม ประโยคที่กิลเลนรู้สึกว่าเธอจะพูดบ่อยเกินไปแล้ว

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด