ตอนที่แล้วบทที่18: หงซาเถียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่20: ต่างคนต่างเรื่องราว

บทที่19: ไป่หลงสิ้นใจ


บทที่19: ไป่หลงสิ้นใจ

“คุณชายใหญ่ ขะ เขาไม่หายใจแล้วครับ” บ่าวคนหนึ่งเอ่ยเสียงสั่น งักหลิวมองไปที่ร่างของไป่หลงซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ตรงพื้น คล้ายกำลังครุ่นคิดตัดสินใจ

ทันใดนั้นมีบ่าวอีกคนวิ่งเข้ามาในคุกศิลาท่าทางร้อนรน

“คุณชายใหญ่ครับ อาเจ๋อไปเชิญเจ้าเมืองมาถึงเรียบร้อยแล้วครับ”

งักหลิวฟังแล้วคล้ายนึกบางสิ่งออก ริมฝีปากเรียวยิ้มร้ายก่อนที่บอกบ่าวทั้งสองคน

“แบกศพมันแล้วตามข้าออกมา” สิ้นคำ คุณชายใหญ่ก็เดินนำทั้งสองออกไปจากคุกศิลาที่มืดทึบและเหน็บหนาว

......................................

“พี่ชายเจ้าตายแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นรบกวนสมาธิของไป่ยู่

“ยังเหรอ เขายังไม่ตาย” ไป่ยู่ตอบคำ ขณะที่ใช้นิ้วที่เปื้อนเลือดเขียนอักขระลงบนพื้นคุก

“แต่เขาไม่หายใจแล้ว ข้าเห็นกับตา เขาตายแล้ว เมื่อครู่นี้เอง”

“เขายังไม่ตาย คนที่ตายไปแล้วคือท่านต่างหาก คุณชายรอง” ไป่ยู่หยุดมือจากสิ่งที่ทำแล้วหันมาเผชิญหน้ากับวิญญาณของงักเจียงที่บัดนี้กำลังยืนอยู่ในคุกศิลาที่ขังไป่ยู่ไว้

“ข้าตายแล้ว... จริงๆ อย่างนั้นเหรอ”

วิญญาณพูดคล้ายรำพึงกับตัวเอง ร่างของเขาโปร่งแสงและหม่นหมอง มีโลหิตออกทั้งจากดวงตา จมูก ใบหูและริมฝีปาก รอยฝ่ามือเลือดตรงกลางอกดูจะจมลึกกว่าตอนที่ไป่ยู่เห็นจากสภาพศพ คล้ายมันฝังแน่น ผูกติดกับวิญญาณมากกว่าที่ตาเห็น

“ท่านรู้ไหม ใครฆ่าท่าน?” ไป่ยู่ถามตรงประเด็น

“ไม่รู้ ข้ายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองตายไปแล้ว ก่อนนี้ที่โต๊ะอาหาร หลังจากพี่ใหญ่สลบไป ข้าก็เห็นเจ้าสลบตามแล้วหลังจากนั้นก็เป็นข้าที่หมดสติ พอรู้ความอีกที ข้าก็มายืนอยู่ที่กลางสวนตรงห้องพักของพี่ชายเจ้า ข้าได้ยินเสียงเจ้ากับพี่ใหญ่ข้าโวยวายใส่กัน ก่อนที่เขาจะใช้กาน้ำชาฟาดศีรษะเจ้าจนสลบไป ข้าพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีใครมองเห็นข้า ไม่ว่าจะพูดกับใคร ก็ไม่มีใครคุยตอบ ราวกับว่า... ข้าเป็นวิญญาณ จนกระทั่งข้านึกได้ ว่าเจ้ามีข่าวลือเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับ ข้าจึงมาหาเจ้าที่นี่”

ไป่ยู่ถอนหายใจ หลายครั้งที่วิญญาณคนตายจะมีความทรงจำสับสน หรือผูกติดอยู่กับเพียงความคิดเดียวก่อนตาย เช่น ห่วงหา อาฆาตหรือไม่ก็โศกเศร้า ส่วนมากจะเป็นความรู้สึกไปในทางแง่ลบ

ที่หนักหน่อยคือวิญญาณที่อยู่มานานอย่างงักหลอ บิดาของงักเจียงซึ่งในโลกมนุษย์เกินควรจนร่างวิญญาณเปลี่ยนไป หากไม่ทำการสวดส่งไปให้สู่สุคติโดยเร็ว เขาอาจกลายเป็นผีร้ายหรือพวกปีศาจไปเสีย

ในกรณีของงักเจียงตอนนี้ถึงจะพูดคุยโต้ตอบได้อย่างดี แต่ก็ไม่ช่วยอะไรในเมื่อเขาไม่มีความทรงจำตอนโดนฆ่าตาย ไป่ยู่หันไปเขียนอักขระที่พื้นต่อ งักเจียงยังคงยืนอยู่เช่นนั้น

“ข้าควรทำยังไงต่อไป?”

“สิ่งที่ท่านควรทำคือไปสู่ปรโลกก่อนที่จะกลายเป็นผีร้าย”

“ไปยังไง ข้าต้องทำยังไง”

“หมดห่วง ท่านต้องตัดกิเลสอารมณ์ทั้งหมดที่มีกับโลกนี้ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข แล้วท่านจะได้ไปในโลกของท่าน”

งักเจียงฟังแล้วนิ่งคิด

“แต่ข้ายังไม่หมดห่วง เจ้าจะช่วยข้าได้ไหม?”

พริบตาที่งักเจียงถาม ไป่ยู่หยุดมือจากการเขียนอักขระตรงพื้น คนตายที่เพิ่งกลายเป็นวิญญาณเพิ่งสังเกตว่าที่อีกฝ่ายเขียนมีลักษณะวงเวททางไสยศาสตร์ อยู่ๆ เกิดกลุ่มหมอกก้อนสีดำมืดลอยออกมาจากวงเวทนั่น งักเจียงผงะถอยรู้สึกได้ถึงอันตราย

“ข้าจะช่วยท่าน แต่ท่านต้องเล่าทุกเรื่องที่รู้ให้ข้าฟัง หลังจากที่ข้าจัดการกับสิ่งนี้จนเสร็จสิ้น” ไป่ยู่ตอบก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วใช้สองมือของตัวเองยื่นเข้าไปในหมอกสีดำนั่น

งักเจียงเห็นหมอกสีดำกัดกินผิวเนื้อของไป่ยู่ สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จนงักเจียงที่แม้จะกลายเป็นวิญญาณไปแล้ว ยังรู้สึกสะพรึงกลัวไปด้วย

............................................

ภายในห้องโถงรับรองแขก หงซาเถียนนั่งรอคุณชายใหญ่อย่างหงุดหงิด เพราะตั้งแต่มาถึงนี่นับเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วยามแล้วที่ต้องรออยู่เช่นนี้ บ่าวคนหนึ่งเดินเอาถ้วยน้ำชามาวางให้เป็นครั้งที่สาม เจ้าเมืองปกติเป็นคนอดทนสูง แต่ครั้งนี้รู้สึกใจเย็นไม่ไหวจริงๆ

“เมื่อไหร่เจ้านายของเจ้าจะออกมาเสียที!”

บ่าวคนนั้นสะดุ้งทำถ้วยชาตกแตก นางมีสีหน้าหวาดผวาก่อนจะหลั่งน้ำตา ซาเถียนตกใจไม่น้อย

“เจ้าเป็นอะไร โดนลวกหรือไง หรือเศษถ้วยมันบาด ข้า ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเสียงดัง”

“นางกำลังกลัว” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ก่อนที่งักหลิวจะเดินเข้ามาในห้องโถง

“นางกำลังกลัว? สิ่งใด?” ซาเถียนหันไปถามเพราะห่วงใยแม้จะเป็นกับบ่าวที่ไม่รู้จัก ตามวิสัยของคนเป็นเจ้าเมือง

“กลัวบทลงโทษ มันผู้ใดทำทรัพย์สินภายในบ้านเสียหายจะต้องโดนโบยสิบไม้และหักเบี้ยเพื่อชดใช้”

ซาเถียนอยากบอกว่าเหลวไหลกับการลงโทษที่รุนแรง แต่รู้ดีว่าบ้านไหนบ้านนั้นย่อมมีกฎเฉพาะที่ไม่ควรก้าวก่าย

“ข้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้นางทำถ้วยหลุดมือ ข้าชดใช้เอง”

“ได้สิ นั่นถ้วยชาที่จักรพรรดิประทานให้สกุล มูลค่านับไม่ได้ แต่หากให้ตีราคา ขั้นต่ำคงอยู่ที่หนึ่งแสนตำลึง”

ซาเถียนหน้าซีด งักหลิวยิ้มร้าย

“แต่เห็นแก่ที่ท่านอุตส่าห์มาตามคำเชิญ ครั้งนี้ข้ายกให้” คุณชายใหญ่สั่งให้บ่าวออกไป นางรีบเก็บเศษถ้วยแล้ววิ่งออกไปจากห้องโถง สักพักบ่าวสองคนแบกร่างใครคนหนึ่งเข้ามาด้านใน

“งักเจียงน้องชายข้า โดนฆ่าตายอย่างอนาถ นี่เป็นคนที่ฆ่าเขา ให้ท่านนำศพไปจัดการที”

ซาเถียนให้มือปราบคนหนึ่งไปเปิดเสื่อที่คลุมร่างนั้นไว้ เมื่อเปิดออกจึงได้เห็นร่างซีดขาวไม่หายใจของไป่หลง

“เจ้าฆ่าเขาเช่นนั้นเหรอ!”

“อย่างกล่าวหากัน ข้ารู้ดีว่าบ้านเมืองมีกฎหมาย มันผู้นี้เพราะได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตน้องสาวข้า จึงได้รับอนุญาตให้มาพักฟื้นรักษาบาดแผลจากการที่โดนหมีทำร้าย ไม่นึกว่ามีสันดานโจร คิดเนรคุณ วางยานอนหลับใส่ในน้ำชาแล้วปล้นสมบัติของตระกูล น้องรองข้าต้องโดนมันฆ่าตาย แต่มันบาดเจ็บสาหัสทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงตายไปเอง นี่เป็นเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น”

ซาเถียนคิดถามหาหลักฐาน แต่รู้ดีว่ายังไงงักหลิวก็คงให้พวกบ่าวเป็นพยานไม่สามารถเอาผิดได้แน่นอน

“เขาบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เขาลงมือคนเดียวอย่างนั้นเหรอ”

งักหลิวชะงักไปครู่หนึ่งในใจนึกถึงไป่ยู่ แต่เขามีแผนที่จะจัดการกับคนผู้นั้นอยู่แล้วจึงมดเท็จออกไป

“ใช่ มันผู้นี้กระทำการคนเดียว”

“ข้าได้ยินว่าคุณชายเล็ก งักโยวหายตัวไป”

“ใช่ ที่ข้าตามท่านมา นอกจากจะให้นำศพโจรชั่วผู้นี้ไปจัดการ ข้ายังต้องการให้ท่านช่วยตามหาน้องชายคนเล็กของข้า อย่างที่รู้ เขาสติไม่สมประกอบ ไม่อาจขยับตัวไปไหนได้ไกลโดยลำพัง ข้าเชื่อว่ามันผู้นี้เป็นคนลักพาตัวเขาไปซ่อนก่อนที่จะตาย ข้าให้บ่าวตรวจหาทั้งหมดทั่วพื้นที่ของคฤหาสน์แล้ว ทว่าไม่พบ จึงเชื่อว่าน้องข้าน่าจะถูกพาเข้าไปในป่าต้องห้าม”

“เจ้าว่ามันผู้นี้บาดเจ็บสาหัส”

“ใช่”

“มันผู้นี้ฆ่าน้องรองของท่าน”

“ใช่”

“มันผู้นี้พาน้องเล็กของท่านไปซ่อนในป่า”

“ใช่”

“ทั้งที่สุดท้ายมันบาดเจ็บสาหัสจนตาย อยากทราบว่าท่านจับกุมมันได้ที่ใด?”

“หากท่านจะเอาเวลามาเสียเพื่อจับผิดหรือหาความเป็นไปได้ว่ามันทำได้ยังไง ข้าตอบได้แค่ว่าไม่รู้และไม่สนใจ สิ่งที่ข้าต้องการคือตามหาน้องชายให้เจอ หากเจ้าจะเบี่ยงประเด็น ไม่ช่วยเหลือ ก็บอกมา ข้าจะได้ร้องเรียนไปที่เบื้องบนให้ชาวบ้านได้รู้กันว่าเจ้าทำงานเช่นไร พวกเขาจะได้รู้ว่าเจ้าซื่อสัตย์มีคุณธรรมอย่างที่ชอบกล่าวอ้างไหม”

ซาเถียนสูดหายใจลึกพยายามอย่างยิ่งที่จะกดอารมณ์ไว้ รู้สึกมีความโกรธพลุ่งพล่านอยู่ในอก แต่ก็ต้องอดทน

“ได้! เดี๋ยวยามสายข้าจะระดมกำลังเพื่อเข้าไปตรวจสอบภายในป่าแล้วเรื่องอื่น เราค่อยว่ากัน กลับ!” คำหลังซาเถียนหันไปบอกกลับลูกน้อง สองคนในจำนวนนั้นช่วยกันแบกร่างของไป่หลงกลับอำเภอตามคำสั่ง

“เชิญ ข้าไม่ส่งนะ” งักหลิวพูดตอบ รู้สึกพึงพอใจที่กำจัดร่างไป่หลงไปได้ ตอนนี้เหลือแค่จัดการกับไป่ยู่ รวมถึงงานศพของน้องรอง แต่ก่อนอื่นต้องหาตัวงักโยวให้เจอเสียก่อน

 

............................................

 

“ทั้งหมดก็เป็นอย่างที่ข้าเล่าให้ฟัง สกุลข้าถึงจะเป็นสกุลมีชื่อ แต่ไม่ได้มีจำนวนคนมากมายอะไร สองในหกคน อย่างท่านย่ากับงักโยวก็ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายกับใคร ความสัมพันธ์ในบ้านอาจจึงไม่ได้ซับซ้อน” งักเจียงกล่าวหลังจากที่ หมอกสีดำนั่นหายไปราวกับมันถูกดูดเข้าไปในร่างของไป่ยู่

ท่าทางของคนที่มีชื่อว่าจอมเวท ไม่สู้ดีนัก แต่ก็ไม่ได้แย่เท่ากับตอนที่กำลังปล่อยให้หมอกสีดำกัดกินผิวเนื้อของตน เขานั่งหลับตาคล้ายกำลังฝึกสมาธิ

“ไม่ซับซ้อน นั่นอาจเป็นความคิดของท่านเพียงฝ่ายเดียว”

“หมายความว่ายังไง”

“ท่านรู้ไหม คนที่ดื่มน้ำชาใส่ยานอนหลับ สลบไปนานเท่าใด

“ไม่รู้”

“แค่ครึ่งชั่วยาม”

“แล้วทำไม”

“มันหมายความว่า คนที่กระทำจะมีเวลาเพียงครึ่งชั่วยามในการฆ่าท่าน ลักพาตัวงักโยวและใส่ร้ายท่านพี่ไป่หลงด้วยการนำเลือดไปป้ายใส่มือ จากสถานที่เกิดเหตุที่ข้าสังเกตเมื่อคืนตอนเกิดเรื่อง ข้าวของไม่เคลื่อนย้าย สิ่งของไม่สูญหาย ทางเดินไม่เปรอะเปื้อน”

“เจ้าต้องการจะบอกอะไร” งักเจียงสีหน้าเป็นกังวล

ไป่ยู่ลืมตาขึ้นมองร่างวิญญาณของอีกฝ่าย

“คนที่ฆ่าท่านเป็นคนในคฤหาสน์นี้ ถ้าไม่ใช่บ่าว ก็คือคนที่นั่งล้อมโต๊ะทานข้าวด้วยกัน” ไป่ยู่กล่าวเสียงราบเรียบ รู้ดีว่าข้อสงสัยนี้ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายแค่ไหน

“ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ” งักเจียงแม้เถียงแต่คำพูดที่โต้กลับมากลับเบาราวกับร่างวิญญาณของเขาในตอนนี้

“ยังไงการตามหาความจริงก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ข้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้และตราบใดที่ยังเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีทางรู้ความจริง ท่านต้องเป็นคนไปสืบข่าว มาให้ข้า ตามดูทุกคนว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันบ้าง”

“ตกลง”

“อีกเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะขอร้อง ช่วยข้าดูที ว่าคุณชายใหญ่ นำร่างของพี่ไป่หลงไปที่ไหน”

“ได้ แล้วข้าจะรีบกลับมา”

งักเจียงตอบรับก่อนที่ร่างวิญญาณของเขาจะจางหายไป ไป่ยู่หลับตาลงอีกครั้ง รู้สึกถึงมวลหมอกสีดำที่แล่นพล่านอยู่ภายในกาย

.............................

 

ทันทีที่ก้าวเข้าสู่เมืองหัวอัน เฉินหลินก็ทักขึ้นมาทันที

“ถึงหัวอันแล้ว ข้าว่าเราคงต้องแยกจากกันแล้ว ขอบคุณนะที่ให้ข้าขี่ม้ามาถึงที่นี่”

“คุณหนูกล่าวหนักไปแล้ว ไม่ต้องเกรงใจๆ อีกอย่าง ข้าว่าเราควรจะไปกินอาหารกันเสียหน่อย นี่ก็เที่ยงแล้ว ท่านอาจยังต้องเดินทางอีกไกล เดี๋ยวจะหมดแรงเสียก่อน”

“ไม่เป็นไรๆ ข้าไม่หิว” จบประโยคเสียงท้องของเฉินหลินร้องดัง จนหานตงต้องเบี่ยงหน้าไปกลั้นหัวเราะอีกทางเพื่อไม่ให้เสียมารยาท โจวหม่าจงยิ้มเล็กน้อย

“คุณหนูอย่าได้เกรงใจ ให้โอกาสข้าได้เลี้ยงท่านสักมื้อ ถือเสียว่าตอบแทนเศรษฐีหม่าที่ช่วยเหลือชาวบ้านให้พ้นจากทุกข์โศกหลังเกิดเรื่องผีไร้ร่าง ยกเว้นเพียงว่าคุณหนูจะมองข้าไม่คู่ควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับท่าน”

“ไม่นะ ไม่ใช่เช่นนั้น ข้า ข้าก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่ได้มีศักดิ์หรือฐานะอะไร ท่านหม่า เอ่อ ท่านพ่อบุญธรรมก็ยังไม่ได้รับข้าเป็นลูก ข้าก็ไม่ต่างจากชาวบ้านสามัญหรอก อีกอย่างข้าแค่กลัวว่าจะรบกวนท่านเปล่าๆ ที่พาข้าร่วมท่านมาด้วยก็ทำให้เสียเวลาเดินทางไปมากแล้วนี่ยังจะมาเลี้ยงอาหารอีก ข้าไม่อยากเป็นภาระน่ะ”

“ทั้งข้าและหานตงไม่ได้คิดเช่นนั้นเลยสักนิด คุณหนูโปรดวางใจ ธุระของข้าสองคนไม่ได้เร่งรีบอะไรขนาดนั้น ทานข้าวร่วมกันสักมื้อ ไม่นับว่าเสียเวลาเท่าใดนัก”

เฉินหลินจนด้วยคำพูดของหัวหน้ารองมือปราบโจวหม่าจง จึงพยักหน้ารับ ทั้งสามเดินเข้าโรงเตี้ยมที่อยในบริเวณ

“คุณหนูอยากทานอะไรสั่งได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ หานตงเจ้าด้วยอยากกินอะไรก็สั่งเลย”

“ข้าขอแค่หมั่นโถวก็พอแล้วครับลูกพี่”

“แค่นั้นจะไปอิ่มอะไร”

“ข้าก็ขอแค่นั้น”

“สองคนนี้เกรงใจอะไรกัน ข้าบอกแล้วว่าเลี้ยง หรือกลัวข้าไม่มีปัญญาจ่าย”

“ไม่ใช่นะ” เฉินหลินกับหานตงประสานเสียงตอบ

“ถ้างั้นก็สั่งเลย ไม่ต้องเกรงใจ เสี่ยวเอ้อสั่งอาหารหน่อย”

“ถ้างั้นข้าขอผัดผักรวมมิตร บะหมี่สองชาม เนื้อสองชั่ง ไก่แช่เหล้า นารีแดงหนึ่งชั่ง ดื่มสุราได้ใช่ไหมครับลูกพี่” หานตงหันไปถามหม่าจง คนเป็นลูกพี่ได้แต่พยักหน้ายิ้ม

“มีปลาไหม เอาปลานึ่งซีอิ้ว ขาหมูหมั่นโถว เป็ดย่าง ขอหนังกรอบๆ นะ หอยเป๋าฮื้อ มีกระเพาะปลาไหม เอามาด้วยแล้วก็ กุ้ง! ข้าไม่เคยกินพวกอาหารทะเลเท่าไหร่ อยากกินมากนานแล้ว แล้วดื่มสุราได้ใช่ไหม งั้นเสี่ยวเอ้อ ขอไผ่เขียวหนึ่งชั่งนะ ของข้าเอาเท่านี้ก่อน”

“ลูกพี่ไม่สั่งเหรอ” หานตงทักขึ้นเมื่อเห็นหม่าจงนั่งเงียบ

“อะ เอ่อ ข้าไม่ค่อยหิวน่ะ” หม่าจงตอบเสียงสั่นกำลังคำนวณเงินในสัมภาระที่พกมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด