ตอนที่แล้วทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 32
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 34

ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 33


ตอนที่ 33

“วิ่งสิบกิโลเมตรเถอะ” จันเจี๋ยเฉิงพูด ดูจากระดับการฝึกซ้อมในแต่ละด้านของวันนี้แล้ว เขาแย่ที่สุด   โดยเฉพาะความแข็งแกร่งของร่างกาย

“ได้” เปาต้าเหว่ยพยักหน้า ถ้าดูจากระดับการฝึกซ้อมในแต่ละด้านของวันนี้ เขาแย่เป็นอันดับสอง ยกเว้นการก้าวขาป้องกันกับจันเจี๋ยเฉิงถือว่าเขาแย่ที่สุด

หลังจากเมื่อเช้าผู้เล่นกวงเป่ยทุกคนผ่านการฝึกซ้อมอย่างบ้าคลั่ง ในตอนค่ำพวกเขาเพิ่มความแข็งแกร่งในส่วนที่ตัวเองอ่อนแอที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของร่างกาย เทคนิคการเล่นบอล หรือการชู้ตวงนอก

มีบางคนที่เป็นเพราะว่าไม่ยอมแพ้ เช่นเว่ยอี้ฝานและเซี่ยหย่าซู พวกเขาไม่สามารถยอมรับความแตกต่างของตัวเองกับหลี่กวงเย่าได้ มีบางคนเพราะว่าข้อเรียกร้องของตัวเอง เช่นหยางเจินอี้ ปีนี้เขาอยู่ม.6 เป็นปีสุดท้ายของการเรียนมัธยมปลาย เขาไม่อยากเสียใจภายใจ มีบางคนอยากตามคนอื่นให้ทัน เช่นจันเจี๋ยเฉิงกับเปาต้าเหว่ย เพราะว่าทักษะของพวกเขาแย่กว่าคนอื่น เมื่อฝึกพื้นฐานการเล่นมั่นคงแล้วจึงจะสามารถเปล่งประกายได้

 

เวลาเที่ยงคืน มะระขับรถมากับเซียวฉงอวี๋ถึงไถหนาน และหาโรงแรมค้างคืน

“เอาของลงจากรถ แล้วเดี๋ยวตรวจสอบกับจัดเอกสารให้เรียบร้อย” หลังจากจอดรถแล้ว มะระถอดกุญแจรถออก ลงรถไปเลย ทิ้งเอกสารที่อยู่ที่นั่งด้านหลังทั้งหมดให้มือใหม่จัดการ

“ครับ” เซียวฉงอวี๋หิ้วกระเป๋าใส่เอกสาร รีบตามมะระไป

มะระเช็คอินเข้าห้องพัก พอถือกุญแจเข้าห้องพักไป เวลาก็เกือบจะเที่ยงคืนครึ่ง

“เช็คเอกสารทั้งหมดให้ครบ เรียงตามลำดับให้เรียบร้อย” มะระเปิดม่านออก เดินไปที่ระเบียงเล็กที่สามารถรองรับผู้ชายได้แค่สองคนเท่านั้น จุดบุหรี่ ค่อยๆ ลดความตื่นเต้น ดีใจของตัวเอง

พรุ่งนี้ เขาก็จะได้พบกับไอดอลสมัยมัธยมปลายของเขาแล้ว ผู้ชายที่นำพากวงเป่ยเอาชนะฉี่หนานได้อย่างน่าอัศจรรย์

หากต้องใช้คำพูดมาบรรยาย ความยากในการเอาชนะฉี่หนานในปีนั้น มะระจะเลือกชื่อหนังมาบรรยาย นั่นก็คือ “มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล”

แต่ว่า มิชชั่น อิมพสอสซิเบิ้ลนี้ เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ด้วยชายที่น่าอัศจรรย์

สูบบุหรี่ได้ครึ่งมวน เซียวฉงอวี๋เดินมา “พี่มะระ เอกสารจัดเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ แล้วก็ตรวจสอบหมดแล้ว”

มะระก็ไม่ได้หันไป พูดตอบ “อื้อ เก็บให้เรียบร้อย”

เซียวฉงอวี๋ก็ไม่ได้บ่นอะไร เอาเอกสารที่ถือมากลับไปเก็บ และก่อนหน้านี้ เขาได้ตรวจสอบแล้วหนึ่งครั้งที่ออฟฟิศ ตอนที่อยู่ในรถก็ตรวจสอบอีกครั้ง

มองพี่มะระที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง เซียวฉงอวี๋นึกถึง ช่วงเวลาที่ทำงานอยู่ ‘บาสเกตบอลโมเมนต์’ พี่มะระถูกหัวหน้าบรรณาธิการจงเกลียดจงชัง ก็เหมือนกับอาจารย์ที่ถ่ายทอดรายละเอียดในการทำงานและเรื่องที่ต้องระวังให้เขา ทำให้เขาสามารถทำงานของตัวเองได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น

พี่มะระที่มาทำงานสาย เลิกงานเร็ว เวลาทำงานก็นอน จริงๆ แล้วมีหัวใจที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดมากกว่าคนอื่นๆ ดังนั้นเขาสามารถเข้าใจรูปแบบการทำงานได้อย่างรวดเร็ว หาวิธีจัดการที่เหมาะสม ใช้เวลาน้อยจัดการปัญหา แล้วใช้เวลาที่เหลือพักผ่อน

มองดูท่าทางที่ตื่นเต้นของพี่มะระ เซียวฉงอวี๋พูดว่า “พี่มะระ ทำไมผมรู้สึกว่า พี่รู้ว่าอีกไม่นานก็จะได้พบไอดอล รู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”

มะระดีดก้นบุหรี่ทิ้ง ดับบุหรี่ มองเซียวฉงอวี๋ “ถ้าปีนั้นนายนั่งข้างฉัน ชมการแข่งขันนัดนั้น ปฏิกิริยาของนายก็เหมือนกับฉัน”

เซียวฉงอวี๋ยิ้มอย่างสบายใจ พูดว่า “ยากมากที่จะได้เห็นพี่เป็นแบบนี้ ผมเหมือนเห็นความหัศจรรย์”

“ปฏิกิริยาของผมนี้ไม่ใช่ความมหัศจรรย์ การแข่งขันในปีนั้นถึงจะใช่” มะระตอบสั้นๆ แล้วก็หมุนตัวเดินเข้าห้องพัก “รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้หกโมงเช้าพวกเขามีฝึกซ้อม พวกเราต้องตื่นตีห้าครึ่ง”

 

เวลาตีห้าครึ่ง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เซียวฉงอวี๋ที่หลับสนิท ดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง สีหน้าตกใจโดดลงจากเตียง

เวลานี้มีเสียงเหนื่อยหน่าย จากอีกด้านดังมา “ไม่ต้องตื่นเต้น เพิ่งจะตีห้าครึ่งเอง จากที่นี่ขับรถไปแค่สิบห้านาทีก็ถึงโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยแล้ว ยังมีเวลา”

ถึงแม้มะระจะบอกเซียวฉงอวี๋ไม่ต้องรีบ แต่เซียวฉงอวี๋เห็นพี่มะระโกนหนวดเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เหมือนจะพร้อมออกเดินทางได้ทันที เขาที่อายุน้อยกว่า ไม่สามารถชักช้าได้ หลังจากเขาใช้เวลาห้านาที อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็หยิบเอกสารทั้งหมดออกโรงแรมไปพร้อมกับพี่มะระ ไปโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย

ในเวลานี้ฟ้าเริ่มสว่าง บนท้องถนนนอกจากมีคนที่ตื่นเช้ามาออกกำลังกายแล้ว คนส่วนใหญ่ยังคงนอนหลับอยู่ บนถนนมีรถไม่มาก เดิมทีใช้เวลาสิบห้านาทีถึงจะถึง แล้วก็ไม่ติดไฟแดง พวกเขาใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็ถึงโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย

เมื่อพวกเขาก้าวเข้าประตูโรงเรียนไป ที่สนามกีฬาก็มีเสียงตบลูกบาสดังมา ดังนั้นทั้งสองคนจึงรีบเดินไปทางสนามบาสอย่างรวดเร็ว

หลังจากมะระเห็นคนที่ซ้อมก้าวกระโดดชู้ตที่เส้นจุดโทษ เขาเกือบจะตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น ‘หลี่หมิงเจิ้ง’ สามคำนี้ แต่ว่าหลังจากที่เขามองอย่างละเอียด จึงพบว่าคนที่ฝึกซ้อมชู้ตบาสนั้น ถึงแม้ท่าทาง ความสูง จะคล้ายกับหลี่หมิงเจิ้งในปีนั้น แต่ว่ายังมีบางอย่างที่ไม่เหมือน มะระรีบมองหาในสนาม ไม่นานก็เห็นหลี่หมิงเจิ้งยืนอยู่ข้างสนาม

“ผู้เล่นของกวงเป่ยที่ลงสมัครแข่งขัน มีคนหนึ่งที่นามสกุลหลี่ใช่ไหม?” เพื่อหาคำตอบที่สงสัยอยู่ในใจ มะระรีบถามเซียวฉงอวี๋ที่ถือเอกสารอยู่

เกี่ยวกับข้อมูลของกวงเป่ย นอกจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยแล้ว เซียวฉงอวี๋แทบจะจำทุกอย่างไว้ในหัวจนหมด ดังนั้นแม้ไม่ดูข้อมูล ก็สามารถตอบได้อย่างมั่นใจ “มีผู้เล่นของกวงเป่ยสองคนนามสกุลหลี่ คนหนึ่งชื่อหลี่กวงเย่า อีกคนชื่อหลี่ม่ายเค่อ คนที่ชื่อหลี่ม่ายเค่อ เป็นคนผิวดำ”

มะระพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “หากฉันเดาไม่ผิด คนที่กำลังชู้ตบาสก็คือหลี่กวงเย่า เป็นลูกชายของหลี่หมิงเจิ้ง”

เซียวฉงอวี๋มองสายตามะระ ที่ยากที่จะปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ ภายในใจของเขายังคงปรากฏหัวข้อ ‘กวงเป่ยกับฉี่หนาน ‘การต่อสู้ชี้ชะตา ที่รอมายี่สิบกว่าปี!’’ ที่คิดไว้ในหัวสมองเมื่อคืนนี้ซ้ำไปซ้ำมา เลือดที่ร้อนแรงตรงหน้าอกก็ไหลออกมา

เซียวฉงอวี๋มองหลี่กวงเย่าก้าวขา เคลื่อนไหวกระโดดชู้ตอย่างว่องไว ไม่ว่าจะเป็นจังหวะ ความอ่อนของมือที่ชู้ต แนวโค้งของบอลในอากาศ ไม่มีคำอธิบายความสามารถในการชู้ตวงนอกที่เกินคนได้ เซียวฉงอวี๋มองจนลืมตัว ไม่สามารถละสายตาจากหลี่กวง

เย่าได้

ในขณะที่เซียวฉงอวี๋ลืมตัวว่ากำลังดูหลี่กวงเย่าฝึกซ้อมนั้น ผู้เล่นของทีมกวงเป่ยทยอยมาถึงสนาม แต่ว่าความฮึกเหิม ร่าเริงน้อยกว่าเมื่อวาน วันนี้ความรู้สึกของพวกเขาคืออ่อนล้า ไม่มีแรง

หลี่กวงเย่าพอเห็นเพื่อนร่วมทีม ก็หยุดซ้อมชู้ตบาส ยิ้มมุมปาก “โอ้โห ใช้ได้นี่ จำนวนคนที่ออกจากทีม น้อยกว่าที่ฉันคิดไว้ แต่ว่าดูแล้ว ขาของพวกเธอดูเหมือนไม่มีแรงนะ จะทนการฝึกวันนี้ได้เหรอ?”

“ใครบอกนายว่าขาฉันไม่มีแรง ฉันเห็นมือของนายไม่มีแรง เมื่อตะกี้ชู้ตลูกอะไร อ่อนปวกเปียก ตอนที่แข่งขัน คงโดนบล็อกหมด!” เซี่ยหย่าซูไม่ยอมรับว่าด้อยกว่า รีบสวนกลับ แม้ว่าหลังจากผ่านการฝึกซ้อมของเมื่อวาน สองขาของหล่อนจะปวดร้าว ไม่มีแรง แต่อย่างไรก็ตามหล่อนไม่ยอมเผยความอ่อนแอของตัวเองให้คนยโสโอหังอย่างหลี่กวงเย่าเห็นอย่างเด็ดขาด

ไมค์เห็นหลี่กวงเย่า จึงเดินไปหาเขาด้วยความดีใจ “ฉันปวดขามาก ไม่มีแรงเลย วันนี้หากฝึกซ้อมเหมือนเมื่อวาน ฉันกลัวว่าจะตามไม่ทัน

หลี่กวงเย่าตบที่ไหล่ไมค์ “สบายใจได้ พ่อฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้น การฝึกซ้อมวันแรก เป็นเพียงแค่บีบคนที่ไม่อยากทุ่มเทเพื่อทีมบาสเกตบอลอย่างแท้จริงออกเท่านั้น พวกนายไม่ใช่ฉัน ไม่มีทางที่จะคุ้นชินกับการฝึกซ้อมในระดับเข้มข้นแบบนี้ได้อย่างรวดเร็ว” สองประโยคสุดท้าย หลี่กวงเย่าตั้งใจพูดเสียงดัง ทำให้เพื่อนร่วมทีมทั้งหมดได้ยิน

“ดังนั้นการฝึกซ้อมของวันนี้ จะไม่ยึดความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นหลัก แต่จะไปเน้นเพิ่มที่ความเข้าใจกันในการป้องกันในทีม ไม่ต้องกังวล” หลี่กวงเย่ายิ้มให้ไมค์

มะระที่มองหลี่กวงเย่าอยู่นอกสนาม เผยรอยยิ้มบางอย่าง พูดกับเซียวฉงอวี๋ที่อยู่ข้างๆ “คอยสังเกตหลี่กวงเย่านะ”

เซียวฉงอวี๋เข้าใจความหมายของมะระผิด พยักหน้าเห็นด้วยกับที่เขาพูด “ท่าทางการชู้ตบาสของเขา สวยงามจริงๆ แล้วก็แม่นยำมาก”

มะระขมวดคิ้ว “ที่ฉันให้นายคอยสังเกต ไม่ใช่ท่าทางการชู้ตของเขา แต่เป็นรูปแบบการเป็นผู้นำของเขา”

สีหน้าของเซียวฉงอวี๋มีความงงงวย “รูปแบบความเป็นผู้นำ?”

มะระอธิบาย “กัปตันทีมที่อยู่ในทีมบาส จะใช้รูปแบบการชี้นำที่ไม่เหมือนกัน บางคนใช้วิธีให้กำลังใจ รูปแบบการให้กำลังใจ จะทำให้เพื่อนร่วมทีมได้รับการยอมรับ มีบางคนใช้วิธีควบคุมเพื่อนร่วมทีม แต่วิธีที่หลี่กวงเย่าใช้กลับไม่เหมือนแบบอื่น

เซียวฉงอวี๋ถามอย่างสงสัย “พี่มะระ พี่เพิ่งจะมาถึงกวงเป่ย ยังไม่ได้เริ่มสัมภาษณ์ รู้ได้ไงว่าหลี่กวงเย่าเป็นกัปตันทีม?”

มะระยิ้มให้เซียวฉงอวี๋ “เพราะว่าเขาเป็นลูกชายของหลี่หมิงเจิ้ง”

ในเวลานี้ เสียงนกหวีดดังขึ้น อู๋ติ้งหวายืนอยู่ทางวิ่งของสนามตะโกน “รวมตัว!” ผู้เล่นทั้งเจ็ดคนของกวงเป่ยรีบวิ่งมาทางวิ่ง ไม่ได้ระบุว่าให้ยืนอยู่ด้านหน้าอู๋ติ้งหวา

หลังจากรอให้ผู้เล่นยืนให้เรียบร้อย เย่อวี้เฉิงก็แนะนำมะระกับอีกคนให้ผู้เล่นกวงเป่ยรู้จัก “แนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักสักหน่อย สองท่านนี้คือ บรรณาธิการของนิตยสาร ‘บาสเกตบอลโมเมนต์’ วันนี้มาสัมภาษณ์ทีมบาสของพวกเรา ทุกคนไม่ต้องตื่นเต้น ทำตัวเหมือนปกติก็พอ”

มะระพยักหน้าแสดงความเคารพกับผู้เล่นกวงเป่ย เซียวฉงอวี๋ใช้วิธียกมือโบกทักทายทุกคน “วันนี้รู้สึกดีใจมากที่ได้มาเยี่ยมโรงเรียมมัธยมปลายกวงเป่ย พวกเราจะไม่รบกวนการฝึกซ้อมของพวกคุณ ดังนั้นขอให้ทุกคนทำเหมือนเวลาปกติก็พอครับ”

หลี่หมิงเจิ้งตบมือย่างแรง ตั้งใจดึงดูดทุกคน “เอาล่ะ กวงเย่า ออกมานำเพื่อนปฏิบัติ หลังจากวอร์มร่างกายแล้ว วิ่งรอบสนามสิบรอบเหมือนเดิม” พูดจบ หลี่หมิงเจิ้งโบกมือให้หยางซิ่นเจ๋อ “ทำเหมือนเมื่อวาน บันทึกเวลาของแต่ละคนครับ แล้วก็เปรียบเทียบข้อมูลกับของเมื่อวาน ผมต้องการดูผลลัพธ์”

อาศัยช่วงที่หลี่หมิงเจิ้งกำลังดูผู้เล่นวอร์มร่างกาย ยืดกล้ามเนื้อ มะระหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดโหมดบันทึกเสียง พอเซียวฉงอวี๋เดินมาด้านข้างของหลี่หมิงเจิ้ง “โค้ชครับ ขอถามว่าทำไม เว้นห่างไปตั้งยี่สิบปี กวงเป่ยถึงตัดสินใจตั้งทีมบาสเกตบอลอีกครั้งครับ?”

“คำถามนี้ไม่ควรจะถามผม ต้องไปถามผู้อำนวยการเย่ครับ” หลี่หมิงเจิ้งชี้ไปยี่อวี้เฉิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง

เย่อวี้เฉิงเห็นสายตาของมะระกับเซียวฉงอวี๋มองมาที่ตนเอง กระแอมเสียง พูด “ตอนที่ผมอายุไล่เลี่ยกับเด็กๆ ผมตื่นแปดโมงเช้าทุกวัน สิบโมงเช้าถึงโรงเรียน บ่ายสองก็กระโดดจากกำแพงหนีเรียน ในกระเป๋านักเรียนของผม ไม่เคยใส่หนังสือเรียนหรือสมุดเรียนเลย คำพูดที่ครูพูดก็ทำเป็นหูทวนลม ทั้งวันคิดแค่จะหาเรื่องคนอื่น จนกระทั่งผมได้เจอกับบาสเกตบอล ลูกบาสสีแดงส้มลูกนี้ เปลี่ยนแปลงและช่วยชีวิตผมไว้”

“ตนเองเป็นผู้สอนคนหนึ่ง ผมคิดว่ารูปแบบการศึกษาของไต้หวันในปัจจุบัน มีจุดบกพร่องที่ใหญ่มาก แต่บาสเกตบอลหรืออย่างอื่นสามารถเติมเต็มจุดบกพร่องนี้ได้ ดังนั้นปีนี้หลังจากที่ผมมารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย เพื่อพิสูจน์บาสเกตบอลไม่ใช่เป็นเพียงกีฬาบาสเกตบอลเท่านั้น ดังนั้นผมจึงตัดสินสร้างทีมบาสเกตบอลขึ้นมา”

เซียวฉงอวี๋จดบันทึกอย่างรวดเร็ว มะระก็ถามต่อ “ที่แท้ เบื้องหลังการสร้างทีม มีเหตุผลที่ซาบซึ้งอย่างนี้เอง แต่ผู้อำนวยการ คุณช่วยบอกพวกเรา เกี่ยวกับแนวคิดในใจของคุณมากกว่านี้ ได้ไหมครับ? เช่นบอกว่า กลับมาที่โรงเรียนเดิมสร้างทีมบาสเกตบอล เพื่อถ้วยทองชนะเลิศ ที่ปีนั้นไม่ได้รับ”

เย่อวี้เฉิงมองมะระ เผยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้งออกมา “‘บาสเกตบอลโมเมนต์’ เป็นนิตยสารที่มีชื่อเสียงจริง สุดยอดจริงๆ ถูกต้องครับ ผมไม่ปฏิเสธการตั้งทีมบาสเกตบอล จริงๆแล้วมีความเห็นแก่ตัวนี้ แต่ที่พูดเมื่อสักครู่ ไม่ใช่สำนวนราชการ แต่ทำเพื่อผู้สอน ใจจริงคิดว่าบาสเกตบอลสามารถ นำอิทธิพลใหม่บางอย่าง มาสู่ระบบการศึกษาที่เสื่อมโทรมนี้”

สายตาที่จริงใจของเย่อวี้เฉิง ได้รับการเคารพจากมะระ เขาถามต่อ “ผู้อำนวยการเย่ คุณช่วยพูดเกี่ยวกับการตั้งทีมบาสเกตบอลในปีแรก ว่าคุณมีความคาดหวังอย่างไรหรือหวังว่าจะบรรลุเป้าหมาย ไหมครับ?

“นอกจากความคาดหวังด้านการศึกษาแล้ว ผมก็หวังว่าทีมนี้จะเป็นทีมที่ชนะการแข่งขัน” เย่อวี้เฉิงพูดสั้นๆ และตรงประเด็น

“คุณช่วยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ แนวคิดการยุบทีมของโรงเรียนมัธยมปลายซินซิงได้ไหมครับ?” มะระถามต่อ ไม่ให้เวลาเย่อวี้เฉิงหายใจหายคอ

“ถึงแม้คะแนนการแข่งขันบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมปลายซินซิงไม่เลว แต่ว่าในเขตไทเปแล้ว มีโรงเรียนมัธยมปลายฉี่หนานที่มีชื่อเสียงยิ่งกว่า เมื่อทุกปีผลการสรรหาทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมปลายซินซิงถูกฉี่หนานแย่งไป เพื่อรักษาการดำเนินงานของโรงเรียน จึงมุ่งเน้นที่เป้าหมายการเพิ่มอัตราการเข้ามหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง เพื่อมาดึงดูดผู้ปกครอง ในสังคมไต้หวันที่อัตราการเกิดลดลง นับวันยิ่งรุนแรงขึ้น ผมคิดว่าการตัดสินใจแบบนี้ ทุกคนคงจะเข้าใจ”

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง แล้วเกี่ยวกับสไตล์ของทีมบาสเกตบอล ขอถามว่า ผู้อำนวยการเย่ได้ปรึกษากับโค้ชว่าต้องการสร้างสไตล์ของทีมเป็นแบบไหนครับ?”

“เรื่องนี้ผมยกให้โค้ชเป็นคนตัดสินใจ แม้ว่าผมเป็นคนตั้งทีม แต่ว่าการฝึกซ้อมและโค้ชผู้ฝึกสอนผมไม่ถนัด”

“โอเคครับ ขอบคุณผู้อำนวยการมากครับ” มะระปิดโหมดบันทึกเสียง ขณะที่เดินไปถึงข้างหน้าหลี่หมิงเจิ้ง ก็เปิดโหมดบันทึกเสียงอีกครั้ง

เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่หมิงเจิ้ง มะระใจเต้นเร็ว มีคำถามมากมายที่แทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะได้คำตอบ หลายปีมานี้คุณไปไหนมาครับ? อาการบาดเจ็บที่ขาหายแล้วเหรอครับ? ทำไมหลังจากที่ไปสหรัฐอเมริกาแล้ว ก็เงียบหายไปเลย? พอได้รับบาดเจ็บ ก็ทิ้งความก้าวหน้าในวงการบาสเกตบอลอาชีพไปเลยหรือครับ?

มะระสะกดความตื่นเต้นในใจไว้ ยึดมั่นตัวเองในฐานะบรรณาธิการคนหนึ่ง ถาม “สวัสดีครับโค้ชหลี่ ในตอนนี้ทิศทางการฝึกสอนทีมบาสเกตบอลที่เพิ่งจะตั้งขึ้นมานี้คืออะไรครับ?”

“‘การรุกได้ชนะการแข่งขัน การป้องกันได้แชมป์’ ผมเชื่อว่าคุณต้องเคยได้ยินสองประโยคนี้ ตอนนี้การรุกของทีมไม่ค่อยมีปัญหา แต่ยังขาดความเข้าใจกันของทั้งทีมในการป้องกัน ดังนั้นทิศทางการสอนช่วงนี้ จะให้ความสำคัญกับการป้องกัน”

“ถ้างั้นขอถามโค้ชหลี่ คุณมีความคาดหวังอะไรกับทีมที่เพิ่งตั้งนี้ไหมครับ?

หลี่หมิงเจิ้งตอบสั้นๆ สองคำ “แชมป์เปี้ยน”

“แชมป์ลีกซีเหรอครับ?”

“แชมป์ของลีกซี แชมป์ของลีกบี แชมป์ของลีกเอ”

เซียวฉงอี๋ได้ยินคำพูดบ้าระห่ำของหลี่หมิงเจิ้ง อดไม่ได้ที่อุทานออกมา “ทีมที่เพิ่งจะตั้งขึ้นมา ก็อยากได้แชมป์ลีกเอ ช่าง…” เซียวฉงอวี๋ยังพูดไม่จบ เขาจึงหยุดพูด เพราะว่าสายตาดุของมะระบอก

มะระถามต่อ “ปีนี้เพราะเกี่ยวกับการยุบทีมของโรงเรียนมัธยมปลายซินซิง จึงมีโอกาสจากการแข่งขันลีกซีไปถึงการแข่งขันลีกเอ ถ้างั้นโค้ชหลี่ คิดว่าทีมไหนที่จะเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดในการคว้าแชมป์”

หลี่หมิงเจิ้งเผยรอยยิ้ม “คำถามที่คุณถาม ผมคิดว่า ในใจของทุกคนต้องคิดว่าผมต้องตอบว่าฉี่หนาน แต่ว่าผมจำเป็นต้องขอบอกว่า จากที่ผมมอง อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการคว้าแชมป์ของกวงเป่ยคือตัวเอง”

“ตัวเอง? ขอให้โค้ชอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ได้ไหมครับ?”

“กวงเป่ยเป็นทีมที่มีพรสวรรค์มากทีมหนึ่ง แต่ละคนล้วนมีศักยภาพที่เหมาะสม แต่จุดอ่อนก็มีมาก แต่ขอเพียงแค่ต้องเอาชนะจุดอ่อนเหล่านี้ แล้วดึงศักยภาพของแต่ละคนออกมา ผมเชื่อว่ากวงเป่ยไม่นานก็กลายเป็มที่แข็งแกร่งทีมหนึ่งได้”

“เหลือระยะเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์ก็เริ่มแข่งขันลีกซี ทีมบาสก็เพิ่งจะตั้งขึ้นมา โค้ชหลี่มีความกังวลปัญหาด้านความเข้าใจกันของผู้เล่น?”

“ตอนนี้ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องกังวล การแข่งขันใกล้เข้ามาแล้วมันก็ใช่ แต่ว่าผมคิดว่าถ้าเทียบกับการฝึกซ้อมแล้ว จะทำให้ทีมบาสเกตบอลสามารถปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นของแต่ละคนได้เร็วที่สุดและบ่มเพาะประสบการณ์ในการแข่งขันจริง”

มะระได้เตรียมพร้อมก่อนมาแล้ว ดังนั้นคำถามจะถามต่อเนื่องกันทีละคำถาม รู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพและความตั้งใจของมะระ หลี่หมิงเจิ้งก็มีความอดทนในการตอบคำถามแต่ละข้อที่มะระถาม ในระหว่างการตอบคำถามแต่ละข้อ ผู้เล่นของกวงเป่ยก็วิ่งครบสิบรอบ

……………………………………………………………………………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด