ตอนที่แล้วบทที่ 14 ห้ามตัดสินคนจากหน้าตานะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 ถ้าเราไม่ตายแล้วใครจะตายกันล่ะ อิอิ

บทที่ 15 พบรักในดันเจี้ยน (มันใช่เหรอ)


บทที่ 15 พบรักในดันเจี้ยน (มันใช่เหรอ)

พวกคุณคิดว่าชื่อตอนเรื่องนี้ชักจะทะแม่ง ๆ เข้าไปทุกทีไหมครับ แล้วคุณเคยคิดไหมว่านางเองเรื่องนี้เธอเป็นใครกัน เมื่อไหร่เราจะมี NC ด้วยกัน เมื่อไหร่ผมจะดัง เมื่อไหร่ผมจะได้โชว์เทพสักที เมื่อไหร่ภารกิจชาล็อตจะเริ่ม เมื่อไหร่จะได้เจอนาตาเลียอีก?

อ่า...ผมว่าพวกคุณคิดเยอะเกินไปแล้ว นี่มันพึ่งวันที่ 3 ในต่างโลกของผมเองนะ ขอเวลาผมปรับตัวหน่อยเถอะ ถึงภารกิจชาล็อตจะรีบ แต่ผมยังมืดแปดด้านอยู่เลย จะบอกให้นะ ใน 3 วันมาเนี่ย ความรู้สึกของผมก็เหมือนโดนเบื้องบน ส่งไฟลต์บินด่วนมาให้ และพอไปถึงก็ต้องเริ่มทำภารกิจ ถ่ายทำสารคดีชีวิตตัวเองในต่างแดน เท่านั้นยังไม่พอ ในวันที่สอง ก็มีคำสั่งจากเบื้องบนมาอีกว่า จงจับพ่อค้ายาบ้าในแถบนี้ให้ได้ใน 30 วัน แล้วจะได้เป็นนายกคนต่อไป แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ เอ็งจะต้องโดนฆ่าวันละครั้ง! แล้วไหนล่ะผู้ช่วย ไหนล่ะพลังพิเศษ ไม่มีเลย! แค่คิดผมบนหัวก็ร่วงลงมาหลายเส้นแล้ว

ต่างโลกช่างน่าอยู่อากาศบริสุทธิ์ มีสิ่งแปลกใหม่มากมาย มีการผจญภัย มีการต่อสู้ มีสาวสวย ๆ มีฮีโร่ มีจอมมาร มีสัตว์ประหลาดและดันเจี้ยน มันฟังดูดีนะว่าไหม? ผมประชดเถอะ มันมีทุกอย่างที่พูดมานั่นแหละ แต่นอกจากนั้น ผมล่ะขัดใจไปซะทุก ๆ อย่าง จะให้คนเจนวาย อย่างผมผู้ที่เกิดมาพร้อมเทคโนโลยี มาติดแหง็กอยู่ในที่ ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าถึง เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง ในสถานที่ที่ไม่มีแม้แต่เซเว่นหน้าปากซอย แถมผู้คนถูกลักพาตัวกันเป็นว่าเล่น ตายกันเป็นว่าเล่น ไหนจะยังต้องมาสู้กับสัตว์ประหลาดชวนขนหัวลุกอีก

ใครบอกวะ ว่ามาต่างโลกแล้วต้องมาดันเจี้ยน! ไม่มาดันเจี้ยนก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เชื่อผมเถอะ ในดันเจี้ยนมันโคตรจะทรมานเลยครับ ถ้าไม่เป็นหนี้ 30 ล้าน อย่ามาเลยเชื่อผม ไอ้ตอนเข้ามาแรก ๆ มันก็ดีอยู่หรอก เปิดประสบการณ์ใหม่ในการชกโครงกระดูกเดินได้ ตื่นเต้นโคตร ๆ จนเผลอยกโทรศัพท์มาเซลฟี่ชู 2 นิ้วใส่กล้องระหว่างการต่อสู้ กะว่ากลับไป จะโพสต์ลงเฟสว่าได้เจอญาติโครงกระดูกเพื่อนเลิฟในหนังช่อง 7 ตอนเช้าวันเสาร์-อาทิตย์

แต่หลังจากไล่ฆ่ามันไปครบ 13 ตัวอย่างรวดเร็วและผ่านลงไปยังชั้น 2 ของดันเจี้ยน ในชั้นที่สองมันไม่ได้เป็นพื้นที่โล่ง ๆ เหมือนห้องโถงชั้นแรก ตรงกลางเป็นทางเดินทอดยาวไปยังบันไดอีกฟาก สองข้างทางมีห้องขนาดเล็กที่ไร้ซึ่งประตู แต่ละห้องกระจุกไปด้วยกลุ่มปาร์ตี้นักผจญภัยและ สัตว์ประหลาดโครงกระดูกเวอร์ชันอัพเกรด ที่หันมาพกอาวุธจำพวกมีดสั้น และดาบสั้น ต่างจากชั้นแรกที่เป็นโครงกระดูกตัวเปล่าที่ใช้แต่ท่าทางการโจมตีง่าย ๆ

ในชั้นที่ 2 ผมต้องใช้เวลาในการต่อสู้เพิ่มขึ้นจากชั้นแรกที่ยังชิล ๆ กินแรงไอ้สองหน่อได้อยู่บ้าง แบบว่า ชั้นแรกผมก็รอลาสช็อตอย่างเดียวบ้าง ส่องชาวบ้านปาร์ตี้อื่นสู้บ้างอะไรแบบนี้ แต่ในชั้นสองเนื่องจากแต่ละห้องไม่ได้มีพื้นที่กว้างมากนัก ศัตรูก็มีจำนวนน้อยกว่าชั้นแรกอย่างเห็นได้ชัด จึงมีการปะทะกับปาร์ตี้อื่นเป็นพัก ๆ โดยเฉพาะกับปาร์ตี้ผมที่มีมือเกรียนอยู่ในตี้...

แต่เราก็ผ่านมาด้วยดีเมื่อผมฆ่าโครงกระดูกไป 23 ตัวจนครบโควตาขึ้นชั้นถัดไป พวกเราเลยจรลีไปชั้น 3 อย่างว่องไว ในชั้น 3 ก็ไม่ต่างจาก 2 ชั้นแรกนัก ภายในชั้นนี้มันให้ความรู้สึกว่าเป็นโบราณสถาน มันมีรูปปั้นและกลไกเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่พอสมควร จำพวก แตะแล้วจะมีโครงกระดูกผุดขึ้นมา หรือไม่ก็แตะแล้วมีลูกธนูพุ่งออกมาจากผนัง ข้างทางบางช่วงก็เจอกับรูปปั้นหินพ่นไฟได้ อะไรแบบนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังอยู่ในหนังอินเดียน่าโจนส์เลยครับ ถึงผมจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจดี แต่ก็แอบกลัวเยี่ยวแทบเล็ดไปบางอัน

ระหว่างเดิน ๆ อยู่ผมก็พยายามยกกล้องโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึกเสมอ ๆ กะเก็บไว้เป็นหลักฐานเล่าให้ลูกหลานฟังว่า พ่องเอ็งเคยเดินตามรอยลุงโจนส์ในหนังมาแล้ว อะไรประมาณนี้

แต่สิ่งที่น่าเบื่อก็คือ สัตว์ประหลาดที่ต้องฆ่ายังคงเป็นโครงกระดูกเช่นเดิม เพียงแค่มันมีเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นมา แล้วก็มีพวกที่ใช้หน้าไม้กับธนูเป็นอาวุธด้วย ผมไม่รู้ว่าเทพเจ้าสูงสุดมันอู้การออกแบบมอนสเตอร์รึยังไง นี่ผมเจอโครงกระดูก 3 ชั้นรวดแล้วนะ! แค่ 2 ชั่วโมง ผมก็เบื่อขี้หน้าขาว ๆ ตาโบ๋ ๆ กับฟันที่กระทบกันดังกึก ๆ ชวนปวดประสาทนี่แล้ว ให้ตายเถอะ

การต่อสู้มันอยากขึ้น ใช่ ผมไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ ชั้น 3 นอกจากจะต้องระวังกับดักให้ดีแล้ว การต่อสู้ก็อันตรายเช่นกัน ผมต่อยมันทีก็ระแวงว่าลูกธนูจะพุ่งมาปักก้นที แต่ดีที่เจ้าอ้วนใช้โล่ใหญ่ มันรับหน้าที่กันลูกธนูได้อย่างดีเยี่ยม และเป็นไกด์ที่โคตรดีทำให้ผมไม่เจอกับดักอะไรที่อันตรายเลยสักชิ้น พวกเราสามคนหลบหลีกกันได้พลิ้วไหวสุด ๆ นอกจากนั้นเจ้าผอมก็ไม่น้อยหน้า มันตั้งหน้าตั้งตาเปิดศึก ดวลธนูกับฝ่ายตรงข้าม จากด้านหลังโล่ใหญ่ตลอดทาง สมแล้วที่พวกมันดูโอ้กันมานาน ทำให้ผมเลิกกังวลไปได้เปลาะหนึ่ง

แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ ผมไร้ตัวแท็งค์ เพราะพวกมันดูโอ้กันจัดการมือธนู เวลาที่ต้องหยุดสู้แต่ละที ผมเลยต้องทั้งแท็งค์ไปด้วยทั้งโจมตีไปด้วย สภาพเหมือนผมมาโซ่โล่ 1-1 กับโครงกระดูกยังไงยังงั้น ด้วยความที่ผมชำนาญแม่ไม้มวยไทยอยู่พอสมควร ในเมื่อได้ดวล 1-1 ผมเลยจัดท่ายากมาใช้เป็นชุดอย่างเมามัน

แหม ก็ปกติตอนเรียน ครูมวยไม่ให้ผมเอาท่าพวกนี้ไปชกใครนี่น่า แกบอกว่านี่มันท่าใช้ฆ่าคน เรียนไว้ประดับหัวว่าเคยเรียนมาก็พอ เฮ้อ...ก็มวยสมัยนี้เล่นเอาท่าอันตรายออกไปหมด เพราะมันไม่เหมาะใช้ในการแข่งขัน ผมเลยไม่เคยฝึกใช้มันอย่างจริงจัง แต่ในเมื่อตอนนี้ผมไม่ได้สู้กับคน ผมก็ต้องลองวิชาให้เต็มที่ไปเลยสิครับ วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

หลังจากผมกระทืบโครงกระดูกตายไป 33 ตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์ ของศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทย จนนักผจญภัยปาร์ตี้อื่นมองกันตาค้าง ผมก็ผ่านโควตาขึ้นไปชั้น 4 ด้วยฝีมือตัวเองล้วน ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่มันไวกว่าตอนผ่านชั้นหนึ่งซะอีก มวยไทยสุดยอด!

ความหวังจะจบชั้น 4 ในเวลาที่เหลืออีกครึ่งชั่วโมงเริ่มเจิดจ้าขึ้นทุกขณะ

แต่ความหวัง...มันก็แค่หวังแหละน่า

พวกคุณเริ่มสงสัยกันแล้วใช่ไหมล่ะ ทั้ง ๆ ที่มันก็ราบรื่นขนาดนี้ ทำไมผมถึงมานั่งบ่นอยู่นานสองนานน่ะเหรอ มันก็คือการได้บังเอิ๊ญ บังเอิญเจอแม่สาวเอลฟ์ทีน่า ในดันเจี้ยนชั้น 4 ไงล่ะ สามชั้นที่ผ่านมาสุดจะชิล เสมือนมาเดินออกกำลังกายยามเย็น แต่พอเจอทีน่าตาขวาผมก็กระตุกทันที ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่าเหตุการณ์เดิม ๆ จะย้อนมาอีกครั้ง และมันก็ใช่จริง ๆ ให้ตายสิ!

ใช่สิผมมันคนไม่มีดวงผ่านมา 3 ชั้นแล้วยังได้ คริสตัลสี ๆ แค่ 3 ชิ้นเอง นี่ผมฆ่าไปครึ่ง 100 แล้วนะ โธ่

เหตุการณ์ตอนเจอทีน่าในดันเจี้ยน ทำเอาผมอ้าปากมองตาค้าง ภาพเอลฟ์สาวสุดสวยจนโลกตะลึงกำลังวิ่งหน้าตั้ง 4x100 ด้านหลังตามมาด้วยเจ้าโครงกระดูกในชุดเกราะเหล็กถือดาบ ที่ยังมีเนื้อหนังชวนแหวะ แถมมันยังชอบพูดคำว่า “ผู้บุกรุกต้องตายยยย” แล้วก็มี แฮร่ ต่อท้าย หลอนโคตรเลยโว้ย!

โครงกระดูกที่มีเนื้อไม่เรียกว่าโครงกระดูกหรอกนะ ต้องเรียกว่าเนื้อติดกระดูกต่างหากเล่า โทษทีผมรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาเล่นมุก ผมก็แค่เผลอไปหน่อย...นักผจญภัยในชั้น 4 ต่างวิ่งหนีหลบตามซอกตามมุมกันกระเจิดกระเจิง ทิ้งพวกผมที่โดนสายตาสวยหวาน และคำพูดต่อมาของเธอก็ทำเอาสตั๊นกันทั้งตี้

“ภาาาา ข้ารักเจ้าาา”

ทำไมนะทำไม ตอนนั้นผมถึงไม่ตะโกนกลับไปว่า 'รักบ้านเธอสิ! ถ้ารักกันจริงอย่าเรียกชื่อผม แล้วก็อย่าลากมันมาทางนี้ด้วย'

"เฮ้ แฟนสาวเจ้าเอาของขวัญมาฝากแหนะ เชิญพลอดรักในดันเจี้ยนกันตามสบายนะ ข้าไปล่ะอิอิ"เจ้าอ้วนเดอนี่ยกมือขึ้นปิดปากทำท่าทางสะบัดสะบิ้ง พลางลากเจ้าผอมแดริลไปอยู่ตรงมุมเสาต้นใหญ่ และแทรกตัวเข้าไปหลบทันที

"อ่า สาวสวยในดันเจี้ยนที่มาพร้อมกับบอสลับสุดตื่นเต้น คนรักเจ้านี่ร้อนแรงไม่เบา หุหุ"เจ้าผอมก็เป็นไปด้วย มันชะโงกหน้าออกมาจากหลังเสา ส่งเสียงล้อเลียน เสมือนเป็นโรคติดต่อที่ต้องล้อและหลีกทางให้ เวลาเพื่อนมีแฟนสาวมาหา

แต่ตอนนี้มันใช่เวลาไหมพวกเอ็ง! ถ้าอยากจะชิ่งไปหลบหลังเสาก็บอกกันดี ๆ ก็ได้นะเฮ้ย ไม่ต้องมาล้อชาวบ้านกลบเกลื่อนความกากหรอก

ในระหว่างที่ผมกำลังด่าไอ้สองตัวนั่นอยู่ในใจ และไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์โดนลากบอสลับเข้าใส่ของทีน่า จู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังก้องจนหูแทบดับ และทีน่ากลิ้งลงไปกับพื้นพร้อมเลือดที่พุ่งออกมาจากน่องขวา ทำให้ผมได้สติขึ้นมาทันที

"ทีน่า! "ผมตะโกนออกไปอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเธอโดนอะไรโจมตีเข้าไป สิ่งนั้นมันคือกระสุนปืน เธอโดนบอสลับยิงด้วยปืนสั้นในมือซ้าย

ใช่คุณเข้าใจไม่ผิดหรอกนั่นมันปืน ถึงจะเป็นปืนพกสมัยเก่าแต่นั่นมันคือปืน ไม่ว่าจะเสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะความเร็วกระสุนที่ยากจะหลบทัน มันคือคุณลักษณะที่ปืนพึงมี

เฮ้ นี่จะไม่บ้าบอเกินไปหน่อยเหรอ ต่างโลกแนวยุโรปยุคผู้กล้าปราบจอมมารเนี่ยนะ จะมีไอ้ของที่โกงโคตร ๆ แบบปืนน่ะ

"เฮ้ย! เจ้าภาอย่าพึ่งเข้าไป" ผมวิ่งเข้าไปหาทีน่าทันที เสียงเตือนของเดอนี่ที่หลบหลังเสาแทบไม่เข้าหูผมเลย สมองผมลืมไปแล้วว่าตอนนี้มีสัตว์ประหลาดถือปืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ

"ทีน่า ทีน่า! "ผมประคองร่างทีน่าที่ฝุ่บหน้าทิ่มพื้นจับพลิกตัวเธอขึ้นมานั่ง ดีๆ

"ข้า ข้าไม่เป็นไร เมื่อกี้แค่ไม่ทันตั้งตัว"เอลฟ์สาวคายผมตัวเองที่เผลอกินเข้าไปตอนสะดุดล้มออกมา พร้อมหยิบโพชั่นแสนแพงที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมาดื่ม ไม่นานแผลที่น่องก็คายกระสุนออกมา และผิวขาวผ่องก็กลับมาเรียบเนียนดังเดิม ถึงหน้าเธอจะเปื้อนดินไปหน่อยแต่โดยรวมตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรน่าห่วง ผมปล่อยมือที่ประคองร่างเธอและหันสายตาไปมอง ไอ้สิ่งที่เจ้าสองคู่หูอ้วนผอมนั่นมันเรียกว่า บอสลับ ในตอนนี้ เจ้านั่นมันเดินได้ช้าพอ ๆ กับการเดินของคนขาเป๋

หลังจากมันยิงทีน่าล้ม มันก็ไม่ได้ยกปืนขึ้นมายิงต่อแต่อย่างใด มันเดินกะเพกมาอย่างช้า ๆ ทั้งที่ตอนแรกมันวิ่งตามทีน่ามาแท้ ๆ แต่มองได้ไม่นาน บอสลับตรงหน้าก็มีการเคลื่อนไหวที่แปลกออกไป ท่าทางประหนึ่งเหมือนกำลังรำดาบ...

ไม่ถึงเสี้ยววิก่อนที่ผมจะทันได้ย่อยข้อมูล และตกผลึกความคิด รังสีดาบ 3 เส้นพุ่งกระจายตัวออกมาจากปลายดาบบอสลับ เส้นหนึ่งพุ่งตรงเข้ามายังผมและทีน่า ไม่รู้ว่าตอนนั้นมีอะไรเข้าสิง คนที่เห็นแก่ตัวโคตร ๆ แบบผมถึงได้ทำตัวเป็นเป็นพระเอกกับชาวบ้านเขาได้

ผมรวบตัวทีน่าเข้าหาตัวเองและเอาแผ่นหลังบังเธอไว้ทันที แต่ก่อนที่รังสีดาบจะโดนตัวผม เสียงตะโกนไม่คุ้นหูก็ดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง "กระโดด! "

ด้วยความที่ผมฝึกตัวเองมาดี ร่างกายมักไปไวกว่าความคิด ผมจัดการอุ้มทีน่ากระโดดตามเสียงตะโกนปริศนาทันที

รังสีดาบหวืดผ่านใต้ร่างผมไปในเสี้ยววิ พุ่งไปชนเสาต้นหนึ่งที่คู่หูอ้วนผอมหลบอยู่จนแตกร้าว

บรึ้ม! ควันระเบิดลอยคละคลุ้ง ส่งผลให้เจ้าสองคนที่หลบอยู่หลังเสาพากันไอค่อกแค่ก ลูบหัวลูบหลังปลอบใจกันไปมา "แค่ก ๆ เดอนี่เพื่อนรักเจ้าไม่เป็นไรนะ"

"แดริลลล แค่ก ๆ ข้า...ข้าเกือบอดกินชาบูไปตลอดชีวิตแล้ว โฮฮฮฮ"

"เจ้าหมูถ้าเรารอดออกไป ข้าจะเลี้ยงชาบูเจ้าาา"

"จริงนะ"

"จริงสิ! เรามารอดไปด้วยกันเถอะ ภาเจ้าต้องเลี้ยงชาบูพวกข้านะ! "

ไหนเอ็งบอกจะเป็นคนเลี้ยง แล้วชาบูมันเกี่ยวอะไรกับตู ผมแนะนำนะ พวกคุณควรเมิน ไอ้พวกสติไม่เต็มพวกนั้นไปซะ มาชาบงชาบูอะไร ตอนหน้าสิ่วหน้าขวานฟะ

ไอ้บอสลับนี่ก็อีกตัว นี่มันจะ...อันตรายกว่าที่คิดเกินไปแล้ว นี่ใช่ดันเจี้ยนเกรด D ชั้น 4 จริงรึเปล่า

"พวกเจ้าน่ะ รีบมาทางนี้ถ้ายังไม่ยากตาย บอสลับตัวนั้นมันโหดกว่าบอสประจำชั้น 5 อีก"เสียงตะโกนแบบเดียวกับคราวก่อน ดังมาจากเบื้องหลังบานประตูด้านหลังผมและทีน่า

เมื่อหันกลับไปมอง ที่ตรงนั้น ปรากฏให้เห็นร่างของชายหนุ่มในชุดเกราะหนังมอซอ ถือหน้าไม้โลหะอันใหญ่ ไว้หนวดไว้เครา ใบหน้าครึ่งบนถูกปิดไปด้วยหมวกคาวบอยปีกกว้าง ชายหนุ่มปริศนาผู้นั้นกำลังเต๊ะท่าผิงกรอบประตูและคาบซิการ์ไว้คาปาก ท่าทางไม่ค่อยจะทุกร้อนกับสถานการณ์ตรงหน้าสักเท่าไหร่นัก

มองไกล ๆ แล้วโคตรเท่ นี่พี่หลุดออกมาจากหนังเรื่องไหนครับถามจริง! เจอบอสลับยังยืนเก็กหล่อได้อีก

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด