ตอนที่แล้วตอนที่ 12 กล้วยหอม พ่อเสือ และชายปริศนา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 ได้ร่างใหม่แล้ว

ตอนที่ 13 ถูกเล่นงาน


ตอนที่ 13 ถูกเล่นงาน

 

แสงสีส้มส่องสว่างไสวจากตะเกียง กลิ่นสมุนไพรอ่อน ๆ กระจายไปทั่ว เสียงกรน คร็อก ดังเป็นจังหวะอย่างไม่ขาดสาย

ชุนเปิดเปลือกตาอย่างเชื่องช้า เมื่อหันหัวไปทางขวาก็พบชายสองคนกำลังนั่งหลับพิงผนังกำแพง คนหนึ่งอ้าปากหวอ แหงนหน้าส่งเสียงสั่นในลำคอราวกับหมูร้องขอกินรำ อีกคนหนึ่งนั่งเอนซ้ายเอนขวา ก้มหน้าคอพับอย่างไร้สติ ชุนเพ่งมองชายทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเครื่องแต่งกายสีเทาก็เดาได้ว่าเป็นคนของสำนัก

ขณะที่คิดว่าเสียงดังน่ารำคาญชะมัด เขาก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะรู้สึกเจ็บปวด พอมองรอบด้านก็เห็นชั้นไม้ที่อัดแน่นไปด้วยโหลใส่ยา แสงของตะเกียงสะท้อนกับโหลแก้วส่องเข้าตาจนรู้สึกเวนศีรษะ ชุนจึงใช้มือซ้ายกุมขมับก่อนพ่นลมหายใจออกมาดัง พรืด จากนั้นก็กลั้นใจฝืนความเจ็บปวดลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า

…โอย เจ็บ

ศิษย์สำนักคนหนึ่งคงได้ยินเสียงจึงรีบดีดตัวตื่น ทำทีว่าตนนั่งเฝ้าอยู่ตลอดก่อนเอ่ยทัก…

“ท่านชุน รู้สึกตัวแล้วหรือครับ!”

เมื่ออีกคนเปิดปาก อีกคนก็ตื่นขึ้นมาเคี้ยวปากแจ๊บ ๆ พอเห็นชุนจ้องมองตาเขม็ง เขาก็สะดุ้งอย่างตกใจก่อนคุกเข่าเหยียดหลังตรง

อันที่จริงชุนไม่ได้มีเจตนาจะข่มขู่ แต่ด้วยหางตาที่เชิดขึ้น ผนวกกับนัยน์ตาดำขลับ จึงทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกหวั่นเกรงราวกับพบพ่อเสือ ตาลักษณะนี้ตามตำรากล่าวว่า คือผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตนสูง ยอมหักไม่ยอมงอ จึงทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทนัก เพราะมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนดุร้าย แต่ก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี เก่งทั้งบู้และบุ๊น

และด้วยเหตุนี้ชุนจึงกลายเป็นคนที่รักสันโดษอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้หน้าตาของเขาจะหล่อเหลาแค่ไหน แต่ก็แทบไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรืออยากคบค้าสมาคมกับเขาเลย ทว่า… ตั้งแต่ชุนได้พบกับลินจิ โชคชะตาก็พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ ลินจิพยายามเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่ง อย่าว่าแต่เกรงกลัวเลย ถ้าปีนขึ้นไปนั่งบนหัวได้ลินจิก็คงจะทำ

“โชคดีจริง ๆ…!”

เมื่อศิษย์สำนักทั้งสองพากันพูดอย่างโล่งอก ชุนก็ได้สติขึ้นมา เขาใช้ฝ่ามือทาบหน้าผากพลางส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป จากนั้นจึงเอ่ยถามทั้งที่ยังถอนหายใจไม่เสร็จ

“เจ้าหนู…--”

พอรู้ตัวว่ากำลังใช้สรรพนามผิด ชุนก็กระแอมใส่กำปั้น ก่อนถามอีกครั้งว่า…

“ท่านเทพล่ะ”

ศิษย์สำนักต่างหันหน้ามองกัน เมื่อรู้ว่ามองไปก็ไม่ได้คำตอบ ทั้งสองจึงหันกลับมา

“ไม่ทราบขอรับ รวมถึงท่านเจ้าสำนักก็หายตัวไปเช่นกัน”

“ท่านชุนครับ ช่วยบอกด้วยเถอะว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ชุนพยายามลุกขึ้นอย่างสุดความสามารถ ทว่าทั่วร่างก็ร้องโหยหวนด้วยความทรมาน แม้จะไม่มีบาดแผลร้ายแรง แต่ภายในของเขาก็บอบช้ำจากแรงกระแทก โดยเฉพาะตรงหน้าอกที่เจ็บรุนแรงที่สุด

เมื่อขยับปรับท่านั่งอย่างเก้กัง ความปวดก็แล่นสะท้านไปทั่วร่าง เขาเป็นถึงบุรุษผู้ควบคุมธาตุทั้งสี่จะมาโอดคราญต่อหน้าผู้อื่นได้อย่างไร จึงได้แต่นั่งกัดฟันพ่นลมออกจากปากเบา ๆ ก่อนเล่าว่า…

“จู่ ๆ ก็มีไอปีศาจรุนแรงระเบิดออกมาจากจี้หินที่เจ้าสำนักให้มา จากนั้นข้าก็สลบไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติอีกครั้งก็พบว่าผนังห้องถูกทำลายจนเป็นโพรง ตอนที่กำลังเรียกหาเทพอัญเชิญอยู่นั้น ไอปีศาจสีดำก็เข้าจู่โจม แล้วข้าก็จำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้เลย”

ศิษย์สำนักคนหนึ่งตอบว่าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด ทุกคนต่างได้ยินเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นในสำนัก จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังแหวกอากาศราวกับเสียงของปีศาจที่ผุดมาจากนรก ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว

ทว่า…เมื่อตามเสียงระเบิดไป ก็พบเพียงชุนที่หายใจโรยริน เหล่าศิษย์สำนักจึงใช้ทุกวิถีทางรักษาอย่างสุดกำลัง จากนั้นก็ขนเสื่อและฟูกนอนมายังห้องยาและให้ชุนนอนพัก โดยที่มีศิษย์สำนักทั้งสองคอยเฝ้าพยาบาล ส่วนคนอื่น ๆ ก็เดินตรวจเวรยามพร้อมกับอธิษฐานปัดเป่ารังควานไปในตัว

“น่าสงสัย… ว่าแต่เสื้อผ้าของข้าล่ะ”

ตอนนี้ชุนสวมเพียงเสื้อคลุมสีขาวเนื้อบาง แถมยังปิดไม่มิดชิด

ขณะที่ถามเขาก็คิดว่า …เป็นเพราะเนื้อผ้ามีปริมาณน้อยเกินไป หรือร่างของเขาสูงใหญ่เกินมาตรฐานกันแน่ ศิษย์สำนักก็เอ่ยตอบ

“ชุดของท่านชุนเปื้อนเขม่าควันจนหมองหม่น ข้าเลยวานให้ศิษย์คนอื่นนำไปซักขอรับ”

ส่วนศิษย์อีกคนวิ่งไปตรงมุมห้อง ก่อนหยิบดาบที่ตั้งพิงกำแพงส่งมอบให้ชุน

 

“นี่ดาบของท่านชุนขอรับ”

“ขอบใจพวกเจ้า”

ชุนเอ่ยพร้อมกับรับดาบมา จากนั้นก็วางลงบนฟูกนอน

ศิษย์สำนักเล่าว่า ตอนที่เกิดเหตุทุกคนก็ต่างตามหาเจ้าสำนัก ทว่าตอนนี้ก็ยังไม่เจอ รอบสำนักก็ไม่มีวี่แวว เหล่าลูกศิษย์จึงพากันคาดเดาว่า ไม่แน่เจ้าสำนักอาจถูกปีศาจฆ่าตายไปแล้ว

ชุนถอนหายใจ ในอกพลันเจ็บปวดรุนแรงจึงนิ่วหน้าฝืนทน จากนั้นก็เดาะลิ้นส่ายหน้าก่อนหันไปถามศิษย์สำนัก

“ข้านอนมานานเท่าไหร่แล้ว”

“ราว ๆ สองชั่วโมงขอรับ”

“ว่าไงนะ!”

ขณะที่คิดว่ามัวนอนอยู่ไม่ได้แล้ว เขาก็เอ่ยถามอีกครั้ง

“นี่ พวกเจ้าไม่เห็นเทพเจ้าบ้างเลยเหรอ ลองหาในป่ารอบ ๆ สำนักดูหรือยัง”

ศิษย์สำนักทั้งสองส่ายหน้า

“พวกเราหาทั่วแล้วขอรับ ทั้งท่านเทพ ทั้งท่านเจ้าสำนัก”

…หรือว่าจะเป็นฝีมือเจ้าสำนัก

ชุนยกมือกุมขมับแล้วหลับตา เขาดันประมาทที่ไม่ยอมเชื่อคำเตือนของลินจิ

ก่อนจะเข้ามาที่นี่ลินจิแสดงท่าทีแปลก ๆ แต่ตอนนั้นเขาก็คิดว่า…เป็นเพียงความเรื่องมากของอีกฝ่ายเท่านั้น

“ชุด…ชุดของข้าซักไปรึยัง”

เหล่าศิษย์สำนักหันมองหน้ากัน

“เดี๋ยวข้าไปดูให้ขอรับ”

พอศิษย์สำนักคนหนึ่งออกจากห้องไป ชุนก็เดาะลิ้นออกมา ก่อนจับดาบ

ไม่นานนักศิษย์สำนักคนที่วิ่งออกไปก็กลับเข้ามาพร้อมชุดของเขา

“นี่ขอรับ”

พอชุนรับเสื้อมาก็ต้องการจะเปลี่ยนทันที ทว่าศิษย์สำนักทั้งสองก็นั่งเฝ้ากระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่คลาดสายตา

“พวกเจ้าช่วยออกไปได้ไหม”

“อ้าว! เอ่อ…ได้ขอรับ”

ว่าแล้วศิษย์สำนักทั้งสองก็ค้อมศีรษะในท่าคุกเข่า ก่อนออกไป

ชุนฝืนอดทนต่อความเจ็บปวดพลางลุกขึ้นยืน เปลี่ยนชุดอย่างไม่ถนัดนัก พอสวมดาบเข้ากับปลอกหนังคาดเอวเขาก็เดินเซออกจากห้องไป

“ท่านชุน! ท่าน! ไม่ได้นะ!”

“ถอยไป! ข้ามีที่ต้องไป”

เหล่าศิษย์สำนักที่ยืนเฝ้าประตูต่างหน้าซีดรีบห้ามชุนไว้ทันที

“มะ…ไม่ได้นะท่าน! อาการยังไม่หายดีเลยนะขอรับ”

“ถ้าพวกเจ้าไม่หลีก ข้าคงต้องใช้กำลัง”

“อะจึ๋ย!”

สิ้นสุดคำประกาศ ศิษย์สำนักทั้งสองจึงจำใจหลบทางให้

เมื่อออกไปบริเวณนอกสำนัก ชุนก็เห็นเหล่าศิษย์คนอื่น ๆ กำลังเดินตรวจตรากันอย่างขะมักเขม้น เห็นทีถ้าเดินไปท่าจะยุ่งยากเอาการ

จังหวะที่เตรียมตัวทะยานขึ้นฟ้า ชุนก็สังเกตเห็นกลุ่มควันสีดำขนาดมหึมาลอยอยู่ห่างออกไป

เมื่อสัญชาตญาณบอกกับชุนว่า…ลินจิอยู่ที่นั่น เขาก็รวบรวมพลังไว้ที่ข้อเท้าแล้วกระโดดพุ่งแหวกอากาศไปยังทิศทางที่ปรากฏกลุ่มควันปริศนาสีดำ

 

 

 

[God Light Lv.1]

“ย๊ากกก”

ลินจิกระโจนใส่ชายผมทองที่ยืนยิ้มอยู่เบื้องหน้า เมื่อดันแขนออกไปพร้อมกับแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวที่เปล่งประกายล้อมฝ่ามือ ชายผมทองก็พุ่งดิ่งขึ้นฟ้าก่อนที่ลินจิจะถึงตัว ส่งผลให้ลินจิเสียหลัง ล้มคะมำหน้าคว่ำพื้น

“อ๊ะ!”

เสียงเล็กเสียงน้อยเล็ดลอดออกมาจังหวะที่ลินจิเสียหลักล้ม ฝุ่นผงคลุ้งกระจายลอยเข้าปากอย่างไม่ทันตั้งตัว

“แอ็ก…แอ็ก!”

เมื่อเห็นลินจิสำลักราวกับลูกสุนัขถูกบีบคอ ชายผมทองก็ยกยิ้ม พร้อมกับเหยียดสองแขนแบมือ เล็งไปยังร่างของลินจิที่กำลังนอนกองอยู่

วินาทีนั้น แขนขาวซีดนับสิบก็โผล่ออกมาจากโพรงมืดกลางฝ่ามือของชายผมทอง ราวกับแขนทารกปีศาจ พวกมันยืดยาวออกมาเรื่อย ๆ

“เหวอ…”

ลินจิดันฝ่ามือกับพื้นพร้อมใช้หัวเข่าพยุงร่างลุกขึ้นยืน จากนั้นก็รีบหันหลังวิ่งหนีหน้าตั้ง ขณะเดียวกันฝูงมือปีศาจเหล่านั้นก็พุ่งแหวกอากาศตามหลังลินจิมาอย่างรวดเร็ว

“อย่านะ ไอ้บ้าเอ้ย!”

เมื่อรู้สึกถึงไอชั่วร้ายที่เข้ามาใกล้ลินจิก็ตะโกนด่า พร้อมกับสไลด์ฝ่าเท้าหมุนตัวกลับหลังจนฝุ่นคลุ้ง จากนั้นก็เหยียดสองแขนตั้งท่าร่ายเวทใส่เหล่ามือมารที่พุ่งเข้ามา ลินจิกัดฟันดัง…แกร็ก

[God Light Lv.1]

พอเหล่าแขนมารปะทะกับเวทแสงศักดิ์สิทธ์ของลินจิ พวกมันก็ถูกชำระล้างจนสลายไป ทว่า…ก็มีอีกหลายแขนหลายมือนับร้อยโผล่มาใหม่จากโพรงมืดของชายผมทอง

ขณะที่รวบรวมสติเพื่อคิดหาวิธีต่อกร เหล่ามือขาวซีดก็ยืดเลื้อยเข้ารัดตัวลินจิราวกับสัตว์ไร้กระดูกสันหลัง

ลินจิถูกพันธนาการตั้งแต่ข้อเท้า ขา เอว อก กระทั่งถึงปาก แม้จะพยายามกางเขตอาคมต่อต้าน พร้อมกับดิ้นดุ๊กดิ๊กเหมือนดักแด้ถูกไฟเผา แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้เลย

เหล่าแขนขาวซีดชักจูงร่างของลินจิลอยขึ้นฟ้า ก่อนจะหยุดอยู่ในตำแหน่งสายตาของชายปริศนาผมสีทอง กระดูกของลินจิลั่นดัง กร็อก

ลินจิรู้ตัวว่าสู้ไม่ไหว แต่เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาตัวรอด อย่างน้อยถ้ารู้ข้อมูลของศัตรู ก็น่าจะพอหาทางหนีทีไล่ได้บ้าง

[หยั่งรู้ Lv.3 เริ่มทำงาน]

[การใช้ทักษะผิดพลาด]

…ทำไมกัน!

“โธ่! ท่านเทพ ใช้เวทอะไรกับข้ารึ รู้สึกขยะแขยงชะมัด”

ขณะที่คิดว่า ใครกันแน่ที่น่าขยะแขยง ชายปริศนาก็ดึงร่างของลินจิเข้าไปในเขตอาคมสีดำของตน ก่อนจะปลดม้วนแขนบริเวณปากของลินจิออก

“แอ๊ก…”

เพียงแค่สำลักออกมา และยังไม่ทันได้พูดอะไร มือปีศาจก็เข้าบีบแก้มของลินจิจนริมฝีปากยื่นออกมาเหมือนเลข ‘3’ จากนั้นก็มีอีกมือโผล่เข้ามางัดแงะช่องปาก ก่อนจะล้วงลึกทะลวงเข้าไปในคอ

“อ้อ…อ้อ”

ลินจิร้องเสียงอู้อี้ น้ำตาซึมออกมาเพราะความเจ็บปวด

“ไหน ขอข้าดูหน่อยซิ”

“ไอ้..ไอ้..อู”

ลินจิพยายามจะพูดว่า ‘ไม่ให้ดู’ แต่มือปีศาจก็จ้วงลึกเข้าไปในหลอดอาหารของเขา ตอนนั้นเองลินจิก็รู้สึกราวกับว่า…กำลังถูกล้วงลงไปลึกกว่านั้น

…กระเพาะ ไม่สิ! ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ เขารู้สึกเสียวไส้ราวกับในท้องน้อยกำลังถูกบดขยี้ ทั้งเจ็บทั้งเสียว ไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด

“เอ๊ะ ไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกเหรอ”

ชายผมทองเอ่ยอย่างประหลาดใจ พลางใช้มือปีศาจควานหาบางอย่างในร่างของลินจิ เมื่อไม่พบสิ่งที่ต้องการ มือปีศาจก็ดึงพรวดออกจากปากจนลินจิกระอักเลือดออกมา

“แอ็ก!”

“สงสัยต้องใช้เนตรทิพย์ตรวจดู ทนหน่อยนะท่านเทพ”

ว่าแล้วชายผมทองก็หลับตา จากนั้นก็ปรากฏเนตรมารขนาดใหญ่เปล่งแสงสีฟ้ากลางหน้าผากของเขา

วินาทีนั้นลินจิก็กัดฟันฮึดสู้ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นจนปวดร้าวไปทั่วร่าง พอร่ายเวทแสงจากภายในม้วนแขนปีศาจ พวกมันก็ถูกชำระล้างไปเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แถมยังมีงอกออกมาใหม่เรื่อย ๆ อย่างไม่สิ้นสุด

…ไม่ยอมหรอก ยังไม่อยากตาย

[กลายร่าง Lv.1 เริ่มทำงาน]

หลังจากใช้ทักษะ ร่างกายของลินจิก็หดเล็กลง ก่อนจะกลายเป็นหินสีขาวบริสุทธิ์ล่วงหล่นลงมาจากม้วนแขนมาร

หินสีขาวบริสุทธิ์ล่วงหล่นจากฟ้าสัมผัสกับอากาศ ผิวแวววาวสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายระยิบระยับ เมื่อเข้าใกล้พื้นดินลินจิก็ยกเลิกใช้ทักษะ จากนั้นก็กลายร่างกลับมาเป็นหนุ่มน้อยน่ารักคนเดิม …ฮิฮิ เจ้างั่ง

วินาทีที่เท้าไซซ์สี่สิบสองกระทบพื้น แรงโน้มถ่วงก็ดึงร่างผอมบางสไลด์ถอยหลังไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ตั้งหลักทรงตัว ชายผอมทองก็ทะยานลงมาจากฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอ่ยว่า…

“โอ๊ะโอ ลูกเล่นเยอะจัง”

เหล่ามือมารก็โผล่ออกมาจากร่างของชายผมทอง คราวนี้เยอะกว่าเดิมจนลินจิแยกไม่ออกว่าต้นกำเนิดของพวกมันมาจากที่ใดบ้าง

…อึ๋ย! สยอง

ลินจิรีบกางเขตอาคมป้องกัน ทว่าแขนมารเหล่านั้นก็ทะยานเลื้อยเข้ารัดร่างของเขาอย่างไม่อาจหลบหนีได้

สถานการณ์เช่นนี้ถึงลินจิจะกลายร่างเป็นหิน แต่ดูเหมือนถ้าทำอย่างนั้นเขาจะกลายเป็นเป้านิ่งเสียมากกว่า ลินจิจึงคิดหาวิธีอื่น…

“อ๊ะ! ปล่อยนะ! ไอ้ตัวประหลาด”

“หืม… ปล่อยก็โง่สิ ฮะฮะฮ่า”

แม้จะหวาดกลัวจนหัวใจเต้นรัว แต่ลินจิก็ยังแผดเสียงด่าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนชายผมทองก็หัวเราะอย่างพอใจ ซึ่งลินจิก็ไม่เข้าใจว่าจะตลกอะไรนักหนา ทำร้ายผู้ไร้เดียงสามันสนุกมากหรืออย่างไรกัน

เมื่อเสียงหัวเราะเงียบลง เหล่าแขนมารก็บีบรัดร่างของลินจิราวกับจะบดขยี้ให้แตกระเบิดเหมือนลูกแตงโม

“อั๊ก…”

ความเจ็บปวดเพิ่มเป็นทวีคูณ ลินจิกระอักเลือดออกมา แม้จะใช้ทักษะ ’ฟื้นฟู Lv.1’ เยียวยา แต่ก็ทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลาเท่านั้น

“จะบอกให้เอาบุญนะ…ข้าไม่ใช่ตัวประหลาดหรอก”

ระหว่างที่ฟังชายผมทองพูด ร่างของลินจิก็ค่อย ๆ ถูกชักจูงเข้าไปยังเขตอาคมสีดำ เมื่อสองสายตาประสานกัน ชายผมทองก็หัวเราะ “หึหึ” ก่อนเอ่ยว่า…

“ข้าคือ...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด