ตอนที่แล้วตอนที่ 13 หยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 คนแคระโชก้า

ตอนที่ 14 เพลงดาบเงาจันทรา


ตอนที่ 14 เพลงดาบเงาจันทรา

 

หลังบ้านกลางบึงน้ำของจอมเวทจันทราเป็นทุ่งหญ้าเล็ก ๆ เซน่าได้มาเหยียบที่แห่งนี้เป็นครั้งที่สองหลังจากเธด้าทำพิธีขอพรจากดวงจันทร์ล้างคำสาปให้เซน่า

ที่ทุ่งหญ้าเล็กๆ แห่งนี้ มีสตรีใบหน้างดงามสองคน สตรีนางหนึ่งผมดำยาวสลวยความงามของนางไม่ต่างจากบุปผาแรกแย้ม สตรีอีกนางหนึ่งผมยาวสีเงินสีหน้าเย็นชาไม่ต่างจากผลึกน้ำแข็งส่องประกายสะท้อนแสงอาทิตย์

สตรีทั้งสองนางคือเซน่าและจอมเวทจันทราเธด้า เซน่าถือดาบยาวเรียวเล่มหนึ่ง โกร่งดาบเป็นรูปเสี้ยวจันทร์สีเงินไม่ใหญ่นักส่องประกายสะท้อนแสงอาทิตย์อย่างงดงาม ส่วนเธด้าถือไม้กายสิทธิ์สีเงินมีความยาวประมาณครึ่งเมตร หัวไม้กายสิทธิ์แหลมคมดุจคมดาบ ปลายไม้แกะสลักเป็นรูปเสี้ยวจันทรา

เธด้ากล่าวว่า “เข้ามาเถอะ”

เซน่าวิ่งตรงไปหาเธด้า นางฟันดาบใส่ไหล่นางอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

จอมเวทจันทราคล้ายมองไม่เห็นดาบนี้อยู่ในสายตา นางจี้ปลายไม้กายสิทธิ์อย่างรวดเร็วแทงใส่หน้าอกเซน่า แม้ใช้ทีหลังแต่กลับจู่โจมถึงก่อน จนเซน่าต้องรั้งดาบกลับและขยับกายหลบไป

แต่เพลงดาบของจอมเวทจันทราหาได้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ นางจี้ปลายไม้กายสิทธิ์ติดตามเซน่าไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเซน่าจะขยับกายหลบไปในทิศทางใด ปลายไม้กายสิทธิ์จอมเวทจันทราก็ตามติดไปคล้ายเถาวัลย์ที่เกาะเกี่ยวต้นไม้ไม่มีวันปล่อย

เซน่าไม่เสียที่มีเพลงดาบยอดเยี่ยมติดตัวมาแต่เดิม นางแทงดาบสวนอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า โดยไม่สนใจไม้กายสิทธิ์ของจอมเวทจันทราอีก ซึ่งอย่างมากก็ตกตายตามกัน นี่เป็นวิธีพลิกจากแพ้เป็นชนะของนาง

เคร้ง ! เสียงดาบและไม้กายสิทธิ์ปะทะกัน จอมเวทจันทรารั้งไม้กายสิทธิ์กลับไปป้องกันตัว เซน่าเห็นวิธีตนได้ผล รีบขยับข้อมือเล็กน้อย หวังตวัดดาบในมือกรีดใส่ใบหน้าจอมเวทจันทราทันที !

แต่นางคาดการผิดไป

เพลงดาบเงาจันทรา ชมดูจันทร์เพ็ญ

เธด้าขยับไม้กายสิทธิ์เป็นรูปวงกลมดุจดวงจันทร์เพ็ญ ดาบของเซน่าคล้ายถูกแรงดึงดูดที่มองไม่เห็นของดวงจันทร์รั้งไว้ ดาบของนางถูกจอมเวทจันทราชักจูงให้ขยับเป็นรูปวงกลม

พริบตาดุจประกายไฟ จอมเวทจันทราขยับไม้สิทธิ์ละจากดาบเซน่าแทงใส่คอเซน่าทันที

เซน่าก็ไม่ชักช้ารีบขยับกายหลบไปด้านขวา แต่ไม้กายสิทธิ์จอมเวทจันทราคล้ายหยั่งรู้อนาคต

เพลงดาบเงาจันทรา ร้อยยิ้มของจันทร์เสี้ยว

เธด้าขยับไม้กายสิทธิ์วกอ้อมเป็นรูปจันทร์เสี้ยวไปด้านซ้าย ดักไปยังทิศทางที่เซน่าขยับกายหลบ หากเซน่ายังหลบมาทางนี้เท่ากับนำร่างกายมารับคมดาบจอมเวทจันทรา

เซน่ารีบแทงดาบอย่างรวดเร็วหวังให้จอมเวทจันทรารั้งไม้กายสิทธิ์กลับคืน จอมเวทจันทราขยับกายวูบหนึ่ง ท่าร่างนางนุ่มนวลดุจสายลมอันอ่อนโยน นางสามารถหลบท่าแทงของเซน่าได้อย่างง่ายดาย

เพลงดาบเงาจันทรา แสงจันทร์ครึ่งดวง

เธด้าหลบดาบของเซน่าที่แทงเข้ามา พร้อมตวัดไม้กายสิทธิ์จากบนสู่ล่างคล้ายต้องการผ่าร่างเซน่าเป็นครึ่งท่อน ได้ยินเสียงหวืดอย่างรุนแรงเป็นเสียงแรงเสียดสีของไม้กายสิทธิ์กับอากาศ ท่าดาบของจอมเวทจันทราครานี้รุนแรงถึงขีดสุด ครอบคลุมส่วนบนร่างกายเซน่าไว้จนไม่อาจหลบหลีกได้อีก อีกทั้งดาบของเซน่าแทงออกแล้วไม่อาจรั้งกลับมาป้องกันกายได้ทัน นางได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้

 

เธด้าหยุดไม้กายสิทธิ์ของนางก่อนที่จะกระทบถูกหน้าผากเซน่า

เซน่าทะนงตนมาตลอดว่าเพลงดาบของนางเป็นอันดับหนึ่งในเพธอส แม้ร่างกายนางจะอ่อนแอไม่เหมือนก่อน แต่ก็คาดไม่ถึงจอมเวทจันทราใช้เพลงดาบประหลาดเพียงสามท่า นางก็ถูกไล่ต้อนถึงกับอับจนหนทางจนพ่ายแพ้

โคโล่ซึ่งยืนชมการต่อสู้ของทั้งสองได้แต่อ้าปากค้าง เขาทราบว่าเพลงดาบของจอมเวทจันทราต้องยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจจนไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้ ส่วนเซน่าโคโล่ยิ่งคาดไม่ถึงว่าจะมีเพลงดาบร้ายกาจไม่เบา ไม่แน่ยังเหนือกว่าเขาตอนจับดาบเสียอีก

เซน่ากล่าวว่า “หากข้ากลับคืนร่างเดิมได้ ไม่แน่จะพ่ายแพ้แก่ท่าน”

เธด้ากล่าวเสียงราบเรียบว่า “แพ้ก็คือแพ้ หากเจ้าพบกับศัตรูจะอ้างเช่นนี้ได้หรือ?”

เซน่าได้แต่นิ่งเงียบไป

เธด้ากล่าวต่อว่า “ข้าท่องเที่ยวไปทั่วแผ่นดินเหนือใต้ ศึกษาหลักการของธรรมชาติอันงดงามอย่างลึกซึ้ง เพลงดาบเงาจันทราของข้าศึกษาจากหลักข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์ รวดเร็วเมื่อสมควรรวดเร็ว เชื่องช้าเมื่อสมควรเชื่องช้า ไม่มีหลักยึดติดตายตัว เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

เซน่าพยักหน้าเข้าใจ นางเป็นยอดฝีมือในเชิงดาบอยู่แล้วจึงเข้าใจได้ไม่ยาก จากนั้นเธด้าก็อธิบายหลักการของเพลงดาบเงาจันทราอย่างละเอียดพร้อมสอนให้อีกหลายท่าด้วยการกรีดวาดไม้กายสิทธิ์ประกอบ จากนั้นให้เซน่าร่ายรำดาบให้ดู โคโล่ซึ่งอยู่แต่ไกลไม่อาจได้ยินเคล็ดลับวิชาดาบเงาจันทราของเธด้า

โคโล่เห็นเซน่ากรีดวาดดาบออก บางครั้งแทงวกอ้อมอย่างรวดเร็ว บางครั้งแทงย้อนกลับอย่างเชื่องช้า เขาไม่เชี่ยวชาญการใช้อาวุธดาบจึงไม่อาจเข้าใจได้

เธด้าเห็นเซน่าเรียนรู้อย่างรวดจึงพยักหน้าเป็นการชมเชย จากนั้นจึงกล่าวว่า “เรียนรู้วันแรกก็เข้าใจหลักการของเพลงดาบเงาจันทราได้อย่างรวดเร็วนับว่าไม่เลว เจ้าฝึกซ้อมไปเรื่อย ๆ ข้าจะไปพักผ่อน”

เซน่าฝึกซ้อมอย่างไม่ลดละ นางจำได้วันที่ปะทะกับจอมเวทจันทราก่อนหน้า นางเกือบตายใต้ไม้กายสิทธิ์ของจอมเวทจันทรา เพลงดาบของเธด้าวันนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ หากนางฝึกได้เช่นนั้นบ้าง ต่อให้กายเป็นสตรีไม่แน่ก็อาจบุกไปสังหารซาอูล้างแค้นได้เช่นกัน

 

ผ่านไปสิบวันเซน่าเรียนรู้เพลงดาบเงาจันทราได้รุดหน้าก้าวไกล จอมเวทจันทราเห็นจึงกล่าวว่า

“เจ้าทำได้ดีกว่าที่คาดคิดไว้ หากต้องการใช้เพลงดาบได้แบบข้า เจ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของธรรมชาติรอบกายให้ดี อย่าได้เอาแต่นึกถึงเรื่องของตัวเอง เมื่อเจ้าเข้าใจเพลงดาบเงาจันทราก็ไม่มีประโยชน์อีก”

เซน่ารู้สึกเธด้ากล่าวว่ากระทบนางเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรเพราะเซน่ากำลังครุ่นคิดแนวทางดาบที่จอมเวทจันทราสอนอยู่

เธด้าทราบว่าเซน่าไม่เข้าใจ จึงขยับไม้กายสิทธิ์สีเงินของนางจู่โจมใส่เซน่าอย่างรวดเร็ว เซน่าใช้เพลงดาบเงาจันทราท่าชมดูจันทร์เพ็ญกรีดดาบเป็นรูปวงกลมรับไม้กายสิทธิ์ของเธด้าไว้

ทันใดทิศทางไม้กายสิทธิ์ของเธด้าก็เปลี่ยนไป ไม้กายสิทธิ์ของเธด้าคล้ายสายลมพัดไม่อาจจับต้องได้ การป้องกันของเซน่าจึงพลาดผิด เธด้าขยับกายอย่างรวดเร็ววกอ้อมไปด้านหลังเซน่า แทงไม้กายสิทธิ์ด้วยความเร็วสูงสุด เซน่าสะบัดดาบกลับหลังหมายรับท่าแทงนี้ไว้ แต่จอมเวทจันทราหดไม้กายสิทธิ์กลับ จากนั้นพลันฟาดฟันออกดุจทะเลคลั่ง เซน่าได้แต่ถอยกายไม่หยุด

เซน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นพลันใช้เพลงดาบจันทรา “แสงจันทร์ครึ่งดวง” ฟันดาบจากบนลงล่างอย่างรุนแรงหมายทำลายท่าดาบของเธด้า แต่ไม้กายสิทธิ์ของเธด้าพลันหยุดนิ่งดุจขุนเขาอันมั่นคง เธด้ากะจังหวะพอดีเป็นที่สุด นางใช้ไม้กายสิทธิ์กระแทกใส่ใบดาบเซน่าที่ฟันลงมา ทำให้ทิศทางดาบเซน่าเบี่ยงเบนไป จากนั้นพลันแทงไม้กายสิทธิ์ใส่ปลายคอเซน่าอย่างรวดเร็วดุจประกายไฟ แต่ครานี้เซน่าเรียนรู้เพลงดาบจากจอมเวทจันทรา นางก้าวเท้าเป็นรูปจันทร์เสี้ยวก็หลบได้ พร้อมแทงดาบวกอ้อมเป็นรูปเสี้ยวจันทร์อย่างรวดเร็วใส่เธด้า

เธด้าถอยกายไปหนึ่งก้าว หลบดาบของเซน่าได้อย่างง่ายดาย เธด้ากล่าวว่า

“เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?”

เซน่าพยักหน้าเข้าใจ นางทราบว่าเพลงดาบที่เธด้าใช้เมื่อครู่เพื่อชี้แนะนาง คือเพลงดาบที่เธด้าศึกษาจากหลักการธรรมชาติ ความมั่นคงของขุนเขา ความคลุ้มคลั่งของท้องทะเล ความไวของแสง ความอ่อนโยนของสายลม เพลงดาบของเธด้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

เซน่าอยู่ในแดนเหนือไม่เคยเห็นท้องทะเลมาก่อน แต่นางก็ทราบว่าเพลงดาบจอมเวทจันทราแต่ละท่าล้วนอาศัยหลักของธรรมชาติ

ขั้นแรกเธด้าสอนเพลงดาบเงาจันทร์ทราให้เซน่าก่อน แต่ก็ได้ชี้แนะเพิ่มเติมว่าสุดท้ายหลักของเพลงดาบขึ้นอยู่กับการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

เมื่อเข้าใจหลักของธรรมชาติก็สามารถใช้เพลงดาบได้ตามปรารถนา เพลงดาบเงาจันทราก็ไม่จำเป็นอีก

เวทมนตร์ทุกธาตุในโลกก็เกิดมาจากการเข้าใจพลังของธรรมชาติ หลักของเพลงดาบก็เช่นกัน

 

ในชีวิตเซน่าไม่ยอมแพ้ผู้ใดมาก่อน นางยังยอมรับว่าเพลงดาบจอมเวทจันทราเหนือกว่านางมากนัก เมื่อได้รับการชี้แนะหลักเพลงดาบที่สูงสุดยอดเช่นนี้ นางอดกล่าวไม่ได้ว่า “ขอบคุณ”

จอมเวทจันทรากล่าวว่า “ดาบสีเงินที่อยู่ในมือเจ้าเป็นดาบที่ข้าใช้ตอนฝึกเพลงดาบใหม่ ๆ เรียกว่าดาบ ”มูนสตรอง“(Moon Strong) เป็นอาวุธระดับหายาก (Rare) คุณสมบัติพิเศษคือมันสามารถทนทานรับแรงกระแทกของอาวุธและเวทมนตร์ทุกชนิดได้โดยไม่หัก ความคมกล้าก็ถือว่าเหนือกว่าดาบทั่วไป ข้าให้เจ้ายืมชั่วคราว หากเจ้าได้หยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียนเมื่อใดให้นำมาคืน”

เซน่ากล่าวถามว่า “ทำไมท่านดีกับข้าที่เพิ่งรู้จักนัก?”

เธด้ากล่าวว่า “เพราะเจ้ากับข้ามีศัตรูที่ยิ่งใหญ่คนเดียวกัน ข้าเห็นพลังของเจ้าตอนกลับคืนร่างเป็นบุรุษในวันนั้นแล้ว หากเจ้าร่วมมือกับข้าก็มีโอกาสสังหารซาอูได้ แม้ตอนนี้มันจะเป็นถึงกษัตริย์แห่งเพธอสแล้วก็ตาม”

เธด้าจ้องตาเซน่าด้วยแววตาเย็นชาแต่แหลมคมดุจคมดาบกล่าวต่ออีกว่า “แต่เจ้าห้ามใช้เพลงดาบข้าสังหารผู้บริสุทธิ์ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแน่ ต่อให้เจ้าได้หยดน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งลอเลียนมา ข้าก็จะไม่บอกวิธีใช้แก่เจ้า”

เซน่าความจริงไม่ชอบให้ใครมาสั่งหรือข่มขู่ แต่เห็นจอมเวทจันทราสีหน้าเคร่งเครียดก็ได้แต่พยักหน้าและกล่าวว่า “หากมันมาหาเรื่องข้าก่อนเล่า?”

เธด้าล้วงเข้าไปในเสื้อยาวของนางพลันโยนถุงแพรสีฟ้าเข้มให้เซน่ารับไว้ ถุงแพรมีขนาดเท่ากำมือ เธด้ากล่าวว่า “นี่คือผงสู่ราตรี ผู้ใดสูดดมผงนี้จะหลับใหลถึงยามเช้าของอีกวัน ไว้ใช้สำหรับผู้ที่มาหาเรื่องเจ้า จำไว้อย่าได้ฆ่าคนตามใจชอบ”

พูดคุยกันอีกสักพัก เซน่าและโคโล่ก็กล่าวลาจอมเวทจันทราเธด้า ออกจากป่าไม่หวนกลับ ทั้งสองขี่ม้าโคลวินด์ของโคโล่ออกเดินทางต่อไป

 

โคโล่ขี่ม้าโคลวินด์มาถึงบริเวณหมู่บ้านดอร์มัง เขาคิดจะเข้าไปซื้อเสบียงในหมู่บ้าน แต่เซน่าปฏิเสธไม่ยอมเข้าหมู่บ้าน นางบอกว่านางไม่ชอบหมู่บ้านนี้ โคโล่เห็นนางเคยถูกทำร้ายในหมู่บ้านนี้ก็ไม่อยากขัดใจ เขาจึงให้เซน่ารออยู่ที่ทุ่งหญ้าใหญ่ข้างหมู่บ้านดอร์มังและทิ้งอาชาคู่ใจให้เซน่าเผื่อจำต้องใช้ ส่วนเขาทะยานกายดุจสายลมเข้าไปในหมู่บ้าน

เซน่าเหม่อมองท้องฟ้าอันสว่างสดใสของแดนใต้ หวนนึกถึงบรรยากาศในเมืองเพธอสที่มีแต่เมฆทมิฬมืดครึ้มปกครองช่างแตกต่างกันมากนัก

ไม่นานนัก เซน่าเห็นโคโล่วิ่งมาอย่างรวดเร็วดุจลมพายุ สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด โคโล่ถามว่า

“เจ้าทำอะไรกับคนในหมู่บ้าน”

เซน่าถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ข้าเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อซื้อขนมปัง มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งจำหน้าข้าได้ เขาหาว่าข้าเป็นพวกกับฆาตกรฆ่าคนในหมู่บ้านสามคน!”

โคโล่กล่าวเสียงเครียดว่า “ชาวบ้านบอกว่าสิบวันก่อนมีบุรุษชุดดำมาในหมู่บ้านยามค่ำคืน มันสังหารคนหมู่บ้านสี่คนที่เคยทำร้ายเจ้าในโรงเตี๊ยมสุขสันต์ แต่โชคดีที่มันไม่ทันฆ่าคนหนึ่งเพราะชาวบ้านยกพวกมาช่วยได้ทัน คนผู้นั้นชื่อแสตนตัน”

โคโล่กล่าวต่อว่า “แสตนตันรอดชิวิตมาได้ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าชายชุดดำต้องการล้างแค้นให้เจ้า ตอนนี้เขาแทบเป็นคนเสียสติหวาดกลัวอยู่แต่ในบ้าน จนเพื่อนบ้านต้องไปดูแลเขา”

เซน่าไม่ชอบให้คนคาดคั้นกดดันจึงกล่าวเสียงดังว่า “ฆาตกรเป็นบุรุษชุดดำแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า?”

โคโล่กล่าวว่า “มีชาวบ้านหลายคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมสุขสันต์จำได้ว่าข้าเคยช่วยเจ้าไว้ เขาจึงหาว่าข้าเป็นพวกเดียวกับฆาตกรจึงคิดรุมจับข้า แต่ข้าใช้เวทเวิร์ดวินด์ (Whirl Wind – ลมหมุนทะยาน) เรียกกระแสลมกระโดดออกมาจากวงล้อมชาวบ้านได้”

โคโล่กล่าวถามว่า “ฆาตกรชุดดำเป็นใคร? ข้าจำได้เจ้าเคยสั่งตัดชุดดำและเคยเห็นเจ้าใส่ชุดดำ!”

เซน่านึกถึงเหตุการณ์ตอนตนเองกลับร่างเป็นเรดิกัลสังหารคนที่เคยทำร้ายตนเองในตอนเป็นสตรีไปสามคน แต่บุรุษชื่อแสนตตันรอดไปได้เพราะตนเองกลับร่างเป็นสตรีเสียก่อน

เซน่ายังไม่ยอมรับกล่าวว่า “ข้าไม่รู้จักฆาตกรชุดดำอะไรนั่น โคโล่เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล”

โคโล่กล่าวคาดคั้นว่า “สิบวันก่อนที่ชาวบ้านสามคนตาย เป็นวันที่ข้ากับเจ้าไปพบจอมเวทจันทรา เจ้าอ้างไปคุยธุระและเอาชุดบุรุษสีดำไปด้วย ตอนนั้นจอมเวทจันทราใช้ผงหลับใหลใส่ข้า คืนนั้นมีอะไรกันแน่? พวกเจ้าพูดคุยธุระอะไรกันแน่?”

เซน่าขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด นางย่อมไม่อาจบอกโคโล่ว่านางถูกสาปเป็นสตรี คืนนั้นจอมเวทจันทราทำพิธีให้นางกลับคืนร่างเป็นบุรุษได้ชั่วคราว แต่ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษ คนสามคนนั้นก็ตายในเงื้อมมือนางจริง ๆ

ขณะกำลังครุ่นคิดคำเท็จได้ยินโคโล่กล่าวว่า “ข้านึกไม่ถึงเจ้าจะมีจิตใจอำมหิตเพียงนี้”

ประกายแสงสีเงินกรีดวูบ

เป็นดาบที่รวดเร็วยิ่งกว่าประกายแสง !

โคโล่รีบใช้เวทเวิร์ดวินด์เรียกลมถอยกายไปอย่างรวดเร็ว ที่แท้เซน่าชักดาบฟันใส่โคโล่

เซน่าถูกโคโล่คาดคั้นตำหนิ โทสะประดังขึ้นสะกิดธาตุแท้อันอำมหิตขึ้น นางใช้เคล็ดเพลงดาบเงาจันทราฟันใส่โคโล่ด้วยความขาดสติ เห็นเสื้อผ้าสีเขียวของโคโล่ถูกกรีดขาดบริเวณหน้าอกเป็นทางยาว หน้าอกมีเลือดไหลออกเล็กน้อย ครั้งนี้แม้แต่โคโล่ก็ตื่นตระหนก ตวาดถามว่า

“เจ้าจะฆ่าข้า?”

เมื่อได้สติ เซน่าก็ตกใจไม่น้อย นางไม่คิดว่าเพลงดาบนางจะรวดเร็วถึงปานนี้ สิบวันที่เรียนรู้เพลงดาบที่บ้านจอมเวทจันทราส่งผลต่อฝีมือนางอย่างคาดไม่ถึง

เซน่าระงับสติกล่าวเสียงราบเรียบว่า “เจ้าไม่ต้องไปกับข้าแล้ว”

เซน่าเก็บดาบมูนสตรองเข้าฝักสีเงินอันงดงาม จากนั้นเดินไปท่ามกลางทุ่งหญ้าอย่างเดียวดายทิ้งให้โคโล่ที่ยืนตะลึงอยู่ข้างหลังและห่างไกลไปเรื่อย ๆ

 

------------------------

พอเซน่าเก่งขึ้นก็เล่นโคโล่ซะแล้ว สงสารโคโล่ ตอนต่อไปพบตัวละครใหม่สุดฮา รับรองสนุกแน่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด