SH.12 – เงาที่คืบคลาน
12 – เงาที่คืบคลาน
แผนในตอนแรกของโรดส์คือการหยุดพักบริเวณใกล้ทะเลสาบแสงจันทร์ ก่อนที่จะเดินทางต่อ แต่หลังจากเผชิญหน้ากับหมาป่าเงิน เขาเปลี่ยนแผนเนื่องจากกลิ่นเลือดจากศพของหมาป่าเงินจะนำปัญหามาให้พวกเขา
โรดส์เลือกเนินสูงใกล้ทะเลสาบแสงจันทร์และตั้งแคมป์ ก่อนพระอาทิตย์ตก
หลังจากกินอาหารเย็น โรดส์ทำหน้าที่เฝ้ายามอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายของเขาจะตึงเครียดมาก แต่ไม่มีทางเลือก เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับป่าพระจันทร์สีเงินมากที่สุด
พ่อค้าอ้วน แมทอาสาจะช่วย แต่เมื่อเขาเห็นโรดส์และไลซ์จ้องไปที่ร่างอันอ้วนท้วนของเขา เขาก็เดาคำตอบได้ ดังนั้นเขาจึงนั่งลงและเสียใจกับร่างกายอย่างเจ็บใจ
ในขณะเดียวกัน ไลซ์ไม่ได้อยู่เฉยๆ ตอนนี้เธอกำลังคุกเข่าอยู่ด้านข้างโรดส์และวางมือบนไหล่ของเขา
“Aliy-Mia” (ภาษามังกร - รักษา)
ขณะที่เธอร่ายเวทย์ แสงสว่างค่อยๆถิอกำเนิดออกมาบนมือของเธออย่างช้าๆและปกคลุมไปยังร่างของโรดส์
ใน Dragon Soul Continent ผู้ใช้เวทมนตร์ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ได้รับลิ้นมังกรสามารถร่ายเวทมนตร์ได้ทั้งหมด 70% จากที่มนุษย์ได้เรียนรู้มาจากมังกร และอีก 30% เป็นของเหล่าทูตสวรรค์ เอลฟ์ ปีศาจและอันเดด
บรรพบุรุษที่เก่าแก่ที่สุดใน Dragon Soul Continent ได้ถือกำเนิดมาจากห้ามังกรผู้สร้าง พวกเขาได้สืบทอดพรสวรรค์ของมังกรในด้านเวทมนตร์และอายุขัยที่ยืนยาว เพื่อแสดงความเคารพ เหล่าบรรพบุรุษที่เก่าแก่ที่สุดได้แบ่งดินแดนในทวีปไว้ 3 ดินแดนแตกต่างกันไป : ประเทศแห่งความมืด(มังกรแห่งความมืด) ประเทศแห่งแสง(มังกรแสง)และประเทศแห่งกฎเกณฑ์(มังกรแห่งกฎเกณฑ์) เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าระบบการปกครองของแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไร แต่ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังคงเป็นผู้สืบทอดจิตวิญญาณมังกรเสมอ ทูตสวรรค์ลำดับที่ 2 ตามมาด้วยเอลฟ์ ปีศาจและอันเดด อมนุษย์และสุดท้ายคือมนุษย์
แน่นอนว่าระบบการปกครองของทุกประเทศแตกต่างกันไป การแข่งขันของแต่ละเผ่าพันธุ์ในแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน สำหรับการปกครองแบบราชาธิปไตย ประเทศแห่งความมืดมีระบบวรรณะค่อนข้างเข้มงวด ไม่มีมนุษย์อยู่ในหมู่ชนชั้นสูง ในขณะเดียวกัน ประเทศแห่งแสงปกครองแบบระบอบประชาธิปไตย ครึ่งหนึ่งในสมาชิกชั้นสูงในสภาล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ทั้งหมด
ประเทศแห่งกฎเกณฑ์ถูกปกครองโดย ทูตสวรรค์ เอลฟ์และมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน จำนวนของแต่ละเผ่าพันธุ์สมดุลกัน ซึ่งแต่ละเผ่าพันธุ์มีสมาชิก 1 ใน 3 นั่นเป็นเพราะระบบการปกครองแบบศูนย์กลาง พวกเขาศรัทธาในเส้นทางแห่งความสมดุล สำหรับพวกเขา ความเท่าเทียมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
โรดส์ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ทั้งหมดในทวีปนี้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป นั่นทำให้เขากังวล ในเกม ผู้เล่นเป็นเพียงผู้เล่น ถ้าพวกเขาไม่ต้องการเล่นเกม พวกเขาแค่ล็อกเอ้าท์ออกจากเครื่อง VR อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างออกไป เขากลายมาเป็นส่วนหนึ่งในทวีปนี้ จากนั้นเขาควรจะทำอย่างไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น?
“คุณโรดส์...”
“คุณโรดส์!?”
“ว่าไง?”
เสียงของไลซ์ปลุกให้โรดส์ตื่นจากความคิด เขามองและเห็นเด็กสาวตรงหน้าเขา หลังจากนั้นไลซ์เริ่มกลับไปเป็นเหมือนเดิม คิ้วของเธอเริ่มขมวด เผยให้เห็นความวิตกกังวล แต่เมื่อเทียบกับ ‘จุดจบของโลก’ สีหน้า ‘เศร้า’ เหล่านี้ดูดีกว่ามาก
“ก็แค่....”
ไลซ์ส่ายศีรษะและมองไปยังแมทที่นั่งอยู่ข้างกองไฟที่กำลังนั่งนับบางอย่างในกระเป๋าด้วยสีหน้าเจ็บปวดราวกับถูกงูกัด เธอลดเสียงต่ำลงและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก่อน...การต่อสู้ครั้งก่อน ฉันรู้สึกได้ถึงบางอย่าง”
“หือ?”
เมื่อได้ยิน โรดส์ยกคิ้วขึ้น
“ได้ยินอะไร?”
“ฉันรู้สึกได้ถึงออร่าแห่งความมืดจากร่างของจ้าวแห่งอสรพิษลม”
ไลซ์กัดริมฝีปาก
“แต่ออร่านั้นเบาบางมาก แตกต่างจากที่มอนสเตอร์ธาตุมืดทั่วไปมี...คุณโรดส์ อสรพิษลมนั่นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธาตุมืดไม่ใช่หรือคะ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ อสรพิษลมเป็นธาตุลมและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธาตุมืด แต่...”
“คุณแน่ใจนะ?”
“ฉันแน่ใจค่ะ”
เมื่อได้ยินไลซ์ตอบอย่างมั่นใจ เขาเริ่มจมเข้าสู่ความคิดอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนเขารู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน Dragon Soul Continent อสรพิษลมได้โจมตีเรือของพ่อค้าอย่างต่อเนื่องและไล่สังหารประชาชน เมื่อประเทศแห่งแสงตามสืบเรื่องนี้ พวกเขาพบว่าจริงๆแล้วพวกมันเหล่านี้ถูกชี้นำโดยพวกเร่ร่อนจากเขตพิพาทบริเวณชายแดนของภาฟิวด์ทางตอนใต้ซึ่งเป็นอาณาเขตติดต่อกับประเทศแห่งความมืด ไม่นานหลังจากนั้นประเทศแห่งแสงส่งกองทัพของพวกเขาไล่โจมตีและจัดการขับไล่พวกมันออกไป ผลจากการกระทำเช่นนี้ทำให้ประเทศแห่งความมืดส่งกองทัพไปโจมตีประเทศแห่งแสงและทวงคืนพื้นที่ที่อ้างว่าเป็นของพวกตน เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างทั้งสองดินแดน
เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในช่วงเบต้า เมื่อโรดส์และผู้เล่นคนอื่นกำลังวุ่นวายอยู่กับการทำความคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ระบบและการอัพเกรด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจรายละเอียดลึกซึ้ง หลังจากสิ้นสุดช่วงเบต้า เมื่อเกมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ สงครามระหว่างประเทศแห่งแสงและประเทศแห่งความมืดก็เริ่มขึ้นแล้ว สำหรับเหตุการณ์จริงๆที่เกิดขึ้น เหล่าผู้เล่นได้เพียงแค่คาดเดาเท่านั้น
มีหลายทฤษฎีเกิดขึ้น บางพวกบอกว่าประเทศแห่งแสงพยายามทวงดินแดนของตนคืน แต่เรื่องราวกับบานปลาย บางคนคิดว่าประเทศแห่งความมืดจงใจยั่ยยุประเทศแห่งแสงและเริ่มสงครามเพื่อขยายดินแดนของตน หลายคนคิดเช่นกันว่าประเทศแห่งความมืดจับจ้องประเทศแห่งแสงมาเป็นเวลานาน และเมื่อเกิดปัญหาขึ้น พวกเขาไม่ได้จัดการปัญหาอย่างเหมาะสม แน่นอนว่าผู้เล่นไม่มีสิทธิ์พอจะพูดอะไร มันเป็นเพียงการคาดเดาล้วนๆที่พวกเขาพยายามคิดและค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น
โรดส์เชื่อว่ามีบางคนพูดถูก ชายแดนของทางใต้ของภาฟิวด์อุดมไปด้วยเหมืองแร่คริสตัลมากมาย สำหรับหลายๆดินแดน นั่นเป็นทรัพยากรที่สำคัญมาก ไม่มีเหตุผลที่ประเทศแห่งแสงจะปล่อยพื้นที่เหล่านั้นไป และประเทศแห่งความมืดมีผู้ปกครองที่ทรงพลังมากในยุคนั้น ในช่วงสงคราม แม้แต่ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงยังไม่สามารถเทียบความแข็งแกร่งกับเขาได้ มีข่าวลือมาว่าเขาไม่ใช่ NPC แต่เป็นผู้เล่นที่เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเกม
ถึงอย่างนั้นผู้เล่นหลายคนผิดหวังกับการตัดสินใจของสภาของประเทศแห่งแสง มีคำสั่งโง่เง่ามากมายนำไปสู่การร้องเรียนของผู้เล่นจำนวนมาก สุดท้าย ประเทศแห่งแสงไปกล่าวหาบางคนว่าใช้ประเทศแห่งความมืดเป็นข้ออ้างในการต่อต้านประเทศแห่งแสง
แต่อย่างไรก็ตาม ลางสังหรณ์ของไลซ์นั้นค่อนข้างตรง ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตธาตุแสง ทูตสวรรค์มีสัมผัสที่ไวต่อออร่าธาตุมืดมาก เนื่องจากเธอได้สืบทอดสายเลือดครึ่งหนึ่งมา ประสาทสัมผัสของเธอจึงค่อนข้างไว นั่นหมายความว่าอสรพิษลมโจมตีเรือพ่อค้าถูกวางแผนไว้แล้วโดยประเทศแห่งความมืด พวกเขาพยายามยั่วยุประเทศแห่งแสงให้ส่งกองทัพออกมาโจมตีกลับงั้นรึ?
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย
“ไลซ์ สิ่งที่คุณพูดก่อนหน้านี้ อย่าไปบอกใครเด็ดขาด”
“ได้ค่ะ คุณโรดส์”
เมื่อได้ยินคำตอบจากโรดส์ เธอพยักหน้า จากนั้นเธอวางมือบนไหล่ของเขาและตรวจสอบอาการบาดเจ็บอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดๆของเธอเผยรอยยิ้มออกมา
“อาการบาดเจ็บของคุณเกือบจะหายดีแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณควรจะหายดีใน 5-6 วัน”
“ขอบคุณ”
โรดส์พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก้มหน้าดูข้อมูงระบบของเขา
ค่า HP ของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว ถ้าเขานอนอยู่นิ่งๆซัก 2-3 วันเขาจะหายดี แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขาต้องทำ
ฉันควรทำอะไรเป็นอย่างแรก?
โรดส์ขมวดคิ้วและจมเข้าไปในความคิด
ในขณะเดียวกัน ณ จุดที่เรือร่วงลงไป มีเงา 2 เงากำลังเดินอยู่ในป่าอย่างช้าๆ
“นั่นเรือรึ?”
ชายคนแรกถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาสวมชุดเกราะสีขาวมีลวดลายสีทองสีทองถูกแกะสลักไว้ ถ้าโรดส์อยู่ที่นี่ เขารู้จักสัญลักษณ์นี้ทันที มันเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพปกป้องชายแดนของประเทศแห่งแสง
ชายอีกคนปกคลุมไปด้วยผ้าคลุมสีดำทั่วทั้งร่าง ร่างของเขาไม่เปิดเผยออกมาแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินคำพูดของชายอีกคน เขาพยักหน้า
“พวกมันฆ่าสมุนของข้า”
น้ำเสียงแหบพร่าดังกึ่งก้องไปทั่วทั้งป่าในยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเยือกเย็น
“การถูกฆ่าโดยกลุ่มทหารรับจ้างกระจอกแบบนี้ ดูเหมือนว่าสัตว์เลี้ยงของเจ้าจะไร้ความสามารถซะแล้ว”
“นั่นไม่ใช่เพราะเจ้ารึ?!”
ชายในชุดดำตะโกนออกมาทันที
“ถ้าเจ้าเลื่อนขั้นให้ข้าไปอยู่ในระดับผู้บัญชาการ...หรือไม่ก็ระดับลอร์ด ข้าคงไม่ใช้สิ่งชีวิตชั้นต่ำแบบนี้หรอก!”
“ไร้สาระ ระดับผู้บัญชาการรึ?”
ชายอีกคนตะคอกกลับอย่างเย็นชา
“เจ้าคิดว่าพวกข้าเป็นใคร? ข้าต้องทำหน้าที่จัดหาทรัพยากร ถ้าพวกข้าทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง พวกข้าจะใช้เจ้าทำไม?”
จากนั้นชายคนนั้นหยุดพูดและลดน้ำเสียงต่ำลง
“ใช้เวลานานเท่าไรในการฟื้นฟูกองกำลังของเจ้า?”
“อย่างน้อยก็ครึ่งเดือน เจ้าคิดว่ามันง่ายรึไงที่จะหาอสรพิษลมได้มากมายขนาดนั้น?”
“10 วัน เพิ่มค่าจ้างเป็นสองเท่า”
เมื่อสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ เมื่อแสดงสีหน้าดำคล้ำ เขาเอื้อมมือไปหยิบถุงเงินออกมาและโยนออกไป
เมื่อถุงเงินร่วงลงพื้น เสียงกระทบของทองคำดังขึ้น ชายในผ้าคลุมดำลดร่างลงและยื่นมือออกไปเปิดถุงเงินและปิดมันในทันที
“ได้ 10 วัน ตกลง”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะรู้นะว่าให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้”
“แน่นอน ข้าเข้าใจ...จริงสิ ดูจากเรือล่มแล้ว ดูเหมือนจะมีหนู 3 ตัวรอดไปได้ เจ้าจะให้ข้าช่วยจัดการพวกมันไหม?”
“ไม่จำเป็น”
ชายคนนั้นโบกมือ
“ข้ามีวิธีของข้า”
เมื่อได้ยินคำตอบ ชายชุดดำหัวเราะอย่างเย็นชา
“ดี ข้าจะรอดูสิ่งที่เจ้าทำ”
หมอกหนาปรากฏขึ้นและปกคลุมไปยังร่างชายชุดคลุมดำ หลังจากนั้น เขาหายไป เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของชายหนุ่มอีกแสดงออกมาอย่างรังเกียจ
“ไอ้อันเดดโลภมาก! ซักวัน กระดูกของเจ้าจะกลายเป็นเถ้าถ่าน!”
เมื่อสบถอีกครั้ง ชายคนนั้นหันกลับและกวาดตาไปรอบๆป่า เขาวางมือไว้บนด้ามจับ มืออีกข้างหนึ่งเอาเข้าปากและเป่านกหวีดเสียงดัง
ในไม่ช้า กริฟฟินบินโฉบลงมาจากท้องฟ้าและลงจอดที่พื้น ในขณะเดียวกันนั้น เงาของทั้ง 3 คนโผล่ขึ้นมาในส่วนลึกของป่า ชายหนุ่มมองไปยังพวกเขาทั้งสาม แต่ในไม่ช้า เขาหันร่างกลับและออกคำสั่งกับกริฟฟิน
“ไปค้นหาไอ้พวกหนู 3 ตัวและสังหารพวกมันซะ”
เขาสั่งการออกไปด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างไปจากเดิม