ตอนที่แล้วSD:บทที่ 15 : มีโชค
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSD:บทที่ 17 : แล้วพิธีการก็เริ่มต้น

SD:บทที่ 16 : ให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง


SD:บทที่ 16 : ให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง

ดง เจี่ยเว่ย ชายตามองมาที่ ซู ฉิวไป่ ด้วยแววตาที่แสดงความเสียใจอย่างมาก ขณะที่เธอทำได้แต่อดทนต่อความรู้สึกไม่สบายใจนี้เอาไว้ เธอจึงพูดขึ้น "ผู้อำนวยการหลี่ค่ะ ชีวิตส่วนตัวของฉัน คือการตัดสินใจของฉันเอง ถ้าคุณต้องการที่จะยุ่งกับมันล่ะก็ นั้นเป็นเรื่องของคุณค่ะ”

“น่าเสียดายจังนะครับ คุณครูดง อย่าโทษผมล่ะกันที่คุณไม่รู้จักรับข้อเสนอดี ๆ อย่างนี้เอาไว้ เอาเป็นว่า เดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกัน”

จากอีกด้านหนึ่งของสาย ผู้อำนวยการหลึ่ได้แต่โกรธ ดง เจี่ยเว่ย เป็นอย่างมาก เสียงที่เขาตอบกลับมานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ฉันไม่มีอะไรที่ต้องซ่อนค่ะ ลาก่อน”

เธออดไม่ได้ที่จะพูดดังกล่าวก่อนจะตัดสายทันที ณ ตอนนี้ เธอรู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย

สำหรับ ซู ฉิวไป่ เขาค่อนข้างเข้าใจมากว่าเกิดอะไรขึ้นแค่จากการฟังจากฝั่งของเธอ อย่างไรก็ตาม มันไม่เหมาะสมสำหรับเขาเท่าไรนักที่จะซักไซ้เพิ่มเติม เนื่องจากเขายังไม่ได้สนิทกับเธอถึงเพียงนั้น

บรรยากาศเริ่มแรกของห้องนั่งเล่นที่เคยชวนให้สบายใจ ทว่าบัดนี้หลังจากการรับโทรศัพท์ กลับชวนให้หายใจไม่ออกเสียมากกว่า

“ขอโทษนะคะคุณซู หากไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก ฉันขอตัวลาก่อน โปรดอย่าลังเลที่จะโทรหาฉันถ้ามีอะไรที่ฉันสามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือคุณนะคะ”

ดง เจี่ยเว่ย พูดขณะยืนขึ้น เธอยังคงซาบซึ้งในน้ำใจของคนขับรถเป็นอย่างยิ่ง

“นี่คุณต้องไปแล้วเหรอ” ซู ฉิวไป่ ถามขึ้นเบา ๆ ชัดเจนเป็นอย่างมากว่าเขาลังเลที่จะปล่อยหญิงสาวไป

ดง เจี่ยเว่ย แม้จะดูเหมือนว่าจะตกในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่กลับเธอฉีกยิ้มให้เขาทันที นัยน์ตาสวยของเธอใสเหมือนน้ำบาดาลบริสุทธิ์ “ก็ฉันไม่มีทางเลือกนี่ค่ะ ฉันยังต้องทำงาน ฉันลาไว้เฉพาะตอนเช้าเพื่อที่ฉันจะได้มาที่นี่...”

“ถ้าอย่างนั้น... เดี๋ยวผมไปส่งคุณล่ะกัน บังเอิญว่าผมก็ยังต้องทำงานเหมือนกัน”

ซู ฉิวไป่ เริ่มยิ้มแล้วตั้งแต่ขณะที่เขาช่วยยกกระเป๋าถือของ ดง เจี่ยเว่ย

เจียเว่ยจึงรู้สึกเขินอายมาก แต่ ซู ฉิวไป่ เองก็กำลังวางแผนที่จะออกไปข้างนอกและหาลูกค้า พวกเขาทั้งคู่ลงไปชั้นล่างด้วยกัน หลังจากที่คนชับรถทำตัวเองให้สดชื่นขึ้นและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อขึ้นแท็กซี่ไปได้ ซู ฉิวไป่ รู้จากที่ ดงเจี่ยเว่ย เคยบอกไว้ ว่าเธอทำงานที่โรงเรียนมัธยมต้นหยูเฉิง ซึ่ไม่ไกลจากบ้านของเขาเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังต้องใช้เวลาขับรถนับสิบนาทีกว่า

ทั้งคู่คุยกันตลอดการเดินทาง จนในที่สุดหญิงสาวก็ยอมอธิบายให้คนขับรถฟัง ถึงสถานการณ์อันยุ่งยากของเธอในตอนนี้กับผู้อำนวยการหลี่ หลังจากที่ถูกเขาถามบ่อยครั้งเข้า

หากจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เรื่องทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ผู้อำนวยการคนนั้นพยายามจะจีบ ดง เจี่ยเว่ย มาตั้งนมนานแล้ว ซึ่งสาเหตุก็คงเป็นเพราะความงามของเธอ รวมถึงมาจากความจริงที่ว่าเธอมาจากครอบครัวธรรมดาที่ไม่ได้ร่ำรวยนัก ด้วยความที่ตัวผู้อำนวยการหลี่เองก็ไม่ใช่คนดีอะไร และน่าจะมาจากนิสัยส่วนตัวของเขาเองด้วย เมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล ผู้อำนวยการหลี่ได้หันไปใช้ไม้แข็งแทน เขาพยายามข่มขู่และล่อลวงเธอด้วยเงินอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ปฏิเสธเขาเสียทุกครั้ง

คืนก่อนหน้านี้เอง เขาเรียกร้องให้ ดง เจียเว่ย ไปดูหนังกับเขา แต่เมื่อเขาไปถึงสำนักงานของเธอ ดง เจี่ยเว่ย นั้นได้กลับบ้านไปตั้งนานแล้ว

ความอับอายของผู้อำนวยการหลี่ได้เปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น เขาเก็บความเกลียดชังไว้ในใจตลอดทั้งคืน ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะโทรหาและข่มขู่เธอ

ในฐานะที่ ซู ฉิวไป่ มีประสบการณ์ทำงานเป็นคนขับแท็กซี่มาหลายปี เขาก็ได้เป็นพยานเห็นพฤติกรรมเช่นนี้ตลอดเวลา ทันทีที่เขามีผู้โดยสารขึ้นรถแท็กซี่มา เขาสามารถบอกได้อย่างแม่นยำว่าพวกเขาแต่งงานแล้ว  หรือว่ากำลังแอบมีความสัมพันธ์คบชู้อยู่ เพียงแค่เขาเหลือบมองสังเกตซักเล็กน้อยเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ส่วนตัวเลยเชียว

อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับรู้สถานการณ์ทำนองเดียวกันมาหลายครั้งแล้ว ความจริงก็คือ เขาไม่สามารถที่จะช่วยเหลือหรือแนะนำพวกเขาได้เลย ที่สุดแล้ว สิ่งเดียวที่เขาทำได้ ก็คือการทำตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดีให้ผู้อื่น

ซู ฉิวไป่ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานภาพครอบครัวของ ดง เจี่ยเว่ย จากการสนทนากันก่อนหน้านี้แล้ว แม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อเธอยังเด็ก ดังนั้นพ่อของเธอจึงต้องเป็นคนที่เลี้ยงดูเธอมาโดยตลอด ปัจจุบันพวกเขาอาศัยในบ้านเช่า และดิ้นรนประทังชีวิตด้วยเงินเดือนครูของเธอที่มีไม่กี่หมื่น

ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เหตุใดผู้หญิงสวย ๆ เช่นเธอถึงได้ใส่แต่ชุดทำงานตลอดเวลาล่ะ เขาเดาว่าเธอคงจะไม่มีเงินเหลือมากพอที่จะซื้ออะไรที่ไม่จำเป็นอย่างเสื้อผ้าใหม่

ถึงอย่างนั้นก็ตาม แม้จะต้องอยู่อย่างมัธยัสถ์ ดง เจี่ยเว่ย เธอกลับยังคงพยายามมอบเงินออมทั้งหมดของเธอให้กับ ซู ฉิวไป่ เพียงเพื่อขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตพ่อของเธอ อีกทั้งเธอยังคงแข็งแกร่งแม้ในขณะที่เผชิญกับการกดขี่และการยั่วยุจากผู้อำนวยการหลี่

นั่นจับใจของ ซู ฉิวไป่ มาก เขาพลันตระหนักได้ว่าผู้หญิงคนนี้ล้ำค่าเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเห็นรอยยิ้มอันจริงใจ และความจริงจังในนัยน์ตาของเธอ

ดง เจี่ยเว่ย ต้องการที่จะจ่ายค่าโดยสารให้กับ ซู ฉิวไป่ ที่เขาอุตส่าห์มาส่งเธอที่โรงเรียน แต่คนขับรถแน่นอนว่าเขาปฏิเสธที่จะยอมรับมันอย่างเด็ดขาด

ในขณะที่ทั้งคู่เอาแต่เถียงกัน เนื่องจากความดื้อรั้นของทั้งคู่ที่จะยอมรับการช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ทันใดนั้น โทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้นมาอีกครั้ง

ในตอนแรก ดง เจี่ยเว่ย คิดว่าคนที่โทรมาคงเป็นผู้อำนวยการหลี่อีกแล้ว แต่หลังจากที่เธอเหลือบมองชื่อผู้โทรที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอแล้ว เธอก็ตกใจที่เห็นว่ามันเป็นสายจากครูใหญ่ของโรงเรียน!

เธอรีบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เสียงจากคู่สายแสดงความร้อนรน “อาจารย์ดง ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนแล้ว การประชุมแลกเปลี่ยนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว! การเตรียมตัวของคุณเป็นอย่างไรบ้าง”

เมื่อได้ยินคำถามของครูใหญ่ ดง เจี่ยเว่ย ตอบทันที “ส่วนหน้าที่ของดิฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ฉันแจ้งนักเรียนทุกคนแล้ว พวกเขาจะมาถึงสถานที่ตรงเวลาแน่นอนค่ะ”

“นี่คุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่! ใครมอบหมายให้คุณรับผิดชอบเรื่องการแจ้งเตือนนักเรียน หน้าที่ของคุณคือการรับผิดชอบต่อการแปลภาษา!”

ทันใดนั้นอาจารย์ใหญ่ก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความกระวนกระวาย ดง เจี่ยเว่ย มึนงงไปชั่วครู่ เธอเริ่มจะกังวลแล้ว “ครูใหญ่ค่ะ นั่นเป็นไปไม่ได้! ฉันแน่ใจว่าความรับผิดชอบของฉันคือการแจ้งให้นักเรียนมาถึงสถานที่ตรงเวลา! ส่วนเรื่องการแปล…”

เมื่อเธอพูดไปได้ผ่านไปครึ่งทางครูใหญ่ขัดจังหวะ “ไร้สาระ นี่คุณไม่ได้อ่านประกาศงานที่มอบให้ครูทุกคนเหรอ มันระบุไว้อย่างชัดเจนว่าคุณเป็นผู้รับผิดชอบการแปล ซึ่งนั่นเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการประชุมแลกเปลี่ยนนี้นะ! คุณครูดง อย่าบอกนะว่าคุณพึ่งจะรู้เรื่องนี้เอาตอนนี้”

ครูใหญ่แทบจะคำรามใส่เธอด้วยซ้ำ

ดง เจี่ยเว่ย ยิ่งรู้สึกประหม่ายิ่งขึ้น “ครูใหญ่ค่ะ ฉันไม่ทราบจริง ๆ ประกาศภาระงานไม่ได้ส่งมาถึงฉันเลย ผู้อำนวยการหลี่เองที่เป็นโทรมาบอกฉันว่า…”

ขณะที่เธอพูดถึงผู้อำนวยการหลี่ เธอก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดในทันทีทันใด ใบหน้าของเธอซีดเผือกแสดงว่าทั้งหมดนี่คือการแก้แค้นของเขา ไม่แปลกใจเลยที่เขาตั้งใจโทรมาเตือนฉันก่อนหน้านี้…ตอนนี้ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว! นี่เป็นเพียงแผนการแก้แค้นของผู้อำนวยการหลี่!

“ผู้อำนวยการหลี่โทรหาคุณเหรอ ตอนนี้เขาอยู่ข้างฉันผม เขายืนยันเป็นการส่วนตัวกับผมเลยว่าประกาศภาระงานถูกส่งถึงคุณ! คุณครูดง การประชุมแลกเปลี่ยนจะเริ่มขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมง ผมต้องการเห็นล่ามมางานนี้ภายในยี่สิบนาที ไม่อย่างนั้นคุณจะโดนไล่ออก!”

อาจารย์ใหญ่พูดอย่างเร่งรีบด้วยน้ำเสียงโกรธจัด ก่อนที่เขาจะวางสายทันที

ดง เจี่ยเว่ย นั่งนิ่งในที่นั่งผู้โดยสาร เธอรู้สึกสับสนกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

นี่ฉันต้องหาล่ามแล้วพาไปที่สถานที่จัดงานภายในยี่สิบนาที ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องถูกไล่ออก

เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ยี่สิบนาที…เพื่อค้นหาล่ามมืออาชีพ! และเราต้องรีบไปที่สถานที่จัดงานอีก... นี่มันเป็นไปไม่ได้ชัด ๆ !       

ด้วยความคิดสุดท้ายนั้น ตาของ ดง เจี่ยเว่ย เริ่มจะแดงขึ้น พร้อมกับที่เธอเริ่มร้องไห้

"มันสายเกินไปที่จะโทรหาล่ามตอนนี้แล้วเหรอ?”

ซู ฉิวไป่ ได้ยินถ้อยคำทุกคำจากโทรศัพท์อย่างชัดเจน เขาเริ่มกังวลหลังจากที่ได้เห็น ดง เจี่ยเว่ย ร้องไห้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเริ่มครุ่นคิดหาวิธีช่วยหญิงสาว

“มันสายเกินไปแล้ว! ถึงจะหาล่ามได้ แต่ยังไงก็ไปยังสถานที่จัดงานไม่ทันอยู่ดี!”

น้ำตาของหญิงสาวไหลนองหน้า ด้วยเหตุผลที่อธิบายไม่ได้ มันทำให้หัวใจของเขาแทบสลาย

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้เลย เขาจะทำหน้าที่เป็นล่ามในการประชุมแลกเปลี่ยนด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินของเขาได้อย่างไร ในระหว่างการสอบวิชาภาษาอังกฤษในตอนที่เขายังอยู่ชั้นป.สี่ เขาทำได้แต่ตอบคำถามทุกข้ออย่างมั่ว ๆ และส่งข้อสอบก่อนเวลา โดยที่ยังไม่จบข้อสอบฟังด้วยซ้ำ ตั้งแต่นั้นมา เขาก็เกลียดวิชาภาษาอังกฤษมาตลอด

เดี๋ยวสิ... ทำไมจะเขาจะช่วยไม่ได้ล่ะ ถึงแต่ก่อนภาษาอังกฤษของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำมันในตอนนี้ไม่ได้

ซู ฉิวไป่ พลันนึกแผนดี ๆ ขึ้นมาได้ เขาไม่ยอมปล่อยให้เสียเวลาอีกต่อไป จึงรีบเปิดระบบการนำทางในจิตของเขาขึ้น เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เขาเจอหมวดทักษะภาษาอังกฤษในทันที

เผื่อไว้ก่อน งั้นเพิ่มไปยี่สิบแต้มเลยล่ะกัน

วะฮะฮ่า! ตอนนี้เขาพร้อมสำหรับทุกอย่างแล้ว!

“ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวผมไปสถานที่จัดงานพร้อมกับคุณเอง ถ้าตอนนี้ล่ะก็ เราจะยังทันเวลาอยู่!”

ซู ฉิวไป่ จ้องมองอย่างอ่อนโยนไปที่ ดง เจี่ยเว่ย ก่อนจะกุมมือของหญิงสาวไว้อย่างแผ่วเบา เพื่อหวังจะทำให้ใจเย็นลงได้บ้าง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น

ดง เจี่ยเว่ย ยังคงสับสน เธอชงักไปเมื่อได้ยินคำพูดของชายตรงหน้า และสงสัยเหลือเกินว่าความเศร้าเสียใจของเธอในตอนนี้ทำให้เธอฟังคำพูดเขาผิดไปรึเปล่า

“คุณ...เป็นล่ามได้เหรอค่ะ”

หญิงสาวรู้ว่านั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก จึงเอ่ยถามเขาขึ้นอีกครั้งอย่างตะกุกตะกัก แม้ในโรงเรียนเธอจะมีนักเรียนที่เก่งระดับหัวกะทิอยู่หลายคน แต่ก็ยังไม่มีใครที่เก่งพอที่จะเป็นนักแปลได้เลย ไม่อย่างนั้นโรงเรียนคงไม่สั่งให้เธอจ้างล่ามจากภายนอกโรงเรียนหรอก!

“นี่ผมดูไม่เหมือนนักล่ามหรือไง เดี๋ยวคุณจะได้เห็นเองทีหลัง ถึงยังไงคุณก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อใจผมอยู่แล้วในตอนนี้”

ถึงแม้ ซู ฉิวไป่ จะยังถูกสงสัยในเรื่องความสามารถที่จะเป็นล่าม แต่เขาก็คงยิ้มให้เธออย่างหนักแน่น

ดง เจี่ยเว่ย เช็ดน้ำตาของเธอและถามเขาครั้งสุดท้ายอย่างจริงจัง “คุณทำได้จริงเหรอ?”

เขาจับมือเธออย่างมั่นคง ก่อนที่จะพยักหน้าและตอบว่า “เชื่อผมสิ!”

หลังจากนั้น ดง เจี่ยเว่ย ได้ทำการตัดสินใจที่เสี่ยงที่สุดในชีวิตของเธอ เธอนำคนขับแท็กซีที่เธอเพิ่งพบเมื่อตอนเช้าของวันนั้นเองมาที่สถานที่จัดงาน เพื่อทำหน้าที่เป็นล่ามสำหรับการประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างจีนและนานาประเทศ

เธอรู้ดีว่าความคิดนั้นช่างอุกอาจเพียงใด แต่ก็อย่างที่ ซู ฉิวไป่ พูดไว้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากจะต้องเชื่อในตัวเขา! ทั้งคู่ออกจากรถแท็กซี่ วิ่งเข้าไปในโรงเรียน และรีบไปยังสถานที่จัดงาน พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะพูดถึงเรื่องอื่นระหว่างทาง

พวกเขามาถึงประตูทางเข้างานโดยที่แทบจะหมดลมหายใจ พร้อมกันนั้น มีชายหนุ่มในชุดสูทออกมาต้อนรับพวกเขา

“ครูดง นี่คุณไม่เหรอว่าคุณเป็นคนที่ต้องจ้างล่ามแปลมา ตอนนี้ครูใหญ่แทบจะเป็นบ้าไปแล้ว!”

“สถานการณ์ตอนนี้เป็นไงบ้างคะ ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าที่นี่ไหม แล้วนี่เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ก่อนที่การประชุมจะเริ่ม” หญิงสาวรัวถามคำถามอย่างรวดเร็วให้ชายในสูท ขณะที่เพิกเฉยต่อคำถามของเขา

“คุณยังมีเวลาสิบนาทีก่อนที่มันจะเริ่ม ทุกอย่างพร้อมแล้ว สิ่งเดียวที่เราต้องการตอนนี้คือล่ามแปล”

ชายหนุ่มคนนี้คือ อู๋ กัง เพื่อนร่วมงานที่ลึก ๆ แล้วต้องการอยู่ในแผนกเดียวกันกับ ดง เจี่ยเว่ย เขาแอบเหล่มองไปที่การแสดงออกทางสีหน้าของหญิงสาวหลังจากที่เขาตอบกลับ

ในความเป็นจริง เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาแอบออกจากสถานที่จัดงาน คือเขารู้อยู่แล้วว่า ดง เจี่ยเว่ย เพิ่งค้นพบว่าเธอเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาล่าม และเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะหาคนมาทันเวลา! แม้ว่าระดับภาษาอังกฤษของเขาจะไม่ได้ดีมาก แต่เขาก็พอจะรู้อยู่บ้าง และน่าจะเป็นล่ามแก้ขัดไปก่อนได้

ถ้าเป็นอย่างงั้น เจี่ยเว้ยก็คงสำนึกบุญคุณฉัน ใช่มั้ยล่ะ แล้วเธอจะตกเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว...

เขารู้สึกว่าการตัดสินใจร่วมมือกับแผนการของผู้อำนวยการหลี่ที่คิดแก้แค้น ดง เจี่ยเว่ย นั้นเป็นโชคดีของเขาจริง ๆ แต่เดิมแล้ว เขาเป็นคนรับผิดชอบการจัดหานักแปล แต่ในนาทีสุดท้ายเท่านั้นที่ผู้อำนวยการหลี่ติดต่อกับเขา แล้วทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในประกาศภาระงาน

อู๋ กัง เผลออมยิ้มเบา ๆ แม้ ดง เจี่ยเว่ย จะไม่ทันสังเกตเห็น แต่ ซู ฉิวไป่ เห็นมันเต็มสองลูกตาของเขาเลย

ให้ตายสิ นี่เราทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชายนะ นี่คิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอว่านายวางแผนอะไรอยู่! นี่มันดูถูกสติปัญญาของเขาชัด ๆ

ทั้งสามคนยังคงนิ่งเงียบ อู๋ กัง มั่นใจมากว่า ดง เจี่ยเว่ย ต้องการความช่วยเหลือของเขา สำหรับคนที่ยืนสวมเสื้อกั๊กอยู่ข้าง ๆ เธอ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงแค่คนขับรถแท็กซี่เมื่อดูจากชุดของเขา!

แต่ทำไมคนขับรถแท็กซี่ถึงจะตามเธอไปถึงหน้างานเลยล่ะ

อู๋ กัง มีเวลาสงสัยเพียงเท่านั้น ก่อนที่ครูใหญ่โรงเรียนและผู้อำนวยการหลี่จะเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา