Chapter 11 : ที่ห้องนอนของกวินท์
Chapter 11 : ที่ห้องนอนของกวินท์
“แล้วนี่พวกนายจะปล่อยฉันได้หรือยัง”
เสียงดังออกมาจากปากของไอรีน เจ้าตัวมองหน้าผมสลับกับมินจุน แม้ปากจะพูดออกมาว่ายอมตกลงเป็นพันธมิตรแล้ว แต่สายตากลับมองผมประหนึ่งว่าเป็นพวกโรคจิตชอบแอบขโมยกางเกงในชาวบ้านไปดมก็ไม่ปาน พูดเลยว่าไอ้ท่าทางที่ผมทำไปเมื่อกี้ก็แค่จะแกล้งแหย่เจ้าตัวเล่นไม่ได้ทำจริง ๆ ซะหน่อย เห็นหน้านิ่ง ๆ หยิ่ง ๆ แบบนั้นแล้วมันอดไม่ได้ ของแบบนั้นมันไม่ได้อยู่ในจิตใต้สำนึกของผมเลยสักนิด
จริง ๆ นะ ...
ผมพยักหน้าให้กับมินจุน ทำให้สองฝาแฝดไพส์ซีสปล่อยตัวไอรีนออก แต่ไอรีนก็ยังคงขยับตัวไปไหนมากไม่ได้อยู่ดี เจ้าตัวเกือบเสียหลักล้มลงหลังจากไม่มีใครคอยพยุงตัวไว้ แต่ผมก็รีบเข้าไปรับไว้ได้ทัน คงเป็นเพราะเข็มฉีดยาอันเล็กที่ปักอยู่ที่แขนและขาเจ้าตัวทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผมเลยเดินเข้าไปดึงเข็มพวกนั้นออกให้ เจ้าตัวไม่ร้องออกมาสักนิด เห็นเข็มที่ถึงจะเล็กแต่ก็ยาวพอสมควรแล้วก็เจ็บแทน ผู้หญิงอะไร อดทนเก่งเป็นบ้า
ดวงตาคู่สวยที่แฝงด้วยความเศร้าอะไรบางอย่างช้อนขึ้นมองผมที่ทำท่าจะอุ้ม ก่อนเจ้าตัวจะโวยวายออกมา
“ทำบ้าอะไรของนายอะ ปล่อยนะ” ไอรีนร้องถาม ถึงแม้จะพยายามดิ้นแต่ก็ดิ้นไม่ได้ เพราะสภาพร่างกายของตัวเองในตอนนี้ ผมว่าจะพาไอรีนกลับไปคุยกันที่บ้านให้รู้เรื่อง
“จะอุ้มกลับที่พักไง เธอเดินไหวหรือไง” ผมถามเธอกลับ ขณะอุ้มไอรีนพาดบ่าตัวเอง จะว่าก็ว่าเถอะ
แอบหนักเหมือนกันนะเนี่ย ...
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน !” ไอรีนร้องขึ้นมา ผมล่ะไม่เข้าใจเจ้าตัวเลย นี่ขนาดทำอะไรไม่ได้ยังไม่ยอมให้คนอื่นช่วยอีก
“อย่ามาดื้อน่า” ผมพูดออกไป ไม่สนใจคนที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่บนบ่าเบา ๆ
“เฮ้อ ... ตรงนี้ก็ยังมีอีกคนยืนอยู่นะ อย่าทำเหมือนมีแค่สองคนบนโลกสิ”
เสียงของมินจุนดังแทรกขึ้นขัดจังหวะผมกับไอรีนที่กำลังเถียงกันอยู่ ผมเลยหันไปมอง หมอนั่นชี้มือไปยังบริเวณสะพานที่อยู่ห่างออกไปหน่อยหนึ่งก่อนพูดขึ้นมา
“แล้วนู่น ภูติดวงดาวของพวกนายกำลังต่อสู้กันอยู่ รีบเรียกกลับมาได้แล้ว” มินจุนพูดต่อ
ผมมองสภาพวอดวายแถวสะพานข้ามแม่น้ำที่ไหลผ่านใจกลางเมือง เสาไฟโค่นล้มลงมาสี่ห้าต้น สภาพแถวนั้นเปียกโชกเหมือนกับฝนตกหนัก แถมรอยการแตกร้าวเกิดขึ้นเต็มไปหมด ผมเดาว่าในไม่ช้าสะพานที่แข็งแรงอันนั้นต้องพังลงมาแน่ ๆ และยังไม่ทันจะคิดเสร็จมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ
งูยักษ์น้ำตัวนั้นเหวี่ยงหางตัวเองกระทบกับสะพาน แรงดันน้ำที่รุนแรงจนสามารถตัดสะพานขนาดใหญ่ให้หักลงได้ทำลายสะพานในพริบตา ขณะที่ลีโอกระโดดหลบได้ทันฉิวเฉียด ก่อนเสียงโครมครามจากเศษอิฐปูนจากสะพานจะร่วงลงน้ำดังสนั่นหวั่นไหว ผู้คนที่ยังพอมีอยู่บ้างตอนนี้พากันออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนเช้ามืดขณะนี้
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังก้องไปทั่ว ป่านนี้พวกผู้รักษากฎหมายในเมืองคงทราบเรื่องแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ พระอาทิตย์กลมโตเริ่มส่องแสงขึ้นพ้นเส้นขอบฟ้ามาบนท้องฟ้าแล้ว ทำให้ทราบว่าเวลานี้เข้าสู้ช่วงเช้าอย่างสมบูรณ์ ผมกับมินจุนมองหน้ากัน ขืนมีใครจับได้ว่าพวกเราเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายใหญ่แบบนี้มีหวังโดนค่าปรับจนหมดตัวแน่ ไหนจะอาจถูกจับในข้อหาอาชญากรที่ทำความวุ่นวายอีก
“ลีโอกลับมาอยู่ในกุญแจ” ผมพูดออกไป
“ไอรีน รีบเรียกภูติดวงดาวเธอกลับมาได้แล้ว เร็ว !” มินจุนว่าเร่ง คราวนี้ไอรีนก็ทำตามอย่างว่าง่าย เพราะแผนการที่จะลอบฆ่าผมตอนนี้ล่มไม่เป็นท่า ต่อให้เป็นผู้ใช้เวทก็ใช่ว่าจะสามารถทำอะไรได้ตามใจชอบ ยังมีกฎหมายสำหรับผู้ใช้เวทที่คอยป้องกันความวุ่นวายอยู่ ถึงผมจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ แต่ก็พอจะรู้อะไรมาบ้างจากพ่อ
หลังจากเรียกลีโอกับอควาเรียสกลับมาอยู่ในกุญแจ ผม มินจุน และไอรีนก็รีบหนีออกมาจากบริเวณที่เกิดความวุ่นวายตรงนั้น โชคดีที่บริเวณนั้นไม่มีกล้องอะไรตรวจจับอยู่ พวกเราน่าจะหนีรอดออกมาจากการตรวจสอบภายหลังได้จากคำบอกเล่าของมินจุน สงสัยนี่ก็คงเป็นแผนการที่มินจุนกับไอรีนได้วางเอาไว้แล้วที่จะจัดการผมที่บริเวณสะพานกลางเมืองตรงนั้น
“ไอ้วิน ไปอุ้มสาวที่ไหนมาเนี่ย !” พ่อผมร้องถามออกมาอย่างตกใจหลังจากเห็นผมอุ้มไอรีนวิ่งเข้ามาภายในร้าน
“เพื่อนผมพ่อ ผู้ถือครองกุญแจจักรราศีเหมือนกัน เขาตกลงเป็นพันธมิตรกับเรา” ผมบอกพ่อไป ก่อนวางไอรีนลงนั่งที่เก้าอี้แถวนั้น ดูท่ายาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงของมินจุนเริ่มหมดฤทธิ์แล้ว พ่อดูตกใจนิด ๆ แต่ก็เข้าใจทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนผมตอนนี้ก็ได้แต่หอบ ... แอบหนักนะไอรีน
“ไอรีนนี่พ่อฉัน เธอจะเรียกลุงหรือเรียกพ่อก็ตามใจ” ผมบอกไอรีนพร้อมแนะนำพ่อตัวเองให้เธอรู้จัก ไอรีนก้มหัวให้พ่อนิดหน่อยเป็นเชิงรับรู้และทักทาย ก่อนหันมามองผม
“เอาล่ะ พวกเรามาคุยตกลงกันดี ๆ ให้รู้เรื่องดีกว่า ตกลงเธอจะยอมร่วมมือกับฉันและมินจุนแน่ ๆ ใช่ไหม” ผมพูดกับไอรีนไป ไอรีนยังคงนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ผมเลยพูดต่อ
“ฉันเข้าใจว่าเธออาจจะระแวงฉันกับมินจุนอยู่ ฉันเองตอนเลือกที่จะให้หมอนั่นเป็นพันธมิตรก็ลังเลอยู่เหมือนกัน แต่ฉันว่าเธอก็พอจะรู้ว่าตอนนี้มีผู้ถือครองกุญแจจักรราศีคนอื่นเริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มแล้ว อย่างมินจุนเองก็เคยถูกตามล่ามา มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเอาตัวรอดได้คนเดียวโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น”
“ฉันเองก็ไม่รู้หรอก ว่าความปรารถนาของเธอคืออะไรหลังจากได้ครอบครองกุญแจดอกที่ 13 แต่ขอได้ไหม จนกว่าจะเหลือแค่พวกเราสามคน พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ” ผมพูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ผมเชื่อว่าไอรีนจะรับรู้ได้
“เชื่อหมอนั่นเถอะไอรีน หมอนั่นไม่โกหกหรอก” มินจุนพูดเสริมผม
ไอรีนนิ่งไปพักใหญ่ มองผมสลับกับมินจุน
“อื้ม ก็ได้ จนกว่าจะเหลือผู้ถือครองจักรราศีแค่พวกเรา เราจะเป็นพันธมิตรกัน ไหน ๆ แผนการของฉันที่จะฆ่านายมันก็ล่มไปแล้ว” ไอรีนพูดหลังจากนิ่งคิดไปพักใหญ่
“ลีโอ ออกมาได้แล้ว ได้ยินหมดแล้วใช่ไหม” ผมพูดก่อนหยิบกุญแจจักรราศีของตัวเองออกมา ตามมาด้วยดวงไฟสีฟ้าที่ลอยออกมาจากกุญแจจักรราศีของผมปรากฏเป็นร่างของลีโอ
“อควาเรียส ต่อไปนี้คนพวกนี้เป็นพันธมิตรกับเรา โอเคนะ”
ไอรีนพูดขึ้นมาเช่นกัน พร้อมกับร่างของนางเงือกสาวที่ปรากฏตัวอยู่ข้างเธอ แต่หางปลาที่เคยเป็นเงือกตอนนี้กลายเป็นขาสองข้างเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่ไอรีนพูดจบ อควาเรียสก็เดินตรงปรี่มาหาลีโอทันที ตอนแรกผมก็นึกว่าเธอจะเดินมาจับมือกับลีโอทักทาย เหมือนพวกภูติแห่งดวงดาวจะรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว
แต่ ...
เพียะ !
ใบหน้าของลีโอสะบัดตามแรงตบด้วยฝ่ามือของอควาเรียส ผมมองภูติดวงดาวของไอรีนอึ้ง ๆ ดวงตาสีเขียวอ่อนเช่นเดียวกันกับเส้นผมจ้องมายังลีโอแบบน่ากลัว ไหนบอกเป็นพันธมิตรกัน แต่ดูท่าตอนนี้เหมือนอควาเรียสจะไม่ยอมเป็นพันธมิตรด้วยเลยแฮะ ใบหน้านิ่ง ๆ หยิ่ง ๆ เหมือนกับผู้ถือครองกุญแจสะบัดหน้าหนีลีโอก่อนเดินมาอยู่หลังเจ้านายของตนเอง
“ใจเย็นสิอควาเรียส ฉันไม่ได้แอบไปมีคนอื่นจริง ๆ นะ เรากลับมาเป็นแฟนกันเหมือนเดิมเถอะ อีกอย่างตอนนี้ผู้ถือครองกุญแจเราเป็นพันธมิตรกันแล้ว ดีกันเถอะนะที่รัก” ลีโอพูด เข้าไปเกาะแข้งเกาะขาอควาเรียสเป็นเชิงเว้าวอน
ผมอึ้ง แทบจะพูดไม่ออกกับพฤติกรรมของลีโอ
โถ ไอ้สิงโตหน้าหม้อ ... มีโจทก์กับเขาไปทั่วกาแล๊กซี่
ช่วงเย็นของวัน
ไอรีนถูกหว่านล้อมให้ทานอาหารเย็นและย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของกวินท์อย่างถาวร ไอรีนก็ยอมทำตามโดยง่าย มันก็เป็นการดีเหมือนกันที่แต่ละคนจะได้ช่วยกันดูแล ป้องกันอันตรายซึ่งกันและกัน แผนการของเธอคงต้องเปลี่ยนไปตามสิ่งที่เกิดขึ้น เธอคงต้องยอมตามน้ำกับคนพวกนี้ไปก่อน
บนโต๊ะอาหารเป็นบรรยากาศที่แปลกสำหรับไอรีน จากคนที่เคยนั่งทานอาหารคนเดียวในคฤหาสน์ขนาดใหญ่ บัดนี้โต๊ะอาหารกลับเต็มไปด้วยผู้คน ไอรีนมองสองพ่อลูกเถียงกันไป คุยกันไปเป็นระยะ รวมถึงมินจุนและฟินิกซ์ที่เข้าไปร่วมแจมคุยเป็นระยะด้วย ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของพวกเขา
แปลก ...
มันเป็นความรู้สึกที่เธอโหยหาและอยากได้มาตลอดชีวิต
ความรู้สึกของการมีครอบครัว ...
เช้าวันต่อมา
ไอรีนเดินลงมาจากชั้นสามของบ้านก็เจอกับการันต์และฟินิกซ์ที่กำลังทำอาหารเช้าและจัดเตรียมร้านกันอยู่ อีกมุมหนึ่งของร้านมีมินจุนที่นั่งจิบกาแฟอ่านอะไรบางอย่างบนโฮโลแกรมสามมิติที่แสดงออกมาจากมือถือของตัวเอง
เมื่อคืนนี้เธอนอนหลับสนิททั้ง ๆ ที่แปลกสถานที่ แถมยังมีผู้ถือครองกุญแจจักรราศีที่เป็นศัตรูอยู่ถึงสองคนอยู่ในบ้าน ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน ว่าเธอนอนหลับสบายเต็มอิ่มและรู้สึกปลอดภัยได้ลง
“อ้าว ไอรีน ตื่นแล้วหรอ”
เสียงดังทักทายมาจากการันต์ที่สังเกตเห็นเธอ ไอรีนทักทายเขากลับพร้อมกับยิ้มให้น้อย ๆ เธอเองเคยฆ่าผู้ใช้เวทตามคำสั่งของพ่อมานับไม่ถ้วนเนื่องจากเป็นสมาชิกคนหนึ่งในองค์กร ถ้าพ่อรู้ว่าเธอมาญาติดีกับคนพวกนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง เธอยังไม่ได้ติดต่อพ่อกลับเรื่องแผนการที่วางไว้ไม่สำเร็จเลย คิดว่าช่วงเย็นน่าจะติดต่อพ่อไปเพื่อเปลี่ยนแผนการในการจัดการกับผู้ถือครองกุญแจคนอื่น เธอต้องใช้พลังของกวินท์และมินจุนในการเอาชนะสงครามครั้งนี้ อย่างที่กวินท์พูด ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาชนะคนทั้ง 11 ได้ด้วยตัวคนเดียว
“ช่วยไปตามเจ้าวินมาให้ลุงหน่อย แล้วลงมากินข้าวเช้ากัน ลีโอให้พักแค่วันเดียวกลับไปนอนกินบ้านกินเมืองอีกแล้ว” การันต์พูดออกมา ประโยคหลังเหมือนจะออกแนวบ่นลูกชายตัวเองเสียมากกว่า
“ได้ค่ะ คุณลุง” ไอรีนพูด ยิ้มน้อย ๆ บอกการันต์ไป
การันต์ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี อบอุ่น ในสายตาของไอรีน เขาตรงกันข้ามกับพ่อของเธอโดยสิ้นเชิง เธอไม่แปลกใจเลยที่กวินท์เติบโตมาเป็นคนมองโลกในแง่ดีแบบนี้ เพราะได้ต้นแบบแบบการันต์ที่เลี้ยงดูเขานี่เอง
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับไอรีนที่เรียกคนที่อยู่ภายในห้องแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ได้ยินแต่เสียงเพลงภายในห้องที่ดังออกมาแทน ไอรีนคิดว่าเจ้าตัวคงตื่นแล้วแต่คงทำอะไรสักอย่างอยู่ในห้องแน่ ๆ แต่พอเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบประกอบกับการที่เปิดเพลงดังลั่นห้องขนาดนี้ไอรีนก็หมดความอดทนที่จะยืนรออยู่หน้าห้อง มือเรียวเอื้อมไปดึงลูกบิดประตูก็พบว่าไม่ได้ล็อก โชคดีที่ภายในบ้านของกวินท์ไม่ได้อาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ใช้ระบบสแกนม่านตาเข้าช่วยไปทั้งบ้าน เธอจึงเข้าไปในห้องของกวินท์ได้อย่างง่ายดาย
ว่าแล้วก็เข้าไปสำรวจรังของศัตรูสักหน่อยดีกว่า
ห้องนอนของกวินท์เรียบร้อยกว่าที่ไอรีนคิด ข้าวของถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบจนเธอไม่อยากจะเชื่อ ที่มุมหนึ่งของห้องมีกรอบรูปเล็ก ๆ วางตั้งอยู่ที่หัวเตียง ไอรีนเดินเข้าไปใกล้และหยิบมันขึ้นมาดู มันเป็นรูปของกวินท์ในสมัยเด็กที่ถูกการันต์อุ้ม ข้างกายมีฟินิกซ์ และหญิงสาวอีกคนที่ไอรีนไม่รู้จัก แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเธอคนนั้นเป็นใคร
น่าจะเป็นแม่ของกวินท์
เด็กชายที่อยู่ในภาพสวมหมวกปาร์ตี้ส่งยิ้มกว้างมองเธอกลับมา
หมอนั่นตอนเด็กก็น่ารักเหมือนกันแฮะ ...
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกขัดจังหวะไอรีนที่กำลังดูรูปนั้นอยู่เพลิน ๆ เธอหันไปมองตามที่มาของเสียง ก่อนวางรูปนั้นลงที่เดิมอย่างรวดเร็ว
ภาพที่เห็นตรงหน้าของไอรีนคือภาพของกวินท์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลือยท่อนบน ท่อนล่างถูกพันด้วยผ้าเช็ดตัวหลวม ๆ เส้นผมบนหัวของเขายังคงไม่แห้งดี เจ้าตัวมองมายังไอรีนแบบแปลกใจนิดหน่อยที่เข้ามาในห้องเขา ก่อนขยับตัวเดินมาใกล้ไอรีนมากขึ้นกว่าเดิม
“คุณลุงให้มาตามนายไปทานอาหารเช้า” ไอรีนรีบตอบไปโดยที่กวินท์ยังไม่ทันถามอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรีบหันหลังกลับ ใบหน้านิ่งนั้นขึ้นสีตามมา
“อ่อ ขอบใจมาก เดี๋ยวฉันลงไป” กวินท์ตอบ หัวเราะขำกับใบหน้าของไอรีนและท่าทางเจ้าตัว ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบเวลาที่ใบหน้านิ่ง ๆ แสนหยิ่งนั่นขึ้นสีแถมทำหน้าตลกแปลก ๆ ต้องขอบคุณลีโอที่บังคับให้เขาออกกำลังกายฟิตหุ่น แต่ไม่รู้มันจะถูกใจไอรีนหรือเปล่า
“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน อยู่คุยกันก่อน” กวินท์พูดต่อ ยิ้มกว้างขยับตัวเข้าไปใกล้ดึงแขนไว้ ทำให้เจ้าตัวหันกลับมามอง
“คุยอะไรของนาย”
“เขินหรอ ถามจริง เธอไม่เคยเห็นผู้ชายถอดเสื้อหรือไง”
ไอรีนไม่ตอบ แต่ใบหน้าที่แดงกว่าเดิมทำให้กวินท์รู้คำตอบทันทีว่าเขาเดาไม่ผิด
“ไอรีนระวังเตะขวดสบู่เหลว” กวินท์พูดออกไป เมื่อสังเกตเห็นไอรีนที่กำลังเดินถอยหลังหนีจากเขาจะเตะกับขวดสบู่เหลวที่เขาเอามาเติมในห้องน้ำแต่วางไว้ข้างขอบเตียงบนพื้นที่ยังไม่ได้ปิดฝาดี
“ว้าย !”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ของเหลวในขวดก็ไหลนองไปทั่วพื้น ขาที่กำลังจะก้าวเดินต่อของไอรีนลื่นเพราะเดินผิดจังหวะพร้อมกับร่างทั้งร่างล้มลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก
มือเรียวคว้านู่นนี่นั่นสะเปะสะปะไปทั่ว หยิบอะไรได้ก็คว้าไปหมด
หญิงสาวร้องโอดโอยหลังจากกระแทกตัวลงไปที่พื้น โชคดีที่เธอไหวตัวทันใช้พลังลมลดแรงกระแทกแต่ก็ยังคงเจ็บอยู่ เจ้าตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นเงยหน้าขึ้นมา รู้สึกว่าในมือของตัวเองกำลังถืออะไรบางอย่างอยู่
อะไรบางอย่างที่ว่า มันคือผ้าเช็ดตัวของกวินท์ที่พันท่อนล่างเอาไว้ …
แต่เหมือนจะช้าไปแล้ว สายตาของเธอเงยขึ้นไปมองร่างเปลือยเปล่าของกวินท์ที่อยู่ตรงหน้าพอดี
ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดร้องลั่นบ้านที่ดังออกมาจากห้องนอนของกวินท์