ตอนที่แล้วตอนที่ 12: ยายผู้หญิงแรงหมี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14: วิหคเหมันต์

ตอนที่ 13: เรียนรู้ถึงสิ่งที่มองข้าม


ตอนที่ 13: เรียนรู้ถึงสิ่งที่มองข้าม

 

เฮเซคียาห์หยิบกิ่งไม้แห้งใส่ไปในกองไฟเพื่อให้มันลุกโชน เบือนใบหน้ามองมูนนี่ที่เพิ่งเดินกลับมาจากการไปยืนจดๆ จ้องๆ มองซาแมนต้าที่ถูกผูกติดกับต้นไม้ ความสว่างจากกองไฟตรงหน้าของเขา ส่องไปให้เห็นร่างของเธอที่ไหวติงเพียงเล็กน้อยจากการหายใจเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ

 

“นั่นจะกินหมดเลยหรือยังไง เหลือไว้ให้เธอบ้างเถอะ” มูนนี่จ้องน่องนกย่างชิ้นใหญ่ที่เฮเซคียาห์ไม่บิแบ่ง แต่กัดจากน่องโดยตรง และเคี้ยวกลืนอย่างเอร็ดอร่อย

 

“ก่อนหน้านี้นายไม่พูดอะไร กินไปอย่างเดียวเหมือนกัน แล้วพอเหลือแต่ชิ้นนี้แล้วมาบอกฉันนี่นะ” เฮเซคียาห์โวย “ชิ้นนี้เป็นของฉัน ฉันว่าเราปล่อยให้เธอหิวไปเถอะ ก็แค่นิดๆ หน่อยๆ พอถึงเช้าเดี๋ยวนายก็ค่อยออกไปหาอะไรมาทำให้เธอกิน หรือจะไปหาเองตอนนี้ก็ได้นะ”

 

เฮเซคียาห์เผยท่าทีไม่แยแสผู้หญิงที่ตัวเองจับมัดกับต้นไม้ไว้ มูนนี่ขอกับเขามาแล้วหนหนึ่งก่อนพลบค่ำให้แก้มัดซาแมนต้า หลังการได้สติขึ้นมาจากอุบัติเหตุที่ซาแมนต้าเป็นคนก่อขึ้น แต่เฮเซคียาห์ไม่ยอม ก่อนจะเสทำเป็นผละไปล่าสัตว์เสียก่อนเพราะเมเดียนรับประทานเสบียงทั้งหมดของพวกเขาไป โดยเฮเซคียาห์ให้บรอธช่วยดูว่ามูนนี่ไม่ได้พยายามแก้มัดซาแมนต้าตอนที่เขาล่าสัตว์อยู่

 

“นายเป็นผู้ชาย ให้เกียรติผู้หญิงบ้างเถอะ ทำเขาไปแรงเหมือนกันนะ ก่อนหน้านี้” มูนนี่ยื่นมือมาจับข้อมือของเฮเซคียาห์เอาไว้ รั้งไม่ให้เขารับประทานน่องนกย่างแสนน่าอร่อยต่อ

 

“เฮอะ!” เฮเซคียาห์สะบัดมือออก ปล่อยน่องนกย่องให้กระเด็นหลุดมือลงพื้น

 

“นี่ เอาจริงเหรอฮะ ทำแบบนี้จงใจใช่ไหม” มูนนี่ยกมือทุบแรงๆ ลงบนบ่าของเฮเซคียาห์ น้ำเสียงฉุนขาด

 

เฮเซคียาห์ไม่ตอบ เขาลุกหนีออกไปนั่งห่างๆ

 

มูนนี่เล่าให้เฮเซคียาห์ทราบแล้ว ว่าทุกคนที่เป็นแฟนคลับของซาแมนต้า ทราบดีว่าเธอเป็นมนุษย์ที่มีพละกำลังมหาศาล พลังของเธอมีที่มาจากการที่เธอเกิดและเติบโตในเขตการปกครองที่ 6 ซึ่งที่นั่นมีแรงโน้มถ่วงมหาศาล ซึ่งตามปกติ มนุษย์จะหลีกเลี่ยงการเข้าไปที่นั่น แต่พ่อแม่ของซาแมนต้าตั้งใจพาเธอเข้าไปอาศัยอยู่ที่นั่นเพื่อฝึกฝนเธอให้เป็นผู้ใช้เศวตศาสตราที่เก่งกาจ

 

เฮเซคียาห์เย้ยกับมูนนี่ไปแล้วว่า เขาไม่คิดว่าเธอเป็นผู้ใช้เศวตศาสตราที่ได้เรื่อง สามารถสู้อย่างสูสีกับใครได้จริงๆ

 

“ฉันจะฟ้องเธอว่า นายเอาเนื้อที่ตกพื้นแล้วให้เธอกิน” เฮเซคียาห์มองมูนนี่เอาน่องนกกลับไปปิ้งไฟ

 

“ก็แล้วแต่นาย” มูนนี่พ่นลมพรืดออกจมูก ไม่แยแสคำขู่

 

เฮเซคียาห์ลุกขึ้นไปดูซาแมนต้า เธอยังไม่ได้สติ บนเรือนผมของเธอมีกิ๊บสีขาวซึ่งคือเศวตศาสตราของเธอที่ซ่อมแซมตัวของมันเองอย่างรวดเร็ว และกลับเข้าไปอยู่ที่ที่มันควรอยู่ได้เอง

 

“อืม...” ซาแมนต้าคราง

 

ศีรษะของเธอผงกเล็กน้อย แล้วเธอก็ค่อยๆ ปรือเปลือกตาขึ้น

 

“นี่มันอา...” เธอหุบปากฉับเมื่อสายตาสบเข้ากับสายตาของเฮเซคียาห์ที่จงใจยื่นหน้าเข้าไปไกลเธอในระยะประชิด

 

เสียงกรี๊ดดังลั่นป่า ขณะที่ซาแมนต้าดิ้นกระแด่วๆ กระเสือกกระสนจะหนีให้พ้นจากเชือกเถาวัลย์ที่มัดเธอไว้

 

“ใจเย็นๆ ครับคุณผู้หญิง” มูนนี่วิ่งทะล่ามาผลักเฮเซคียาห์ออกห่างจากซาแมนต้า

 

“นี่มัน... ใครอีกล่ะ” ซาแมนต้าหน้าบูด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงดูน่าขันในสายตาของเฮเซคียาห์ “แกเป็นใครกันน่ะห๊า โอ๊ย! พวกแก ถ้าฉันหลุดไปได้ละก็น่าดู”

 

เฮเซคียาห์ยิ้มเยาะนิดๆ

 

“น่าดูอะไร คิดว่าเธอจะสู้กับฉันได้เหรอ ฝันไปเถอะ” เขากล้าท้าทายเธอ ด้วยความมั่นใจว่าถ้าสู้กันอีกครั้ง ตัวเองไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน

 

“แล้วจะได้เห็นดี!” ซาแมนต้าตะโกนลั่น

 

เฮเซคียาห์สัมผัสได้ว่าอากาศรอบตัวของเขาสั่นสะเทือนเล็กน้อย เขาหรี่ตาลง และตั้งสมาธิ ก่อนจะยกมือขึ้น ยื่นไปด้านหน้า และกวาดมือทั้งสองไปด้านข้าง กำฉวยบางอย่างเป็นเส้นๆ เอาไว้ได้ เขารวบเส้นๆ ที่จับไว้มารวมกันในมือแต่ละข้าง

ตอนแรกสิ่งที่เขาฉวยได้ มันล่องหนอยู่ แต่พอเฮเซคียาห์คว้าจับไว้ได้ มันก็ปรากฏชัด

 

“แก! แกทำได้ยังไง” ซาแมนต้าตกใจกับภาพที่เห็น

 

“ของหลอกเด็ก” เฮเซคียาห์หัวเราะ เขาผูกสายกีต้าร์ไฟฟ้าโลหะที่โรยตัวลงมาจากอากาศเหนือศีรษะสูงขึ้นไปเข้าด้วยกัน

 

และยังพูดไม่ทันขาดคำ อากาศด้านข้างแหวกออก เสียงของบรอธดังขึ้นมาในหัว เตือนเขาให้ระวังภัย เขามีปฏิกิริยาตอบโต้ เอนกายหลบแล้วคว้าจับสิ่งที่เกือบหวดเขาเข้าให้

 

“อย่ามาเล่นทีเผลอกับฉัน” เฮเซคียาห์คำราม กำสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่อยู่ในมือ เขารับรู้ได้ว่ามันมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ส่งออกมาด้วย เขากำมันแน่นแล้วหัวเราะออกมาเย้ยซาแมนต้าที่มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

 

สายกีต้าร์ไฟฟ้าในมือของเฮเซคียาห์หายไป เขาเดินเข้าไปหาซาแมนต้าที่ยังเบิกตากว้างจ้องเขาอยู่

 

“เมื่อกี้มันอะไรกัน แล้วนายทำอะไร” มูนนี่ถามเสียงเครียด แต่ก้าวมาด้านหน้าเล็กน้อย

 

เห็นได้ชัดว่าถ้าเฮเซคียาห์จะใช้กำลังกับซาแมนต้า เขาจะต้องผ่านมูนนี่ไปก่อน

 

“ถอยไป ฉันแค่จะคุย” เฮเซคียาห์ยกมือผลักไหล่ของมูนนี่

 

มูนนี่ขืนตัวต้านแรงเขาไว้

 

“นายนั่นแหละ ถอยไป แล้วก็ค่อยๆ คุยกัน” มูนนี่ดูเหมือนต้องการปกป้องซาแมนต้าเต็มที่ เฮเซคียาห์มองตาอีกฝ่าย แม้ว่าพวกเขาทั้งสองเมื่อยืนเทียบความสูงกันในตอนนี้ มีเงาของต้นไม้ทำให้เห็นแววตาของอีกฝ่ายอย่างไม่ชัดเจนนัก แต่เฮเซคียาห์ก็เห็นว่ามูนนี่กำลังมองเขาอย่างระมัดระวัง และพิจารณาเขาว่าเป็นอันตราย

 

เฮเซคียาห์เม้มปาก ภาพตรงหน้าเขาคือมนุษย์กำลังปกป้องมนุษย์ด้วยกันเอง

 

มูนนี่อาจจะรู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์รุนแรงที่เฮเซคียาห์มีต่อซาแมนต้า เฮเซคียาห์จะฆ่าซาแมนต้าก็ได้ เขาไม่ได้เห็นเธอเป็นผู้หญิง ไม่ได้เห็นเธอเป็นคน เขาเห็นว่าเธอไม่ต่างจากสัตว์

 

“โอเค” เฮเซคียาห์ยกมือสองข้างขึ้นในลักษณะยอมแพ้ เขาเชื่อว่าการแสดงออกด้วยท่าทางนี้ จะทำให้มนุษย์ที่หวาดระแวงวางใจในตัวเขาขึ้นมาหน่อย แล้วเฮเซคียาห์ก็ถอยหลังออกมาสองก้าว “ก็จะค่อยๆ คุย โอเคไหม

 

“เขาเป็นตัวอะไร ต่อให้เป็นผู้ใช้เศวตศาสตราด้วยกัน ก็ไม่ใช่ว่าจะจับสายกีต้าร์ของฉันได้ง่าย ทั้งความเร็ว ทั้งพลังงานไฟฟ้า” ซาแมนต้าหันไปถามกับมูนนี่ “แล้วตกลงพวกนายตั้งใจทำอะไรกับฉัน”

 

“นายอธิบายตัวนาย” มูนนี่เบี่ยงกาย ให้ซาแมนต้าเห็นเฮเซคียาห์ได้เต็มตา

 

“ฉันก็แค่เก่ง” เฮเซคียาห์จ้องหน้าซาแมนต้าตอนพูด แล้วเขาก็ก้มหน้าลงไปถอดรองเท้าบู๊ทสำหรับนักเดินทางออก หงายให้ซาแมนต้าเห็นใต้รองเท้า “แล้วฉันก็ใช้สมอง หากระเพาะของนกที่อยู่ในป่านี้ที่มันมียางเคลือบหนารอบนอกมาติดกับใต้รองเท้า เพราะว่าไอ้นี่น่ะ ที่ติดอยู่ใต้เท้า มันเป็นชนวนกันไฟฟ้าแรงสูง เพราะฉะนั้นเธอเลยช็อตฉันด้วยไฟฟ้าผ่านสายกีต้าร์ไฟฟ้าของเธอไม่ได้ยังไงละ”

 

“แต่... แต่... นายทำได้ยังไงตัวคนเดียว มองเห็นสายกีต้าร์ของฉัน แล้วยังจะหาไอ้ของพรรค์นั้นมาใช้ได้อีก” ซาแมนต้าผงะกับคำอธิบาย

 

“นั่นสิ” มูนนี่คาดไม่ถึงเช่นกัน

 

“บรอธก็ช่วยด้วย” เฮเซคียาห์ออกปากพูด และบรอธที่บินวนอยู่ห่างๆ ก็มาอยู่ข้างๆ เขาและเรืองแสงออกมา ทำให้ทุกคนเห็นสีหน้าของเฮเซคียาห์ที่ยิ้มอ่อนๆ แบบเปลี้ย แต่แฝงความสาแก่ใจ “มันบอกหมดแหละว่าควรทำอะไรบ้าง และคำแนะนำก็มีประโยชน์”

 

“ไอ้เศวตศาสตรากระหลั่วๆ พรรค์นั้น” ซาแมนต้าถลึงตาใส่บรอธ

 

เธอถ่มน้ำลายออกมา

 

น้ำลายของเธอเดินทางไกลในอากาศ

 

แต่แทนที่จะไปโดนบรอธ... มันกระเซ็นโดนหน้าของเฮเซคียาห์แทน

 

“ยายนี่! จะเอาเรื่องกับฉันเหรอฮะ” เฮเซคียาห์ของขึ้น ถลาจะปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย

 

มูนนี่เข้ามาขวาง ผลักอกของเฮเซคียาห์ให้หยุดและถอยไป

 

“ใจเย็นไว้เพื่อน ใจเย็นไว้” มูนนี่ยังใจเย็นอยู่ได้ “นี่ผู้หญิงนะ ท่องเอาไว้ว่าผู้หญิง โอเค้?”

 

“ไม่ว่ะ” เฮเซคียาห์ส่ายหน้า “ไม่โอเคด้วยนะ”

 

“เดี๋ยวเราจะแกะเถาวัลย์ออก แล้วก็มาคุยกันดีๆ โอเคไหมครับ” มูนนี่หันไปคุยกับซาแมนต้า น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงความเป็นมิตร และเฮเซคียาห์อดเขม่นไม่ได้ เขาจับได้ว่ามูนนี่เก๊กเสียง

 

“อย่าทำตัวเป็นพระเอกจะช่วยนางเอกในละคร” เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นจับบนบ่าเพื่อนและบีบแน่น

 

“ใช่ อย่าได้คิดว่าฉันจะปลื้มอะไรนะที่แสดงออกว่าอยากจะเป็นฮีโร่ช่วยฉันน่ะ” ซาแมนต้าแผดเสียง

 

มูนนี่หน้าเจื่อน

 

“นี่เธอ!” เฮเซคียาห์มีแผนเพื่อยุติความเป็นอริกับซาแมนต้า เขาเกลียดเธอและไม่ต้องการญาติดีด้วย แต่ก็ไม่ต้องการจะเป็นศัตรูที่เธอคอยแต่จะมาตามตะโกนใส่อย่างกักขฬะ หยาบคาย หรือมาไล่เบี้ยใช้ความรุนแรงกับเขา เขาอยากเอาเวลาไปทำอย่างอื่นมากกว่ามาทะเลาะกับเธออีกเรื่อยๆ “พรุ่งนี้ฉันกับมูนนี่จะเข้าไปหาเมเดียนถึงบ้านเขา เธอน่ะ อยากเจอเขาเหมือนกัน จะตามมาก็ได้”

 

“บ้านเขาอย่างนั้นเหรอ อัลฟ่าแห่งการเดินทางมีบ้านด้วยเหรอ”

 

“ใช่” เฮเซคียาห์คิดว่ายายนี่น่ะ ประสาท! ทุกคนก็ควรมีบ้าน

 

“แปลกนะ ฉันได้ยินว่าเขาจะกลายเป็นอากาศเวลานอนหลับ”

 

“แค่เรื่องเล่าละมั้ง” เฮเซคียาห์รู้ดีว่ามนุษย์มีตำนานไร้สาระเยอะแยะมากมาย

 

“ตกลงว่านายกำลังบอกว่า จะพาฉันไปด้วย” ซาแมนต้าย้อนถาม “เกิดใจดีอะไรขึ้นมา ฉันหาเรื่องนายนะ อ้อ แล้วไอ้พาหนะบ้าๆ ที่ดูเหมือนของชาวมัสตินนั่น ใช่ของพวกนายใช่ไหม ฉันจำได้ว่าฉันโจมตีมันก่อนจะสู้กับนายแล้วกลายมาเป็นแบบนี้”

 

“ของฉันเอง” มูนนี่แทรกขึ้น “เศวตศาสตราของฉันเปลี่ยนสภาพไปเป็นพาหนะได้”

 

“อ้อ” ซาแมนต้าพยักหน้าหงึกหงัก “ไม่ค่อยเจอน่ะ”

 

“ทำไมเธอชอบระแวงว่าอะไรๆ ก็จะเป็นของมัสติน ไม่ก็ชาวมัสตินนะ” เฮเซคียาห์ส่ายหน้า อยากหัวเราะดังๆ

 

ยายนี่ตลกในแบบที่จริงๆ ก็ไม่น่าตลก

 

“เราก็ต้องระแวงไว้ก่อนไหม ทุกอย่างที่แปลกๆ เราต้องสงสัยไว้ก่อน ถ้าเราพยายามที่จะมีชีวิตรอด” น้ำเสียงของซาแมนต้าจริงจัง

 

เฮเซคียาห์เห็นมูนนี่พยักหน้าเห็นพ้องกับซาแมนต้า

 

“เออ ก็จริง” เฮเซคียาห์ไม่ขำอีกต่อไป เขานึกถึงตอนที่มูนนี่พบกับเขาเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นมูนนี่เกือบจะฆ่าเขาเหตุเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ทำให้เขาตกเป็นจำเลยว่าเป็นชาวมัสติน

 

เฮเซคียาห์คิดว่าเขาเห็นความจริงที่เขามองข้าม นั่นคือมนุษย์ใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดระแวงในการคุมคามของชาวมัสติน การไม่หวาดระแวงและตั้งข้อสงสัยหมายถึงชีวิตที่ต้องสูญเสีย เฮเซคียาห์อยู่ในตำแหน่งผู้ล่ามานาน และแม้ตอนนี้เขาจะเป็นมนุษย์ผู้ถูกล่า แต่เพราะเขามีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย ตายแล้วก็ยังกลับมาจากความตายได้ เขาจึงสามารถผ่อนคลายได้มากกว่ามนุษย์ทั่วไปที่เผชิญกับความตายที่หายใจรดต้นคอของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา

 

“เดี๋ยวฉันจัดการให้ แต่เธออย่าหาเรื่องพวกเราล่ะ” มูนนี่เอ่ยกับซาแมนต้าด้วยทีท่าอบอุ่น เขาขยับเข้าไปหาเธอ แล้วใช้มีดด้ามหนึ่งของเขาตัดเถาวัลย์ ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ

 

ซาแมนต้าคราง ทรุดกายลงนั่งกับพื้น

 

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” มูนนี่ทรุดกายลงนั่งประคองเธอ

 

เธอผลักเขาออกอย่างแรง

 

“อย่ามาจับตัวฉัน”

 

“โทษที แค่เป็นห่วงว่าเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า” มูนนี่ไม่กล้ายื่นมือไปหาอีกฝ่าย แต่นั่งยองๆ มองห่างๆ

 

เฮเซคียาห์ถอนใจแรง แล้วสาวเท้าก้าวเข้าไป เขากระชากตัวเธอให้ลุกขึ้นมา

 

“เจ็บนะ” ซาแมนต้าร้องขึ้น เธอจ้องเฮเซคียห์ มีน้ำตาคลออยู่ในเบ้าตา

 

“เฮ้! เป็นอะไรน่ะ” เฮเซคียาห์เขย่าแขนเธอ

 

“ปล่อยเธอซะ นายลองคิดว่าเธอเป็นแม่ เป็นน้องสาว หรือญาติผู้หญิงดูสิ” มูนนี่กรากเข้ามาปลดมือของเฮเซคียาห์ออกจากซาแมนต้า

 

เฮเซคียาห์ที่จู่ๆ ถูกเพื่อนผลักออก มองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างงงๆ แล้วขณะเดียวกันเขาก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจนัก มันเหมือนเขากำลังกลายเป็นคนนอก เข้าพวกไม่ได้ และเขารู้สึกแปลบในอก สงสัยว่ามูนนี่จะเริ่มเกลียดขี้หน้าของเขาหรือเปล่า

 

เฮเซคียาห์ส่งเสียงคำรามในคออย่างคนโมโห เขารู้ว่าเขาเกิดความไม่สบายใจจากการที่อยู่ๆ ก็ถูกเพื่อนมองข้าม ตัวเขาเองไม่เคยมีคนมองข้ามมาตลอดชีวิต ด้วยฐานันดรศักดิ์ของเจ้าชาย เขามีแต่ได้ทุกสิ่งที่เขาอยากได้ ทรัพย์ ชื่อเสียง มิตรภาพ การยอมรับ

 

เขาเดินกลับไปทิ้งตัวลงที่หน้ากองไฟ...

 

 

“โอเคขึ้นไหม ทายาแล้วดีขึ้นหรือเปล่า”

 

เฮเซคียาห์ตื่นขึ้น เสียงเบาๆ ของมูนนี่ที่พูดกับซาแมนต้าปลุกเขา

 

เขาหยีตาให้กับแสงตะวันยามสาย แล้วผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ เพราะไม่คาดมาก่อนว่าตัวเองจะนอนตื่นสายได้ขนาดนี้

 

“ฉันไปหานมแพะแถวนี้มาให้” มูนนี่หันมาบอกเขา แต่มือยื่นชามเล็กๆ ที่พกติดตัวในถุงสัมภาระให้กับซาแมนต้า

 

“โอเค ขอบคุณ” เฮเซคียาห์ขยับกายไปหากองไฟ หม้อเล็กๆ ตั้งอยู่บนนั้น

 

เขามองไปรอบๆ แล้วเห็นว่ามูนนี่ทิ้งชามเล็กๆ อีกใบไว้ข้างกองไฟ

 

“เป็นอะไร ได้ยินว่าทายา” เฮเซคียาห์ถามซาแมนต้า เขาคิดว่าถ้าไม่คุยกับเธอ มูนนี่จะไม่พอใจเขาอีก

 

ซาแมนต้าไม่ตอบ เธอมองไปทางอื่น

 

“เถาวัลย์มันรัดเธอแน่น ตามตัวมีรอยช้ำเต็มไปหมด” มูนนี่ตอบแทน เขาลุกออกมาจากข้างตัวของซาแมนต้าแล้วมานั่งอยู่ข้างเฮเซคียาห์ ก่อนจะหยิบเอากระเป๋าสัมภาระมาค้นหาของด้านในนั้น เสียงดังกุกๆ กักๆ “แล้วนายเตะเธอเข้าที่อกใช่ไหม ทำแบบนั้นมันจะเจ็บมาก”

 

“ก็รู้ไง”

 

“นายนี่นะ...” มูนนี่ครางออกมาอย่างอ่อนใจ

 

เขายื่นถุงหนังเล็กๆ มาให้กับเฮเซคียาห์

 

“น้ำตาล เผื่ออยากให้มันหวานขึ้น” มูนนี่พยักพเยิดใบหน้า

 

เฮเซคียาห์ส่ายหน้า เขาดื่มนมแพะที่คาวเล็กน้อยเข้าไป พยายามบอกตัวเองว่าไม่อร่อยก็ต้องฝืนรับประทาน แต่สักพักหนึ่งก็รู้สึกว่ากลิ่นของนมแพะในปากจะคาวยิ่งกว่าเดิม คาวจนกระทั่งทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาอาเจียน

 

“ฉันบอกแล้ว” มูนนี่ส่งเสียงไล่หลัง

 

“นี่เราจะไปกันได้หรือยัง” เฮเซคียาห์หันมาคุยกับมูนนี่ ยกแขนขึ้นเช็ดกับปาก

 

“ไป? นายหมายถึงให้ฉันช่วยถางป่าเถาวัลย์น่ะเหรอ” มูนนี่ลุกขึ้นยืน ปัดมือไปตามกางเกง

 

“ใช่ ฉันคิดว่าเราควรไปคุยกับเขาอีก ยายนั่นก็ต้องคุยด้วยไม่ใช่เหรอ”

 

“ฉันว่าเราพอแค่นี้เถอะ ซาแมนต้าคิดว่าเธอจะกลับบ้านแล้ว ส่วนนาย เขาปฏิเสธนายใช่ไหม ฉันว่าเขาคงไม่เปลี่ยนใจหรอก” มูนนี่พูดแล้วเดินทิ้งเฮเซคียาห์ไปหาซาแมนต้า

 

เฮเซคียาห์ส่ายหน้า

 

เขามองไปทางป่าเถาวัลย์ ถามบรอธในใจถึงวิธีผ่านเข้าไป แต่บรอธก็ยังยืนยันว่า มีทางเดียวคือต้องให้มูนนี่ช่วย

 

“ให้ตายสิ!” เฮเซคียาห์หัวเสีย

 

“ถ้านายอยากเจอขนาดนั้น นายจะอยู่รอก็ได้นะ หรือว่าเดินไปรอบๆ เดี๋ยวก็น่าจะได้เจอเขา เขาต้องออกมาบ้างละ” มูนนี่ให้คำแนะนำเมื่อเฮเซคียาห์หัวเสีย

 

“แล้วนายละ” เฮเซคียาห์สังหรณ์ใจไม่ดี

 

“ฉันจะพาซาแมนต้าไปส่งบ้าน” คำตอบของมูนนี่เป็นสิ่งที่เฮเซคียาห์ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาได้ยินเอาตอนนี้

 

เฮเซคียาห์มองหน้ามูนนี่อย่างอึ้งๆ

 

เขาคิดว่า นี่มันยังเร็วเกินไปที่พวกเขาจะแยกจากกัน

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด