ตอนที่แล้วตอนที่ 14 ได้ร่างใหม่แล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 ตำนาน และ ผู้ต้องสงสัยที่กลับมา

ตอนที่ 15 ยอมไม่ได้แปลว่าแพ้


ตอนที่ 15 ยอมไม่ได้แปลว่าแพ้

 

ขณะที่ขี่หลังชุนเหาะลอยฟ้ากลับมายังสำนัก ลินจิก็พลางใช้ทักษะฟื้นฟูรักษาอาการบาดเจ็บของชุนจนหายดี เมื่อล่อนลงสู่พื้น พวกเขาทั้งสองก็ตรงไปยังห้องโถงภายใน ตอนนั้นเองก็สังเกตเห็นเหล่าศิษย์สำนักกำลังยืนจับกลุ่มสนทนากันอย่างวุ่นวาย

แต่นั่นคงไม่เกี่ยวกับลินจิซึ่งเป็นคนนอกสำนัก

“…เจ้าสำนักหายตัวไป…”

ประโยคสนทนาแว่วเข้าหูของลินจิซึ่งกำลังจะเดินผ่านพลันหันขวับทันที จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปกลางห้องโถงพร้อมกับชุน

เมื่อเหล่าศิษย์สำนักเห็นท่านเทพมาจึงพากันเงียบ ก่อนจะรีบคุกเข่าลงด้วยความสงบ จากนั้นจึงเล่าเรื่องราวให้ฟังโดยไม่ต้องเอ่ยถาม

“ท่านเทพ แย่แล้ว แย่แล้ว เจ้าสำนักหายตัวไป พวกเราตามหารอบสำนักจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่พบล่องลอยเลยขอรับ”

“ท่านเทพช่วยพวกเราด้วย”

“ช่วยพวกเราด้วย ได้โปรดเถอะท่านเทพ”

ตอนที่ลินจิได้ยินศิษย์สำนักเล่า เขาก็คิดออกอย่างเดียว คือ เจ้าสำนักอาจมีเอี่ยวกับอุรามิ

ขณะที่ลินจิครุ่นคิดอยู่นั้น ชุนก็เอ่ยปาก…

“ในเมื่อต้นเหตุมาจากจี้หินที่เจ้าสำนักมอบให้มา จะเป็นเรื่องอื่นได้อีกหรือ นอกจากการสมรู้ร่วมคิดกับอุรามิ ตอนนี้คงเผ่นหนีเลี่ยงความผิดไปไกลแล้ว!”

ศิษย์สำนักได้ยินที่ชุนพูดต่างพากันแตกตื่น สายตาของพวกเขาดูสิ้นหวังราวกับพรุ่งนี้จะหมดอายุขัย เห็นแบบนั้นลินจิก็รู้สึกไม่สบายใจ ถึงตอนนี้เขาจะเพลียร่างปวดกาย แต่การให้กำลังใจผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

ลินจิวางฝ่ามือทาบหน้าผาก พ่นลมหายใจ ก่อนจะเอามือลงแล้วพูดเสียงอ่อน

“เดี๋ยวผมจะประจำการช่วยอยู่ดูที่นี่ให้ก่อนแล้วกัน”

ชุนซึ่งนั่งยืนอกอยู่หันหน้าขวับมองลินจิทันที

“นี่เจ้า! แบบนั้น…”

เหมือนชุนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พอเห็นสายตาของเหล่าศิษย์สำนักที่ส่องประกายความหวัง ชุนก็หยุดปากไว้แค่นั้นก่อนถอนหายใจดัง…พรืด

“จริงหรือท่านเทพ”

“เป็นบุญของพวกเราจริง ๆ”

ศิษย์สำนักหนุ่มที่นั่งแถวหน้าต่างพากันคลานเข้ามาสัมผัสตัวลินจิ

“แฮ่…ใจเย็นก่อนสิครับ”

ลินจิยิ้มเจื่อนพลางเกาหัวแกรก ๆ ส่วนชุนก็ย่นหน้าจ้องมองสถานการณ์อยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางของศิษย์สำนักที่เข้ามาเกาะแกะลินจิอย่างสนิทชิดเชื้อ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จึงเดินเข้าไปคว้าคอเสื้อลินจิแล้วดึงมาออกมาทันที พร้อมกับตะโกนว่า…

“พวกเจ้า ถอยไป!”

“อ๊ะ!”

ลินจิตกใจ เบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบร้องเสียงสั้นออกมา เหล่าศิษย์สำนักได้ยินเสียงยักษ์เสียงมารก็ต่างพากันนั่งเข้าที่ด้วยความสงบทันที

ขณะโดนลากคอเสื้อจากด้านหลังจนตัวเอน ส้นเท้าลากพื้น ลินจิก็ส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเหล่าศิษย์สำนัก

ทว่า…ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วย เหล่าศิษย์สำนักทำได้เพียงส่งสายตามองเทพเจ้าตาปริบ ๆ ทุกคนที่นี่ต่างรู้จักฝีมือของชุนดี ก่อนหน้านี้ชุนเคยเข้ามาฝึกสอนเวทควบคุมธาตุให้แก่พวกเขาเป็นครั้งคราว แม้แต่เจ้าสำนักเองก็ยังนับถือในพลังเวทของชุน เพราะเหตุนี้เหล่าศิษย์สำนักจึงเกรงขามชุนเป็นอย่างมาก

เมื่อถึงประตูทางออกหน้าสำนัก ชุนก็เลื่อนเปิดดัง ปัง! ก่อนจะโยนร่างบอบบางของลินจิออกไปคลุกฝุ่นบนพื้นด้านนอกแล้วปิดประตู

“เจ็บ…”

ลินจินั่งท่าเป็ดเหลือบมองชุนพลางทำปากคว่ำ ผู้ชายหน้าเหม็นนี่อะไรกัน เอะอะก็ใช้กำลัง พูดกันดี ๆ ไม่ได้หรือไง ลินจิยังงงอยู่ว่าตนทำผิดอะไร

ชุนประสานตากับลินจิที่นั่งแผละอยู่เบื้องล่าง พลางย่นหัวคิ้ว ทำตาขวาง ราวกับเสือตัวผู้จะขย้ำลูกกระต่าย

“นี่เจ้า! พูดอะไรออกไปหัดใช้หัวคิดเสียบ้าง พวกเราไม่ได้มีเวลาว่างมารับผิดชอบขนาดนั้น”

ลินจิขมวดคิ้ว ยู่หน้า กัดริมฝีปากล่าง พอลุกขึ้นมาเขาก็ปัดฝุ่นตรงก้นและหัวเข่า ก่อนจะพูดอย่างขุ่นเคือง

“ใครกันแน่ที่ไม่ใช้หัวคิด หัดดูสถานการณ์บ้างสิ ศิษย์สำนักพากันใจฝ่อกันหมดแล้ว แถมยังไปพูดย้ำว่าเป็นฝีมือของเจ้าสำนัก เรื่องบางเรื่องถึงรู้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดทันทีก็ได้ สมองเอาไปต้มให้หมูกินหมดแล้วเหรอไง”

อันที่จริงลินจิมีแผนในใจ อยู่ที่นี่สะดวกสบายจะตายไป มีชายหนุ่มคอยปรนนิบัติเสิร์ฟอาหารและซักผ้าให้ ไม่มีที่ไหนใกล้เคียงกับสวรรค์เท่าที่นี่อีกแล้ว

ชุนหรี่ตา ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย ค่อย ๆ เยื้องย่างเข้าไปหาลินจิ

เห็นท่าไม่ดีลินจิก็ถอยหลังกรูดอย่างหวาดผวา สายตาดำสนิทของชุนส่องประกายสะท้อนเงาของตนอยู่เบื้องหน้า พอชุนเริ่มใกล้เข้ามาลินจิก็ก้าวพลาดสะดุดล้มไปด้านหลัง

“อ๊ะ!”

ขณะที่หลงคิดว่าตนจะต้องล้มอย่างไม่เป็นท่า วงแขนของชุนกลับรั้งดึงเอวของลินจิเข้ามา จากนั้นใบหน้าเรียวเล็กก็ปะทะเข้ากับแผงอกกว้างกำยำ ลินจิร้องออกมาอย่างเผลอตัว ทว่า…ก็มีแต่เสียงอู้อี้ที่เล็ดลอดมาเท่านั้น

“เอ็บ…” ลินจิจะพูดว่าเจ็บ

ชุนกดศีรษะของลินจิเข้าไปบนแผงอกแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับจะบดขยี้ให้แตกเป็นลูกแตงโม พลางเอ่ยเสียงเย็นว่า…

“ชอบไม่ใช่หรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเมื่อครู่เจ้าคิดอะไร สมองของเจ้าข้าเดาทางถูกหมดแล้ว”

“อ่อยอ๊ะ!”

ลินจิพยายามดิ้น พูดอู้อี้ว่าปล่อยนะ เขาใช้แขนดันเพื่อให้หลุดออกจากแผงอกกำยำ พลางคิดว่า…ถึงจะอยากอยู่ในอ้อมอกของชุนมากแค่ไหน แต่มันต้องไม่ใช่ความรู้สึกปวดรวดร้าวจนศีรษะแทบแหลกแบบนี้

“อ๊ะ!”

เมื่อชุนปล่อยมือลินจิก็เด้งหลุดร้องออกมา แต่ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ฝ่ามือใหญ่หยาบกร้านรวบเข้าที่แก้มขาวอมชมพูของลินจิทันที จากนั้นก็ออกแรงบีบบังคับให้คนตัวเล็กเงยหน้า เมื่อสองสายตาส่องประสาน ชุนก็ยกยิ้มมองต่ำ หัวเราะเสียงพิลึกพิลั่นก่อนเอ่ยว่า…

“เป็นถึงเทพเจ้า แต่ปารถนาคลุกคลีกับชายไม่เลือกหน้า ถ้ายังทำเรื่องให้ผู้อัญเชิญอย่างข้าต้องอับอายขายขี้หน้าอีกล่ะก็ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”

ขณะที่ชุนกัดฟันขู่ ลินจิก็มองกลับด้วยแววตาสั่นไหว ไม่เข้าใจว่าตนทำอะไรผิด เขาก็แค่อยากจะอยู่ในที่ที่สะดวกสบายเท่านั้น ส่วนเรื่องที่มีศิษย์สำนักหนุ่มคอยมาปรนนิบัติ สิ่งนั้นถือเป็นผลพลอยได้ล้วน ๆ ไม่ได้มีเจตนาแปลก ๆ อย่างที่ชุนพูดเลย แต่ช่างเถอะ! ครั้งนี้ต้องยอมไปก่อน คนฉลาดเมื่อเสียเปรียบต้องรู้จักยอมเพื่อล่าถอยไปตั้งหลัก

เมื่อเห็นลินจิสงบเสงี่ยม ไม่กล้าต่อปากต่อคำ ชุนก็ยิ้มเย้ยคิดในใจว่า …ให้มันรู้เสียบ้างว่าตนเป็นเทพอัญเชิญของใคร จะได้ไม่พูดหรือทำอะไรตามใจชอบอีก จากนั้นเขาก็คลายมือปล่อยลินจิออกมา ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้ารังเกียจว่า…

“เป็นถึงเทพเจ้าหัดรักษาตัวเสียบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้อื่นเข้าสัมผัสเยี่ยงผ้าเช็ดมือสาธารณะเช่นนั้น”

แม้จะดีใจที่ชุนทำตัวเหมือนเด็กหวงของเล่นกับตน แต่เขาก็ไม่ใช่ของเล่นของใคร บ้าเหรอไงไปเปรียบเทียบเขากับผ้าเช็ดมือ

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด