ตอนที่แล้วตอนที่ 10 ชิมิชิมิ ที่หายไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 กล้วยหอม พ่อเสือ และชายปริศนา

ตอนที่ 11 เจ้าสำนักหนุ่ม


ตอนที่ 11 เจ้าสำนักหนุ่ม

 

‘สำนักเอ็นพีตะวันออก’ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงหกร้อยเมตร เมื่อมองจากด้านบนก็จะเห็นทิวทัศน์สวยงามของทะเลเบื้องล่าง แต่น่าเสียดายที่พระอาทิตย์ตกดินเสียก่อน ทำให้ชุนและลินจิต้องพลาดทัศนียภาพอันสวยงามของที่นี่ไป

ขณะที่ลินจิเดินตามชุนต้อย ๆ จนถึงพื้นที่ราบด้านบน เขาก็เห็นรูปปั้นยักษ์ขนาดสามเมตรยืนอยู่สองตัว พวกมันมีสีหน้าเหมือนกำลังปวดอึ เห็นแบบนั้นลินจิก็อดที่จะชื่นชมศิลปะอันวิจิตรตระการตาไม่ได้ จึงหยุดสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง สักพักลินจิก็เผลอทำสีหน้าตามรูปปั้นอย่างไม่ทันรู้ตัว

พอชุนหันมา ก็เห็นลินจิมีสีหน้าแปลก ๆ ราวกับคนที่อมทุกข์มาเจ็ดชาติ จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“เจ้าเป็นอะไรรึ”

“อ๊ะ เปล่าครับ”

ได้ยินเสียงหนุ่มหล่อ ลินจิก็ตอบอย่างตกใจ เขาหันมาอ้าปากอุทานเล็กน้อยแต่พองาม เบิกตากว้างชั่วขณะ ก่อนจะปรับสีหน้ากลับมาดังเดิมแล้ววิ่งตามชุนที่ยืนรอ

เมื่อเดินลึกเข้ามาก็พบอาคารไม้ชั้นเดียวตั้งอยู่เบื้องหน้า หลังคาเป็นทรงโค้งงอนเหมือนตัว ? ในภาษาญี่ปุ่น มีแสงสว่างส่องผ่านกระดาษโชจิ*จากด้านใน บ่งบอกว่ามีคนอาศัยอยู่ โดยรวมแล้วลินจิไม่ได้รู้สึกดีกับสถานที่แห่งนี้นัก เขาได้กลิ่นเค้าไอชั่วร้ายอ่อน ๆ โชยมาจากตัวอาคาร

“อย่างกับบ้านผีสิงแหนะ ต้องเคยมีคนฆ่ากันตายที่นี่แน่ ๆ หรือไม่ก็ต้องเป็นที่กลบดานของพวกปีศาจ อึ๋ย!”

ว่าแล้วลินจิก็วิ่งไปหลบด้านหลังของชุน พลางใช้มือเกาะผ้าคลุมเหมือนเหาฉลาม

“อ๊ะ!”

ชุนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญกับความเยอะของลินจิ จึงคว้าเสื้อของเทพตัวแสบแล้วลากมาที่ประตูบานเลื่อนโดยไม่พูดอะไร พอเปิดประตูออก ชุนก็เตะเปรี้ยงเข้าให้ที่ก้นของลินจิ จนร่างของเทพเจ้าปลิวกระเด็นหมุนกลิ้งบนพื้นสี่ห้าตลบ ก่อนจะหยุดแน่นิ่งในท่าโค้งคว่ำก้นชี้ฟ้า

“อ๊ะ! อุ๊ย! อ๊ะ! โอ๊ย!”

ลินจิลุกขึ้นนั่งในท่าพับเพียบด้วยความเจ็บปวด แววตาสั่นไหว เสื้อหลุดลุ่ยจนไหล่เปิดเปลือยหนึ่งข้าง อีกมือแตะพื้น อีกมือกำหลวม ๆ ปิดปากไว้อย่างสะเทือนใจ พลางคิดว่า ทำไมตนถึงโชคร้ายเช่นนี้ หลุดมาต่างโลกทั้งทีก็เจอแต่ความลำบาก ถูกมังกรไล่ล่าตั้งแต่วันแรก ครั้นเดินป่าปีศาจก็เข้าจู่โจม แถมผู้ชายที่เล็งไว้ก็ใช้ความรุนแรงกับเขาอีก นี่ยังไม่รวมเรื่องศัตรูหัวใจที่เพิ่งเจอเมื่อตอนบ่ายนะ

เมื่อลินจิเห็นสีหน้าของชุนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาก็ร้องด่าด้วยความเจ็บใจ…

“นิ… นิสัยไม่ดี”

“…อืม”

เสียงกระเส่าและภาพผู้ถูกกระทำเบื้องหน้า สะกดสายตาของชุนชั่วขณะ เขามีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้กับท่าทีของลินจิ จะว่าชอบก็ไม่ใช่ สงสารก็ไม่เชิง แต่ก็อยากจะเห็นภาพแบบนี้บ่อย ๆ เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังคิดเรื่องเหลวไหล ชุนก็พ่นลมหายใจ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น …ไม่หรอกมั้ง

ลินจิยังไม่ทันได้ลุกขึ้น เสียงกระพรวนก็ดังกรุ๊งกริ๊งพร้อมกับประตูที่เปิดออกจากด้านใน

“โอ้ ท่านชุน…”

ชายหนุ่มเดินออกมาร้องทัก ขณะเดียวกันลินจิก็หันไปมองอย่างสงสัย เขาได้กลิ่นไอชั่วร้ายโชยออกมาจากร่างชายผู้นั้น

“ขออภัยท่านเจ้าสำนัก ข้าไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าว่าจะมาพบ”

ได้ยินบทสนทนา ลินจิก็เดาได้ว่าชายผู้นี้คือเจ้าสำนัก สักพักกลิ่นไอชั่วร้ายก็หายไป ลินจิรู้สึกไม่ค่อยสบายใจจึงรีบลุกขึ้นวิ่งเตาะแตะไปหลบข้างหลังชุน

เจ้าสำนักเห็นชุนมีหนุ่มน้อยผู้หนึ่งติดตามมา ก็มองอย่างงุนงงก่อนเอ่ยถาม

“วันนี้ท่านไม่พาคู่มั่นมาด้วยหรือ”

“เปล่า วันนี้ข้าพาเทพเจ้าตัวปัญหามาพบท่าน ถ้าไม่รังเกียจ ท่านจะรับไว้เป็นสุนัขเฝ้ายามข้าก็ยินดี”

ชุนพูดพลางเหลือบตามองลินจิ ก่อนจะกระดกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วยกคิ้วให้ ส่วนลินจิก็ข่มกลั้นความรู้สึกพร้อมบ่นอยู่ในใจ ถึงเขาจะชอบชุนมากแค่ไหน แต่คนเราก็มีขีดจำกัดความอดทน ถ้าชุนไม่ต้องการเขาจริง ๆ เดี๋ยวจะหนีตามผู้ชายคนอื่นไปให้ดู คราวนี้อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ

“สวัสดีครับท่านเจ้าสำนัก ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลยนะครับ”

แม้เมื่อครู่จะได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลลอยหึ่งออกมาจากตัวเจ้าสำนัก แต่ลินจิก็ไม่สนใจ เขาต้องการประชดประชันผู้ชายปากดี จึงแสร้งเดินออกมาคำนับกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท พลางส่งสายตาระยิบระยับให้เจ้าสำนักที่ยังหนุ่มแน่น ดู ๆ แล้วอายุน่าจะไม่ถึงสามสิบปี สูงยาว เข่าดี สวมชุดคลุมสีเทาและมัดเอวด้วยผ้าขาว ลินจิสำรวจรูปร่างลักษณะ จากนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงน่ารักว่า…

“ขอนอนด้- อ๊ะ!”

ไม่ทันได้พูดจบประโยค ชุนก็ใช้แขนรัดคอลินจิไว้ในท่าเฮดล็อก ก่อนจะใช้มืออีกข้างลงมะเหงกเข้าที่กลางหัวของลินจิ จนปูดโนออกมาเหมือนโมจิสีแดง

“อะ โอ๊ย ปล่อยนะ”

เจ้าสำนักเห็นท่าทีของทั้งสองก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นชุนสนิทสนมชิดเชื้อกับใครมาก่อน ขณะที่กำลังคิดเช่นนั้นเจ้าสำนักก็เอ่ยปาก

“ท่านชุน ข้าขอพูดเรื่องไม่น่าฟังสักนิด ท่านรู้ใช่ไหมว่าการมีสัมพันธุ์ลึกซึ้งกับเทพเจ้าอัญเชิญเป็นเรื่องต้องห้าม ถึงจะไม่มีบัญญัติไว้ในตำรา แต่ด้วยสามัญสำนึกของผู้อัญเชิญ ท่านควรรำลึกเรื่องนี้ไว้”

“ข้าทราบดี ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิดหรอก”

ว่าแล้วชุนก็ปล่อยลินจิออกจากเงื้อมมือ เมื่อลินจิได้ยินเจ้าสำนักพูดเช่นนั้นก็เข้าใจดี พลางคิดว่า …ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ

เจ้าสำนักไม่พูดเยอะ อาจเพราะเจ็บคอ จึงนำพวกเขาทั้งสองไปที่ห้องโถงใหญ่ เมื่อเข้าไปก็เห็นพื้นไม้ปูเรียงรายอย่างประณีต มีตะเกียงเหล็กแบบโบราณมากมายส่องสว่างไสว ทำให้เห็นบริเวณโดยรอบอย่างชัดเจน พอทอดสายตามองไปยังด้านในสุด ก็เห็นรูปปั้นหินตั้งอยู่พร้อมกับเครื่องเซ่นไหว้อีกมากมาย

ขณะที่ลินจิมองไปทางรูปปั้น เจ้าสำนักก็ตะโกนเรียกศิษย์คนอื่น ๆ ออกมาต้อนรับ พร้อมกับสั่งให้จัดเตรียมอาหาร โดยกำชับกำชานักหนาว่า

“เทพเจ้าผู้สร้างโลกมาเยือนสำนักเราแล้ว พวกเจ้าจงไปหาของที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวสดใหม่มาปรุงเป็นอาหารเลิศรส”

“ครับผม!”

เหล่าศิษย์สำนักต่างพากันรับคำแล้วโค้งคำนับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาของที่เป็นแท่งยาวสดใหม่ยามค่ำคืนได้จากไหน พวกเขาต่างพากับกุมขมับหันซ้ายหันขวา บางคนก็หันมองด้านล่าง เห็นแบบนั้นลินจิก็หวั่นใจ จึงบอกกับเจ้าสำนักว่า…

“ไม่เป็นไรท่านเจ้าสำนัก เอาเท่าที่มีในครัวก็ได้”

เจ้าสำนักฟังลินจิแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ตะโกนสั่งอีกครั้ง

“ทุกคน! เอาเท่าที่มีในครัว”

“ขอรับ!”

เหล่าศิษย์สำนักพากันโค้งคำนับรับคำอย่างพร้อมเพรียง ก่อนแยกย้ายกันไปจัดเตรียมอาหาร ขณะนั้นลินจิก็สัมผัสได้ถึงเค้าไอแปลก ๆ ที่ลอยหึ่งออกมาจากตัวเจ้าสำนักอีกครั้ง จึงลองใช้ทักษะ ‘หยั่งรู้ Lv.3’ ส่องดู

[การใช้ทักษะผิดพลาด]

…เอ๊ะ

แม้จะรู้สึกแปลกใจที่ไม่ได้รับข้อมูลกลับมา แต่ลินจิก็เลือกที่จะมองข้ามไม่สนใจ …ใกล้จะได้กินข้าวอยู่แล้ว เรื่องอะไรจะหาปัญหามาใส่ตัว เดี๋ยวก็พลาดลาบปากหรอก

เมื่อความคิดดับลง ลินจิก็เบี่ยงความสนใจไปที่รูปปั้นในห้องโถงอีกครั้ง เขาแกล้งเดินเซเข้าไปกอดแขนเจ้าสำนัก พูดเสียงออดอ้อน พร้อมกับยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ใส่ชุน พอชุนเห็นแบบนั้นคิ้วขวาก็กระตุกขึ้นครั้งหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ท่านเจ้าสำนักครับ ผมอยากดูรูปปั้นด้านในจังเลย ไปดูด้วยกันเถอะครับ”

“เชิญตามสบายเลยขอรับ ข้ามีธุระต้องคุยกับท่านชุนเล็กน้อย”

เจ้าสำนักยิ้มเจื่อน เหงื่อตก ตอบอย่างลำบากใจ พลางใช้มือแกะนิ้วมารผจญของลินจิออก

“ก็ได้!”

ลิจิยู่หน้า ทำปากจู๋ พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะวิ่งตรงไปทางรูปปั้นเหมือนแมลงสาบ

เมื่อสังเกตรูปปั้นระยะใกล้ ลินจิก็สะดุ้งตกใจ เพราะใบหน้าของรูปปั้นมีลักษณะเหมือนกับเขาเปี๊ยบ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่สมส่วนรูปไข่ หูใหญ่หนาเหมือนพิซซ่าขอบชีส หน้าผากปูดแป้นอีกนิดเดียวก็จะกลายเป็นปลาหมอสี ดวงตาเรียวรีเหมือนลูกหนำเลี๊ยบ จมูกมีสันเล็กน้อยพองาม ริมฝีปากทรงสี่เหลี่ยมเหมือนปากวัว โดยรวมถือว่าเป็นโหงวเฮ้งที่ดีตามฉบับสตรีแม่พันธุ์

ลินจิแบมือปิดปากกระดกนิ้วงอนพลางพิจารณา เมื่อไล่สายตาลงมาก็พบว่าในมือของรูปปั้นถือกล้วยหอมหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างหนึ่งถือแครอท ซึ่งให้ความรู้สึกพิลึกพิลั่นชอบกล ขณะที่คิดอะไรเพลิน ๆ เสียงของเจ้าสำนักก็ดังมาจากด้านหลัง

“รูปปั้นของจริงประดิษฐานอยู่ที่ ‘หุบเข้าศักดิ์สิทธิ์’ อันนี้เป็นเพียงแบบจำลองเท่านั้นขอรับ”

“เอ๊ะ!”

ลินจิอุทานอย่างประหลาดใจ จากนั้นเจ้าสำนักก็เล่าต่อ…

“ในตำนานกล่าวไว้ว่า… โลก ‘อินเนอร์เวิลด์’ ถือกำเนิดมาจากน้ำหมึกของท่านเทพที่ขีดเขียนสร้างขึ้นมา ส่วนของที่เป็นแท่งยาว ๆ ก็มีระบุไว้ในตำราว่าท่านชอบ แต่ในนั้นไม่ได้เขียนระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นสิ่งใด สมัยก่อนเคยมีพวกชาวบ้านนำดินสอและพู่กันมาถวาย แต่พอกลับบ้านไปก็นอนฝันร้าย จึงแห่กันมาขอขมา พอลองเอาพวกผักผลไม้ที่เป็นลักษณะแท่งยาวมาถวายแทน พวกชาวบ้านก็ต่างสมปรารถนาในคำอธิฐานไปตาม ๆ กัน จากนั้นจึงกลายเป็นขนบธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาขอรับ”

กล่าวจบเจ้าสำนักก็ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ส่วนลินจิก็ยกหัวคิ้วขึ้นจนหางคิ้วลู่ต่ำลง พลางคิดในใจว่า …ของที่เป็นแท่งยาว ๆ อาจจะไม่ใช่ผลไม้ก็ได้นะ แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไป

“จริงสิท่านเทพ ข้ามีของจะถวายขอรับ”

ว่าแล้วเจ้าสำนักก็ใช้มือขวาล้วงเข้าไปในชุดคลุม ก่อนนำสร้อยประคำออกมา ตรงกลางสร้อยมีจี้หินสีดำลักษณะกลมแบนมันวาว ให้ความรู้สึกเหมือนหน้าจอของสมาร์ทโฟนที่ดับแล้ว

“สวยจัง”

เมื่อเจ้าสำนักยื่นสร้อยประคำให้ ลินจิก็รับมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ พอใช้ปลายนิ้วลูบบริเวณที่จี้หิน ก็รู้สึกถึงเนื้อสัมผัสที่ลื่นแข็งและเย็น พริบตานั้นภายในจี้ก็ส่องแสงสีขาวจุดเล็ก ๆ ราวกับดวงดาว

ลินจิตกใจจึงร้อง “อ๊ะ!” ออกมาเล็กน้อย

ขณะนั้นชุนก็กอดอกเพ่งจ้องลินจิที่กำลังมีท่าทีสะดีดสะดิ้งต่อเจ้าสำนักอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าเจ้าสำนักมอบบางอย่างให้จึงนึกสนใจเดินเข้าไปดู

ชุนก้าวมาอย่างไวแล้วหยุดนิ่งมองสร้อยประคำหินในมือลินจิอยู่พักหนึ่ง

“นี่มัน…”

“นี่คือประคำหินศักดิ์สิทธิ์ กล่าวกันว่าผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะดึงพลังของสร้อยเส้นนี้ออกมาได้ ถ้าเป็นท่านเทพคงใช้พลังจากสิ่งนี้ได้อย่างสบายแน่”

“…จิตใจบริสุทธิ์…”

ชุนพึมพำเสียงเบาอย่างไม่ค่อยเชื่อ พลางเหลือบมองลินจิอย่างพิจารณา เมื่อเห็นสีหน้าไร้เดียงสา เขาก็ส่ายหน้าพลางคิดว่า …มันเป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น ในใจเทพตนนี้เอาฝูงสัตว์มีพิษมากองรวมกันก็มิอาจเทียบได้

“ของสิ่งนี้ตกทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ก่อนหน้านี้สร้อยประคำเคยคล้องอยู่กับรูปปั้น แต่หลังจากมีพวกย่องเบาเข้ามาเมื่อสามวันก่อน ข้าก็เกรงว่ามันจะไม่ปลอดภัย จึงเสียมารยาทเก็บไว้กับตัว ท่านเทพได้โปรดรับมันไว้เถอะ”

“เอ๋ ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะครับ เป็นถึงของตกทอดเชียวนะ ให้คนอื่นง่าย ๆ แบบนี้จะดีเหรอครับ”

“ได้โปรดรับไว้เถอะขอรับ”

เมื่อเห็นเจ้าสำนักก้มศีรษะอ้อนวอน ลินจิจึงรับไว้ด้วยความเกรงใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนชุนก็ยังสงสัยไม่หาย เพราะเขาก็ไม่เคยพบเห็นสร้อยประคำเส้นนี้อยู่ที่รูปปั้นมาก่อนเลย

“ขอข้าดูหน่อย”

“อ๊ะ! อ๊ะ!”

ชุนแย่งสร้อยประคำจากลินจิโดยที่อีกฝั่งไม่ทันตั้งตัว ทำให้เกิดเสียงร้องเล็ก ๆ น่ารักดังขึ้น เมื่อลินจิเห็นเจ้าสำนักกระแอมใส่กำบั้น เขาก็เอามือปากสำรวมท่าที ก่อนจะหันมองชุนที่กำลังทำหน้าเหมือนหมาสงสัย

“นอกจากพลังบริสุทธิ์แล้ว เมื่อเข้าใกล้ผลึกดวงดาว จี้หินสีดำก็จะส่องประกายเช่นกัน”

“อืม ข้าเพิ่งจะเคยได้ยินนี่แหละ”

ชุนตอบพลางมองสร้อยประคำอย่างครุ่นคิด ส่วนลินจิก็พยายามแย่งสร้อยประคำคืน แต่ก็โดนมือขวาของชุนยันหัวไว้

“เอาคืนมานะ ของผม”

ชุนพ่นลมหายใจใส่ลินจิจนเส้นผมกระดิกปลิว ก่อนจะโยนกลับให้อย่างรำคาญ

“เอาไป”

“อะ…อุ๊ย”

ลินจิรับสร้อยประคำจากชุนไว้แทบไม่ทัน เมื่อเห็นสร้อยประคำปลอดภัยดี เขาก็ก้มมองจี้หินอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะนำมาสวมไว้ที่คอ จากนั้นก็เงยหน้ายิ้มร่าให้เจ้าสำนัก พร้อมเอ่ยปากขอบคุณด้วยความรู้สึกยินดีที่เปี่ยมล้น ราวกับหญิงสาวถูกขอแต่งงาน

“ขอบคุณมากนะครับ ผมชอบมากเลย”

“ยินดีขอรับ”

เจ้าสำนักหนุ่มตอบเสียงนุ่มพร้อมยิ้มหวานให้ ส่วนชุนก็เดินมุ่งหน้าไปยังประตูทางออก ลินจิเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามไป ก่อนจะหันมาบอกเจ้าสำนักอีกรอบว่า

“ขอบคุณมากนะคร้าบบบ”

แม้จะอยู่ห่างกันแค่สองวา อีกทั้งคืนนี้ยังต้องนอนค้าง แต่ลินจิก็ลากเสียงยาวเหมือนบอกลา ราวกับว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก

“ครับ ครับ”

เจ้าสำนักตอบกลับอย่างเหนื่อยหน่าย ฝืนยิ้มตาปิด ใช้หลังมือปาดเม็ดเหงื่อที่ตกลงจากหน้าผากแล้วถอนหายใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด