ตอนที่แล้วDC บทที่ 18: กลิ่นหอมที่ทิ้งไว้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDC บทที่ 20: ดอกหยางพิสุทธิ์

DC บทที่ 19: วิถีสู่สวรรค์แท้จริงเส้นทางเดียว


ซูหยางเปิดประตูและลูกค้าคนที่ห้าก็ดิ้นรนออกจากห้องด้วยท่าทางโซเซราวกับคนเมา

เมื่อบรรดาหญิงสาวด้านนอกเห็นสภาพของเธอ พวกเธอฝืนกลืนน้ำลายอย่างตกใจ

“นี่คนที่ห้าแล้ว...หรือว่ากลเม็ดของเขาจักดีปานนั้น”

“เพียงแค่ดูอาการบนใบหน้าของพวกเธอขณะที่เพิ่งออกมาทำให้ข้ารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกาย...”

“ใครคนต่อไป เร็วเข้า เรามิมีเวลาทั้งวันที่นี่”

บางคนเริ่มร้อนรนจากการรอคอย เพียงเห็นใบหน้าเปี่ยมสุขจากผู้รับการนวดจากซูหยางยิ่งทำให้เธอคันหัวใจ อยากให้ถึงตาตัวเองในบัดดล

ส่วนผู้ที่ผ่านฝีมือของซูหยางมาแล้ว บ้างก็ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องที่เตรียมไว้ด้วยว่าพวกเธอยังเดินไม่ไหวและบางคนถูกเรียกไว้ตอบคำถาม

“เป็นเช่นไรบ้าง”

“มันเหมือนอยู่..เหนือโลก.. เหมือนกับล่องลอยสู่ดวงดาราท่ามกลางธาราน้ำนม...” (*ธารน้ำนม คืออีกชื่อหนึ่งของทางช้างเผือก)

“ถ้ามีสเกลวัด 1 ถึง 10 มันควรจักได้สักกี่คะแนน”

“สเกล ข้าจักวัดด้วยสเกลได้เช่นไร มันลึกซึ้งเกินจะวัดได้”

เกิดความโกลาหลในสถานที่นั้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักทุกคนก็คันคะเยอทั้งใจอยากลองกลเม็ดของซูหยาง

ชั่วโมงกว่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ซูหยางบำบัดลูกค้าได้มากกว่าสิบคน อย่างไรก็ตามคิวด้านนอกไม่ได้หดสั้นลงแม้แต่น้อย กลับกันมันยิ่งยาวขึ้นกว่าเดิม

ซูหยางเลิกคิ้วมองดูคิวด้านนอกบ้าน มันมีไม่ต่ำกว่าสามสิบคนยืนรออยู่ พวกเธอมาจากไหน เขาจำได้ว่าเขาไม่ได้พาพวกเธอมาจากลานฝึก

คำตอบอื่นที่เขาพอคิดออกก็คือ เพราะพวกเธอรู้จักสถานที่นี้จากลูกค้าคนอื่น

“ข้าต้องแก้ไขบางอย่าง...” ซูหยางหยุดบริการสองสามนาทีเพื่อตั้งป้ายไว้ข้างบ้าน

ป้ายถูกแขวนไว้บนประตูหน้าบ้าน เขียนว่า “ซูหยางการนวด วิถีสู่สวรรค์แท้จริงเส้นทางเดียว 10 แต้มรางวัลต่อการบริการ”

หลังจากมองดูป้ายอย่างพึงใจ ซูหยางก็กลับไปบริการลูกค้าต่อ

24 ชั่วโมงผ่านไปตั้งแต่ซูหยางแขวนป้ายไว้หน้าบ้าน แต่ว่าคิวด้านนอกบ้านยังอยู่เช่นเดิม นับแต่ศิษย์พี่น้องเก้าคนของตำหนักโอสถได้สัมผัสกับกลเม็ดของซูหยาง พวกเธอก็เริ่มกระจายชื่อเขาไปทั่วเขตศิษย์นอก แม้ตอนแรกผู้คนจะสงสัยแต่เมื่อหลายคนเริ่มกระจายข่าวเดียวกันก็ยิ่งง่ายที่ผู้อื่นจะเชื่อถือบริการของซูหยาง

บางคนมารับบริการจากซูหยางก็เพราะว่าความสงสัยและบางคนก็มาเพื่อความสุขแท้จริง แน่นอนว่าทุกคนที่เข้าไปในห้องซูหยางต้องออกมาด้วยความสดใหม่ราวกับเพิ่งเกิดใหม่

สองวันหลังจากนั้น ซูหยางรับสาวสวยทุกประเภทเข้าสู่ห้องด้วยรอยยิ้มต้อนรับและแทบไม่ได้พัก

สุภาพสตรีแสนสง่าเอวบางเพียงหยิบมือบั้นท้ายกลมกลึง หญิงที่เติบโตเต็มสาวทรงโตเปี่ยมเสน่ห์วัยสาว แม้กระทั่งเด็กหญิงที่ยังเติบโตไม่เต็มสาวไม่อาจเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ ทุกคนล้วนเข้ามาหาซูหยางเพื่อรับรู้ฝีมือของซูหยาง

เมื่อถึงจุดหนึ่ง ชื่อเสียงของเขาก็รับรู้ไปถึงศิษย์ในบางคน

อย่างรวดเร็วนอกบ้านซูหยางพลันครึกครื้นด้วยลูกค้าหลายโหลหัวเราะหยอกล้อกันในแถวต่างคาดหมายถึงประสบการณ์ที่ตนเองจะได้รับ ราวกับเป็นแหล่งรวมดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้สถานที่ยิ่งคล้ายกับตลาดมากกว่าที่จะเป็นที่พักของใครบางคน

ในวันที่สี่แทบทุกคนในเขตศิษย์นอกต้องได้ยินเรื่องฝีมือการนวดอันศักดิ์สิทธิ์ของซูหยางไม่ว่าพวกเขาจะชอบหรือไม่ ตั้งแต่หมูหมากาไก่ไปจนถึงผู้อาวุโสนิกายพวกเขาต้องได้ยินบรรดาศิษย์พูดถึงประสบการณ์ของตนเองกับซูหยางเมื่อไรก็ตามที่เดินออกมานอกบ้าน

“ซูหยาง นั่นมิใช่ศิษย์นอกปัญญาอ่อนนั่นรึ ทำไมสาวแก่แม่ม่ายพูดถึงแต่เรื่องเขาไปทั่ว” เหตุการณ์ผิดปกติในเขตศิษย์นอกเป็นเหตุให้ผู้อาวุโสนิกายต้องใส่ใจซูหยางมากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตามยิ่งมีคนพูดถึงเขาก็ยิ่งมีข้อกังขามากขึ้น ทำไมบางคนเช่นซูหยางผู้มีชื่อเสียงน่าขยะแขยงของหลายคนพลันกลายเป็นที่นิยมในนิกายโดยไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร ศิษย์หญิงแทบทุกคนจะต้องพูดถึงแต่เขา ส่วนบางคนที่ยังไม่ได้รับรู้ถึงฝีมือของเขา พวกเธอจะต้องพูดถึงเขาในไม่ช้าก็เร็ว

“บรรดาศิษย์ข้ายังพูดถึงเขามิหยุดวันก่อน พวกเธอล้วนหัวเราะคิกคักราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งกลับมาจากสวนสนุก...”

“ศิษย์เจ้าด้วยรึ ศิษย์คนเดียวของข้าเอาแต่เหม่อมองท้องฟ้าทั้งวันขณะที่รำพึงชื่อเขานับตั้งแต่เธอไปยังบ้านเขาเมื่อสองวันก่อน..”

“คู่ฝึกของบรรดาศิษย์ข้าบ่นให้ข้าฟังว่าเทคนิคของพวกเขาทำให้พวกเธอพอใจมีิได้เลย...”

“ยังมีศิษย์ชายหลายคนพยายามไปหาเรื่องที่ที่พักของซูหยาง แต่พวกเขาล้วนถูกขับไล่ก่อนจักถึงประตูบ้าน...”

“นี่ค่อนข้างเป็นปัญหา หือ...พวกเราควรทำเช่นไร หยุดการทำธุรกิจของเขาไหม”

“มิใช่ความคิดที่ดี นั่นต้องเกิดจลาจลขึ้นแน่ถ้าธุรกิจของเขาถูกบังคับให้ปิด”

“ไอ้หยา..งั้นเราควรทำเช่นไรดี”

บรรดาผู้อาวุโสต่างพากันขุ่นเคืองกับสถานการณ์ แต่พวกเขาไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรดี

“หรือว่าพวกเราไปขอให้จ้าวนิกายหญิงช่วย”

“ไม่ ไยต้องรบกวนเจ้านิกายหญิงในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ มิได้เด็ดขาด พวกเราควรรอนานอีกนิดแล้วดูว่าผลจักออกมาเป็นเช่นไร”

พักใหญ่บรรดาผู้อาวุโสจึงตกลงกันได้

“เช่นนั้น พวกเราก็ถอยสักก้าวและคอยสังเกตดู เช่นไรก็ตามถ้าเรื่องออกนอกลู่นอกทางพวกเราก็ต้องเข้าไปยุ่ง”

ภายในห้อง ซูหยางมองไปยังป้ายหยกในมือ

“5,514 แต้มรางวัลหลังจากสี่วันอันยาวนาน ถ้าเป็นเช่นนี้ข้าคงตายเพราะหมดแรงก่อนจักได้รับดอกหยางพิสุทธิ์...” แขนเขาปวดเมื่อยและนิ้วชาด้าน

แม้ว่าเขาเคยทำงานโดยไม่หยุดพักมาก่อน แต่ว่าร่างมนุษย์ตอนนี้ไม่สามารถรับภาระของการใช้ฝีมือระดับนี้ได้ตลอดเวลา

ซูหยางมองไปด้านนอกหน้าต่าง ที่นั่นยังมีกว่า 50 คนเข้าแถวรออยู่

หลังจากไตร่ตรงสักพัก เขาตัดสินใจออกไปด้านนอกเพื่อประกาศเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

“ด้วยมีความต้องการมาก ข้าตัดสินใจเปลี่ยนราคาจาก 10 แต้มรางวัล เป็น 100 แต้มรางวัล นอกจากนี้ข้ายังรับเพียง 25 คนต่อวัน นับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป”

การเปลี่ยนแปลงเป็นเหตุให้หลายคนขมวดคิ้ว

“พวกเรารออยู่ด้านนอกนี่ตั้งชั่วโมงกว่า และเจ้ายังต้องการเปลี่ยนราคาในทันใด นี่มิมีเหตุผล”

“ใช่แล้ว ข้ามีมิถึง 100 แต้มรางวัล ถึงข้ามีข้าก็มิยอมเสียมันเพราะการนวด มิว่ามันจักรู้สึกดีเพียงใด”

แถวคิวหดสั้นอย่างรวดเร็วเมื่อผู้คนพากันจากไป

ทันใด บางคนถาม “ซูหยาง เมื่อเจ้าเพิ่มราคา บริการของเจ้าเพิ่มขึ้นไหม”

ซูหยางผงกหัวและพูดว่า “แน่นอน เวลาก็จะเพิ่มจากสิบนาทีเป็นสามสิบนาที และข้ารับประกันให้ด้วยว่าปราณหยินของเจ้าจักเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นหลังบริการ”

“อะไรนะ ปราณหยินจักเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นด้วย เป็นไปได้ด้วยรึ”

บรรดาศิษย์นิกายต่างไม่เชื่อถือเขา ในที่สุดแล้วมีเพียงยาและวัตถุล้ำค่าเท่านั้นที่สามารถเพิ่มปราณหยินหรือปราณหยาง ถ้าหากมีเคล็ดที่เพิ่มปราณหยินหรือปราณหยางในร่างเช่นนี้จริง คนที่มีเคล็ดเช่นนั้นคงเป็นเทพเจ้าแล้ว

“จักเป็นไปได้หรือไม่นั้นเจ้าจักรู้เมื่อได้ลอง” ซูหยางพูดไร้อารมณ์ เขายังเพิ่มเติมว่า “ข้าขอโทษกับความไม่สะดวก แต่วันนี้จบเพียงเท่านี้ กลับมาพรุ่งนี้เช้าถ้าต้องการใช้บริการ”

หลายคนที่ยืนหน้าบ้านต่างตกตะลึง ถึงแม้ว่าพวกเธอเข้าใจว่าเขาต้องการพักหลังจากทำงานต่อเนื่องมาหลายวันไม่ได้ปิด พวกเธอยังรู้สึกโกรธขึ้งในใจ

“ซูหยางนี่ช่างหน้าด้านและยะโส เพียงแค่มือดีหน่อยก็คิดว่าสามารถทำอะไรก็ได้แม้กระทั่งหยาบคายกับลูกค้า ฮึ่ม ข้าเสียเวลาที่นี่ไปเปล่าๆ ข้ามิมาอีกแล้ว”

“ข้าด้วย”

“ไปเถอะ”

บางคนกระทืบเท้าจากไปอย่างโกรธแค้น และหลายคนถอนหายใจ

อย่างรวดเร็ว บ้านซูหยางกลายเป็นรกร้างและเงียบสงัด

อย่างไรก็ตามแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกับซูหยาง เขากลับเข้าไปด้านในเพื่อพักผ่อนเพราะเขาจะต้องเจอศึกหนักนับแต่นี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด