ตอนที่แล้วซัพที่25: Microsoft Word has stopped working
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่27: ชื่อแซ่น่ะสำคัญขนาดไหนไม่รู้หรือไงห้ะ!

ซัพที่26: ไหน! ใครว่าพี่น้องต้องรักกัน!


ซัพที่26: ไหน! ใครว่าพี่น้องต้องรักกัน!

เจียงสงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดองค์ชายรองจึงวิ่งไล่องค์ชายสี่ และเหตุใดองค์ชายสี่จึงบอกว่าองค์ชายรองจะฆ่าเขา?!

“องค์ชายรอง กระหม่อมขออนุญาตทูลถาม ไม่ทราบว่าเหตุใดพระองค์จึงต้องไล่ตามองค์ชายสี่ด้วย” เจียงสงตัดสินใจถามขึ้นมา เหวินหลงจึงชี้หน้าจินหลงที่หลบหลังเจียงสง

“เจ้าเด็กบ้านั่นมันบังอาจทำร้ายข้า” เหวินหลงใส่ความ เจียงสงหันมามองเจ้าตัวแสบที่กอดเอวเขาอยู่ด้านหลัง

ทำร้ายบ้าทำร้ายบออะไร! เจ้าเริ่มก่อนชัดๆ!

จินหลงรีบเบะปากส่ายหัวทันที เจียงสงไม่ใช่คนโง่ เขาเห็นรอยที่แก้มของจินหลง ก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นฝ่ายทำใคร

“กระหม่อมว่าพระองค์คงเข้าใจผิดแล้วกระมัง กระหม่อมอยู่กับองค์ชายสี่มาหลายปี พระองค์ไม่เคยมีท่าทางรุนแรงใดๆ ...ทั้ง..เป็นพระองค์มิใช่หรือ ที่มาหาองค์ชายสี่ มิเช่นนั้นจะมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร” รอยยิ้มสยองขวัญที่จินหลงหวาดกลัวถูกเผยขึ้นมาบนใบหน้าสวยขององค์รักษ์วัยเยาว์อีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ผู้ที่ได้รับกลับเป็นองค์ชายรอง

“หึ เจ้าไม่อยู่ในเหตุการณ์จะไปรู้อะไร ส่งตัวจินหลงมาเดี๋ยวนี้!” เหวินหลงก้าวเข้ามาหาเจียงสงอย่างไม่เกรงกลัว เจียงสงก้าวถอยหลัง ดันจินหลงให้ถอยไป หมอหลวงที่อยู่ด้านข้างจึงรีบร้องห้าม

“องค์ชายรอง องค์ชายรองได้โปรดระงับโทสะก่อนพะยะค่ะ” พูดจบหมอหลวงจึงร้องตะโกนบอกทหารด้านหลังองค์ชาย

“พวกเจ้าจะยืนนิ่งทำบ้าอะไร รีบไปทูลฝ่าบาทกับกุ้ยเฟยเร็วเข้า” หมอหลวงไล่ทหาร ทว่าเหวินหลงกลับตวาดขึ้น

“ใครกล้าไปจากที่นี่ ข้าจะไม่ละเว้นแน่!” ทหารทั้งหมดชะงัก ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งองค์ชายรอง

จินหลงขมวดคิ้วกับสถานการณ์ตรงหน้า อีกฝ่ายเป็นแค่องค์ชายรอง จะกลัวบ้ากลัวบออะไรนักหนา ไม่ใช่ฮ่องเต้รับสั่งนะเห้ย

“หากองค์ชายสี่เป็นผู้ทำร้ายพระองค์จริง เหตุใดจึงไม่ทูลรายงานต่อฝ่าบาท!” เจียงสงกัดฟัน คิดหาหนทาง

หากฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่องค์ชาย คงง่ายที่จะสู้ไปแล้ว

ให้ตายเถอะเหตุใดงานองครักษ์งานแรกของข้า ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย!

“องค์ชาย” เจียงสงกระซิบ จินหลงจึงเงยหน้ามอง

“ข้าจะถ่วงเวลาเอง พระองค์รีบหนีไปหาฝ่าบาทไม่ก็กุ้ยเฟยเสีย” เขาไล่ หากเป็นเรื่องฝีมือการหลบหนี ไม่ว่าใครก็มิอาจเทียบเท่าองค์ชายสี่ของเขาได้ ...แต่จะว่าไป องค์ชายสี่จะหนีไปเลยก็ทำได้ เหตุใดต้องหนีมาหาเขาด้วย!

จินหลงมองหน้าเจียงสงสลับกับกลุ่มทหารนับสิบด้านหลังเหวินหลงด้วยความไม่เข้าใจ จริงอยู่ที่วรยุทธ์ของเจียงสงนั้นโดดเด่นเกินใคร แต่จะให้สู้กับผู้ใหญ่เยอะขนาดนั้น..จะไหวหรือ?

“ไปเร็ว!” เจียงสงแกะมือจินหลงออก เจ้าตัวแสบลังเล เพียงแกล้งเดินถอยออกมาราวกับหวาดกลัว แต่แท้จริงเพื่อดูสถานการณ์ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเจียงสงแสดงฝีมือสักครั้ง นี่ถือเป็นโอกาสดี

เหวินหลงเห็นเป้าหมายคล้ายจะหนีไปจึงตะโกนลั่น

“จับองค์ชายสี่ไว้” ทหารด้านหลังวิ่งขึ้นไปด้านหน้า หมายจะจับองค์ชายน้อย ทว่าเจียงสงกลับพุ่งตัวเข้ามาขวาง พร้อมชักดาบเงินชี้หน้าเหล่าทหาร

“ใครกล้าเข้ามา ข้าไม่ปล่อยไว้แน่!” ท่าทางแข็งกร้าวของเจียงสง ยิ่งทำให้เหวินหลงไม่พอใจ

“อู๋เจียงสงเจ้ากล้าดียังไงมาต่อต้านข้า!” เหวินหลงวางอำนาจ จินหลงที่แกล้งหวาดกลัวก็อดคิดไม่ได้

เห้อ ไม่มีคำพูดอื่นแล้วหรือไง ช่างเป็นพี่ชายที่น่ารำคาญจริงเจร๊ง!

“องค์ชายรีบไปเร็วเข้า!” เจียงสงยกดาบขึ้นปะทะกับทหารนายแรก ก่อนจะใช้ขาอีกข้างเตะเข้าที่ทหารอีกนาย จินหลงยังคงไม่ขยับ ทั้งยังทำทีเป็นว่าเข่าทรุดลงไปอยู่กับพื้น

เจียงสงเห็นดังนั้นจึงเดาะลิ้นไม่พอใจ

ความสามารถในการหนีของพระองค์หายไปไหนหมด!

เจียงสงกัดฟันเตะไปที่ด้านหลังกระแทกเข้ากับท้องทหารรายหนึ่ง พร้อมวาดลวดลายดาบอย่างคล่องแคล่วว่องไว เจ้าตัวแสบแม้จะอยู่กับเจียงสงมานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคุณชายอู๋ต่อสู้ จินหลงนึกชื่นชมฝีมือองครักษ์ของตัวเองที่เก่งเกินวัย หากให้เวลาเจียงสงสักสิบปี เขาคงได้ขึ้นเป็นตัวท็อปแน่!

สมแล้วที่ฝึกวิชาอยู่ทุกวัน!

เจียงสงใช้ร่างของทหารอีกนายเป็นฐานในการกระโดด แล้วใช้ท้ายดาบกระแทกเข้าที่ท้ายทอยหวังให้สลบ ทว่าด้วยแรงของเด็กวัยสิบสองปีกับร่างของทหารที่ผ่านการฝึก ทำให้ไม่สำเร็จ

ขณะที่เจ้าตัวแสบคิดเพลินๆ เจียงสงก็พลาดท่า ถูกเตะเข้าที่ด้านหลัง ด้วยความกังวล จินหลงหยิบบ่องเป่าเข็มที่ซ่อนอยู่บริเวณถุงเท้าขึ้นมา ก่อนจะบรรจุเข็มลงไป โดยไม่ให้ใครได้สังเกตทัน

ตุบ

ทันทีที่จินหลงเป่าลูกดอกใส่บริเวณแขนของทหารนายหนึ่ง เขาก็ล้มลงแทบจะในทันใด เพราะความชุลมุนที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่มีใครทันสังเกต

เจ้าตัวแสบรีบเป่าเข็มเข้าที่ทหารนายต่อๆ ไป จนเหวินหลงทนไม่ไหว วิ่งอ้อมศึกตรงหน้ามาหาจินหลง เมื่อเห็นพี่ชายตัวเองวิ่งจะมาเอาเรื่อง จินหลงจึงรีบวิ่งหนีเป็นวงกลม

“เจิ้งจินหลงหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” องค์ชายรองคำราม จินหลงหันกลับไป นึกอยากจะตะโกนกลับ

หยุดก็โง่สิโว้ยยยย!

“ไม่! ข้าไม่หยุด!”

 

ด้านนอกสำนักหมอหลวง องค์ชายสามฮุ่ยเจี๋ย องค์ชายผู้เกิดกับเต๋อเฟยผู้ใฝ่ทางธรรมนั้น กำลังนั่งเกี้ยวออกมาจากวังหลังพร้อมกับองค์ชายใหญ่เฟิงหยาง โอรสสวรรค์ที่เกิดกับฮองเฮา ทั้งสองพระองค์ถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้ามาเข้าเฝ้า ทว่าเมื่อผ่านสำนักหมอหลวง กลับได้ยินเสียงอึกทึก

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เฟิงหยางวัยสิบสามปีสั่งหยุดเกี้ยว ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปถาม เพราะเกี้ยวด้านหน้าหยุด ทำให้เกี้ยวที่ตามมาต้องหยุดตาม

ฮุ่ยเจี๋ยที่กำลังนั่งอ่านหนังสือด้านใน จึงเปิดผ่าม่านออกไปถาม

“มีอะไรงั้นหรือ?” ขันทีผู้นำเกี้ยวรีบเดินมารายงานองค์ชายสาม

“องค์ชายใหญ่มีรับสั่งให้หยุดเกี้ยว เนื่องจากมีบางสิ่งผิดปกติพะยะค่ะ” ขันทีรายงาน เมื่อฮุ่ยเจี๋ยเห็นพี่ใหญ่ลงจากเกี้ยว เขาจึงลงมาบ้าง

“พี่ใหญ่มีอะไรงั้นหรือ?” ฮุ๋ยเจี๋ยวัยสิบปีเดินไปถามองค์ชายใหญ่ด้วยท่าทางสำรวม

“น้องสาม เจ้าว่าไหมว่าวันนี้สำนักหมออึกทึกพิกล” องค์ชายใหญ่ยังไม่ละความสงสัย ฮุ่ยเจี๋ยนิ่งไปแล้วหันกลับมาตอบ

“จะว่าไปก็จริงอย่างที่ท่านว่า ปกติแล้วสำนักหมอเงียบเชียบนัก เหตุใดวันนี้จึงเสียงดังผิดปกติ” ฮุ๋ยเจี๋ยเห็นด้วย ก่อนเฟิงหยางจะสั่งคนไปดูเหตุการณ์ ไม่นานนักขันทีจึงวิ่งตาลีตาเหลือกกลับมา

“ย..แย่แล้ว! แย่แล้วพะยะค่ะองค์ชาย! องค์ชายรองกำลังวิ่งไล่องค์ชายสี่อยู่พะยะค่ะ!” เฟิงหยางเปลี่ยนสีหน้าโดนพลัน คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน ต่างจากฮุ่ยเจี๋ยที่ยังคงนิ่ง

“พี่น้องวิ่งเล่นกัน เหตุใดจึงแย่เล่า” ฮุ่ยเจี๋ยถามด้วยท่าทางสงบนิ่ง

“นอก..นอกจากองค์ชายรองและองค์ชายสามแล้ว กระหม่อมยังเห็นทหารต่อสู้กับอู๋เจียงสง ราชองครักษ์ขององค์ชายสี่ด้วยพะยะค่ะ!” สิ้นเสียงองค์ชายทั้งสองพระองค์จึงหันมามองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินไปทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้!!” องค์ชายใหญ่เฟิงหยางคำรามลั่นทันทีที่เห็นเหตุชุลมุน เล่าทหารที่ได้ยินเสียงเมื่อหันไปมองพบว่าใคร จึงรีบคุกเข่าถวายความเคารพไม่เว้นแม้แต่เจียงสงที่บาดเจ็บ มีเพียงองค์ชายรองที่กำลังวิ่งไล่จินหลง

“พี่ใหญ่พี่สาม! พี่ใหญ่พี่สามช่วยจินหลงด้วยย” จินหลงรีบแหกปากพุ่งเข้าไปหลบหลังสององค์ชายโดยพลัน

เหวินหลงจึงหยุดวิ่ง ยืนประจันหน้ากับองค์ชายใหญ่ด้วยสีหน้ากวนประสาท จนจินหลงนึกอยากจะกระโดดถีบหน้าโง่ๆ นั่น!

“เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้าเหวินหลง กล้าดียังไงมาก่อเรื่องในเขตพระราชวังเช่นนี้!” องค์ชายใหญ่ต่อว่า แต่มีหรือเหวินหลงจะสนใจ

“อย่าใส่ความกันสิพี่ใหญ่ ข้ากับน้องสี่เพียงไล่ตามจับน้องสี่ที่หนีออกจากเรือนรับรอง ท่านเอาอะไรมาพูด ว่าข้าก่อเรื่อง” องค์ชายใหญ่เหลือบมองจินหลงที่อยู่ด้านหลังองค์ชายสาม ก่อนจะกระตุกยิ้ม

เรื่องน้องสี่ถูกกักบริเวณน่ะ ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว

“น่าแปลกนัก หากน้องสี่ขัดราชโองการของเสด็จพ่อ เหตุใดเขาจึงได้มีท่าทีหวาดกลัวเช่นนี้” เฟิงหยางถามกลับ

“ท่านก็รู้ ว่าน้องสี่สติฟั่นเฟือนต่อให้ข้ามอบทองให้เขา เขาก็ย่อมหวาดกลัวราวกับทองในมือข้าเป็นสัตว์ร้าย” เหวินหลงย้อน เฟิงหยางจึงหันไปมองเจียงสงที่กำลังทนพิษบาดแผลอยู่

“อู๋เจียงสง เจ้ารู้อะไรบ้าง” เมื่อองค์ชายใหญ่ตรัสถาม เจียงสงจึงชะงักยกมือขึ้นทูล โดยไม่สนใจองค์ชายรองที่มองเขาด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ

“ทูลองค์ชายใหญ่ กระหม่อมนั้นมาที่สำนักหมอหลวงเพื่อมาเอายาบำรุงให้องค์ชายสี่ ทว่าขณะที่กำลังรับยาจากหมอหลวง องค์ชายสี่กลับวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือ พระองค์กล่าวว่าองค์ชายรองจะสังหารพระองค์พะยะค่ะ” เจียงสงรายงานตามความจริง องค์ชายใหญ่ยังคงมองเขาอย่างไม่วางตา คล้ายจะวิเคราะห์บางอย่าง

“กล้าดียังไงมาใส่ความข้า!” องค์ชายรองตวาด แต่เจียงสงยังคงไม่สะทกสะเทือน จินหลงอาศัยจังหวะนี้รีบฟ้องเพิ่ม

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ฮืออ..อ.. ท่านต้องช่วยจินหลงนะ พี่รองทำร้ายจินหลงง” จินหลงเบะปากจะร้องไห้ พร้อมกำชายเสื้อองค์ชายสามแน่น องค์ชายใหญ่เห็นท่าทางขององค์ชายสี่ ก็ลอบฉีกยิ้มพอใจ เจ้าตัวแสบเห็นรอยยิ้มนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าพี่ใหญ่ต้องคิดทำอะไร

“น้องรอง เจ้าก็รู้ว่าน้องสี่ไม่ปกติ เหตุใดจึงใช้ความรุนแรงและไปเอาความกับเขาเช่นนี้ อย่างไรเสียน้องสี่ก็เป็นน้องร่วมมารดากับเจ้ามิใช่หรือ?” องค์ชายใหญ่วางมาด

“ใช่ น้องสี่เป็นน้องร่วมมารดากับข้า ฉะนั้นข้าจึงต้องสั่งสอนเขาว่าอะไรควรไม่ควร เช่นการขัดราชโองการเสด็จพ่อเนี่ย ไม่ควรอย่างยิ่ง พี่ใหญ่ว่าไหม?” ถุ้ย! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าคิดว่าข้าจะหนีออกมาทำมะเขืออะไรห้ะ!

“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก แต่การใช้กำลังราวกับคนป่าเช่นนี้ก็มิควร” องค์ชายใหญ่ปะทะฝีปาก ต่างจากองค์ชายสามฮุ่ยเจี๋ยที่เพียงยืนนิ่งและถอนหายใจ จินหลงสังเกตพฤติกรรมขององค์ชายแต่ละพระองค์

“พอเถอะ พวกพี่จะทะเลาะกันไปทำไม เรื่องนี้ปล่อยให้เสด็จพ่อเป็นผู้ตัดสินจะดีกว่า” ฮุ่ยเจี๋ยพูดตัด เขาสังเกตได้ทันทีว่าสีหน้าขององค์ชายรองดูซีดลง

...แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครถูกใครผิด

“พี่รอง ข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ท่านช่วยวางมือทีเถอะ” องค์ชายสามเบื่อหน่าย องค์ชายใหญ่เองก็สังเกตเห็นสีหน้าของเหวินหลง จึงยิ่งไล่ต้อนเข้าไปใหญ่

“น้องสาม เจ้าใจดีเกินไปแล้ว เรื่องนี้เราควรหาว่าใครผิดใครถูก และควรทวงความเป็นธรรมให้กับฝ่ายที่เสียหาย”       องค์ชายใหญ่กระตุกยิ้มทันทีที่เห็นเหวินหลงแสดงโทสะ

ท้ายสุด เรื่องนี้จึงถึงมือฮ่องเต้ พระองค์ทรงโกรธานักที่ได้ทราบเรื่อง จึงสั่งสอบพยานทั้งหมด ผลเป็นดั่งคาด ครั้งนี้เหวินหลงมิอาจใช้อำนาจปิดเรื่องไว้ได้ จนถูกสั่งกักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งเดือน ทั้งฮ่องเต้ยังเรียกกุ้ยเฟยมาต่อว่าเรื่ององค์ชายทั้งสอง กุ้ยเฟยจึงแสร้งร้องไห้ กล่าวว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะพี่น้องมิค่อยได้พบหน้า จนเป็นเหตุให้ไม่ถูกกัน

จินหลงที่ได้ยินเหตุผลผู้เป็นแม่ ก็อดคิดไม่ได้ว่าเสด็จพ่อคงไม่คิดจะจับเขากับเหวินหลงมาอยู่ด้วยกันหรอกนะ..

 

ค่ำวันนั้นหลังหมอหลวงรักษาแผลให้เจียงสง องครักษ์วัยเยาว์จึงนอนพักอยู่บนเตียงหลังกินยา จินหลงที่ได้เห็นบาดแผลและปริมาณยาที่เจียงสงต้องกิน จึงเดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยสีหน้าสำนึกผิด

“ข้าขอโทษ” เจียงสงหันมาขมวดคิ้ว มองหน้าเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างเตียง

“พระองค์จะขอโทษข้าทำไม? ข้ามีหน้าที่เป็นองค์รักษ์ให้พระองค์อยู่แล้วนี่” อีกฝ่ายไม่เข้าใจ จินหลงเม้มปาก

“ก็..ก็ข้าไม่น่าวิ่งไปหาเจ้าเลย ไม่ใช่นั้นเจ้าคงไม่เจ็บตัวเช่นนี้” เจ้าตัวแสบมองไปตามร่างกายของเจียงสงที่ถูกทาไว้ด้วยยาสมุนไพร นึกเสียใจที่ประเมินร่างกายเจียงสงแข็งแกร่งเกินไป ไม่คิดว่าที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบเป็นเพียงการทนพิษบาดแผล

“แต่หากพระองค์ไม่วิ่งมาหาข้า ก็มิรู้มิใช่หรือว่าอะไรจะเกิด” เจียงสงมองหน้าจินหลงที่ยังคงเศร้ามอง ก่อนจะพยุงตัวขึ้นหันไปมองรอบห้อง เมื่อไม่เห็นนางกำนัลคนใดอยู่ จึงเอ่ยปากเล่าว่า

“การที่พระองค์วิ่งเข้ามา อาจเป็นผลดีกับข้าเสียด้วยซ้ำ” จู่ๆ เจียงสงก็พูดขึ้น จินหลงขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

การที่เขาวิ่งไปขอให้เจียงสงช่วย มันเป็นผลดียังไงล่ะเนี่ย!

“ตอนนี้วังแบ่งเป็นสองฝ่ายใหญ่ๆ คือฝ่ายกุ้ยเฟยและฝ่ายฮองเฮา ตระกูลข้านั้นแม้จะไม่ได้มีอำนาจนักในวังนัก แต่ก็มีชื่อเสียงกว้างขวางและที่นับหน้าถือตาในหลายๆ ด้าน ทำให้เป็นที่หมายปอง” จินหลงพยักหน้าเข้าใจ

“เดิมตระกูลข้าอยู่เป็นกลางมาตลอด ทว่าเมื่อวานท่านพ่อกลับมีทีท่าว่าจะอยู่ฝ่ายกุ้ยเฟย ทำให้ฮองเฮาไม่พอใจ วันนี้การที่ข้าไม่ได้ช่วยปกป้ององค์ชายรอง จึงกลายเป็นการทำให้องค์ชายใหญ่คิดว่าเรื่องนี้อาจยังไม่แน่นอน” เจ้าตัวแสบแกล้งตีหน้ายู่ไม่เข้าใจ แต่แท้จริงกลับตรงข้าม

มิน่าพวกทหารถึงได้เกรงๆ พี่รองนัก! ที่แท้ก็อยู่ในช่วงแย่งชิงอำนาจกันนี่เอง

เจียงสงเมื่อเห็นสีหน้าของจินหลง ก็ได้แต่ถอนหายใจ และไล่อีกฝ่ายให้ไปนอน

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด