บทที่ 9 : หายนะจากฟากฟ้า
บทที่ 9 : หายนะจากฟากฟ้า
กิลเลน อคาลา และ อินุจิโยะ ยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ริมขอบผาด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ เสียงกระพือปีกแหวกอากาศดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ สิ่งนั้นยกตัวขึ้นสูง เผยให้เห็นร่างสีดำและปีกมโหฬาร
“เจ้านี่น่ะเหรอ เทียแมทที่เราต้องปราบ” กิลเลนในชุดอัศวินเกราะดำพูดขึ้น เขาอยู่ในชุดที่ดูแปลกตาแต่งต่างจากที่ได้รับมาจากดิกนิตี นี่ก็เป็นส่วนนึงของจินตนาการของเขาเช่นกัน
“ระวังตัวกันนะเจ้าคะ” อินุจิโยะเขยิบเข้ามายืนใกล้ ๆ กิลเลน ถึงเธอจะหวาดกลัวแต่ก็ยังยืนกรานจะสู้ไปพร้อมกับเขาและอคาลาที่ตั้งท่าพร้อมรบอยู่นานแล้ว
อคาลาในชุดนักสู้หญิงพุ่งออกไปโดยไม่รอให้เทียแมทมีโอกาสตั้งตัว
“เพลงหมัด ทลายขุนเขา” กำปั้นเล็ก ๆ แต่เปี่ยมไปด้วยจิตมุ่งมั่น เหวี่ยงออกไปกระแทกใบหน้าขนาดใหญ่ที่มีดวงตาดวงเดียวของเทียแมท หน้าของมันถูกดันออกไปเล็กน้อยแต่ดูเหมือนไม่ได้มีความเสียหายเลย
ทั้งที่ยังอยู่กลางอากาศอคาลาก็ยังโจมตีต่ออีกหลายหมัด ทุกครั้งล้วนเข้าเป้าอย่างเหมาะเจาะแต่ผลก็ไม่แตกต่างนัก จนเธอต้องดีดตัวถอยออกมาตั้งหลักกับพวกกิลเลน
“เจ้านี่ผิวมีส่วนผสมของแวนดาเรียมสูงกว่านิดฮอกหลายเท่า การโจมตีของฉันทำอะไรมันไม่ได้เลย”
แวนดาเรียมที่อคาลาพูดถึงเป็นสิ่งที่กิลเลนเพิ่งได้รู้จักไม่นานนี้ มันคือโลหะชนิดพิเศษที่แมดเดอลีนอ้างว่ามันเทียบเท่ากับกราฟีน สสารที่แข็งว่าเหล็กถึงสองร้อยเท่า โลหะพิเศษนี้ถูกพบว่าเป็นส่วนผสมในผิวและเกล็ดของแวนเดียร์ระดับสูง ยิ่งมีปริมาณสิ่งนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้การกำจัดแวนเดียร์ตนนั้นยากเย็นขึ้น
นอกจากร่างกายที่แข็งแกร่งแล้ว รูปร่างที่ใหญ่โตยิ่งกว่านิดฮอกก็เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นไม่แพ้กัน เจ้ามังกรดำที่มีลวดลายสีแดงเรืองแสงตัวนี้คือแวนเดียร์ที่ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่กิลเลนเคยเห็นมา
“ดรากอนสแลช!!” กิลเลนตวัดหอกออกไปด้วยความเร็วสูง เขาเคยเห็นท่าแบบนี้จากในนิยายและการ์ตูนอนิเมชั่นที่เคยดู จึงหวังว่าเมื่อทำตามจะบังเกิดคลื่นพลังพุ่งออกไปผ่าร่างของเทียแมทเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
...แน่นอนว่าไม่เป็นไปตามที่คิด…
“นายท่ายทำอะไรน่ะเจ้าคะ” อินุจิโยะร้องเสียงหลงเมื่อเห็นกิลเลนตะโกนท่าไม้ตายออกมาแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เดี๋ยวสิเว้ย นี่มันฝันของตูนะ ทำไมใช้ท่าแบบนี้ไม่ได้ล่ะฟระ”
“อย่ามัวแต่ทำเป็นเล่นน่า คิดซะว่านี่ก็เหมือนฝึกในห้องเสมือนจริงนั่นแหละ สู้แบบที่เคยสู้แล้วก็เอาชนะให้ได้ก็พอ” อคาลาพูดจบก็หมุนแขนทั้งสองข้างวาดเป็นวงกลม
“พลังงง คลื่นนน วิญญาณ” เธอตะโกนพร้อมกับเหยียดแขนทั้งคู่ออกไป จากนั้นลูกพลังประหลาดก็ก่อตัวขึ้นระหว่างช่องว่างของมือทั้งสองข้าง
“พิฆาตตต” กระสุนที่เหมือนกับพายุสีน้ำเงินพุ่งออกไปแล้วกระแทกกับร่างของเทียแมทส่งผลให้กับกระเด็นถอยไปหลายช่วงตัว
“เดี๋ยวสิแม่คุณ!! เพิ่งจะบอกอยู่ตะกี้ว่าให้สู้แบบปกติ แล้วไอ้ยิงพลังขี้โม้เมื่อกี้มันอะไรกันฟระ”
“ขี้บ่นไปได้” อคาลาหันมาดุใส่ “นายคนเดียวต่างหากที่ต้องฝึก ตัวเราไม่ได้ต้องออกไปสู้จริง ๆ ซะหน่อย”
“มัลติโปรเทค!!” อินุจิโยะก็เอาบ้าง สิ่งที่หน้าตาคล้ายกับโล่ใส ๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของแต่ละคน บ่งบอกว่าเวทมนตร์ของเธอสัมฤทธิ์ผล นี่คือเวทมนตร์สำหรับเพิ่มพลังป้องกันนั่นเอง
“เดี๋ยวสิเว้ย หล่อนคือบากะอินุไม่ใช่เรอะ เจ้าหมานั่นมันทำแบบนี้ได้ที่ไหนกันฟระ”
“ตะ... แต่ว่า”
“ถ้าฉันใช้พลังพิเศษไม่ได้ เธอก็ต้องใช้ไม่ได้ด้วยสิ ยัยหมาโง่”
“อินุจิโยะ ไม่ใช่แค่สุนัขนะเจ้าคะ นายท่านใจร้าย!!” พูดเสร็จเธอก็วิ่งร้องไห้ไปซบอกอคาลา
“โธ่… เด็กโง่ อย่าร้องนะ อีตานี่ไม่คู่ควรกับน้ำตาของผู้หญิงหรอก”
“พวกเธอสองคนกำลังแกล้งฉันอยู่ใช่รึเปล่าเนี่ย”
...นี่มันฝันของตูนะเว้ย มันต้องมีวิธีขี้โกงอะไรบ้างแหละ…
คิดได้แบบนั้น กิลเลนก็เลยลองปัด ๆ มือกลางอากาศและก็ต้องตกใจ สิ่งที่เขาเคยพยายามตอนอยู่ในดิกนิตี กลับมาสำเร็จในความฝันนี้ หน้าจอสีดำที่มีตัวอักษรสีขาวเป็นพรืดโผล่ขึ้นมากลางอากาศ
“เอาล่ะเว้ย เอาล่ะเว้ย หน้าจอสเตตัสโผล่ออกมาแล้ว ไหนดูหน่อยสิว่ามีอะไรที่มีประโยชน์บ้าง”
“ระดับพลังปราณ... ระดับแรกระดับอสูร ระดับที่สองระดับมังกร ระดับที่สามระดับเทพอสูร ระดับที่สี่...”
“เวรเอ้ย! นี่มันไม่ใช่หน้าจอสเตตัสนี่หว่า ไอ้นี่มันทิวทอเรียล แถมยังอธิบายอะไรเรื่อยเปี่อยเหมือนไลท์โนเวลอีกด้วย ตูจะอยากรู้ระดับพลังปราณบ้าบอนี่ไปทำไมฟะ ใช้ก็ใช้ไม่ได้”
ควับบบ
"เหวออออ" กิลเลนก้มหลบการบินโฉบเข้าใส่ของเทียแมทอย่างฉิวเฉียด ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจหน้าจอไร้ประโยชน์แล้ว เขาต้องสู้กับเทียแมทด้วยสิ่งที่เขามีอยู่ในมือ… ประสบการณ์
กิลเลนกระโจนเข้าใส่อย่างดุดัน ทั้งที่ตัวใหญ่กว่ามากแต่เทียแมทกลับเร็วกว่านิดฮอกเสียอีก กิลเลนหันมาใช้วิธีการเดิมด้วยการแทงซ้ำจนกว่าจะทะลุชั้นเกล็ดหนาของมัน แต่ด้วยความแข็งที่ยิ่งกว่าทำให้หอกของเขารับภาระหนักเกินไป
ชายหนุ่มคำนวณแล้วว่าเขาอาจจะต้องแทงซ้ำจุดเดิมมากกว่าตอนสู้กับนิดฮอกสองถึงสามเท่า สภาพในตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่ายื้อไปได้ขนาดนั้นรึเปล่า เมื่อคิดได้เขาก็ตัดสินใจถอยออกมาก่อนเพื่อออมแรงสะสมกำลังเอาไว้
“พวกเธอสองคนช่วยถ่วงเวลาไว้หน่อย ขอพักสักนิด หลังจากนี้ค่อย...”
แซดดด
แสงสีแดงพุ่งเป็นเส้นตรงจากดวงตาเล็ก ๆ ของเทียแมท มันพุ่งทะลุกลางหน้าผากของกิลเลนพอดี ร่างของเขาค่อย ๆ หงายหลังล้มลงโดยไม่สามารถต่อต้านได้
“บ้าจริง เลเซอร์เหรอ” นั่นคือความคิดสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง
กิลเลนลืมตาตื่นขึ้นในห้องพักส่วนตัว โดยมีอคาลานอนเบียดอยู่ข้าง ๆ
“ฝันจริง ๆ แหละ เพราะเมื่อคืนดื่มไอ้นั่นเข้าไปรวดเดียว โชคดีหลับไปบนเตียงพื้นสภาพไม่งั้นตื่นมา เมาค้างแน่ ๆ”
...แต่ก็ตอนตายนี่รู้สึกอย่างกับเจ็บจริง ๆ แน่ะ ฝันบ้าอะไรเนี่ย…
วันนี้กิลเลนตัดสินใจจะพักผ่อน นอกจากวันนี้จะไม่มีภารกิจแล้วก็ยังเป็นวันปิดห้องจำลองการต่อสู้เพื่อซ่อมบำรุง เขาจึงใช้โอกาสนี้แวะห้องอื่น ๆ ของดิกนิตีที่ยังไม่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือน
“ห้องพัฒนาอาวุธ” กิลเลนอ่านรายละเอียดบนหน้าจอโฮโลแกรมที่ทำหน้าที่เป็นแผนที่และอธิบายหน้าที่ของแต่ละห้องบนยาน
เมื่อเปิดเข้าไป หนึ่งชายหนุ่มและหนึ่งสุนัขก็พบว่าห้องนี้มีพื้นที่ขนาดเล็กสำหรับติดต่อกับหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่บริการ ส่วนพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้องถูกแบ่งเอาไว้เพื่อใช้เป็นโรงงานผลิตขนาดย่อม ๆ
“มีอะไรให้รับใช้ครับ” หุ่นยนต์ที่มีเพียงหัวและลำตัวครึ่งบนทักทายกิลเลน เขาสังเกตว่าหุ่นตนนี้ช่วงล่างเชื่อมติดกับเก้าอี้ของเคาน์เตอร์รับรอง เขาเดาว่ามันคงไม่มีหน้าที่อื่นนอกจากให้ข้อมูลในการขาย
“อยากจะทำไอ้นี่ให้มันดีขึ้นน่ะ” กิลเลนยกพลาสมาสเปียร์วางบนเคาน์เตอร์
“จะเพิ่มความแข็งแรงหรือจะเพิ่มความจุของพลังพลาสมาครับ” หุ่นขายของตอบอย่างกระตือรือร้น
“เอาความทดทานก่อนก็แล้วกัน รู้สึกว่าช่วงหลังมานี่มันทนแรงปะทะหนัก ๆ ไม่ค่อยไหว”
“การเพิ่มความแข็งของพลาสมาสเปียร์จำเป็นต้องใช้แวนดาเรียมครับ แต่ตอนนี้เราเหลืออยู่ในคลังไม่พอ”
“งั้นเหรอ งั้นก็ต้องรอจนกว่าจะมีภารกิจใหม่เข้ามาสินะ งั้นก็เปลี่ยนแบตเตอรี่ก็แล้วกัน”
“แบตเตอรี่ขนาดเล็กแบบที่ใช้กับพลาสมาสเปียร์หมดพอดีครับ ก่อนหน้านี้เพิ่งมีผู้ถูกเลือกมาเหมาไป”
...ไม่มีอะไรสักอย่าง แล้วจะให้ตูเลือกทำซากอะไรตั้งแต่แรกฟระ…
“ตกลงมีอะไรขายหรืออัพเกรดได้บ้าง บอกมาเลยดีกว่า” กิลเลนเริ่มยัวะ เขารู้สึกว่าเดี๋ยวนี้นอกจากมนุษย์แล้ว ทั้งวิญญาณ ทั้งหมา ก็กวนประสาทเขามาตลอด นี่ยังจะมาเจอหุ่นยนต์อีก
“ถ้าจะเปลี่ยนปืนอัดอากาศของบากะอินุเป็นรุ่นใหม่ เรามีของอยู่ครับ”
“เออ เอาไอ้นั่นแหละ”
“โดรนเองก็มีรุ่นใหม่นะครับ เป็นรุ่นที่ภายโฮโลแกรมไว้หลอกล่อแวนเดียร์ได้”
“จัดมาเลย!”
“แล้วก็มีชิพปัญญาประดิษฐ์ รุ่นใหม่ล่าสุดด้วยนะครับ”
“เดี๋ยวก่อน ทำไมมีของแบบนั้นด้วย นั่นมันหมานะไม่ใช่หุ่นยนต์จะเอา เอไอ ไปทำไม”
“ก็เอาไว้เป็นโอเปอเรเตอร์ไงครับ เพื่อให้สื่อสารกับสัตว์เลี้ยงง่ายขึ้น แถมตอนที่คุณไม่อยู่ข้าง ๆ ก็ให้เอไอทำหน้าที่สั่งการสุนัขแทนได้ด้วย” ไม่พูดปากเปล่าหุ่นยนต์ขายของเปิดภาพวีดีโอตัวอย่างให้กิลเลนดู บนจอภาพที่อยู่ข้างหลังเป็นแมวติดเกราะลักษณะเดียวกับบากะอินุ
แมวในคลิปถูกส่งเข้าไปในทางวงกตที่อย่าว่าแต่แมวเลย ถึงเป็นกิลเลนก็คงหลงทางตั้งแต่ก้าวแรก ๆ ที่ย่างเข้าไป แต่แมวตัวนั้นกลับทำได้เพราะ โฮโลแกรมรูปร่างเหมือนหญิงสาวที่ปรากฏขึ้นคอยนำทาง
“เดี๋ยวสิเฮ้ย ทำออกมาให้เห็นเป็นภาพแบบนั้นได้เลยเหรอ”
“ได้แน่นอนครับ แต่ว่าอาจจะต้องเพิ่มเนื้อที่ของฮาร์ดดิสก์ เพิ่มแรม ชิพแสดงผล แล้วก็…”
“หยุดก่อน! คำถามสุดท้าย หน้าตาเอไอนี่ปรับแก้ได้รึเปล่า”
“ได้เหมือนที่จินตนาการเลยครับ แต่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม...”
“จัดมา! ทั้งหมดนั่นแหละ”
“ฉุนเฉิน ฉุนเฉิน ผู้ถูกเลือกและคาตาลิสต์ทุกท่านกรุณามารวมตัวกันที่สะพานเรือค่ะ” เสียงจากสัญญาณเตือนดังไปทั่วทั้งยานขัดจังหวะการช็อปปิ้งอย่างสนุกสนานของกิลเลน
“อะไรอีกเนี่ย วันนี้ไม่มีภารกิจไม่ใช่เรอะ”
ทุกคนต่างทยอยรวมตัวกันที่สะพานเดินเรือตามคำสั่ง กิลเลนเป็นคนท้าย ๆ ที่มาถึงเพราะเขามัวแต่แวะระหว่างทางเพื่อซื้อขนมสุนัขให้กับบากะอินุ
แมดเดอลีนยืนตีหน้าเครียดและซุบซิบบางอย่างกับอาเบล จนกระทั่งผู้ถูกเลือกคนสุดท้ายมาถึง เธอจึงเริ่มประกาศ
“เมื่อครู่เราเพิ่งได้สัญญาณขอความช่วยเหลือจากเพรสทีจ”
เพรสทีจชื่อนี้กิลเลนเคยได้ยินมาก่อนจากเธอเอง มันเป็นยานคลาสเดียวกับดิกนิตีและเคยร่วมทำศึกด้วยกันกับดิกนิตีตั้งแต่ยุคผู้ถูกเลือกรุ่นก่อน ยานลำนี้คลาดกันกับดิกนิตีหลังจากเหตุการณ์หนึ่งและก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย จนแมดเดอลีนเชื่อว่ามันถูกทำลายไปแล้ว
“ติดต่อไม่ได้มาเป็นปี ๆ แล้วก็โผล่ออกมาอีกพร้อมขอความช่วยเหลือ” แพทริคชี้ให้เห็นประเด็นซึ่งดูจากสีหน้าของแมดเดอลีนก็เดาได้ว่าเธอเองก็คิดแบบนั้น
“เหมือนกับดัก” โอเวนเปรยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน ทุกคนคิดไม่แตกต่างจากเขา มันดูน่าสงสัย แต่พวกเขามีทางเลือกอื่นเหรอ ถ้านั่นคือมนุษย์ที่เหลือรอดแล้วกำลังต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ล่ะ
“ถึงจะเป็นกับดักแต่พวกเราก็ไม่มีทางเลือก” อาเบลเสริม
หลังจากนั้นก็มีการถกเถียงกันอีกเล็กน้อย ฝ่ายที่คิดว่ายังไงก็ควรจะเสี่ยงเข้าไปสำรวจดูก่อนกลายเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาวางแผนจะใช้ยานสำรวจขนาดเล็กที่ไม่มีคนขับเข้าไปดูลาดเลาก่อน แต่ดูเหมือนสัญญาณรบกวนบางอย่างในบริเวณนั้นจะทำให้แผนนี้ต้องพับเก็บไป
ดิกนิตีเปลี่ยนทิศทางหันไปยังตำแหน่งสุดท้ายที่ได้รับสัญญาณจากเพรสทีจ ยานลำยักษ์พุ่งสู่เป้าหมายในสภาพที่พร้อมรบอย่างเต็มที่
หลายชั่วโมงต่อมา ท่ามกลางท้องฟ้าที่กำลังมืดลงเพราะดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า พวกเขาก็พบกับสิ่งที่ตามหา...
เมื่อเงาจาง ๆ ของยานขนาดใหญ่กระจ่างชัดขึ้น ทุกคนบนดิกนิตีก็เห็นในสิ่งที่กังวลมาโดยตลอด ยานมหึมาทั้งลำถูกปกคลุมไปด้วยเมือกเหลวสีดำที่เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าของแวนเดียร์ไปแล้ว
จากนั้นเจ้าของปีกสีดำคู่หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากมุมมืดของยาน
กิลเลนเคยเห็นสิ่งนั้นมาแล้ว มันทำให้เขาถึงกับเข่าอ่อน
“เทียแมท!!”
...ชิบห...แล้วไง…