ตอนที่แล้วบทที่ 19 วันวันของผม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 คะแนนพิศวาส

บทที่ 20 เธออยากได้แบบไหนล่ะ?


 

บทที่ 20 เธออยากได้แบบไหนล่ะ?

“อ๊ะ ภาทางนี้ ๆ” ขณะนี้นาตาเลียที่นั่งอยู่ข้างทีน่าพลันพูดขึ้น พร้อมลุกขึ้นยืนชูไม้ชูมือว่าตนอยู่ตรงนี้

“อื้อ!” ผมขานรับแล้วรีบเดินเข้าไปหานาตาเลียกับคนอื่น ๆ เมื่อวานก่อนที่ผมจะวาร์ปกลับห้อง ได้สอบถามทางมาโรงแรมที่ทีน่ากับนาตาเลียพักอยู่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ผมที่มีประสบการณ์ปั่นจักรยาน (หลงทาง) รอบเมืองจากเมื่อวาน เลยมาได้ถูกที่ไม่มีหลง นี่คือข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อคุณหลงทางในครั้งแรก ครั้งที่สองคุณจะเซียนเรื่องทิศทางยังไงล่ะ

ห๊า! ไม่ใช่หรอกเหรอ เอาน่ามันก็เหมือนกับเวลาปั่นจักรยานครั้งแรกแล้วล้มเข่าถลอกน้ำตาซึม แต่พอได้ปั่นครั้งต่อไป ก็ปั่นได้เซียนเองนั่นแหละ

จะบอกให้ว่าโรงแรมที่แม่สาวเอลฟ์นัดมาเจอน่ะนะ ตอนปั่นจักรยานเข้ามาทีแรกนึกว่ากำลังอยู่ในซ่องโจร เพราะกว่าจะเจอโรงแรมก็ต้องเข้าซอกเข้าซอยหลายต่อ เป็นสถานที่ที่มืดทึบพอ ๆ กับบาร์ลูกเป็ดน้อย อดคิดไม่ได้ว่าเอลฟ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบความมืดมนรึไงกัน ตั้งแต่บาร์ลูกเป็ดน้อยแล้วนะ

เรื่องนี้ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม นอกจากสถานที่ราชการแล้วตึกต่าง ๆ ในเมืองดันไม่มีศิลปะตกแต่งภายนอกกันเอาซะเลย แถมผังเมืองยังปั่นป่วนซอกซอยเยอะเป็นบ้า ถ้าอาคารเกือบทุกหลังมุงด้วยสังกะสีผมคงคิดว่ากำลังเดินอยู่ที่คลองเตย

แม้ภายนอกโรงแรมจะซอมซ่อเหลือทนแต่พอเขามาด้านในกลับมีสภาพดีเกินคาด มันสะอาดสะอ้านในระดับหนึ่ง ด้านในมีโต๊ะอาหารอยู่สี่ถึงห้าโต๊ะ ลูกค้านอกจากพวกผมก็มีนั่งอยู่เพียง 2 คน ใกล้ ๆ กับโต๊ะอาหารเป็นเค้าเตอร์ติดต่อพนักงาน ที่ด้านหลังมีลูกกุญแจเรียงรายเป็นระเบียบ พนักงานโรงแรมเป็นตาแก่หัวขาวในชุดชาวบ้านตัวผอมลีบท่าทางหงอ ๆ กับสาวแก่หัวฟูเป็นฝอยขัดหม้อหน้าตาไม่รับแขก บนโต๊ะไม้ยาวติดผนัง ประกอบไปด้วยอาหารหน้าตาแปลก ๆ จะว่าไปตั้งแต่มาต่างโลกก็พึ่งจะได้เห็นอาหารต่างโลกก็วันนี้แหละ ถ้าไม่นับกับแกล้มวันแรกอ่านะ ถึงจะบอกว่าแปลก แต่หน้าตามันก็ไม่ได้แย่ มันให้ความรู้สึกเหมือนมีเพื่อนพาไปกินอาหารต่างชาติที่ไม่รู้จัก บางจานก็ดูน่ากินดี แต่บางจานก็นะ...

มาถึงโต๊ะผมก็จัดการเคลียร์ค่าแรงพาลงดันของคู่หูอ้วนผอมก่อนเลย มันสองตัวจะได้รีบไปให้พ้น ๆ หน้าผมซะที ตอนจ่ายเงินผมโดนชาร์ตค่าบอสลับเพิ่มเข้าไปอีก 200 coin เพราะทีแรกไม่ได้ตกลงกันไว้ สรุปแล้ว หมดไป 400 coin ทำเอาเงินค่าแรงจากงานของทีน่าที่พึ่งไปรับจากชาล็อตมาปลิวหายไปเกินครึ่ง แต่จะว่ามันก็ไม่ได้ถ้าไม่ได้เดอนี่กับแดริลคงล้มบอสได้ยากกว่านี้ และผมก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกมันด้วย เห็นบ้า ๆ แต่พวกมันลอบกัดโคตรเก่งเลย!

“ขอบคุณที่ใช้บริการพวกเราคร้าบบบ นายท่านพ่อมด ถ้าอยากลงดันเจี้ยนอีกก็ถามหาเราได้ ถึงชั้น 5 ขึ้นไปเราจะยังไม่เซียนรู้ทุกซอกมุม แต่พวกเราก็เซียนกว่านักผจญภัยกลุ่มอื่นแน่นอนรับประกัน หุหุ” แดริลกล่าวขณะนับแบงก์ 100 ในมือ

ผมเคยบอกไปรึยังครับ เงินในโลกนี้มีระบบธนบัตรด้วย ไม่ได้เหมือนนิยายต่างโลกเรื่องอื่น ๆ ที่มีแต่เหรียญให้ลำบาก เพราะงั้นที่จ่ายไปเลยเป็นแบงก์ร้อย 4 ใบ

“ใช่แล้ว แต่พวกเราเคยลงถึงแค่ชั้น 10 ต่อจากนี้พวกเราพาไปไม่ได้แล้ว” เดอนี่พูดเสริมทั้ง ๆ ที่อาหารยังเต็มปาก จนเศษอาหารมันกระฉอกออกมาทุกครั้งที่พูด ทำเอาพวกผมสามคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอียงคอหนีแทบไม่ทัน กินให้เสร็จก่อนค่อยพูดสิ ที่บ้านเอ็งไม่เคยสอนเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารรึไงเจ้าอ้วน ถึงผมจะเป็นเด็กกำพร้าแม่ตายพ่อหายสาบสูญจนน่าจะตายไปแล้วที่ไหนสักที่ก็ยังมีมารยาทพื้นฐานนะเฟ้ย

“ไง๋งั้นล่ะ พวกนายก็ออกจะเก่งนิ” ผมล่ะอดแปลกใจไม่ได้ที่พวกมันยังอยู่แค่ชั้น 10 ทั้ง ๆ ที่เก่งขนาดนี้

“ชั้น 11 ต้องใช้เวทแต่ปาร์ตี้เราไม่มี นักเวทหายาก ต้องเป็นเผ่าพันธุ์อื่น ไม่ก็ต้องมีอาร์ติแฟคเวทมนตร์”

“เผ่าใช้เวทน่าเลือดและเราไม่มีเงินซื้ออาร์ติแฟคเวทมนตร์...”

“พวกเรากำลังเก็บเงิน...”

“เก็บมา 3 ปีวนอยู่ 10 ชั้นก็เลยเซียนมาก อิอิ รับงานเสริมพาเด็กใหม่ลงดัน เงินดีจนลืมปีนดันเจี้ยน”

“ลืมจริงจัง หุหุ ไม่ปีนแล้ว”

พวกเราคุยเรื่องดันเจี้ยนกันอยู่พักหนึ่ง หลังจากพวกมันจากไปโดยทิ้งให้ผมจ่ายค่าอาหาร ผมก็ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ อะไรของพวกมันฟะ! คุยกับพวกมันแล้วผมประสาทจะกิน บอกว่าปีนชั้น 11 ไม่ได้ก็ไม่ไปทำเควสหาเงินอัพแรงค์ตัวเองก่อนเล่า เก่งปานนี้ยังอยู่แรงค์ D แถมยังติดใจกับการปั้นมือใหม่อีก เอากับพวกมันสิ

“เอ่อ...ว่าแต่ นาตาเลีย เธอผอมลงนะเนี่ย” ผมหันทักเอลฟ์โลลิหัวม่วงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยัยนาตาเลียพอมองดูใกล้ ๆ แล้วเปลี่ยนไปเยอะเลยแฮะ

“นั่นเรียกซูบ แก้มย้วย ๆ หายไปหมดแล้ว เพื่อนข้าจะไม่เป็นไรใช่ไหมภา” ทีน่าพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง สายตามีแววกังวลชัดเจน ถึงนาตาเลียจะนำปัญหามาให้มากมายแต่เพื่อนก็ยังไงก็คือเพื่อน เธอชินแล้วกับการคอยเก็บกวาด และคอยดูแลคนไม่ระวังตัวเองอย่างนาตาเลีย

“ไม่เป็นไร ๆ เขาว่าเอลฟ์อายุยืนหลายร้อยปีนิ ที่ซูบคงเพราะเกิดมาไม่เคยถ่ายท้องล่ะมั้ง สะสมพยาธิไว้เยอะเกิน” ผมหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา คนปกติที่ไหนกินยาถ่ายพยาธิแล้วผอมลงไปเป็นกิโลได้กันเล่า สภาพนาตาเลียตอนนี้ดูเวอร์กว่าผลของยาที่เคยอ่านในเว็บไปโขเลย สภาพน่าเป็นห่วงหน้าก็ซีด ๆ อยากจะถามเหลือเกินนี่หล่อนไม่ได้ขรี้มากี่ปีแล้ว

“ข้าไม่อยากกินมันอีกแล้ว ข้าเบื่อห้องน้ำฮือออ” นาตาเลียฝุบหน้าเข้ากับโต๊ะ ส่งออร่ามืดมนออกมาจนผมและทีน่าสัมผัสได้ชัดเจน หวา ยัยเอลฟ์นี่อาการหนักเกินคาด

“วันที่สามน่าจะเบาลงแล้วละ มันออกมารึยังไอ้ตัวปรสิตอะไรนั่นอ่ะ” ผมที่เป็นตัวต้นเหตุหายาถ่ายพยาธิมาให้กิน เลยยกมือขึ้นลูบหัวม่วง ๆ ที่ฟุบอยู่กับโต๊ะเป็นเชิงปลอบ ตอนเจอกันครั้งแรกก็ตัวกระจิ๊ดเดียวสูงเลยพุงผมมานิดเดียวเอง แล้วสภาพนาตาเลียตอนนี้ถ้าให้ผมแบกก็คงแบกได้ด้วยแขนเดียวเลยมั้ง ผอมลงขนาดนี้หน้าอกที่ว่าเล็กอยู่แล้วตอนเจอกันครั้งแรก ตอนนี้กลายเป็นยิ่งกว่าไม้กระดาน ถึงว่า ทีน่าถึงเป็นห่วงขนาดนี้

“ไม่รู้ ถามมาได้ใครจะก้มดูกันละอี๋” นาตาเลียที่ฟุบอยู่ถึงขั้นเงยหน้ามาส่งสายตาขยะแขยงให้ผม “นี่มันโต๊ะกินข้าวนะ แต่คิดว่าถ้ามันออกมาแล้วน่าจะสัมผัสถึงพลังเวทในร่างได้เองแหละ”

“ตอนนี้ยังไม่ได้?”

“ก็ยังนะเซ่!”

“ถ้ายาเจ้าไม่ได้ผลล่ะ” ทีน่าที่หันมาถามเสียงเครียด ความจริงเธอค่อนข้างคาใจเรื่องยาประหลาดที่นาตาเลียกิน

“ถ้าไม่ได้คงต้องจับผ่าท้องควักไส้...” ผมที่ยังพูดไม่จบก็โดนนาตาเลียตะโกนใส่หู

“จะบ้าเหรอ! ข้าได้ตายกันพอดี มันต้องได้ผลสิ ข้ารู้สึกได้ข้ามีความอยากอาหารมากกว่า 2 วันก่อน”

“งั้น มันมีปัญหาที่ตรงไหนล่ะ วันนี้กินยารึยัง” ผมพูดด้วยสีหน้าละเหี่ยใจ

นาตาเลียเงียบไป แม้ไม่อยากกินเธอก็ต้องกินมันเข้าไป ถึงจะรู้ดี แต่ “ก็...ไม่มีปัญหา แต่ว่า ข้าไม่อยากเข้าส้วมแล้วอ่าาา!”

โธ่ถัง...เถียงมาตั้งนานสรุปคือ ผมต้องบังคับให้นาตาเลียกินยาเม็ดสุดท้าย ยัยเอลฟ์นี่ทำตัวเป็นเด็กอนุบาลไม่ยอมกินยาไปได้ แล้วไอ้ช็อตนาตาเลียงอแงไม่อยากกินยาทำไมต้องบรรยายเสียครบทั้ง 3 วันเลยห๊ะ! ไอ้ของพรรค์นี้ข้าม ๆ ไปซะก็ได้ เสียเวล่ำเวลาเอนเตอร์เทนคนดูไปเป็นชั่วโมง

“เจ้าจะกลับเลยเหรอ” ทีน่าเอ่ยทักเมื่อเห็นผมลุกขึ้นยืนหลังจากนาตาเลียหอบอุปกรณ์ยังชีพไปเข้าส้วมราคาแพง

“อ้อ วันนี้ว่าจะไปห้องสมุดสักหน่อย”

“ห้องสมุด?”

“จะเอาแผนที่ไปศึกษาดูสักหน่อย” ผมกำลังรวบรวมข้อมูลจำนวนมากเพื่อทำเควสของชาล็อต

วันนี้ตอนไปเจอเธอก็ได้คุยเรื่องเควสกันนิดหน่อย ไปกางแผนที่ของแฟรงกลินให้เธอดู เธอก็บอกว่าแผนที่ของผมละเอียดมาก เธอไม่เคยเห็นแผนที่ที่แสดงภูมิศาสตร์ดินแดนของตระกูลเธอได้ละเอียดเท่านี้มาก่อน

นอกจากนั้นชาล็อตยังบอกอีกว่าถ้าจะออกเดินทางก็ให้มาหาเธอก่อน เธอจะให้คีร่าติดตามไปด้วย เพราะคีร่าจมูกไวต่อกลิ่นพลังเวทของเทพแห่งความมืด คีร่าที่เป็นลูกสี้ยวอสูรจะช่วยผมได้มาก แล้วก่อนกลับเธอยังส่งรายละเอียดกระดาษข้อมูลของพวกสาวกเทพแห่งความมืดมาให้อีกปึกใหญ่

 

วันก่อนเธอเตรียมมันไม่ทันผมก็เลยยังไม่รู้ว่าตัวเองอ่านภาษาต่างโลกไม่ออก ตอนนี้รู้ตัวแล้วเลยขอโทษชาล็อตไปยกใหญ่ที่อุตส่าห์เขียนข้อมูลมาให้ซะเยอะแต่ผมดันอ่านไม่ออกสักตัว ถึงอย่างนั้น ชาล็อตก็ยังเป็นชาล็อตคนดี พอเธอรู้ว่าผมอ่านภาษากลางไม่ออก เธอก็แนะนำว่าให้ไปห้องสมุดประจำเมือง บรรณารักษ์อาจช่วยสอนผมได้ ผมก็เลยว่าจะไปดู ถึงจะไม่คิดว่าตัวเองสามารถอ่านมันออกภายในวันสองวันก็เถอะแต่ได้สักคำก็ยังดี

“หืมม เควสของเจ้าเมืองงั้นหรือ ให้ข้าช่วยไหมล่ะ” ทีน่าพูดขึ้น

อะไรกัน ยัยเอลฟ์นี่จู่ ๆ ก็ใจดีอยากช่วยขึ้นมาซะงั้น ขนลุกเฟ้ย เจอกันสองครั้งหล่อนลากปัญหามาให้ถึงสองครั้งให้เจอหน้าทุกวัน ไม่เอาหรอกครับ!

“ทำหน้าอะไรของเจ้ากัน ข้าก็แค่อยากตอบแทนที่เจ้ายื่นมือมาช่วยเหลือข้าเมื่อวานก็เท่านั้น อีกอย่างข้าก็ชอบเจ้ามากนะ”

“อย่ามาพูดกำกวมให้คิดเยอะสิ ตั้งแต่เมื่อวานในดันเจี้ยนแล้วนะ” ผมพูดออกมาอย่างละเหี่ยใจ ถึงทีน่าจะพูดยังไงผมก็คิดได้แง่เดียวนั่นแหละที่พูดว่าชอบอย่างนั้น รักอย่างนี้ ทีน่าก็แค่ชอบผมในฐานะแฟนคลับ ไม่มีทางที่เอลฟ์สวยเลือกได้อย่างเธอจะมาชอบคนแบบผมหรอก

“ก็เรื่องจริง ถึงจะไม่ใช่ในฐานะคนรักก็เถอะ”

นั่นไง! ดีนะที่ผมไม่หลงกลเชื่อ ไม่งั้นได้หน้าแหกชัวร์ ถ้าเผลอคิดไปเองจนถึงขั้นไปสารภาพรักเธอเข้า คงจะโดนเธอหัวเราะเยาะใส่แน่ ๆ

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ผมจะไปห้องสมุดแล้ว ถ้าอยากช่วยพรุ่งนี้...” ผมหันหน้าหนีเธอแบบเขิน ๆ ไม่กล้าสบตาเธอตรง ๆ ถึงจะรู้ว่าพี่เธอบอกรักมันไม่ใช่ในฐานะคนรัก แต่พอมีผู้หญิงสวยมาพูดคำนี้ใส่ก็อดใจเต้นนิด ๆ ไม่ได้อยู่ดี แหมถ้าโดนสาวสวยบอกชอบแล้วใจไม่เต้นคุณก็เป็นเกย์แล้วล่ะ ถึงทีน่าจะไม่ใช่สเป็ค แต่ผมมันเป็นชายหนุ่มสุขภาพดีก็เลยใจเต้นยังไงล่ะ “งั้น ถ้านาตาเลียหายดีแล้วคุณก็มาหาผมที่ห้องสมุดแล้วกัน”

พูดจบผมก็เดินหนีออกมาไม่ได้อยู่ที่นั่นต่อ ก็คนมันเขินอ่ะ

..........

“โห ห้องสมุดสมชื่อ” ตอนนี้ผมยืนอยู่ด้านหน้าห้องสมุดขนาดเล็กเท่าเซเว่น มันเป็นห้องสมุดสมชื่อด้วยขนาดที่เล็กและด้านในยังมีเพียงห้องเดียว ตรงกลางมีโต๊ะยาวไว้สำหรับหยิบหนังสือมาอ่านอยู่เพียง 3 ตัว รอบด้านรายล้อมไปด้วยชั้นหนังสือ เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นกระดาษเก่าและน้ำหมึกอบอวลไปทั้งห้อง

ผมกวาดตามองรอบหนึ่งก็เห็นทั่วห้องครบทุกซอกทุกมุม บรรณารักษ์ที่อยู่หลังเค้าเตอร์ติดประตูทางออกเป็นหญิงสาวสูงอายุหน้าตาเรียบร้อยตัวอวบ ๆ ให้ความรู้สึกใจดี

เมื่อเห็นเธอผมก็สาวเท้าเดินเข้าไปทักทันที “สวัสดีครับ”

“โอ๊ะ สวัสดีพ่อหนุ่ม อยากได้หนังสือเกี่ยวกับอะไรหรือ” เธอละสายตาออกจากการเขียนหนังสือขึ้นมามองผม

“เอ่อคือ มีคนแนะนำมาว่าถ้าอยากอ่านหนังสือออกให้มาหาคุณ คุณช่วยสอนให้ผมได้ใช่ไหมครับ”

“ได้สิ แล้วเธออยากได้แบบไหนล่ะ แบบที่หนึ่ง เรียนแบบธรรมดา ค่าเรียน 100 coin ต่อเดือน เรียนตั้งแต่พื้นฐาน เรียนทุกวันวันละ 2 ชั่วโมง แบบที่สอง เรียนแบบใช่เฉพาะกิจ 500 coin เธอจะอ่านออกสำหรับคำศัพท์เฉพาะที่ต้องการภายใน 1 สัปดาห์ แบบที่สาม ค่าเรียน 1500 coin ใช้อาร์ติแฟคแล้วจะอ่านออกทันทีเลย ถ้าหากเธอจนแนะนำให้ไปหาเรียนเอาเอง” บรรณารักษ์สาวสูงวัยส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้เป็นการตบท้ายโปรขายของ

ผมรู้แล้วล่ะ ทำไมชาล็อตแนะนำให้มาหาเธอทั้ง ๆ ที่มีเวลาทำเควสไม่ถึง 30 วัน แค่จ่ายเงินก็อ่านออกทันทีนี่มันจะโกงไปแล้ว ทำไมโลกเราไม่มีอะไรแบบนี้มั่งนะ อีกอย่าง ถ้าแค่จ่ายเงินแล้วอ่านออกไอ้เทพเจ้าสูงสุดเนิฟผมทำไมฟะ!

(เนิฟ เป็นศัพท์เกม หมายถึงการลดความสามารถของบางสิ่งลง เพี่อให้ตัวเกมมีความสมดุลขึ้น)

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด