ตอนที่แล้วบทที่ 18 : อมันตรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 : ข่าวลือ

บทที่ 19 : การตรวจสอบ


บทที่ 19 : การตรวจสอบ

“ไวเวิร์น! ไวเวิร์นเต็มเลยค่ะแม่ ดูสิๆ” เสียงเล็กๆ สดใสเป็นประกายของเด็กผู้หญิงอายุไม่เกินแปดขวบดังขึ้นกลางฝูงชน ในบรรยากาศตื่นตาของขบวนเสด็จอันยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม แต่พร้อมๆ กันก็น่าอึดอัด ด้วยอัศวินมากมายที่เดินสอดส่ายรักษาความปลอดภัยไปทั่วทั้งหมู่บ้าน

สาวน้อยเขย่าชายกระโปรงของผู้เป็นแม้ขณะที่เงยหน้ามองไปบนฟ้าด้วยความตื่นเต้น เพราะเธอรู้จักไวเวิร์นแค่เพียงในตำราเท่านั้น ไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน ถึงแม้จะฟังดูไม่เหมือนสิ่งที่เด็กผู้หญิงชอบเท่าไหร่นัก แต่สำหรับเธอแล้วแค่ได้เห็นรูปวาดในหนังสือเธอก็หลงรักพวกมันในทันทีอย่างไม่มีเหตุผล พอได้เห็นตัวเป็นๆ มากมายเช่นนี้จึงถึงกับตาลุกวาวเป็นประกาย

“คุณน้าที่อยู่ในนั้นเป็นเจ้าของพวกมันใช่มั้ยคะ” สาวน้อยว่าพร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปที่เงาของกษัตริย์บนบัลลังก์

พลันผู้เป็นแม่รู้ว่าลูกสาวของเธอแสดงกิริยาออกมาเช่นนั้นก็รีบกดมือของเธอลงโดยเร็ว แต่ไม่ทันเมื่อชายชราซึ่งดูคล้ายจะเป็นชนชั้นสูงเดินปรี่เข้ามาพร้อมกับอัศวินในชุดเกราะติดอาวุธเต็มยศ

“ใช่แล้วล่ะแม่หนู คุณน้าคนนั้นท่านเป็นเจ้าของไวเวิร์นทั้งหมด แต่การชี้หน้าคนอื่นแบบนั้นมันไม่สุภาพนะรู้มั้ย” จอมปราชญ์ย่อตัวลงมาพูดกับเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง ก่อนที่เธอจะทำหน้าเศร้าเมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิดไป โดยไม่รู้เลยว่าแม่ของเธอตอนนี้กำลังกลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เพราะอัศวินที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ นั้นนังกุมดาบเอาไว้ในมือราวกับพร้อมจะชักมันออกมาสะบั้นคอได้ทุกเมื่อ

“เจ้าชอบไวเวิร์นงั้นรึ?” ชายแก่ถามต่อ และพอสาวน้อยได้ยินก็พยักหน้าหงึกๆ รวดเร็วเป็นคำตอบทันที จนเขาเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ ในความเดียงสาน่าเอ็นดูของเด็กสาว “อยากเล่นกับพวกมันมั้ยล่ะ หืม”

“หนูเล่นกับพวกมันได้หรอคะ” สาวน้อยถามกลับดวงตาเป็นประกาย

พอเห็นเช่นนั้นชายแก่จึงดีดนิ้วเบาๆ เรียกให้พวกอัศวินขี่ไวเวิร์นลงมาใกล้ๆ สร้างความตื่นตกใจให้แก่ผู้เป็นแม่อย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่อัศวินคนนั้นสั่งให้มันขยับตัวมาคลอเคลียลูกสาวของเธอ

ถึงแม้ว่าสาวน้อยจะหัวเราะชอบใจ แต่แม่ของเธอที่เห็นคมเขี้ยวและขากรรไกรขนาดใหญ่พอจะกลืนเด็กทั้งคนลงไปได้ในทีเดียว ก็ได้แต่กลืนน้ำลายแล้วหวังว่าไวเวิร์นตัวนี้จะเชื่องจริงอย่างที่ลูกสาวของเธอชอบและหวังว่ามันคงจะไม่ได้กำลังหิวอยู่

ชาวแก่มองเด็กสาวเล่มกับไวเวิร์นก็หัวเราะออกมาเบาๆ นึกถึงหลานสาวของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่อัศวินซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ จะตัดสินใจสะกิดเรียกเขาเพราะบัดนี้คริสตัลสื่อสารในมือกำลังส่งสัญญาณเป็นรหัสแสงกระพริบมาจากอัศวินชุดเกราะทองบนเสลี่ยงว่านายเหนือหัวของพวกเขาทั้งหมดกำลังรออยู่

ชายแก่ถอนหายใจแล้วยิ้มให้กับสาวน้อย ก่อนลุกขึ้นเดินออกไปปล่อยไวเวิร์นและอัศวินเจ้านายของมันให้อยู่เล่นกับเธอต่อ ส่วนเขาก็กลับไปทำงานที่คั่งค้างไว้ อันเป็นเป้าหมายดั้งเดิมนอกเหนือจากการมารับตัวองค์ราชีนี คือการประเมินความเสี่ยงของหมู่บ้านแห่งนี้ และเขาก็หวังว่าวันนี้คงจะไม่ต้องลบใครออกไปจากโลกใบนี้อีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หวังว่าเขาคงจะไม่ต้องลบเทรียลออกไปจากการมีอยู่ เพราะนั่นคงทำให้เขารู้สึกเศร้าไม่น้อยที่ต้องกำจัดเด็กสาวคนนั้นไปด้วย

“ใครเป็นหัวหน้าสมาคมของเทรียล” ชายแก่ตะเบ็งเสียงออกไปเรียกความสนใจจากทุกคน หลังจากที่เดินมาหยุดอยู่หน้าอาคารสมาคมนักผจญภัยที่ตอนนี้ผุพังถูกทำลาย ดูคล้ายว่าจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันก็ชายตามองไปที่หุ่นสงครามซึ่งก็กำลังยืนจ้องเขม็งมาที่เขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นกัน

และท่ามกลางบรรยากาศกดดันของเหล่าอัศวินร่วมสิบซึ่งห้อมล้อมพื้นที่บริเวณนี้เอาไว้เป็นพิเศษเพราะมีทั้งหุ่นสงครามจากบรรพกาล ทั้งช่างเหล็กยอดฝีมือ พ่อครัวชั้นเลิศและนักปรุงยาระดับสูงนั้นเองที่นักวิเคราะห์สาวชาวช่าง ตัวเล็กเท่าเด็กผู้หญิงเผ่าพันธุ์มนุษย์ยกมือแสดงตัวแล้ววิ่งออกมา

“เจ้าเป็นหัวหน้าสมาคมรึ” จอมปราชญ์ก้มลงเอ่ยถามกับนักวิเคราะห์สาว

“ปะ เปล่าค่ะท่าน... ที่เทรียลเราไม่มีหัวหน้า การตัดสินใจส่วนใหญ่มาจากการออกเสียงของเจ้าหน้าที่สมาคม แต่หลักๆ แล้วจะเป็นฉันเจ้าค่ะ” ไอน์อธิบายรูปแบบการบริหารของสมาคมแห่งนี้ซึ่งแตกต่างจากทั่วไปเล็กน้อย และมันก็ทำให้ปลายคิ้วของชายชรากระดกเบาๆ

“หืม... นั่นมันผิดปฏิญญานะ แต่ช่างเถอะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”

“เริ่ม เริ่มอะไรหรือคะ” ไอน์เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายแก่เป็นใครกันแน่ เธอรู้แค่ว่าเขาสามารถสั่งการพวกอัศวินได้ แถมรูปลักษณ์ภายนอกก็ดูทรงภูมิปัญญาน่าเชื่อถือจึงคิดว่าอย่างน้อยเขาก็ต้องเป็นคนสำคัญแน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาถามหาหัวหน้าสมาคมยิ่งเป็นการฟันธงว่าชายแก่คนนี้รู้ลำดับการต่างๆ เป็นอย่างดี

แล้วตอนนั้นเองที่จอมปราชญ์ยกตำราเล่มหนาที่สะพายอยู่ขึ้นมาถือเอาไว้ด้วยสองมือ พลางเหลือบตามองไปยังใบหน้าเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายรวมทั้งฮอรัสและเอลีอา ก่อนที่จะเปิดหน้าแรกของตำราแห่งสรรพสิ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน

ชั่วพริบตานั้นเองที่ทุกสิ่งรอบกายเกิดความเปลี่ยนแปลง ภาพของสิ่งต่างๆ เริ่มบิดเบี้ยวไปมาขณะที่ตำราในมือของชายแก่ค่อยๆ เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ด้วยตัวเองราวกับถูกลมปริศนาผัดเป่า

ทว่ามีเพียงชายแก่คนเดียวเท่านั้นที่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ผ่านการถ่ายทอดปัญญาตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาในชีวิตของชาวช่างสาวตั้งแต่แรกเกิด จนกระทั่งตำราเล่มนั้นสิ่งเปิดมาถึงหน้าสุดท้ายนั้นเองทุกสิ่งจึงกลับคืนเป็นปกติ

“อืม เจ้าดูจะเป็นนักวิเคราะห์ที่รู้เรื่องในบ้านตัวเองน้อยเหลือเกินนะสาวน้อย” ชายชราเอ่ยขึ้นมาเบาๆ หลังจากเข้าไปสอดส่องความเป็นไปในชีวิตของไอน์แล้วพบว่านางไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับบุคลากรคนอื่นๆ ในเทรียล ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะอย่างน้อยก็ตัดเธอออกจากรายชื่อเฝ้าระวังไปได้ในทันที

ขณะเดียวกัน ชาวช่างสาวที่เพิ่งถูกรีดความทรงจำทั้งหมดในอดีตออกมาโดยไม่รู้ตัวก็พลันหน้ามืดทรุดลงไป พาลให้ผู้เป็นพ่อต้องรีบบึ่งมาประคองเอาไว้ทันที

“แกทำอะไรลูกข้า!!” เขาตวาดลั่นพร้อมกับกำค้อนแน่นด้วยความเดือดดาล

แต่พอได้เห็นว่าเหล่าอัศวินที่ล้อมอยู่ไม่แม้แต่จะสนใจด้วยซ้ำว่าเขากำลังทำตัวเป็นภัยคุกคามก็ถึงกับชะงักไปด้วยสัญชาตญาณที่เตือนถึงความผิดปกติ ด้วยอัศวินทั้งหลายรู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดจะอันตรายได้เท่ากับจอมปราชญ์ซึ่งถือตำราเอาไว้ในมืออีกแล้ว

และแทนที่จะตอบคำถามของช่างเหล็ก จอมปราชญ์ผู้นั้นกลับเปิดตำราขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อเข้าถึงภูมิปัญญาและประสบการณ์ของชาวช่างผู้พ่อ

ซึ่งคราวนี้ดูเขาจะค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่ได้เห็น แม้มันจะได้น่าสนใจอะไรนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่ากูลน์ผู้นี้เคยรู้จักกับองค์ราชินีเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่องครักษ์ของราชีนีหรือความจริงคือสายลับได้รายงานให้เขาฟัง

เพียงแต่ถ้าไม่นับเรื่องฝีมือระดับสุดยอดในการตีอาวุธแบบดั้งเดิมโบร่ำโบราณ มันออกจะน่าเบื่อสำหรับคนที่เห็นชีวิตของผู้อื่นมานักต่อนักอย่างเขาไปสักหน่อยก็เท่านั้น

“งั้นต่อไปก็เจ้า...” ชายแก่เอ่ย ขณะเหลือบตามองไปทางพ่อครัวของสมาคมพร้อมกับยิ้มเป็นนัย "หรือไม่ต้อง"

ด้วยความจริงเขารู้จักพ่อครัวคนนี้ดีอยู่แล้ว เช่นเดียวกับเหล่าราชวงศ์หรือแม้แต่เหล่าผู้ปกครองทั้งห้าแห่งสภาเอกภาพ ทุกคนต้องเคยชิมสำรับของหนึ่งในยอดพ่อครัวผู้เคยได้สมญาว่าเป็นเจ้าแห่งจานอสูร

มีพ่อครัวไม่กี่คนบนโลกนี้ที่จะสามารถนำอสูรมาทำอาหารได้ เพราะนอกจากจะทำให้อร่อยได้ยากแล้วก็ยังหามาปรุงได้ยากอีก เว้นแต่จะออกไปล่ามาเอง

และในฐานะของผู้ถือครองตำราแห่งสรรพสิ่ง ได้มองโลกผ่านประสบการณ์ผู้อื่นมานับครั้งไม่ถ้วน มันก็ทำให้เขาได้ชิมอาหารฝีมือพ่อครัวคนนี้ผ่านทางความทรงจำของผู้อื่นมาแล้วเป็นร้อยเป็นพันจาน ไม่มีทางที่เขาจะจำไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจเท่านั้นว่าเหตุใดพ่อครัวระดับนี้ถึงมาหมกตัวอยู่ในสมาคมท้องถิ่นอย่างเทรียล ทั้งที่ถ้าหากจะเข้าไปเป็นพ่อครัวประจำอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์สภาเอกภาพ หรือเปิดภัตตาคารในเมืองใหญ่ๆ เป็นของตัวเองก็ทำได้สบาย

ทางพ่อครัวเองก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าชายชราผู้นี้คือพระหัตถ์ขวาขององค์ราชาและรู้ว่าตำรานั้นมีอำนาจอะไร พอได้ยินคำพูดที่ฟังคล้ายจะให้เลือกตอบได้เช่นนั้นก็เพียงแค่ส่ายหน้าออกมาเบาๆ เป็นการบอกกลายๆ ว่าไม่มีอะไรที่จอมปราชญ์คนนั้นจะต้องระวังเกี่ยวกับตัวเขา ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะอย่างไรชายชราก็ไม่ได้สนใจเรื่องของพ่อครัวผู้นี้เท่าไหร่อยู่แล้ว เพราะเป้าหมายหลักที่ก่อกวนใจเขาที่สุดรองจากเรื่องของหุ่นสงครามก็คือเอลฟ์สาวนักปรุงยาต่างหาก

จอมปราชกวาดสายตาออกไปไม่ไกลเพียงหน้าประตูสมาคมเขาก็พบกับสิ่งที่ตามหาอยู่

หมอประจำสมาคมไม่ลืมหน้าที่ของตัวเองแม้จะมีอัศวินล้อมรอบ เขาก็ยังหมั่นตรวจอาการของสองแม่ลูกอยู่เป็นพักๆ ชายชราเห็นอาการบาดเจ็บเช่นนั้นก็ถอนหายใจ เพราะรู้ว่าคนที่ทำก็คงไม่พ้นราชีนีอีกแน่นอน

เขาเดินย่ำเท้าเข้าหาร่างของเอลีอา ก่อนที่ชั่วขณะจะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากด้านหลัง เมื่อหุ่นสงครามกำหมัดแล้วเดินอ้อมข้างจากระยะห่างเป็นเชิงเตรียมพร้อมเข้าปะทะทันทีหากว่าเขาเผลอทำอะไรที่หุ่นตนนั้นเห็นว่าเป็นภัยร้ายต่อคนสำคัญของมัน

และจากที่เห็นหากวัดกันด้วยกำลังเขาไม่มีทางเอาชนะหุ่นรบตนนี้ได้แน่ หรือความจริงคือเขาเองก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีอะไรบ้างที่จะสามารถเอาชนะฮอรัสได้ด้วยกำลังกายภาพ เพราะแม้แต่ปีศาจแห่งเทมก็ยังแพ้ให้กับปีศาจแห่งเทรียลตนนี้มาแล้ว

ซึ่งก็ถือเป็นโชคดีที่ว่าจอมปราชญ์อย่างเขาไม่เคยต่อสู้ด้วยกำลังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จึงเดินกล้าเข้าหาเอลีอาอย่างไม่ลังเล แล้วในชั่วพริบตาที่เขากำลังจะเปิดตำราแห่งสรรพสิ่งนั้นเองที่ฮอรัสเปิดกลไกใบมีดที่ข้อมือแล้วตั้งท่าจะโจมตี

“อย่านะฮอรัส! ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามทำร้ายใครอีก” ดั่งคำประกาศิต เพียงสิ้นประโยคนั้นหุ่นสงครามก็หยุดกึก ยกเลิกความตั้งใจลงทันที สร้างความประหลาดใจให้กับจอมปราชญ์เป็นอย่างมาก

เพราะถึงจะรู้มาจากรายงานบ้างแล้วว่าเอลฟ์นางนี้ให้ที่พักพิงและไว้ใจหุ่นสงคราม แต่ไม่ได้คิดว่าเธอจะสามารถสั่งการเขาได้อย่างเด็ดขาดถึงขนาดนี้ พอเป็นแบบนี้เขาก็พลันเปิดตำราขึ้นต่อหน้าเอลีอาสูบเอาความทรงจำร่วมเจ็ดปีขึ้นมาดูอย่างละเอียดทันที

และเพียงหน้าสุดท้ายถูกเปิดผ่านไปเขาก็ถึงกับต้องขมวดปมคิ้ว ส่ายศีรษะแสดงสีหน้าเคร่งเครียด เพราะอดีตของเอลฟ์ผู้นี้ไม่เพียงแค่เคยเข้าไปพัวพันกับเรื่องที่ไม่ควรมีใครรู้ขององค์ราชินีเท่านั้น หากแต่นางยังกุมความลับของตำรับยาต้องห้ามอันตรายมากมาย รวมไปถึงการลักลอบปรุงน้ำอมฤตขึ้นจากดวงวิญญาณของผู้คนจนสำเร็จถึงสามหยด

อย่าว่าแต่จะนับเป็นความเสี่ยงที่ต้องกำจัดทิ้งเลย ลำพังแค่เอาข้อบัญญัติกฎหมายที่มีอยู่แล้วมาบังคับใช้นางก็ต้องโทษประหารถึงสิบสองคดีเข้าไปแล้ว

และสิ่งที่น่าตกใจอย่างเหลือเชื่อคือผู้คนรอบตัวนางนอกเหนือจากองค์ราชินีที่บงการหลอกใช้ความยึดติดของตัวนางแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เลยว่านางเคยทำอะไรเช่นนี้มาก่อน แม้กระทั่งสหายเก่าอย่างช่างเหล็กหรือลูกสาวของนางเอง ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่รู้ว่าเอลีอาเคยเอาชีวิตของผู้คนเป็นร้อยมาเซ่นสังเวยเพื่อทดลองสร้างยารักษาความชราของมนุษย์

จอมปราชญ์ผ่อนลมหายใจช้าๆ ขณะจ้องเข้าไปในดวงตาของเอลฟ์สาวที่ตอนนี้กำลังจะหมดสติไปเพราะร่างกายที่บาดเจ็บอ่อนแอ บวกกับความอ่อนเพลียจากการถูกสูบเอาความทรงจำออกมา

ชายชราส่ายหน้าพลางเหลือบตามองครึ่งเอลฟ์ เอเดลที่ก็อยู่ในเปลแพทย์ใกล้ๆ กัน ด้วยสายตาที่ยากจะบอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะละความสนใจจากสองแม่ลูกแล้วหันไปทางหุ่นสงคราม ซึ่งควรจะเป็นจุดประสงค์หลักของการมาตรวจสอบหาความเสี่ยงที่เทรียลอาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของสภา แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ความเสี่ยงที่ทำให้เขาต้องคิดหนักกลับกลายเป็นเอลฟ์สาวไปเสียอย่างนั้น

“งั้นเจ้าก็คือหุ่นสงครามที่เขาว่ากัน” จอมปราชเอ่ยขึ้นต่อหน้าฮอรัส ที่ถึงจะยกเลิกความตั้งใจในการเปิดฉากโจมตีไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงกำหมัดเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่ดี “ชื่อฮอรัสใช่มั้ย”

หุ่นสงครามไม่ตอบคำถาม เพียงแค่ยืนนิ่ง ใช้สายตาสีนิลจับจ้องอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับชายชราเลยหากว่าฮอรัสจะไม่ยอมพูดอะไร เพราะยังไงซะเขาก็แค่สูบเอาความทรงจำของหุ่นขึ้นมาดูเท่านั้นและตอนนี้ตำราสรรพสิ่งก็อยู่บนฝ่ามือของเขาแล้ว ทว่าในชั่วขณะที่เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตามณีคู่นั้นมันกลับทำให้เขารู้สึกได้ถึงความมืดมิดและประกายบางอย่างในความว่างเปล่านั้น

โดยเฉพาะตอนนั้นเองที่สายตาของเขาเหมือนถูกมนต์สะกดบางอย่าง ทำให้ต้องหันออกไปเห็นเด็กสาวซึ่งกำลังหัวเราะอย่างร่าเริงระหว่างที่อัศวินยอมให้เธอขึ้นมาขี่บนหลังไวเวิร์นด้วยกัน

“เห้อ...” ชายชราปล่อยตำราออกจากมือพลางถอนหายใจยาวเหยียด

เขาไม่รู้เลยว่าถ้าเปิดความทรงจำของหุ่นตนนี้ขึ้นมาจะต้องพบเจอกับอดีตแบบไหน แต่สิ่งที่เขารู้คือมันจะต้องกลายเป็นเหตุผลอย่างดีสำหรับใช้เพื่อลบเทรียลออกไปจากแผนที่ และเขาเหนื่อยเต็มที่กับการหลอกตัวเองว่าสิ่งที่ทำไปนั้นคือการปกป้องคนส่วนใหญ่

“นี่แม่หนูนักวิเคราะห์ ฟื้นรึยัง” จอมปราชหันไปเรียกนักวิเคราะห์สาว

“ขะ ค่ะ”

“ฟังให้ดี เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ถือเป็นอุบัติภัยที่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่มีใครต้องสูญเสียชีวิต และภายใต้พระนามของกษัตริย์ ในฐานะผู้แทนพระองค์ ข้าขอประกาศว่าสภาจะขอรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการถูกจู่โจมครั้งนี้ทั้งหมด ขอให้ทำรายงานส่งไปที่สภาภายในเจ็ดวัน” จอมปราชญ์ประกาศเสียงดัง พร้อมกับหยิบม้วนกระดาษสีดำซึ่งปั๊มตราประทับประจำพระองค์เอาไว้เรียบร้อยแล้วมายื่นให้กับนักวิเคราะห์สาว "ต้องการอะไรก็เขียนมา"

“อะ เอ๋!! ได้จริงๆ หรอคะ” ไอน์รับม้วนกระดาษนั้นมาคลี่ออกดูก็ถึงกับตาค้างอุทานด้วยความตกใจ เพราะมันคือเอกสารขอการสนับสนุนด้านทรัพยากรซึ่งยังว่างเปล่าไม่ได้เขียนจำนวนหรือสิ่งที่ต้องการลงไป แต่มีตราประทับอนุญาตโดยตรงจากสภาเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่านางจะใส่ตัวเลขเท่าไหร่หรือขออะไรก็ได้ทั้งนั้น

จอมปราชญ์ไม่ได้ตอบออกอะไรออกมาเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ชำเลืองความพิสดารของหมู่บ้านนี้ แล้วหันหลังเรียกอัศวินให้ขี่ไวเวิร์นมารับเขากลับขึ้นรายงานกับองค์ราชาถึงการประเมินความเสี่ยงของหมู่บ้านนี้ว่าเป็นบวก ไม่จำเป็นต้องโยนความผิดหรือปิดปากใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ต้องทำลายมันทิ้ง

แต่ยังไม่ทันจะไปถึงไหนเสียงของนักวิเคราะห์สาวก็ดังขึ้นมาเรียกความสนใจให้เขาต้องหันกลับไปอีกครั้ง

“ล่ะ แล้วเรื่องฮอรัสล่ะคะ... คือเขาจะเป็นยังไงต่อ” ไอน์เอ่ยขึ้นมาต่อหน้าทุกคน เพราะถึงแม้ว่าทุกคนจะยอมรับ แต่อย่างไรในฐานะนักวิเคราะห์เธอไม่อาจปล่อยผ่านความไม่ชัดเจนนี้ไปได้ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเขายังอยู่ภายใต้ภารกิจขององค์ราชินีที่ตอนนี้ก็ไปนั่งอยู่หลังม่านบนเสลี่ยงเหมือนลืมไปแล้ว

“เจ้าเป็นนักวิเคราะห์ไม่ใช่รึไงยัยหนู ปฏิญญาแห่งความเป็นหนึ่งว่าด้วยเรื่องอำนาจของสมาคม... หากส่วนกลางทำภารกิจภายในพื้นที่ของสมาคมท้องถิ่นผิดพลาด ให้อำนาจในภารกิจนั้นตกเป็นของท้องที่ทันที... องค์ราชินีล้มเหลวในภารกิจกักกันหุ่นสงคราม ตอนนี้หุ่นนั่นอยู่ในการดูแลของเทรียลแล้ว พวกเจ้าก็จัดการกันเอาเอง” จอมปราชญ์แสดงภูมิให้แก่สาวน้อยเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่บินขึ้นไปกับไวเวิร์นเตรียมนำขบวนเสร็จกลับสู่สภาเอกภาพ

ทิ้งสาวน้อยเอาไว้กับทรัพยากรจำนวนมากเท่าที่ต้องการเป็นแผ่นกระดาษในมือซ้าย และนักผจญภัยระดับอัญมณีคนใหม่ของสมาคม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด