ตอนที่แล้วบทที่ 5 : โลกเสมือนจริง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 : ผู้ถูกเลือกปะทะนิดฮอก

บทที่ 6 : อบิลิตี


บทที่ 6 : อบิลิตี

 

“เจออีกแล้วเหรอ”

 

“ไม่ใช่เจออีกแล้ว แต่เจอทุกครั้งต่างหากครับ”

 

“ฉันไม่ใช่หมอก็จริง แต่ผลตรวจจากห้องพยาบาลบอกว่านายมีฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงกว่ามาตรฐาน บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้เห็นภาพหลอนก็ได้”

 

“ผมไม่รู้ว่าไอ้ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่ภาพหลอนครับ” เขาชี้ไปทางเจ้าตัวสีทองที่นั่งเรียบร้อยอยู่ข้างหลัง “บากะอินุก็เห็น มันเห่าเธอทุกครั้งที่เจอผู้หญิงคนนั้น”

 

“บากะอินุก็เห็นงั้นเหรอ รึว่า...” เธอเสียงเครียดขึ้น

 

กิลเลนกลืนน้ำลายดังเอื้อก หรือว่าครูฝึกของเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้นะ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องสำคัญที่เธอมองข้ามมาตลอดก็ได้

 

“...ผีหลอก”

 

“ประเดี๋ยวสิเฮ่ย ปกติก็พูดแต่ศัพท์วิทยาศาสตร์ฟังไม่รู้เรื่องตั้งเยอะแยะ อยู่ ๆ เจ้จะสรุปว่ามันคือผีไม่ได้นะเว้ย...”

 

ยังไม่ทันจบประโยคดีแมดเดอลีนก็กระชากคอเสื้อของกิลเลนเข้ามาใกล้ “บอกว่าอย่าเรียกเจ้ เดี๋ยวแม่ก็เชือดทิ้งซะหรอก”

 

“ง่า... ขอโทษครับ”

 

“จะผีหรือภาพหลอนตราบใดที่มันยังไม่ทำให้ภารกิจเสียหายก็ไม่ต้องสนใจหรอก”

 

“ไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็พูดได้สิครับ” กิลเลนบ่นเสียงเบาราวกระซิบแต่แมดเดอลีนยังอุตส่าห์ได้ยิน เธอเดินเขามาถองใส่ท้องของเขาอย่างเต็มแรงจนชายหนุ่มตัวงอเป็นกุ้ง

 

เมื่อเห็นว่าไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรขึ้นมา กิลเลนและบากะอินุจึงเดินกลับห้องฝึกด้วยกันอย่างเบื่อ ๆ เขานึกว่าแมดเดอลีนจะช่วยอะไรได้บ้างเกี่ยวกับผู้หญิงชุดดำที่เขาเจอทุกครั้งที่ทำภารกิจ บางทีผู้หญิงคนนั้นก็โผล่มาหลังการต่อสู้จบแล้ว บางทีเธอก็มายืนดูเขาสู้กับแวนเดียร์โดยที่ไม่มีใครรู้สึกตัว และบางครั้งเธอก็ตามเขามาจนเกือบจะถึงดิกนิตี

 

...ขนลุกชะมัด คราวหน้าไม่ใช่ว่าตามขึ้นมาบนยานด้วยเรอะ…

 

ระหว่างทางจากห้องของแมดเดอลีนไปยังห้องที่อยู่ปลายทาง หนึ่งนายหนึ่งสุนัขได้พบกับจัสตินและพีโอเนียที่กำลังไปที่เดียวกัน กิลเลนสัมผัสความตึงเครียดที่ซ่อนอยู่ยามที่พีโอเนียทักทายเขาได้ เขาแน่ใจว่าจัสตินไม่ชอบใจนักแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาตรง ๆ

 

“จะไปสู้กับนิดฮอกอีกแล้วเหรอ แพ้มาจะครบครึ่งร้อยรึยังเนี่ย” พีโอเนียพยายามชวนคุยในระหว่างที่พวกเขากำลังเดิน เธอรู้ว่าจัสตินไม่อยากให้เธอคุยกับกิลเลนแต่เธอคิดว่าทุกคนอยู่ในเดลตาทีมเหมือนกัน เธอไม่สามารถหลบเลี่ยงการสนทนาไปได้ตลอดหรอก

 

“เจ็ดสิบสองครั้ง” กิลเลนขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเจ้าแวนเดียร์สุดโกง นอกจากตัวใหญ่ แข็งแรง บินได้ ปล่อยคลื่นความร้อนสูงจากปาก มันยังมีพลังที่เกี่ยวข้องกับเวลาด้วย

 

“แล้วแบบนั้นยังคิดที่จะสู้อีกเหรอ” เธอถามต่อ “ครูฝึกแมดเดอลีนบอกว่าการจำลองการต่อสู้กับนิดฮอกเป็นบททดสอบเพื่อให้ยอมรับว่ามีศัตรูที่พวกเราอาจจะโค่นไม่ได้ เธอกำลังบอกให้พวกเรารู้จักที่จะถอยเมื่อควรถอย และสู้เมื่อเห็นโอกาสที่จะชนะ”

 

“เรื่องนั้นได้ยินมาแล้ว… แต่ผมไม่คิดแบบนั้นหรอก” กิลเลนหยุดเดินแล้วเหลียวกลับไปมองทั้งคู่ “สำหรับผม มันคือการบอกว่าเรายังมีศัตรูที่ร้ายกาจที่ต้องโค่นให้ได้ ไม่งั้นเราก็ไม่มีทางเอาชนะสงครามครั้งนี้”

 

“นายคิดว่ามนุษย์จะเอาชนะสิ่งนั้นได้จริง ๆ น่ะรึ” จัสตินเอ่ยปากขึ้นบ้าง

 

กิลเลนยักไหล่ “ไม่รู้... แต่อย่างน้อยเราก็ลองใหม่ได้เรื่อย ๆ ใช่ไหมล่ะ”

 

ที่ห้องฝึกซ้อม วันนี้ก็ยังคงคึกคักเหมือนเช่นเดิมหรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วย เพราะกลุ่มโอเวนเพิ่งสามารถทำลายสถิติใหม่ด้วยการเอาชนะภารกิจจำลองที่ห้าสิบเอ็ด ที่ยังไม่มีใครอื่นนอกจากคู่กิลเลนและบากะอินุที่จบได้ แม้ว่าหากเทียบจากระดับหนึ่งร้อยที่กิลเลนเคยทำไว้มันจะยังห่างชั้นกันมาก แต่นี่คือหลักฐานว่าโอเวนและผู้ถูกเลือกคนอื่น ๆ กำลังไล่เขามาอย่างไม่ลดละ

 

กิลเลนคือคนที่เข้าใจความหมายของมันดีที่สุด แทนที่จะเริ่มจากการดูคลิปการต่อสู้ย้อนหลังกับนิดฮอกเขาเปลี่ยนใจไปดูกลุ่มโอเวนต่อสู้ในภารกิจล่าสุดก่อน

 

ภารกิจนี้เรียบง่ายแต่ก็ยากลำบากในตัวเอง พวกเขาต้องช่วยตัวประกันทั้งห้ารายที่ถูกจับตัวเพื่อใช้เป็นอาหารของตัวอ่อน แม้ว่าศัตรูจะมีเพียงแมสไทป์แต่ก็มีจำนวนมหาศาลซ้ำยังอยู่ในอาคารที่มีความสลับซับซ้อน กว่าที่จะไปจนถึงเป้าหมายก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ามีผู้บุกรุก

 

กิลเลนจำได้ว่าภารกิจนี้เขาผ่านได้โดยใช้วิธีมักง่าย ภารกิจนี้กำหนดเวลาไว้ถึงหกชั่วโมงกว่าที่ตัวประกันจะถูกเล่นงาน เขาและบากะอินุจึงมีเวลาเหลือเพื่อที่จะเก็บแวนเดียร์ไปทีละตัว ๆ ระหว่างทางโดยไม่เปิดโอกาสให้มันส่งสัญญาณเตือนตัวอื่น

ฟังดูเหมือนเป็นวิธีง่าย ๆ แต่กลับไม่มีผู้ถูกเลือกคนใดทำได้มาก่อน นั่นก็เพราะกิลเลนเป็นคนเดียวในตอนนี้ที่รวดเร็วและทรงพลังพอที่จะสังหารแวนเดียร์ได้ในพริบตา

 

...แล้วกลุ่มของโอเวนใช้วิธีไหนกัน…

 

คาตาลิสต์ของโอเวนคือกาซาเนีย กิลเลนเคยเห็นพลังของเธอมาครั้งหนึ่ง ถ้านี่เป็นโลกของไลท์โนเวลแบบเดียวกับที่กิลเลนเคยอ่านมาก่อน พลังของเธอก็คงจะต้องเรียกว่า “สายอัญเชิญ” ความสามารถที่สร้างสัตว์เทียมขึ้นมาใช้หลอกล่อหรือเป็นตัวช่วยในการต่อสู้ได้ ในตอนนั้นพลังของเธอยังไม่ตื่นขึ้น เธอจึงทำได้เพียงสร้างผึ้งปลอมขึ้นมาตัวเดียว

 

“จงมา” โอเวนพูดพร้อมกับสัมผัสพื้น ของที่ดูแล้วหน้าตาเหมือนหลุมดำปรากฏขึ้นบริเวณที่เขาสัมผัส จากนั้นบางสิ่งก็ตะเกียกตะกายขึ้นมาบนปากหลุม

 

...หนูงั้นรึ…

 

ถ้าเทียบด้านขนาดแล้วมันคนละเรื่องกับผึ้งที่เขาเคยเห็นคนละเรื่อง และที่สำคัญคนที่ใช้ความสามารถนี้ไม่ใช่กาซาเนียแต่เป็นตัวโอเวนเอง พลังนี้กลายเป็นของเขาไปแล้ว

 

นี่คือสิ่งที่แมดเดอลีนย้ำเตือนกับกิลเลนครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ถูกเลือกไม่สามารถขาดคาตาลิสต์ไปได้เหมือนกับที่คาตาลิสต์ก็ไม่สามารถสมบูรณ์ได้หากขาดอีกฝ่าย ทีละเล็กทีละน้อยพวกเขากำลังกลายเป็นพวกมีพลังพิเศษแบบเดียวกับที่แวนเดียร์ระดับสูงเป็น

 

และกิลเลนที่ไม่มีทางมีพลังแบบนี้เพราะขาดคาตาลิสต์ เขาจะถูกทุกคนแซงเข้าสักวัน

 

หนูที่โอเวนสร้างขึ้น แน่นอนว่ามันไม่มีพลังทำลายอะไร มันจึงเป็นหน้าที่ของทีมของเขาอีกคน บาร์เรต ไวเออร์ใช้พลังพิเศษเปลี่ยนหนูให้กลายเป็นระเบิดมีชีวิต จากนั้นทีมคนสุดท้ายที่กิลเลนจำชื่อไม่ได้ก็ใช้ความสามารถของเขา ม่านบาเรียบาง ๆ ที่คนที่สามใช้สามารถสกัดกั้นแรงระเบิดและเสียงไม่ให้กระจายออกไปจนทำให้แวนเดียร์ตนอื่นรู้ตัว

 

หนูปลอมที่ควมคุมได้แถมยังสร้างใหม่ได้แทบไม่จำกัด พลังที่วางระเบิดใส่ได้แม้แต่สิ่งมีชีวิตและพลังในการสกัดกั้นเสียงและความเสียหายให้อยู่เฉพาะที่ เพียงแค่สามสิ่งนี้พวกเขาก็สามารถเอาชนะภารกิจนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

 

กิลเลนกลับมาจากการดูภาพย้อนหลังด้วยสีหน้าอธิบายยาก เขาควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่เพื่อนร่วมสมรภูมิแข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตา แต่เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ว่าเขากำลังกลัว สุดท้ายทุกคนจะแซงเขาไปและเขาก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม คนที่ไม่มีใครเห็นคุณค่าอีก…

 

ความกลัวของกิลเลนไม่ได้เกินจากความจริงที่ได้พบ ในภารกิจต่อมา หลังจากแมดเดอลีนได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้จากซากของแวนเดียร์ที่เก็บกู้มาแล้ว พวกเขาทุกคนก็ถูกส่งไปบุกรังของแวนเดียร์ที่มีอายุรังมากกว่ารังแรกที่พวกเขาเคยจัดการไม่มาก

 

แวนเดียร์แบบแมสไทป์จำนวนสิบกว่าตัว ถูกกวาดล้างจนเกือบหมดในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากเริ่มภารกิจ เนวิลและซีโรเซียที่เคยทำได้แค่เร่งการเจริญเติบโตของพืชเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนนี้ทั้งสองควบคุมพืชเพื่อใช้ต่อสู้ได้แล้ว ในยามจำเป็นเนวิลยังสร้างเกราะต้นไม้ขึ้นมาคลุมตัวจนดูราวกับยักษ์ต้นไม้ จัสตินและพีโอเนียปล่อยสายฟ้าออกมาโจมตีเป็นว่าเล่น ส่วนจีคและเดซีก็เริ่มชินกับพลังในการสร้างไฟของทั้งคู่แล้วเช่นกัน

 

ช่องว่างที่เคยมีกำลังถูกถม ทีละน้อย ๆ แต่กิลเลนก็จะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นโดยไม่ทำอะไรเลย เขาตรวจสอบแผนที่จนแน่ใจว่าแวนเดียร์ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ไม่ห่างออกไป เขาและบากะอินุเร่งสุดฝีเท้าเพื่อจะไปถึงเป็นกลุ่มแรก

 

แต่ดูเหมือนจะมีใครบางคนมาถึงที่นั่นก่อนแล้ว

 

“โอ้ ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะแย่งตัวสุดท้ายนี้หรอกนะ แต่ดูเหมือนว่าพลังเทเลพอร์ตของฉันจะสะดวกเกินไปหน่อย” พูดจบก็ดันแว่นขึ้น เจ้าของน้ำเสียงยียวนแบบนี้มีคนเดียวแพทริค ทเวนจากกลุ่มบีตานั่นเอง

 

“เทเลพอร์ต เป็นความสามารถที่น่าอิจฉาจริง ๆ เลยแฮะ”

 

แพทริคสังเกตอาการของกิลเลนและบากะอินุ ทั้งสองวิ่งเต็มที่มาเพื่อถึงที่นี่ก่อนใคร ฝ่ายเจ้าสุนัขตัวสีทองยังคงหอบตัวโยนราวกับนี่เป็นการวิ่งสุดชีวิตของมัน แต่ไม่ใช่กับกิลเลน เขาดูปกติมากไม่มีอาการหอบหายใจแรงหรือแม้แต่มีเหงื่อสักหยดให้เห็นแม้แต่นิด

 

...ร่างเหนือมนุษย์ของนายต่างหากล่ะที่น่าอิจฉาน่ะ… แพทริคคิดแต่ก็ไม่ได้หลุดปากออกไป

 

“ภารกิจสมบูรณ์ ถอนกำลังได้” เสียงจากระบบควบคุมดังขึ้นโดยรอบ เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าแวนเดียร์ตนสุดท้ายถูกทำลายแล้ว หลังจากนี้หุ่นเก็บกู้ซากของแวนเดียร์และทรัพยากรอื่น ๆ จะมาทำหน้าที่ต่อ พวกเขาจึงควรจะรีบกลับดิกนิตีเพื่อไม่ให้เกะกะการทำงานของพวกมัน

 

แพทริคไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหายตัวไปดื้อ ๆ ต่อหน้าต่อตากิลเลน มันเป็นภาพที่ยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกว่าตัวเขากำลังห่างไกลจากโลกของทุกคนไปเรื่อย ๆ

 

“บ้าเอ๊ยยย” กิลเลนเจ็บใจจนต้องเอากำปั้นเหวี่ยงทุบกำแพงจนเกิดรอยร้าว

 

“โฮ่งงง…” เหมือนว่าบากะอินุจะจับความรู้สึกของเขาได้ มันรู้ว่าเขากำลังกังวลจึงเดินเข้ามาเลียมือเพื่อปลอบใจ

 

“ว่าใครบ้ารึ” เสียงหวานแต่เยียบเย็นดังขึ้นจากข้างหลัง แต่กิลเลนไม่ได้ตกใจเลยเหมือนว่าเขารู้อยู่แต่แรกแล้วว่าต้องได้เจอกับเธอ

 

“อคาลา”

 

สาวในชุดราตรีสีดำเดินเข้าใกล้บากะอินุจากนั้นเธอก็ก้มตัวไปลูบหัวมัน ส่วนเจ้าหมาตัวแสบที่ไม่เพียงไม่เห่าเธอแล้วมันยังกระดิกหางให้อย่างดีใจเสียอย่างนั้น

 

...ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ…

 

“ขอมือ” พูดจบเจ้าตัวสีทองก็ยกเท้าขึ้นมาให้

 

“อีกข้าง” คราวนี้มันก็ยกอีกข้างให้

 

“แตะมือ” อคาลาแบห้านิ้วรอไว้จากนั้นบากะอินุก็ใช้อุ้งเท้าของมันแปะที่มือเธอ ทั้งหมดที่ทำคือสิ่งที่กิลเลนมักจะทำอยู่เสมอ ๆ ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะจับตาดูเขาอยู่ตลอดจริง ๆ

 

“เธอคือใคร และต้องการอะไรกันแน่”

 

“เราคืออคาลา เราอยากมีเพื่อน” ว่าพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้

 

...ใจเย็นกิลเลน ยัยนี่ถ้าไม่ใช่สมองเราเพี้ยนไป ก็อาจจะเป็นผีก็ได้นะ อย่าไปหลงไอ้รอยยิ้มสุดเซ็กซี่นั่นเชียวนะ...

 

“ขอโทษนะ วันนี้คงอยู่คุยด้วยไม่ได้ โดนเรียกตัวกลับแล้ว” กิลเลนรีบชิงตัดบท เขาเห็นจากท่าทีของบากะอินุที่กำลังอ้อนเธอให้เกาพุง ก็รู้ว่าตัวเองกำลังจะเจอกับอะไรหากเผลอใจไปมากกว่านี้

 

“แล้วเจอกัน”

 

“อื้มม… แล้วเจอกัน”

 

กิลเลนบอกลาเธอแล้วก็อดใจแป้วไม่ได้ จินตนาการ ภาพหลอน วิญญาณ หรืออะไรก็แล้วแต่ มันไม่ค่อยมีหรอกนะผู้หญิงที่คอยส่งยิ้มหวานให้เขาทุกครั้งที่เจอ แล้วยังน้ำเสียงเศร้า ๆ เวลาที่เขาบอกลาที่ชวนให้กิลเลนถึงกับรู้สึกหมดเรี่ยวแรง

 

...ฮอร์โมนอะไรสักอย่างในสมอง ไม่ก็ผีหลอก กิลเลนมีสติหน่อยโว้ย… เขาตะโกนลั่นในใจ

 

...ภารกิจคราวหน้ารู้สึกว่าจะอีกหลายสัปดาห์อยู่สินะ…

 

...เฮ่ย ไม่ได้คิดว่าอยากจะเจออีกสักหน่อย…

 

ดิกนิตีหลายนาทีต่อมา...

ฟี้บบบ ประตูห้องพักของกิลเลยเปิดออก ใครบางคนทักทายสวนออกมาทันที

 

“กลับมาแล้วเหรอ เปิดน้ำอุ่นรอไว้แล้วนะ” หญิงสาวที่นอนเล่นอยู่บนเตียงทัก

 

“อื้อ ขอบใจนะ” กิลเลนเดินแบบเบลอ ๆ ไปทางห้องน้ำ ระหว่างที่เขากำลังจะถอดเสื้อก็นึกขึ้นได้…

 

“เฮ่ย ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!!”

 

“เราเป็นภาพหลอนไม่ใช่เหรอ ก็ต้องอยู่ได้ทุกที่นั่นแหละ แน่นอนว่าคนอื่นก็ไม่เห็นหรอก”

 

“หนอย ยัยนี่... ย้อนเรอะ”

 

“จะอาบน้ำไม่ใช่เหรอ รีบเข้าไปได้แล้ว หรือจะรอให้เราไปช่วยถูหลังให้”

 

“ถ้ากล้าก็เข้ามาสิ ยัยภาพหลอน”

 

หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้น เธอยิ้มอย่างมีเลศนัยในขณะที่เดินเข้าไปใกล้กิลเลน

 

"อาาา... ขอโทษก็ได้... อย่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้เซ่"

 

ที่ห้องฝึกในวันต่อมา กิลเลนพบว่ากำลังมีผู้ถูกเลือกหลายรายจับตามองเขาอยู่รวมทั้งอคาลาที่ยืนดูอยู่ห่างออกไป เขาสู้กับนิดฮอกเหมือนที่ทำมาตลอดทุกวัน การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วและก็เริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า

 

แม้ว่าเนวิลและแมรีจะถอดใจไปก่อนหน้านั้นแล้ว จึงไม่ได้มาช่วยเขาต่อสู้ แต่จีคยังคงไม่ยอมเลิกรา เขาเชื่อว่าสักวันจะพบวิธีจัดการกับมันได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งและเขาจะไม่ยอมให้กิลเลนได้ชื่อว่าเป็นคนแรกที่ปราบมัน

น่าแปลกที่การต่อสู้ที่ไร้วี่แรวชนะนี้กลับจุดไฟบางอย่างขึ้นมาในใจของบางคน เบรนตันและพอล กับคาตาลิสต์ของทั้งคู่เข้ามาร่วมต่อสู้ด้วยแม้ว่าทั้งสองจะแทบไม่เคยพูดคุยกับกิลเลนมาก่อน

 

จากนั้นเหล่าผู้ถูกเลือกคนแล้วก็เล่าก็เข้าร่วมการต่อสู้นี้ กลุ่มเดลตาทั้งกลุ่มเป็นกลุ่มแรกที่อยู่กันพร้อมหน้า จากนั้นก็ตามมาด้วย เอปไซลอน บีตา แกมมา จนแม้แต่กลุ่มที่ไม่น่าเชื่ออย่างแอลฟาที่มีโอเวนเป็นหัวหน้ายังมารวมตัวกันด้วยเหตุผลว่าถึงเขาจะไม่ชอบขี้หน้ากิลเลนแต่เขาอยากจะขยี้นิดฮอกมากกว่า

 

“แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ” โอเวนพูดลอย ๆ แต่ทุกคนก็รู้ว่าเขาพูดกับกิลเลน

 

“พวกเรามาเอาชนะด้วยกันเถอะ” กิลเลนตะโกนเรียกกำลังใจก่อนที่เขาจะกดแป้นควบคุมเพื่อเริ่มการต่อสู้

 

อคาลามองอยู่ห่าง ๆ ด้วยรอยยิ้มที่ไม่รู้อารมณ์ แน่นอนว่ามีแค่กิลเลนและบากะอินุเท่านั้นที่เห็นเธอ

 

“ภารกิจพิเศษ นิดฮอก เริ่มต้น”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด