ตอนที่แล้วซัพที่31: นี่นิยายข้าดังขนาดนั้นเชียวหรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่33: คำปลอบประโลมจากเด็กกำพร้า

ซัพที่32: ลูกไม้หล่น.. ไกลต้นหน่อยก็ได้


ซัพที่32: ลูกไม้หล่น.. ไกลต้นหน่อยก็ได้

จินหลงรีบแกล้งทำเป็นไม่เห็นเหวินหลงยืนอยู่ด้านหลัง เขารับหันกลับมามองเสด็จแม่ที่กำลังปลื้มปริ่ม

“เหตุใดทั้งเสด็จแม่และเสด็จพ่อถึงได้ดูตื่นเต้นกับนิยายข้านัก” จินหลงถามคำถามที่คาใจ

“เจ้าไม่รู้อะไรเลยหรือจินหลง นิยายของเจ้านั้นเป็นที่นิยมมากในวังหลัง ผู้ใดที่ยังไม่อ่านก็เปรียบเสมือนอยู่หลังเขา” ออ แปลว่าหากเสด็จแม่ได้อ่านทุกเรื่องเป็นผู้แรก ก็สามารถไปคุยโม้ได้สินะ

“แล้วเสด็จแม่พอจะช่วยตระกูลอู๋ได้หรือไม่?” จินหลงพากลับเรื่องเดิม ก่อนจะวกไปไกลกว่านี้ กุ้ยเฟยถอนหายใจ

“ดังที่แม่ว่า ครั้งนี้ฮองเฮาวางแผนรัดกุมยิ่งนัก หากต้องการช่วยตระกูลอู๋ทั้งตระกูลคงเป็นไปมิได้ แต่หากช่วยเพียงอู๋เจียงสงคงพอมีทาง” จินหลงตาเป็นประกาย จ้องเสด็จแม่ตาใส

“ทางใดหรือเสด็จแม่ ได้โปรดบอกข้าที!” จินหลงทำหน้าตาออดอ้อน ทว่ากุ้ยเฟยยังคงนิ่ง

“แต่เจ้าคิดดีแล้วหรือ ที่จะช่วยเจียงสงเพียงผู้เดียว” เด็กชายเอียงคอไม่เข้าใจ

“ทำไมล่ะ นอกจากเสี่ยวเหมยแล้ว จินหลงก็มีเพียงเจียงสงที่เป็นเพื่อนเล่น” เจ้าตัวแสบยังไม่หยุดกดดัน งัดมุกเสี่ยวเหมยขึ้นมาเล่นกับเสด็จแม่บ้าง

“...อย่างน้อยเจ้าก็พูดจาเป็นผู้เป็นคนขึ้นบ้าง” เสด็จแม่หลอกด่าข้าใช่ไหม?

“หากเจียงสงรอดชีวิตเพียงผู้เดียว เขาจะไม่มีบ้านที่จะให้กลับ ไม่มีคนที่รักเหลืออยู่ เจ้าคิดดีแล้วหรือ?” กุ้ยเฟยถามลูกน้อย แต่เจ้าตัวแสบไม่วายสวน

“แต่ถ้าเจียงสงรอด เขาก็จะเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้ตระกูลอู๋นะพะยะค่ะเสด็จแม่” กุ้ยเฟยนิ่งค้าง ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้นางไม่คิด เพียงแต่นางไม่คาดว่าเจ้าลูกคนนี้จะยกเรื่องนี้ขึ้นมา!

“ฝีมือเจียงสงเองก็เก่งล้ำ ข้าว่าคงอนาคตไกลแน่แท้” เจ้าตัวแสบตัวไม่วายโยนฝืนเข้าไป

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้หมายปองชีวิตตระกูลอู๋ แต่คิดว่าเจียงสงคงไม่ปล่อยมันผู้นั้นไว้แน่ เสด็จแม่คิดเห็นเช่นไรบ้างพะยะค่ะ หรือลูกจะคิดมากเกิน?” กุ้ยเฟยนิ่งเงียบ พยายามอ่านใจลูกน้อยทางสายตา พูดจาคล้ายดูดี แต่แท้จริงกลับเป็นการบอกพระนางว่า หากเจียงสงยังมีชีวิตรอด ก็จะกลายเป็นกำลังในการโค้นล้มฮองเฮา!

“แม่จะไปคุยกับเสด็จพ่อเอง”

จบ!! ฮ่าๆๆ แม่ทัพออกศึกแล้วงานนี้

 

จินหลงไม่ยอมอยู่นิ่งในตำหนักรอฟังข่าวคราว แต่กลับรั้นจะไปพบเสด็จพ่อกับกุ้ยเฟยให้ได้

ขืนรออยู่ในตำหนักมีหวังเหวินหลงได้กินหัวเขาแหงสิ

จินหลงก้าวเข้าไปในห้องทรงงานของฝ่าบาทพร้อมด้วยกุ้ยเฟยทันทีที่ได้รับคำอนุญาต ฮ่องเต้วางมือจากฎีกา เงยหน้ามองผู้มาเยือน

“ชายารัก เจ้ามีธุระอันใดหรือ เหตุใดจึงมาหาข้าในยามนี้” ฮ่องเต้ลุกขึ้นเดินมาหากุ้ยเฟย พระนางจึงทรุดตัวลงคุกเข่าคำนับ

“กุ้ยเฟย เจ้าทำอันใด รีบลุกขึ้นสิ” ฝ่าบาทย่อตัวลงพยุง แต่กุ้ยเฟยยังคงไม่ยอมลุก

“หม่อมฉันไม่ลุก หม่อมฉันไม่ลุกจนกว่าพระองค์รับปากว่าจะช่วยหม่อมฉัน” กุ้ยเฟยแสร้งทำท่าทีน่าสงสาร บีบบังคับให้ฮ่องเต้รับคำ ทั้งยังส่งสายตาไปจิกลูกน้อยให้ทำตาม เจ้าตัวแสบเห็นดังนั้นจึงรีบคุกเข่าคำนับ

“ลูกเองก็ขอร้องด้วย เสด็จพ่อได้โปรดรับฟังคำขอของหม่อมฉันด้วย” จินหลงเอาบ้าง

นี่หากเขาไม่ได้มีความทรงจำในชาติที่แล้วมาด้วย คงได้ชื่อว่าแสบเหมือนแม่แหง

“พวกเจ้าจะขอร้องอันใดเล่า ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดค่อยจาเถิด” ฮ่องเต้ยังไม่ยอมรับปาก สองแม่ลูกจึงยังไม่ยอมลุก

“ได้ๆ ข้ารับปากพวกเจ้า ทีนี้ลุกขึ้นได้แล้ว” สุดท้ายพระองค์ก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จินหลงลุกขึ้น เหลือบมองเสด็จแม่ที่ทำตัวอ่อนแอจนต้องให้เสด็จพ่อพยุง พระนางซับน้ำตาน้อยๆ

“ทีนี้ก็ว่ามาได้แล้ว พวกเจ้าสองแม่ลูกต้องการอะไรกัน เหตุใดต้องทำเป็นเรื่องเป็นราวเช่นนี้” ฝ่าบาททรงถามกุ้ยเฟยที่สะอึกสะอื้น จินหลงจึงต้องบีบน้ำตาปริ่มๆ บ้าง

“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากทูลขอชีวิตอู๋เจียงสง” พูดเพียงแค่นั้น ฮ่องเต้ก็ทำท่าจะหันหลังกลับไปนั่ง กุ้ยเฟยจำต้องรีบเกาะแขนพระองค์ไว้ ดันอกอิ่มแนบชิดท่อนแขนแกร่ง

“ฝ่าบาท พระองค์เองก็ทราบดี มีเพียงอู๋เจียงสงเท่านั้นที่ดูแลจินเอ๋อร์ได้ หากอู๋เจียงสงตาย หม่อมฉันก็ไม่รู้จะหาผู้ใดมาดูแลจินหลงได้” พระนางจงใจทำท่าทีสะเทือนใจ เสมองไปบนพื้นคล้ายหมดหนทาง

“กุ้ยเฟย เรื่องนี้วังหลังมิควรเข้ามาก้าวก่าย” ฮ่องเต้ทรงปฏิเสธเป็นนัย

“หม่อมฉันมิได้ก้าวก่าย เพียงแต่ทวงคืนความเป็นธรรมให้เด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง พระองค์เองก็รู้ว่าเจียงสงอยู่ในวัยเดียวกับเหวินเอ๋อร์ของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่อยากเห็นเขาตายไปต่อหน้า” ฮ่องเต้ทรงดึงแขนกุ้ยเฟยลง แล้วดึงมือพระนางขึ้นมากุม

“กุ้ยเฟย ข้าเข้าใจว่าเจ้าสะเทือนใจ แต่เจียงสงมิใช่เหวินหลง เขาไม่ได้มีความผูกผันใดๆ กับเจ้า” วาจานี้ของฮ่องเต้ทำให้จินหลงเห็นช่องแทรก

“แล้วกับข้าล่ะเสด็จพ่อ ข้าอยู่กับเจียงสงมานานหลายปี เจียงสงดูแลข้าราวกับเป็นพี่น้อง สำหรับข้าความรู้สึกที่มีต่อเจียงสงก็ไม่ต่างจากที่มีให้พี่รอง” ไม่อะ ต่างกันคนล่ะขั้ว เจียงสงดีกว่าเหวินหลงราวกับฟ้ากับเหว น้ำใสกับลาวา นรกกับสวรรค์

เมื่อได้ยินจินหลงอ้อนอีกคน ฝ่าบาทก็เข้าใจได้ทันทีว่าที่ลูกตัวแสบยอมกลับไปดีๆ ใช่ว่าจะยอมแพ้... แต่ไปเรียกพวก!

“ฝ่าบาทเพคะ เจียงสงยังเด็กนัก อยู่กับจินหลงทั้งวันมิเคยห่าง ย่อมไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับเรื่องกบฏ ข้าได้ยินขันทีรายงาน ทุกครั้งที่จินเอ๋อร์หนีไป ก็มักเป็นเจียงสงที่ตามกลับมาได้ หรือตามจับตัวทัน” เจ้าตัวแสบแกล้งเสมองไปทางอื่นกับวีรกรรมที่ตนก่อ

“ใช่พะยะค่ะ เจียงสงอยู่กับหม่อมฉันตลอด เสด็จพ่อเองก็เป็นคนจัดให้เจียงสงนอนห้องเดียวกับหม่อมฉันเพื่อคอยดูแลมิใช่หรือ ต่อให้เป็นเวลาที่หม่อมฉันหนีไปจากเรือน เจียงสงก็ยังมีพยานเป็นทหาร ขันที และนางกำนัลมากมาย” จินหลงพูดด้วยเหตุผล เหตุการณ์ตอนนี้หากเขางัดไม้บ้าออกมาก็มีแต่จะน่ารำคาญ ทั้งยังจะทำสถานการณ์ย่ำแย่

“ตามกฎหมายบ้านเมืองข้อหากบฏมีโทษประหารเก้าชั่วโคตร ต่อให้มีการลดหย่อน มากสุดก็เหลือเพียงสามชั่วโคตร ไม่พ้นอู๋เจียงสงอยู่ดี” จินหลงกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะสวนก่อนที่กุ้ยเฟยจะได้เอ่ยปาก

“ความดีชดใช้ความผิด หากคนผู้นั้นมีความดีความชอบ สามารถใช้ลดหย่อนโทษได้ อู๋เจียงสงมีความดีความชอบดูแลองค์ชายสี่เจิ้งจินหลงจนมีพระอาการดีขึ้น ทั้งยังมีหลักฐานพยานว่าไม่เกี่ยวข้องกับการกบฏ มีสิทธิไว้ชีวิตได้ แต่เพราะตระกูลอู๋ได้รับโทษประหารเก้าชั่วโคตร จึงมิสามารถใช้สกุลอู๋ได้อีกต่อไป” แม้กฎหมายโลกนี้จะต่างจากโลกเดิมอยู่บ้าง แต่จินหลงก็ท่องจำได้แม่นก่อนที่จะมาแล้ว ฮ่องเต้กับกุ้ยเฟยมองลูกน้องด้วยความตะลึง ไม่คาดว่าจินหลงจะพูดจาฉะฉานเช่นนี้

กุ้ยเฟยอาศัยจังหวะนี้เข้าประชิดฮ่องเต้เพื่อปิดเกม

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงเห็นแล้วใช่ไหม เพราะอู๋เจียงสงและท่านหมอเมิ่งชงหยวน จินเอ๋อร์จึงมีอาการดีวันดีคืน จนจะกลับมาเป็นคนเดิม พระองค์ทรงจะประหารเขาได้จริงๆ หรือ” สายตาและแรงกดดันรอบด้านทำเอาฮ่องเต้เหงื่อแตกพลั่ก นึกหาสาเหตุที่จะประหารอู๋เจียงสงไม่พบ จะว่าด้วยกฎหมายก็ถูกลูกตัวแสบเล่นยับ

“นะเสด็จพ่อ นะๆๆ”

 

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เจียงสงจึงถูกปล่อยตัวหลังตระกูลอู๋ถูกประหาร บัดนี้ได้แต่นั่งเหม่ออยู่แต่ในห้อง เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่แห้งสนิท จินหลงและเหล่านางกำนัลได้แต่แอบมองจากหลังประตู

“องค์ชาย พระองค์ทรงเข้าไปพูดอะไรกับคุณชายอู๋หน่อยสิ” นางกำนัลเอ่ยพร้อมกันดันองค์ชายน้อยเข้าไป

“เดี๋ยว! พวกเจ้าจะให้ข้าพูดอะไร ข้าปลอบใครไม่เป็น” จินหลงเกาะขอบประตูแน่น ไม่ยอมเข้าไปหาเจียงสง

“พวกข้าเองก็ไม่รู้จะพูดอันใดเช่นกัน มีแต่องค์ชายมิใช่หรือที่สนิทกับคุณชายอู๋” นางกำนัลยังคงดื้อดึงพลักจินหลงเข้าไปหาเจียงสง จนเจ้าตัวเล็กต้องจำใจเดินเข้าไป โดยไม่วายนึกสงสัยกับตัว

สรุปใครเป็นนายใครเป็นบ่าวกันแน่! โยนเรื่องมาให้ข้าเฉย!

“เออ..คุณชายอู๋..เจ้าโอเคไหม?” จินหลงค่อยๆ กระดึ๊บไปนั่งข้างเตียงพร้อมขวดยา แต่ไร้สัญญาณตอบกลับ เจ้าตัวแสบจึงเอื้อมมือหวังจะตบไหล่ปลอบใจ แต่ก็ถูกปัดออก

“ไม่ต้องมายุ่งกับข้า!”  เอ้า!! แล้วจะให้ปล่อยเจ้าไว้งี้ไม่กลายเป็นฆ่าตัวตายเลยหรือ

“อย่างน้อยก็ทายาหน่อยเถอะ” เจ้าตัวแสบยื่นยาให้ แต่ก็ไร้ปฏิกิริยาตอบรับ จินหลงถอนหายใจ ก่อนจะเทยาใส่มือหมายจะใส่แผลให้อีกฝ่าย

“ข้าบอกไม่ต้องมายุ่ง!!”

เพี๊ยะ!

เพล้ง!

เจียงสงตบมือจินหลงออก ทำเอาขวดยาในมืออีกข้างหลุดแตกลงพื้น จินหลงกำหมัดแน่น ดวงตาลุกวาวไปด้วยโทสะ

“พวกเจ้าออกไปนอกเรือนให้หมด ใครกล้าขัดคำสั่งข้าจะสั่งโบยไม่มีละเว้น!” จินหลงหมดความอดทนหันไปสั่งนางกำนัล เมื่อพวกนางได้ยินคำว่าโบยจากปากองค์ชาย ก็รีบกุลีกุจอหนีกันออกไปทันที เจ้าตัวแสบเดินไปปิดประตู ก่อนจะเท้าเอวมองเจียงสงอย่างไม่พอใจ

“ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจ แต่ตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรจะมีคือสติ! ต่อให้เจ้าจมอยู่กับความทุกข์ตลอดชั่วชีวิต คนตายก็ไม่มีทางฟื้น!” จินหลงตวาดเรียกสติ เจียงสงกัดริมฝีปากล่าง หันมามององค์ชายน้อยด้วยความเจ็บแค้น ดวงตาของเขามีสีแดงระเรื่อ

“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไง! ข้าเสียทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งครอบครัวทั้งคนที่ข้ารักไปหมด! ทั้งยังต้องถูกช่วงชิงทั้งชื่อแซ่ไปอีก ชีวิตข้าตอนนี้มันไม่เหลืออะไรแล้ว!” เจียงสงแผดเสียง องค์ชายน้อยจึงเดินมาข้างเตียง

“เจ้าเห็นข้าไหม?” เด็กชายขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจคนตรงหน้าหมายความว่าอะไร

“ข้าถามว่าเจ้าเห็นข้าไหม?” จินหลงถามย้ำ เจียงสงจึงพยักหน้าช้าๆ

“เห็น”

“แล้วเจ้าเห็นห้องนี้ไหม? เจ้าเห็นเตียงนี่ไหม?” จินหลงตบลงไปที่เตียงแรงๆ หลายครั้งเพื่อเน้นย้ำ

“เห็น”

“งั้นก็แปลว่าเจ้ายังมีที่ให้กลับมา ข้าไม่ได้ช่วยชีวิตเจ้าเพื่อให้เจ้ามาจมทุกข์เช่นนี้ ข้าไม่ได้ช่วยชีวิตเจ้าเพียงเพื่อให้เจ้ามาทรมานเล่น” ท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับคนล่ะคน ทำให้เจียงสงฉงนนัก

“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร เจ้ามันก็แค่เด็กสติฟั่นเฟือนเท่านั้น” โอ้โห.. โอ้โห!! นี่พูดกับองค์ชายอย่างนี้เลยเหรออออ โว้ยย นี่ถ้าไม่สนิทข้าสั่งคนลากมาตบปากแล้วนะเนี่ย

“เจียงสง ข้าไม่ได้บ้า” จินหลงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาไม่เชื่อถือ

“ข้าไม่ได้บ้าจริงๆ ทุกอย่างที่เจ้าเห็นทั้งหมดคือการแสดงของข้า” เจียงสงยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่จินหลงพูด เจ้าตัวแสบหัวเสียขึ้นมา จึงใช้สองมือขยี้หัวตัวเองอย่างแรงจนฟู

“อ๊ากกก เอางี้! เจ้าไปหาข้า ไปหาเจ้าหมอกำมะลอกัน!”

 

เจียงสงกระโดดหลบมาตามเส้นทางลับภายในวัง โดยมีจินหลงนำทาง เขามองเส้นทางนี้อย่างละเอียด ทุกเส้นทางล้วนแต่เป็นเส้นทางที่เขาไม่เคยล่วงรู้

มิน่า..ถึงไม่เคยจับองค์ชายองค์นี้ได้เลยสักครั้ง

เมื่อออกมาถึงด้านนอก จินหลงจึงเดินนำเจียงสงไปยังโรงหมอ ทว่าเจียงสงกลับเดินช้านัก จนเกือบจะกลายเป็นหยุดเดิน ดวงตาของเด็กชายมองไปยังผู้คนรอบด้านด้วยสายตาทรมาน เขาไม่มีอีกแล้ว.. คำว่าครอบครัว

“มานี่” จินหลงที่รู้ความหมายของสายตานั้น จึงเดินกลับไปดึงข้อมือเจียงสงให้เดินตาม

“พระองค์จะรีบไปไหนกัน” แหม่ พอเริ่มได้สติล่ะกลับมาเรียกซะสุภาพเชียวนะ ไอ้ที่แว๊ดๆๆ  เรียกข้าว่าเด็กสติฟั่นเฟือนน่ะหายไปไหน!

ทันทีที่มาถึงโรงหมอ จึงพบหลานถิงกำลังยืนพูดคุยกับคนไข้ เจ้าตัวแสบจึงรีบเดินเข้าไปหา อาศัยจังหวะที่หลานถิงปิดการสนทนาเพื่อเข้าไปพูดคุย

“หลานถิง ท่านหมออยู่ไหน” จินหลงถาม หลานถิงจึงชี้ไปด้านบน

“ข้างบนน่ะ ให้ข้าไปตามให้ไหม?” เด็กชายถามต่อ พลางมองเจียงสงที่ยืนอยู่ด้านหลัง สายตาของเขายังจำจ้องไปยังผู้คนรอบข้างด้วยความเจ็บปวด

“ไม่ต้องอะ วันนี้คนไข้เยอะไหม” เจ้าตัวแสบถามต่อ หลานถิงจึงหันไปมอง

“อีกสามคนก็หมดแล้วล่ะ ว่าแต่..ให้ข้าไปต้มยาอะไรให้เขาหน่อยไหม ถ้าเป็นยาบำรุงล่ะก็ข้าพอจะรู้สูตรอยู่บ้างนะ” หลานถิงตอบ จินหลงจึงโบกมือปัดๆ

“ไม่เป็นไร ท่านพี่จื่อจงอยู่ที่ห้องยาใช่ไหม ข้าจะไปทักทายเขาหน่อย” คำว่าท่านพี่ที่ดังออกมาจากปากจินหลง ทำเอาเจียงสงต้องหันกลับมาสนใจ

“ใช่ ช่วงนี้ท่านหมอดูจะเคี่ยวเขาหนักเชียวล่ะ ท่านลองไปดูเองแล้วกัน” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าตัวแสบจึงตาพราว ก่อนจะลากเจียงสงไปดูหน้าคนโทรมๆ ให้เป็นบุญตา

เมื่อมาถึงห้องยา จื่อจงจึงเงยหน้าขึ้นมาจากที่บดยา ใบหน้าสดใสของเขาทำเอาจินหลงหน้าหมองไปแทน

“ไงอยู่ร์หาน วันนี้ก็มานี่หรือ?” จื่อจงทักทายตามปกติ จินหลงจึงปล่อยมือเจียงสง แล้ววิ่งไปดูจื่อจงบดยา

“อือ ข้าพาคนมาหาท่านหมอก่อนน่ะ เดี๋ยวจะพาไปที่ตระกูล” เจ้าตัวแสบตอบ โดยไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เจียงสงจะงงงวยเพียงใด

“อยู่ร์หานงั้นหรือ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด