ตอนที่แล้วตอนที่ 16 ตำนาน และ ผู้ต้องสงสัยที่กลับมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 18 เบาะแส

ตอนที่ 17 เกลี้ยกล่อม


 

ตอนที่ 17 เกลี้ยกล่อม

 

เจ้าสำนักก็ทำคิ้วตกกล่าวว่า…

“ลองคิดดูสิ ถ้าเจ้าอุรามิเกิดปลดผลึกเพกัสได้ขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น”

“พวกมันก็ต้องสู้กันน่ะสิ”

ลินจิฟังคำตอบของชุนก็ยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง แล้วร้อง “ฮึ” ออกมา

จากการต่อสู้ครั้งก่อน เขาสัมผัสได้ว่าอุรามิไม่ใช่ปีศาจสมองกลวง หมอนั่นเป็นจอมวางแผน เจ้าเล่ห์เพทุบายมีทั้งลูกล่อลูกชน และปรารถนาที่จะพัฒนาร่างของตนอย่างไม่หยุดยั้ง

“คุณชุนนี่ไม่มีจินตนาการเลยนะครับ ถ้าอุรามิได้ครอบครองเพกัสขึ้นมา ต่อไปคงรับมือได้ยาก หมอนั่นเป็นคนฉลาด คงไม่ฆ่าเพกัสทิ้งให้เปล่าประโยชน์แน่”

“อืม”

แม้ชุนจะรู้ตัวว่าถูกหลอกด่าว่าไร้หัวคิด แต่ก็ตัดสินใจเลิกต่อความ เพราะเรื่องที่ลินจิพูดคือความจริง

“เอ่อ…”

เจ้าสำนักทำตาหยีเป็นเส้นตรง ลากเสียงยาวเรียกทั้งสองให้หันมา จากนั้นจึงกล่าวต่อ

“ตอนแรกข้าคิดอยู่แล้วว่าจะรบกวนท่านชุนสักหน่อย ฟ้าช่างลิขิตเหลือเกินที่เจอท่านระหว่างเดินทางกลับ แถมยังได้พบท่านเทพ โชคดีเหลือเกิน พวกท่านต้องช่วยแก้ปัญหานี้ได้แน่”

ชุนได้ยินเจ้าสำนักพูดก็ขมวดคิ้วจนเป็นร่อง

“นั่นมันหน้าที่ของท่านไม่ใช่เรอะ บริเวณสุสานอยู่ในเขตความปกครองของท่าน ข้าไม่ใช่คนของสำนัก และมีธุระสำคัญต้องทำ ตอนนี้อุรามิได้ผลึกดวงดาวไปครองแล้ว เท่าที่รู้คือหนึ่งชิ้น หรืออาจจะมากกว่านั้น เรื่องสุสานท่านก็จัดการเองเถอะ”

ลินจิตั้งใจฟัง ไม่พูดอะไร สิ่งที่วิเคราะห์ไว้ไม่ผิดพลาด เจ้าสำนักเป็นมนุษย์ประเภทที่ว่า ‘ชอบหลอกใช้’ ส่วนพฤติกรรมอื่นถือว่าพอรับได้ ตอนแรกเขานึกระแวง เพราะเคยถูกอุรามิปลอมตัวเป็นเจ้าสำนักมาหลอก มนุษย์เรามักยึดประสบการณ์ที่พบเจอมาตีความ บิดเบือนข้อมูล แล้วสรุปเหมารวม ลินจิไม่อยากตีกรอบตนเอง จึงเปลี่ยนมาเปิดใจ

“นี่คุณชุน ไม่อยากรู้เหรอว่าอสูรเพกัสตัวจริงจะมีรูปร่างหน้าตาแบบไหน ผมสงสัยมาก ๆ เลยนะ เพราะตามตำนานบอกว่าผู้ที่ได้ขี่เพกัสจะได้เป็นนายแห่งโลก แล้วผมที่ขึ้นชื่อว่า ‘เทพเจ้าผู้สร้างโลก’ ไม่ใช่นายแห่งโลกหรอกเหรอ”

ลินจิเงยหน้าชูนิ้วชี้ขึ้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปรับมาอยู่ในท่าเดิมแล้วเล่าต่อทันที

“อีกอย่าง ตำนานก็คือนิทานที่พิสูจน์ความจริงไม่ได้ บางทีเพกัสอาจมีลักษณะตรงข้ามกับสามัญสำนึกของพวกเรา อย่างเช่น อาจเป็นชายหนุ่มรูปงาม”

ลินจิคร

…ใครมันจะไปสนของแบบนั้น

ทางเจ้าสำนักเห็นลินจิมีท่าทีสนใจจึงจับคาง ก่อนจะกระดกนิ้วชี้ขึ้นมาอีกคนเหมือนนึกอะไรออก

“จะว่าไปข้าก็ไม่เคยเห็นเพกัสเหมือนกัน เพราะเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน อายุขัยของเทพอสูรนั้นยืนยาวกว่ามนุษย์มาก อีกทั้งเหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นก่อนที่ท่านเปี๊ยกโกะจะได้พบกับท่านโมโมะเสียอีก เป็นไปได้ว่าท่านโมโมะก็อาจไม่เคยเห็นเช่นกัน แฮ่ม ๆ”

เจ้าสำนักหลับตาก้มหน้ากระแอมใส่กำปั้นเว้นจังหวะพูดพักหนึ่ง จากนั้นก็เล่าต่อ…

“ข้าเคยได้ยินมาว่า มีใบไม้อยู่ชนิดหนึ่งสามารถปัดเป่าเวทผนึกได้ ลักษณะใบเป็นสีเขียวแก่ กลางใบมีลายสีขาวคล้ายดอกกุญแจ ถ้าจำชื่อไม่ผิดน่าจะเป็นใบของต้น ‘คิ’ แต่ข้าไม่ทราบว่ามันอยู่ที่ไหนหรอกนะ”

ลินจิฟังที่เจ้าสำนักเล่าพลางประสานมือไว้บนโต๊ะ พอเจ้าสำนักเล่าจบก็ยกแขนสะกิดชุนซึ่งนั่งหูผึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“นี่ ๆ คุณชุนครับ คิดว่ายังไง”

“…น่ารำคาญ”

ชุนคำรามเสียงต่ำเหมือนกังวานจากก้นนรกพร้อมจ้องลินจิตาขวาง

“ข้าไม่มีทางไปข้องแวะกับพวกอสูรหรอก เพราะฉะนั้นข้าไม่สนใจ และไม่อยากรู้เลยแม้แต่นิดเดียว เข้าใจหรือยัง ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบ ๆ กลับเข้าห้องไปพักซะ พรุ่งนี้ข้าจะออกตามหาผลึกดวงดาว”

คนโดนตะคอกกะพริบตาปริบ ๆ ไม่เข้าใจว่าชุนเครียดอะไรนักหนา เมื่อกี้ก็เห็นนั่งฟังเจ้าสำนักเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจนี่นา แบบนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่สนใจอีกเหรอ สงสัยจะเป็นโรคประสาท

ลินจิไม่อยากทะเลาะให้เสียเวลอียงคอถาม

“…งั้นเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ”

ดวงตาของลินจิใสกระจ่าง จากนั้นเขาก็ทวนซ้ำแผ่วเบาด้วยสีหน้าเหมือนกำลังมองบางสิ่ง

“ไม่ได้สนใจหรอกเหรอ…”

ก่อนหน้านี้ลินจิแทบไม่เคยสนใจเรื่องราวของ ‘อินเนอร์เวิลด์’ แต่ในเมื่อไม่สามารถกลับโลกเดิมได้ การรวบรวมผลึกดวงดาวให้ครบแปดชิ้น จึงเป็นเพียงความหวังเดียวที่มีอยู่ ถ้าตำนานของเพกัสเป็นจริง หากมีอสูรตนนั้นร่วมภารกิจด้วยอาจช่วยทุ่นแรงได้

 

…..

 

หลังจากกินมื้อเย็นที่ทางสำนักจัดเตรียมไว้ให้ ตอนแรกชุนตั้งใจว่าจะนั่งเพ่งเปลวเทียนเพื่อฝึกสมาธิ ทว่าเขาได้ยินเสียงฮือฮาของเหล่าศิษย์สำนักดังจากทางประตูเสียก่อน จากนั้นก็มีเสียงทุ้มคุ้นหูดังตามมา

“ขอไปพักก่อนน้าทุกคน…”

ขณะลุกไปเปิดประตูเพราะสงสัย ชุนก็หยุดกึกเบิกตากว้าง

ชายผมขาว ร่างสูงเพรียวลม ดวงตาสีน้ำตาลสดใส ปากนิดสีชมพูอ่อน จมูกเรียวคมโด่งเป็นสัน ด้านหลังมีหางฟูฟ่องสีขาวนุ่มนวลน่าสัมผัส บนศีรษะคาดหน้ากากจิ้งจอกลายขาวแดง

ลินจิในร่างเทพจิ้งจอกสวรรค์สวมชุดขาวขับเน้นให้ร่างนั้นดูเด่นขึ้น ยืนรูปงามสง่าบุคลิกโดดเด่นอยู่ท่ามกลางเหล่าศิษย์สำนักที่ตาค้าง อ้าปากหวอ น้ำลายไหลยืด หากจะเปรียบว่าดอกไม้ใดงามต้องตาชม เทพรูปงามก็เช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ชุนรู้สึกอยากมองบุรุษเพศจนไม่อยากละสายตา

เอาเถิด นั่นเป็นเพียงแค่ร่างแปลง ชุนคิดขึ้น พลางเอนร่างพิงขอบประตู จับคาง แตะศอก มองเทพจิ้งจอกสวรรค์อย่างครุ่นคิด

ที่ผ่านมาแม้เขาจะรู้สึกผูกพันกับลินจิขึ้นมาบ้าง บางครั้งถึงกับรู้สึกไม่พอใจที่มีคนเข้าใกล้หรือมองลินจิ แต่เขาก็พยายามไม่คิดต่อให้เปลืองสมองเพราะชุนเห็นว่าการหลงใหลในบุรุษเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี ชุนมักคิดถึงเรื่องคู่รักตนเพื่อสลัดลืมเรื่องลินจิ แต่ตอนนี้เขารู้ว่าคู่รักตนเป็นชาย ชุนเองก็รู้สึกลังเล

…หรือจะลองเปลี่ยนดี

ทางด้านลินจิ เมื่อทุกคนจ้องมองมา เขาจึงจำเป็นต้องสานสัมพันธ์อันดีไว้ ทั้งเขาและชุนรบกวนที่นี่ไว้เยอะ ทำให้คนรักดีกว่าทำให้คนชัง คิดได้แบบนั้นลินจิก็โบกไม้โบกมือบ๊ายบายเป็นการบอกลาก่อนเข้าห้องพัก

ชุนเห็นแบบนั้นก็เริ่มหายใจติดขัดขึ้นมา เขาก้าวขาฉับ ๆ เดินไปกระชากแขนเทพตัวดีเข้าห้องทันที ก่อนจะปิดประตูดังปัง

“อ๊ะ!”

แม้เสียงจะเปลี่ยนไป แต่คำอุทานของลินจิยังคงเดิม ร่างสูงโปร่งของเทพจิ้งจอกก้าวเซตามแรงกระชาก พอทรงตัวได้ ผิวกายก็เปล่งแสงออกมา ก่อนจะวูบดับลงแล้วกลับร่างเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบหกคนเดิม

“นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่”

พอชุนกดเสียงถาม ลินจิก็ยิ้มมุมปาก แล้วยักคิ้ว

“ไม่เห็นหรือไง ก็เพิ่งกลับมาจากอาบน้ำน่ะสิ”

“อะไรนะ! นี่เจ้าใช้ร่างนี้อาบน้ำหรือ”

ชุนถามอย่างตกใจ ลินจิจึงเดาะลิ้นพลางทุบกำปั้นใส่ฝ่ามืออย่างนึกขึ้นมาได้

เขารู้สึกเสียดายเล็กน้อย หากรู้เช่นนั้นก็อยากจะลองแปลงกายตอนอาบน้ำดูบ้าง แต่ทักษะกลายร่างมีขีดจำกัด สามารถใช้ได้ครั้งละหนึ่งนาทีเท่านั้น และตอนนี้ลินจิก็ใช้พลังเวทจนหมด ต้องพักฟื้นจึงจะใช้ได้อีกครั้ง

เมื่อเห็นท่าทีของลินจิที่บ่งบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ตนคิด ชุนซึ่งไม่อยากถูกมองว่ามีความคิดแปลกประหลาด จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ผลึกดวงดาวที่อุรามิชิงไป เจ้าพบมันจากที่ไหนหรือ”

ว่าแล้วชุนก็ตรงไปที่ฟูกนอน นั่งในท่าขัดสะหมาด กอดอกเงยหน้ามองลินจิ

ฝ่ายถูกถามยืนทำท่านึก ก่อนเริ่มเล่าพลางนั่งลง

“เหมือนกับว่า ตอนนั้นอุรามิใช้ตาเรืองแสงบนหน้าผากส่องเข้ามา แล้วจู่ ๆ ผลึกดวงดาวก็โผล่ออกมาจากอกของผม”

“เรื่องสำคัญเช่นนี้ ทำไมเจ้าเพิ่งเล่า”

“อ้าว สำคัญหรอกเหรอ”

พอลินจิตอบแบบสบาย ๆ ชุนก็ยื่นหน้าเข้ามาจ้องตาเขม็ง เห็นอย่างนั้นลินจิจึงยกสองมือป้องปากแล้วพูดต่อเสียงเบา

“นี่… ความลับนะ เอาหูมานี่สิ”

ชุนซึ่งเคยถูกลินจิเป่าหูหลอกตอนอยู่ตำหนักโมโมะ รู้สึกระแวงกับท่าทีของลินจิ จึงขมวดคิ้ว

“เจ้าจะเล่นอะไรอีก”

“ไม่ได้เล่น พูดจริง ๆ นะ”

พอลินจิกวักมือเรียกด้วยสีหน้าจริงจัง ชุนก็ลังเล แต่ก็ตัดสินใจยื่นหูไป จากนั้นลินจิก็กระซิบ

“)@(@)_!{)@(_$@)+!”

ชุนฟังไม่รู้เรื่องจึงพ่นลมหายใจ ใช้ฝ่ามือหนาใหญ่ดันหน้าลินจิออกห่าง แล้วคำราม

“เจ้าเล่าดี ๆ ได้ไหม”

ลินจิกะพริบตาสองครั้ง พยักหน้าอย่างว่าง่าย กวักมือเตือนให้ชุนตั้งใจฟังอีกครั้ง

“อย่าบอกเรื่องนี้ให้เจ้าสำนักรู้นะ ผมว่า… ถ้าพวกเรามีเพกัสมาช่วย อาจจะรวบรวมผลึกดวงดาวได้ง่ายขึ้น ส่วนเรื่องใบไม้ปลดผนึกอะไรนั่น ค่อยไปถามชาวบ้านเอาก็ได้นี่ คุณชุนไม่สนใจเหรอ”

“ทำไมถึงให้เจ้าสำนักรู้ไม่ได้”

“ก็แหม ใครจะไปไว้ใจกัน บนโลกนี้คนที่ผมเชื่อใจก็มีแต่คุณชุนคนเดียวนี่ครับ”

ลินจิโปรยคำหวาน พร้อมประสานสองมือกลางอก ส่งประกายตาวิบวับอย่างขอร้อง

ความจริงแล้วชุนควรมุ่งมั่นตามหาผลึกดวงดาวให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยคู่หมั้นของตนให้กลับร่างเดิม และส่งลินจิกลับไปยังโลกของเขา แต่ในเมื่อข้อเสนอของอีกฝ่ายคือส่วนเสริมที่จะช่วยให้เป้าหมายบรรลุได้ง่ายขึ้น ชุนก็เริ่มคิด

ขณะที่ลินจิรอฟังคำตอบจากชุนที่นั่งหนุนคางด้วยกำปั้นอยู่นั้น จู่ ๆ ประตูก็เปิดโพล่ง

“เฮ้ ท่านชุน ดื่มเหล้ากันดีไหม ออกตามหาข้าจนเหนื่อยมาหลายวัน พักสมองหน่อยไหมล่ะ”

“…”

ทั้งคู่หันไปมองเจ้าสำนักที่พูดด้วยน้ำเสียงมึนเมา ใบหน้าแดงฝาดกับตาบรือ

ชุนซึ่งถูกขัดจังหวะความคิดจึงกำหมัดแน่น ก่อนจะสูดลมหายใจเต็มปอด แล้วพ่นออกมาเบา ๆ

“บอกว่าไม่เอาไง ท่านอยากดื่มก็ดื่มไป แล้วรีบกลับไปซะ ข้าจะนอนแล้ว”

ตอนนั้นลินจิก็ปิดปากเงียบ โชคดีที่เจ้าสำนักรับฟังและทำตามแต่โดยดี พอเขาเลื่อนปิดประตู ลินจิก็ถามต่อ โดยไม่รอฟังคำตอบเก่า

“นี่… ได้ยินว่าคนที่ชื่อเปี๊ยกโกะเป็นสามีของคุณโมโมะนี่ครับ คุณชุนที่เป็นลูกศิษย์คงเคยเห็นใช่ไหม”

“…” ชุนส่ายหน้า

“แบบนี้ก็ควรจะไปไหว้สุสานบ้างนะครับ”

“…หา”

คางเรียวแหลมพลันตกจากกำปั้นจนใบหน้าก้มลง พอชุนก็เงยหน้าอย่างงุนงง ลินจิก็พูดต่ออย่างร่าเริง

“ถึงจะไม่เคยเห็น แต่อาจารย์ก็คือผู้มีพระคุณ แม้จะไม่ใช่ศิษย์โดยตรงแต่คู่รักก็คือความสุข ดังนั้นคนที่สร้างความสุขให้กับผู้ที่มีพระคุณ ก็คือคนที่ควรให้ความเคารพ”

“เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย”

ชุนแทรกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด

“ข้ากับเจ้ามีหน้าที่รวบรวมผลึกดวงดาวให้ครบ อีกอย่างสุสานเปี๊ยกโกะก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอก ก็แค่สถานที่เก่า ๆ ที่มีรูปปั้นกับเศษหินปรักหักพังเท่านั้น ถึงเจ้าอยากจะครอบครองเพกัสก็เถอะ แต่ถ้ามันทำได้ง่าย ๆ ป่านนี้ก็คงมีคนปลดผนึกไปแล้ว คงไม่อยู่เป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้หรอก”

คนพูดขมวดคิ้ว ลินจิจึงเอ่ยถามพลางเอียงคออย่างสงสัย

“แปลว่าเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย”

ชุนเบือนหน้ามองประตู ก่อนจะหันมาตอบห้วน ๆ

“ถ้าตำนานไม่ใช่เรื่องจริง แล้วเจ้าจะปรากฏตัวได้อย่างไรกัน”

“โธ่เอ้ย บอกว่าจริงตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง แหม ผมทนรอแทบไม่ไหวแล้ว”

ลินจิพูดราวกับว่าชุนจะยอมไปสุสานเปี๊ยกโกะอย่างหน้าตาเฉย พอกำลังคลานสี่ขาไปยังฟูกนอนอย่างอารมณ์ดี ชุนก็คว้าคอเสื้อด้านหลังไว้เสียก่อน

“แอ้ก!”

“เดี๋ยวก่อน…”

เสียงคำรามต่ำเครียดดังขึ้นข้างหูเด็กหนุ่มซึ่งกำลังเบิกตากว้าง จากนั้นลินจิก็ไอโขลก ๆ พลางเหลียวไปมองชุนที่ทำตาขวาง

“ได้ยินที่ข้าบอกเมื่อกี้หรือเปล่า ได้ฟังไหม เข้าหูบ้างหรือเปล่า”

ลินจิลูบคอตอบแบบไม่รู้หนาวรู้ร้อน

“เห็นเจ้าสำนักบอกว่าสุสานอยู่ไม่ไกลนี่นา เดิน ๆ ไปอาจจะเจอผลึกดวงดาวตกอยู่ในกอหญ้าก็ได้นะ”

“ข้าบอกว่า ‘มีหน้าที่ต้องรวบรวมผลึกดวงดาว’ ไม่ได้มีหน้าทีไปปลุกปีศาจ หูของเจ้าเป็นแค่เครื่องประดับหรือไง หรือเป็นแค่รูเท่านั้น”

ลินจิกางสองมือโหวกเหวกทันที

“อ้า! คุณชุน ลองคิดดูสิ ไปแค่ปีละหนเอง คงไม่เป็นไรหรอก ถือว่าตามหาเบาะแสของผลึกดวงดาวไปในตัว ยังไงซะตอนนี้พวกเราก็ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของผลึกดวงดาวใช่ไหมล่ะ ทำความดีซะบ้าง บางทีสวรรค์อาจจะประทานพรส่งผลึกดวงดาวมาให้ทีเดียวครบโดยไม่ต้องออกตามหาก็ได้นะ”

ลินจิอธิบายพลางเอื้อมมือไปแกะคอเสื้อจากเงื้อมมือชุน พอหลุดออกมาได้เขาก็รีบมุดเข้าฟูก ก่อนจะโผล่เฉพาะส่วนหัวออกมาเหมือนหอยทาก

“เอาล่ะ รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไปสุสานแต่เช้า เดี๋ยวก็ตื่นสายหรอก”

พอเห็นชุนทำตาขวางใส่ ลินจิก็รีบมุดหัวกลับเข้าไปทันที

“…อยากทำอะไรก็เชิญ”

ชุนพูดอย่างหงุดหงิด …ถึงจะต่อปากต่อคำไปก็เปล่าประโยชน์ เทพตนนี้เจ้าเล่ห์แถมพูดเก่งมาก ส่วนใหญ่แม้จะเถียงกลับไป แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็โดนจูงจมูกเรียบร้อยแล้ว

ขณะนั้นลินจิก็หัวเราะคิกคักเบา ๆ อยู่ในผ้าห่ม ราวกับดักแด้ดีใจ เขารู้แล้วว่าจะรับมือกับบุรุษหัวแข็งคนนี้ได้อย่างไร เวลาที่ชุนต่อต้านเจตจำนง เขาก็จะแกล้งทำหูทวนลม แล้วพูดวกไปวนมาให้อีกฝ่ายปวดหัวเล่น จนคิดไม่ทัน ฮิฮิ หล่อเสียเปล่า สมองกลวงเสียจริง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด