ตอนที่แล้วบทที่ 1 แปดนิ้วโดยกำเนิด (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 แปดนิ้วโดยกำเนิด (3)

บทที่ 2 แปดนิ้วโดยกำเนิด (2)


บทที่ 2 แปดนิ้วโดยกำเนิด (2)

 

มือขวาของฉินซางวาดผ่าน แสงสีม่วงอ่อนปกคลุมม้วนหนังสือหนังแกะอีกครั้ง ทันใดนั้น ใต้แสงสีม่วงที่โอบล้อมอยู่ ตัวหนังสือบรรทัดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา ดิยาร์ราอ่านออกเสียงอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย “คำสั่ง นักเทวคีตระดับม่วงฉินซาง เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมเวทมนตร์แห่งอาร์คาเดีย อ้อ ท่านเป็นนักเทวคีตหรือ?” คราวนี้ ดิยาร์ราและเปียโรเปลี่ยนจากความตกใจเป็นความหวาดผวาเรียบร้อยแล้ว

 

นักเทวคีต ถือเป็นสาขาของนักเวทสายจิตวิญญาณ นักเวทที่ใช้การบรรเลงเครื่องดนตรีเพื่อปลดปล่อยพลังเวทมนตร์ สามารถพูดได้ว่าเป็นอาชีพที่สูงส่งที่สุดในบรรดานักเวทบนทวีป แต่ขณะเดียวกันก็เป็นอาชีพที่กระจอกที่สุด เพราะนักเทวคีตยากจะฝึกฝนจนฝีมือเหนือกว่าระดับเหลือง อย่างมากก็แค่มีบทบาทนิดหน่อยตอนปลุกขวัญกำลังใจทหารในสนามรบ แต่ไหนแต่ไรมา มีเพียงบุตรสาวของขุนนางใหญ่ในประเทศต่างๆ หรือเจ้าหญิงของแต่ละประเทศเท่านั้นจึงจะสนใจศึกษาเวทมนตร์อันสูงส่งและไร้ประโยชน์แขนงนี้ หากแต่จอมเวทชราเบื้องหน้า คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นนักเทวคีต นักเทวคีตระดับม่วง ดิยาร์ราไม่กล้าเชื่อสายตาตนเองจริงๆ ทว่ามุมขวาล่างของม้วนหนังสือ สัญลักษณ์โบราณที่ล้อมรอบด้วยดาวหกแฉกสีเงินนั้น กลับเป็นสัญลักษณ์แทนหอคอยมายา หนึ่งในหอคอยแห่งฟาร์เลนทั้งเจ็ด เห็นได้ชัดว่าจอมเวทที่ชื่อฉินซางผู้นี้ ผ่านการพิจารณาของหอคอยมายาแล้วจึงได้มาที่นี่ และพลังเวทมนตร์สีม่วงที่เขาเสกขึ้นก็ยังเป็นของจริงอีกด้วย

 

ใบหน้าแก่ชราของฉินซางเผยให้เห็นสีหน้าหวนระลึกถึงอดีต เบี่ยงตัวหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทุกอย่างที่เคยประสบพบเจอในหอคอยมายาเขาไม่มีวันลืมเลือน นั่นล่ะคือเวทมนตร์ที่แท้จริง!

 

ไม่นานดิยาร์ราก็กลับมาเป็นปกติ คำสั่งของฟาร์เลนไม่สามารถปลอมแปลงได้ จึงรีบม้วนเก็บหนังสือหนังแกะอย่างนอบน้อมแล้วยื่นส่งให้ฉินซางตรงหน้า “ดิยาร์รา พร้อมทั้งเปียโร ขอแสดงความเคารพท่านนายกสมาคม”

 

ฉินซางเก็บม้วนหนังสือกลับมาแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้อาร์คาเดียมีนักเวทอยู่อีกเท่าไหร่?”

 

ฟังคำถามนี้ของฉินซาง ดิยาร์ราอดเผยสีหน้าขมขื่นออกมาไม่ได้ “อาร์คาเดียนับตั้งแต่ข้าลงไป ทั้งหมดมีนักเวทระดับครามหนึ่งคน นักเวทระดับเขียวสามคน นักเวทระดับเหลืองยี่สิบสี่คน นักเวทระดับแสดหกสิบเจ็ดคน นักเวทระดับแดงสองร้อยสิบสามคน ส่วนใหญ่เข้าร่วมในกองทัพแล้ว คนที่เหลืออยู่ในสมาคม มีสิบกว่าคนเท่านั้น”

 

ใบหน้าของฉินซางฉายแววตกใจเล็กน้อย “น้อยขนาดนั้นเชียว? ถึงจะบอกว่าการฝึกเวทมนตร์เป็นขั้นตอนที่ยาวนาน แต่ประชากรตั้งหลายสิบล้านคนในอาร์คาเดีย มีนักเวทอยู่สามร้อยคนเท่านั้นเองรึ? ข้าจำได้ว่า นักเวทของประเทศอื่นก็ดูเหมือนจะไม่น้อยขนาดนี้!”

 

ดิยาร์ราถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “แต่ก่อนย่อมไม่น้อยถึงขนาดนี้ อาณาจักรอาร์คาเดียของเรามีชื่อเสียงด้านนักเวทอัคคีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ตอนนี้ กำลังของประเทศยิ่งอ่อนแอลงทุกที นักเวทที่มีศักยภาพสักหน่อยก็ไปหาสองจักรวรรดิใหญ่รอบข้างกันหมด คนที่เต็มใจจะอยู่ต่อ ย่อมต้องเป็น...แต่ว่า คราวนี้ท่านมาก็ดีแล้ว ท่านเป็นถึงผู้วิเศษระดับม่วงเชียวนะ! อาร์คาเดียของเรา ไม่มียอดฝีมือระดับม่วงมาปรากฏตัวนานหลายร้อยปีแล้ว ข้าเชื่อว่าสมาคมเวทมนตร์อาร์คาเดียของเราจะต้องกลับมายิ่งใหญ่ภายใต้การนำของท่านได้แน่นอน” แม้อายุของเขาจะไม่น้อยแล้ว แต่พอพูดถึงตรงนี้ก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ สายตาที่มองฉินซางถึงขั้นบ้าบิ่นเล็กน้อย

 

ในขณะนั้นเอง น้ำเสียงอันไพเราะและสง่างามดังเข้ามาจากด้านนอก “ท่านอาจารย์ดิยาร์ราอยู่หรือเปล่าคะ?”

 

ดิยาร์ราชะงักไปชั่วครู่ บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้ม กล่าวขอโทษฉินซางที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วจึงออกไปต้อนรับ เวลาผ่านไปสักครู่ หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินตามหลังดิยาร์ราเข้ามาในห้องโถง

 

หญิงสาวหน้าตางดงามอย่างยิ่ง เส้นผมสีดำ ดวงหน้าขาวผ่อง สวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวมรกต เค้าหน้าแลดูอวบอิ่มอยู่บ้างเล็กน้อย แต่กลับไม่มีผลอะไรต่อบุคลิกสูงส่งของเธอ ไม่ว่าเดินหรือยืนก็ให้ความรู้สึกตัวตรงเป็นสง่า ราวกับเอวคอดบางของเธอนั้นจะไม่มีวันโค้งงอลงได้ ตอนนี้ในอ้อมแขนของเธออุ้มผ้าห่อตัวทารกเอาไว้ เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอดังออกมาจากข้างใน ทารกน้อยในนั้นดูเหมือนกำลังหลับสนิท

 

เมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้ ดวงตาทั้งคู่ของฉินซางก็ประกายวาบ สายตาที่หรี่เล็กลงเบิกกว้างขึ้นช้าๆ แววตาพราวระยับ

 

หญิงสาวสัมผัสถึงสายตาวาววับของเขาได้ในทันที คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย แสงสีครามวาบผ่านในดวงตาที่มองไปทางฉินซาง ชั่วพริบตาที่สายตาของทั้งคู่สบประสานกัน แววตาของหญิงสาวพลันเลื่อนลอยไปชั่วขณะ ตอนที่เธอกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีหน้า กอดผ้าห่อตัวทารกแน่นขึ้นอีกโดยไม่รู้ตัว

 

จิตใจของดิยาร์รายังว้าวุ่นอยู่บ้างเลยไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ จึงกล่าวกับหญิงสาวคนนั้นว่า “เหมยอิง เย่ฉงล่ะ? ทำไมเขาไม่มาพร้อมกับเจ้า ดูท่าเจ้าเพิ่งจะออกไฟล่ะสิ?”

 

เหมยอิงเซไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะยิ้มพลางกล่าวว่า “เขาน่ะเหรอ ช่วงนี้กำลังฝึกพลังยุทธ์อย่างหนัก ข้าก็เลยมาเอง ท่านอาจารย์ ลูกของเราอายุครบเดือนแล้ว คงต้องรบกวนท่านช่วยอวยพรให้เขาหน่อย” พรจากจอมเวทเป็นการคุ้มครองทารกเกิดใหม่ที่ดีที่สุด ยิ่งจอมเวทระดับสูงเท่าไร ทารกเกิดใหม่ที่ได้รับพรก็จะยิ่งแข็งแรงขึ้นเท่านั้น ไม่มีข้อจำกัดด้านคุณสมบัติเวทมนตร์

 

ดิยาร์ราหัวเราะลั่น กล่าวตอบเต็มปากเต็มคำว่า “ไม่มีปัญหา ข้าเคยบอกไปตั้งนานแล้วไม่ใช่รึ พอลูกของพวกเจ้ามาเกิด ข้าจะต้องอวยพรเขาให้ได้ อ้อ จริงสิ ข้าขอแนะนำเจ้าสักหน่อย ท่านผู้นี้คือนายกสมาคมคนใหม่ ท่านปรมาจารย์ฉินซางที่เดินทางมาจากฟาร์เลน” แม้จะได้พบปะคนคุ้นเคย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ลืมนายกสมาคมคนใหม่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง

 

เหมยอิงดูเหมือนจะยังไม่ลืมสายตาที่ฉินซางมองเธอเมื่อครู่นี้ จึงแค่ทำความเคารพเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ฟาร์เลนจงเจริญ สวัสดีท่านปรมาจารย์”

 

ฉินซางกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่กลับได้ยินเสียงทารกร้องไห้จ้าดังมาจากในผ้าห่อ ท่อนแขนขาวจ้ำม่ำคู่หนึ่งโผล่ออกมาจากผ้าห่อพลางโบกไปมาเบาๆ ราวกับพยายามจะดิ้นออกจากอ้อมแขนของแม่

 

คำพูดที่จ่ออยู่ตรงปากพลันหยุดชะงัก เพราะเขามองเห็นมือน้อยของทารกในอ้อมแขนเหมยอิง มือน้อยขาวนุ่มสองข้างต่างก็มีนิ้วมือเพียงสี่นิ้ว ไม่มีนิ้วก้อยทั้งมือซ้ายและมือขวา ตั้งแต่เขาปรากฏตัวที่สมาคมเวทมนตร์จนกระทั่งตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่สีหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ และระดับของการเปลี่ยนแปลงก็ทำเอาทุกคนที่อยู่ตรงนั้นใจหายวาบ

 

สาวเท้าพรวดเข้าไป ฉินซางก็มาถึงตรงหน้าเหมยอิงแล้ว ใบหน้าแก่ชราตื่นเต้นจนแดงเรื่อเล็กน้อย ยกมืออันสั่นระริกทั้งสองข้างขึ้น ลูบลงบนมือน้อยๆ ที่เนียนนุ่มดั่งต้นหอมฤดูใบไม้ผลิ และเป็นประกายสีขาวน้ำนมดั่งคริสตัลคู่นั้น การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วฉับไวของเขา มองเผินๆ ไม่เหมือนนักเวท กลับเหมือนนักรบมากกว่า

 

“ท่านจะทำอะไร?” เหมยอิงคำรามเสียงต่ำ ฝีเท้าย่างถอยหลังสองก้าวติดกันอย่างน่าอัศจรรย์ ความเร็วของฉินซางแม้ไม่ได้เชื่องช้า แต่สิ่งที่เขาลูบไปกลับกลายเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

 

ไม่ได้ไล่ตาม สายตาของฉินซางมองตามมือน้อยขาวนุ่มคู่นั้นตลอดเวลา เขายืนเหม่ออยู่ตรงนั้น แม้แต่มือสองข้างที่ยกขึ้นมาเมื่อครู่ก็ยังลืมวางลง “แปดนิ้ว แปดนิ้วโดยกำเนิด นึกไม่ถึงว่ามีผู้ที่มีแปดนิ้วโดยกำเนิดจริงๆ พรสวรรค์ นี่ต้องเป็นพรสวรรค์อย่างแน่นอน!”

 

ดิยาร์ราสะดุ้งตกใจกับภาพตรงหน้า รีบก้าวออกมาข้างหน้าหลายก้าว คั่นกลางระหว่างเหมยอิงกับฉินซาง ก่อนกล่าวอย่างร้อนรนว่า “อย่าเข้าใจผิด อย่าเข้าใจผิด ท่านปรมาจารย์ฉินซาง ท่าน นี่ท่าน...”

 

อย่างไรเสียฉินซางก็เป็นผู้วิเศษที่เลื่อนขั้นได้ไม่นาน สีหน้าบนใบหน้าค่อยๆ สงบลง หลังจากก้มหน้ามองดาวเวทมนตร์หกแฉกที่เลี่ยมด้วยโลหะมิธริลตรงฝ่าเท้าพลางครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ดวงตาก็ฉายแววลิงโลด สองมือตบเข้าด้วยกัน ท่าทางมีความสุขเหมือนกับเด็กน้อย “ฟาร์เลนจงเจริญ ดีล่ะ เอาอย่างนี้แล้วกัน”

 

เงยหน้าขึ้นสบสายตาหวาดระแวงและสงสัยใคร่รู้ของเหมยอิง ฉินซางหัวเราะเบาๆ จำต้องยอมรับว่าแม้ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยริ้วรอย แต่เสื้อผ้าและการแต่งกายที่พิถีพิถันก็ยังทำให้ดูมีสง่าราศีอย่างยิ่ง “คุณผู้หญิงเหมยอิง เจ้ามาวันนี้ เพื่อให้ลูกของเจ้าได้รับพรมนตราใช่ไหม?”

 

เหมยอิงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

 

สายตาของฉินซางเบนไปทางดิยาร์ราที่ยืนอยู่ข้างๆ พลางกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ให้ข้าอวยพรแก่เด็กคนนี้เองก็แล้วกัน”

……………………………………….

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด