ตอนที่แล้วบทที่ 12 แลนด์มาร์คต่างโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 ห้ามตัดสินคนจากหน้าตานะ!

บทที่ 13 ฝาแฝด?


 

บทที่ 13 ฝาแฝด?

“ตอนนี้นะครับ เรากำลังอยู่ต่อหน้าบอร์ดภารกิจในตำนานซึ่ง...แม่งอ่านไม่ออกสักตัว” ท้ายประโยคสบถหลบกล้องเสียงเบา ตั้งแต่ทีมงานซังไม่มีแผนที่ GPS สำเร็จรูปแล้วนะ จะอะไรกับผมนักหนา แผนที่ก็ยังต้องเดินทางเปิดแมพด้วยตัวเอง

ในตอนแรก ผมก็คิดว่าที่อ่านข้อมูลในแผ่นหินไม่ออกก็เพราะมันเป็นอาร์ติแฟค แบบ มันต้องใช้ความสามารถพิเศษของพนักงานในการอ่านไรงี้ แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ผมอ่านภาษาต่างโลกไม่ออกเองต่างหาก

ผมจับจ้องบอร์ดภารกิจเขม็ง จ้องจนตาแห้ง จ้องจนแสบตา จ้องจนโดนชาวบ้านด่า ทำประหนึ่งว่าจ้องไปเรื่อย ๆ แล้วมันจะอ่านออกเองแบบอัตโนมัติเหมือนในนิยายเกมออนไลน์ แต่จ้องอยู่นานมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...#@%#$^ไอ้นิยายหลอกลวง ผมปล่อยมือออกจากกระดาษบนบอร์ดภารกิจ แล้วหันไปมองทางทีมงานซังด้วยดวงตาที่แห้งผากเต็มไปด้วยเส้นเลือด “เฮ้ ทีมงานซังนายเคยคิดบ้างไหม พวกนายให้ภาษาพูดมาขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่แถมภาษาเขียนมาด้วยวะ”

ทีมงาน : เรื่องนั้นทีมงานมีสาสน์จากเทพเจ้าสูงสุด ผู้หยั่งรู้อนาคต ว่าท่านจะต้องถามคำถามนี้

ที่จริงทีมงานนึกว่าท่านจะสังเกตเรื่องนี้ได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว...แต่ก็ไม่

ทีมงาน : ในสาสน์ของเทพเจ้าสูงสุดเขียนได้บอกไว้ว่า ถ้าข้าให้ทุกอย่างมาหมดตั้งแต่แรก เจ้าจะได้ใจเกินไป คนดูจะไม่ได้เห็นไอ้งั่ง ที่วิวัฒนาการดีขึ้นผิดหูผิดตาจนเป็นผู้เป็นคนน่ะสิ ข้าเลยต้องให้แบบครึ่ง ๆ เจ้าจำเป็นต้องมีจุดอ่อนไก่กาไว้ประดับตัวบ้าง

ทีมงาน : และจุดอ่อนตามที่ทีมงานเข้าใจก็คือ การที่ท่านพูดได้แต่อ่านเขียนไม่ออก เป็นคนธรรมดาแต่ก็เป็นกึ่งอมตะในโลกแฟนตาซีที่ 112 สามารถพกพาสิ่งของข้ามมิติได้ แต่ก็ต้องเป็นสิ่งของที่ยกไหวเท่านั้น แถมไม่สามารถนำสิ่งมีชีวิตข้ามมิติไปด้วยได้ ประมาณนี้แหละ

“นั่นมันไม่เรียกว่าจุดอ่อนสักหน่อย นายมั่วแล้ว มันก็แค่ข้อจำกัดการใช้พลัง เพื่อความเท่ พระเอกส่วนใหญ่ก็มีมันกันทั้งนั้นแหละ” ตอนแรกไอ้ข้อความยาวเฟื้อยนั่นก็ฟังดูดีอยู่หรอก แต่ทำไมยิ่งลองใช้หัวคิดอ่านดี ๆ แล้วมันดันรู้สึกทะแม่ง ๆ ใครเป็นไอ้งั่งกัน แล้วใครมันเป็นพวกครึ่ง ๆ กลาง ๆ ถ้าเข้าใจไม่ผิด นี่มันหลอกด่าผมอยู่สินะ...

ทีมงาน : No No อย่าเอาบรรทัดฐานมนุษย์ธรรมดามาวัดกับเทพ สำหรับเทพเจ้าสูงสุดแค่มีข้อกำจัดการใช้พลังก็นับว่าเป็นจุดอ่อนแล้ว และจุดอ่อนสุดพีคขั้นต่อไปของพวกเราก็คือก็คือ ทำภารกิจระดับ S ล่ม แล้วก็กลายเป็นคนธรรมดาไปชั่วชีวิตไงล่ะ นี่แหละคือความต่าง ตัวเอกในโลกไหน ๆ ก็ทำภารกิจโหดนรกแตกผ่าน แต่เราจะเป็นเจ้าเดียวที่ทำล่ม! [อีโมติคอนทำหน้าเข้ม]

ทีมงาน : พวกเราต้องมีชื่อเสียงในวงการนักเดินทางข้ามมิติตามที่ท่านหวังแน่ ๆ

“ทีมงานซังนายจะสปอยมั่วไม่ได้เฟ้ย! ระดับผมแล้วไม่มีทางล่มแน่นอน ผมคือคนที่จะดังระดับโลกเชียวนะ ไม่ใช่ดังแค่ในวงการต่างโลก พวกคุณฟังไว้เลย เรื่องนี้ผมจะต้องจบภารกิจของชาล็อตและได้รับพลังพิเศษแน่นอน ทำไมงั้นเหรอก็เพราะผมเป็นตัวเอกยังไงล่ะ” เรื่องนี้เทพเจ้าสูงสุดยืนยันมาแล้วด้วยว่าผมเป็น NPC พิเศษ ตัวตนที่เปลี่ยนโลกได้ ผมไม่ได้ขี้โม้ไปเองนะ

หลังจากถกเถียงเรื่องจุดอ่อน กับสปอยมั่วนิ่มของทีมงานซังอยู่นาน จนคนแถวนั้นแทบจะมองผมด้วยสายตาเหมือนมองคนบ้า ผมที่พึ่งรู้สึกตัวก็กระแอมเสียงดัง ๆ และตัดสินใจดึงกระดาษบนบอร์ดภารกิจอย่างสุ่ม ๆ หันหลังเดินต่อแถวไปยื่นใบภารกิจให้พนักงานกิลที่มุมรับมอบภารกิจตามข้อความนำทางของทีมงานซัง

ผมไม่รู้ว่าที่หยิบมาเป็นภารกิจอะไรเหมือนกัน แต่ในบอร์ดที่ดูไร้ซึ่งความหรูหรา ต่างจากบอร์ดสีทองข้าง ๆ คงไม่มีภารกิจปราบมังกรโผล่มาหรอกมั่ง ที่จริง สิ่งที่ต้องทำสักครั้งในต่างโลกตามข้อมูลแนะนำจากเว็บร้อยทิป นอกจากการสมัครสมาชิกกิลนักผจญภัย ก็ต้องลองสัมผัสประสบการณ์ ทำเควสของกิลนักผจญภัยในต่างโลกดูสักครั้ง และถ้าดวงดีผมก็อาจจะได้พบรักในดันเจี้ยน เหมือนที่กูรูเขาบอกไว้ในหัวข้อแนะนำก็เป็นได้

ระหว่างรอต่อแถวยื่นภารกิจ ผมก็ลองเหล่ดูรอบ ๆ ตัว ความจริงแล้วสาว ๆ ในกิลหุ่นดีใช่ย่อย อ่า...นี่สินะผลลัพธ์จากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ถึงพวกหล่อนจะหุ่นดีชวนมอง ผมก็เหล่มองสาวได้ไม่นาน จิตใจผมไม่แข็งแกร่งพอจะมองพวกผู้ชายกล้ามปู ที่มีจำนวนเยอะกว่าเหล่าสาว ๆ หุ่นนางแบบ ถ้าผมมองนานกว่านี้ตาได้บอดแน่ ๆ เป็นอะไรที่เสียสายตาชะมัด พอผมหันกลับมามองด้านหน้า ก็ถึงคิวผมพอดี

“ยื่นเรื่องขอรับภารกิจใช่ไหมคะ” พนักงานสาวแว่นคนเดิมพูดขึ้นเมื่อผมเดินไปหยุดหน้าเค้าเตอร์ของเธอ

“เอ๊ะ ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้คุณอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง?” ผมถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ จะไม่ให้ถามได้ไงล่ะ เมื่อกี้หล่อนยังนั่งอยู่ตรงเค้าเตอร์รับเรื่องทั่วไปอยู่เลย ตอนนี้กลับมานั่งเป็นพนักงานรับมอบภารกิจเฉย

“โอ้ ท่านคงเป็นสมาชิกใหม่ คาร่าเป็นน้องสาวฝาแฝดของข้า ข้ามีชื่อว่ามีอา ท่านสามารถแยกพวกเราได้ง่าย ๆ จากไฝใต้ตาที่อยู่คนละข้าง ของข้าอยู่ข้างซ้าย คาร่าข้างขวา เอาล่ะเมื่อเข้าใจแล้วก็ส่งใบภารกิจกับบัตรกิลนักผจญภัยมาค่ะ”

ผมยื่นใบภารกิจกับบัตรประจำตัวนักผจญภัยไปให้เธอด้วยความเขิน อดไม่ได้ที่จะหันหน้าหลบไปบ่นอุบอิบแบบไม่มีเสียง “เงียบไว้ก็ดีอยู่แล้วไม่น่าถามเลยตู”

มีอารับทั้งสองอย่างไปดูสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “เอ เดี๋ยวนะคะ นี่มันภารกิจแรงค์ B ท่านยังไม่สามารถทำภารกิจนี้ได้นะคะ เพราะท่านยังเป็นนักผจญภัยแรงค์ D”

“...” ผมยื่นแข็งทื่ออยู่ต่อหน้าพนักงานสาวแฝดพี่ ก็รู้อยู่หรอกหยิบมามั่ว ๆ สัดส่วนความพลาดมันเยอะอยู่แล้ว แต่มันจะไม่มีแจ็คพอตให้ผมบ้างเลยเหรอมาต่างโลกทั้งที เฮ้ออออ ผมเกาหัวอย่างจำยอมแล้วตัดสินใจสารภาพความจริง

“คือผม อ่านหนังสือไม่ออกน่ะ” เอาวะ อ่านไม่ออกก็คืออ่านไม่ออกผมเป็นลูกผู้ชายพอ ดีกว่าพยายามยามแอ๊บว่าอ่านออกเป็นไหน ๆ

“หุหุ เรื่องนั้นไม่ต้องอายไปค่ะ นักผจญภัยส่วนมากก็อ่านหนังคือไม่ค่อยออกกันอยู่แล้ว ให้ข้าแนะนำการเลือกรับภารกิจสำหรับคนอ่านหนังสือไม่ออกไหมคะ”

“ก็ดีครับ” ผมพยักหน้ารับอย่างจำยอม

“ท่านนักผจญภัยลองสังเกตตรงหัวกระดาษนะคะ มันจะมีตราประทับอยู่ ตรงนี้คือตัวบอกเกรดของภารกิจว่าอยู่เกรดไหน ตราประทับตรงหัวภารกิจคือเกรด B ส่วนอันนี้คือ F-A ไล่จากซ้ายไปขวา ใบนี้แจกค่ะจะได้เอามาเทียบดูได้ว่าตราประทับไหนบ่งบอกถึงเกรดอะไร” ระหว่างอธิบายมีอาก็ยื่นกระดาษที่เรียงรายไปด้วยสัญลักษณ์ยัดใส่มือสมาชิกใหม่หน้าตาเอ๋อ ๆ ตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว และเริ่มอธิบายต่อแบบไม่มีสะดุด

“ลงมาอีกบรรทัดหนึ่งจะเป็นจำนวนดาว ที่บ่งบอกความยากง่ายของภารกิจ ถ้าเป็นภารกิจ 3 ดาวเหมือนในใบนี้คือปานกลางไม่ยากไม่ง่าย ดาวน้อยแปลว่าง่าย ดาวเยอะแปลว่ายาก สำหรับ 4 ดาวขึ้นไปแนะนำให้หาสมาชิกร่วมปาร์ตี้เพื่อทำภารกิจค่ะ ลงมาตรงแถบสีเขียวนะคะ ตรงนี้สีจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเป็นภารกิจประเภทไหน สีเขียวคือภารกิจรวบรวมสมุนไพร สีเหลืองคือรวบรวมชิ้นส่วนสัตว์ประหลาด สีแดงคือกำจัดสัตว์ประหลาด สีฟ้าคือภารกิจส่งของ สีส้มคือภารกิจคุ้มกัน ส่วนภารกิจพิเศษจะเป็นสีทองค่ะ พวกนี้คือขั้นตอนง่าย ๆ ในการเลือกภารกิจ ส่วนเนื้อหาภารกิจและรางวัลเราจะเป็นคนอธิบายให้ท่านฟังค่ะ ให้รู้ไว้ว่ายิ่งดาวเยอะยิ่งอันตรายก็ยิ่งมีค่าตอบแทนที่ดีค่ะ”

“จากที่ฟังมา คือผมต้องไปเลือกภารกิจมาใหม่ใช่ไหมครับ”

“ค่ะ นอกจากภารกิจที่ทำซ้ำได้ต้องไปรับที่บอร์ดค่ะ”

“อ่อ ภารกิจซ้ำรับได้ที่นี่เลยใช่ไหมครับ แล้วมีภารกิจอะไรที่ทำซ้ำได้ง่าย ๆ และเสร็จไว ภายใน 3 ชั่วโมงไหมครับ”

“มีค่ะ ภารกิจธรรมดาสำหรับนักผจญภัยทุกคนไม่ว่าเมื่อไรก็ทำได้ ภารกิจรวบรวมคริสตัลสีสันต่าง ๆ ที่จะดรอปเมื่อทำการกำจัดสัตว์ประหลาดในดันเจี้ยนสำเร็จ คงรู้ใช่ไหมคะ ว่าพวกมันเป็นส่วนผสมในการทำโพชั่นของพ่อมดแม่มดในแพนทาแกรม ถ้าโชคดีหาเจอไว ก็เสร็จภารกิจไวค่ะ” มีอาอธิบายภารกิจด้วยรอยยิ้มการค้า

“เข้าใจแล้วครับ ผมรับภารกิจเก็บคริสตัล”

“ทำการลงบันทึกภารกิจเรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอยื่นบัตรกิลคืนมาให้ผมหลังจากเอาอะไรบางอย่างแสตมป์ลงบนบัตร แต่เมื่อผมลองพลิกบัตรดูก็ไม่เห็นจะมีร่องรอยอะไร

“ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมตัว D บนบัตรถึงไม่เหมือนตราที่เธอให้มา”

“หืม ก็เหมือนนิค่ะ”

“ไม่นะ มันไม่เหมือนตราตัว D ที่เธอเอาให้ผมดู มันเป็นภาษาอังกฤษ”

“ภาษาอังกฤษ” สาวแว่นเอียงหัวงงๆ ก่อนจะทำท่าเหมือนพึ่งนึกอะไรออก “ข้าทราบแล้ว ท่านอาจจะอ่านภาษาอื่นออกจึงมีสัญลักษณ์ที่แปลกไปบนตัวบัตร กรณีนี้พบเจอได้ยากมากเลยค่ะ ปัจจุบันเมื่อโลกเปลี่ยนมาใช้ภาษากลางสัญลักษณ์บนใบภารกิจจึงกลายเป็นภาษากลางไปหมด”

“งั้นหรอกเหรอ”

“ค่ะ ยินดีให้บริการค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการสอบถามข้อมูลด้านไหนเพิ่มเติมไหมคะ”

ถามอะไรอีกไหมเหรอ มีสิ แต่ผมกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะถามออกไปดีไหม ผมหันไปมองซ้ายขวาอย่างล่อกแลก แล้วยื่นหน้าไปกระซิบใกล้ ๆ เธอด้วยเสียงเบาหวิว “คือ...ผมมีเรื่องอยากรู้ กิลนักผจญภัยมีไอ้นั่นจริงรึเปล่า”

สาวแว่นเบื้องหลังเค้าเตอร์เอียงหน้าหลบแบบเปิดเผยทั้ง ๆ ที่ยังคงรอยยิ้มการค้าไว้บนใบหน้า ไม่มีการรักษาน้ำใจใด ๆ ทั้งสิ้นเลยนะเธอ ผมไม่ได้ก้มชิดขนาดนั้นสักหน่อยแค่จะกระซิบใกล้ ๆ เอง ก็รู้อยู่หรอกว่าในสายตาชาวบ้านผมมันหน้าตาแย่ แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียดจนมองไม่ลงสักหน่อย หรือกลิ่นตัวจะแรงเกินไป

คิดได้แบบนั้นผมเลยก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นตัวเองเสียฟอดหนึ่ง ก็ไม่นะ กลิ่นกำลังดี ยังไม่เน่าเท่าไร แค่ใส่เสื้อซ้ำเป็นวันที่ 3 เอง แต่คิดไปก็ไม่ได้อะไรผมเลยจำใจกลับไปยืนตัวตรงเหมือนเดิม

เมื่อผมกลับมายืนดี ๆ มีอาก็พูดออกมาเสียงเบาแบบระแวดระวัง “แล้ว...ไอ้นั่นที่ท่านหมายถึงคืออะไรรึ?”

“ก็ไอ้นั่นไง...”

.............

ณ ห้องนอนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากกิลนักผจญภัยนัก

“ทีน่า”

“ว่าไง”

“ทีน่าเจ้าว่าข้าจะกินไอ้ยาโคตรทรมานนี่อีกดีไหม” สาวเอลฟ์ตัวเล็กผมสีม่วงในชุดนอนตัวบาง นอนแผ่จ้องแผงยาเม็ดอยู่บนเตียงกว้างข้าง ๆ สาวเอลฟ์ผมสั้นสุดเซ็กซี่ที่นั่งเช็ดมีดไปมาจนเงาวับ

“ต้องกิน” ทีน่าละสายตาจากมีดหันมามองเพื่อนที่นอนตัวซีดอยู่บนเตียง ตอนนี้เธอแค่มองก็บอกได้เลยว่านาตาเลียยังมีสภาพดีกว่าศพหน่อยหนึ่ง

“แต่ข้าจะตายนะถ้าข้ากินมัน” นาตาเลียยันตัวขึ้นจ้องตาทีน่าอย่างอ่อนแรง แววตาสีม่วงใสเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “เจ้าอยากให้ข้าตายเป็นผีห้องน้ำงั้นหรือทีน่าเพื่อนรัก”

ทีน่าถอนหายใจแล้วมองเพื่อนที่กำลังน้ำตาคลอ สงสารก็สงสารอยู่หรอก “แต่ถ้าเจ้าไม่กิน เจ้าก็จะตายเหมือนกันนาตาเลีย เพราะฉะนั้นกินเข้าไปซะ”

“ถ้าข้าไม่กิน ข้าก็ไม่ตายหรอก มันต้องออกมาแล้วแน่ ๆ ข้าเชื่อว่าเมื่อวานข้าล้างเครื่องในตัวเองเรียบร้อยแล้ว สะอาดเกลี้ยงเกลา” นาตาเลียยืนยันด้วยเสียงหนักแน่น

“เหรอ เจ้าใช้เวทได้แล้วรึไงถึงมั่นใจนัก”

“เอ่อ...ยังใช้ไม่ได้” นาตาเลียกลอกตาไปมารัว ๆ ฮือออ นี่เธอต้องกินมันต่อไปจริง ๆ หรือ

“ภาบอกว่ากิน 3 วันก็ 3 วันเจ้าต้องกินให้ครบ สิ่งวิเศษจากแพนทาแกรมต้องใช้งานตามคำแนะนำให้ถูกต้อง เจ้าก็รู้

เอาล่ะ เลิกบ่นรีบ ๆ กินได้แล้ว”

“กินแล้วก็ได้” นาตาเลียพูดอย่างหงอย ๆ ก่อนจะแกะยาเม็ดใส่ปากเคี้ยวด้วยมือที่สั่นระริก “ข้าไปจองห้องน้ำก่อนล่ะ” ร่างเล็ก ๆ ของนาตาเลียลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมหอบอุปกรณ์ยังชีพทั้งหลายไปเข้าห้องน้ำด้วย ประสบการณ์วันแรกทำให้เธอรู้แล้วว่า อยากรอดตายจากห้องน้ำต้องพกอะไรไปบ้าง แต่แล้วก่อนจะไป เธอกลับละล้าละลัง มองทีน่าที มองประตูห้องที จนทีน่าที่รู้ใจเพื่อนสาวต้องร้องทัก

“จะเอาอะไร?”

“ทีน่าเพื่อนรัก ขอเงินหน่อยสิ ค่า...ค่าเช่าห้องน้ำ 1 วัน”

“...” ยัยคนล้างผลาญเอ๊ย! ถึงจะด่าเพื่อนในใจเธอก็ส่งเงิน 10 cion ไปให้นาตาเลีย

“ทีน่าคือ 10 coin มันไม่พออะ ต้อง 59 coin”

“ห้องน้ำบ้าอะไรของเธอ 59 coin”

“ข้าสำรวจมาแล้ว มันคือห้องน้ำอย่างดีแม้หลับคาส้วมก็ยังนั่งสบายไม่เลอะเทอะ ทีน่าถือว่าช่วยข้าเถอะเพื่อน!”

“งะ...เงินก้อนสุดท้าย” ทีน่ายื่นเงินทั้งหมดให้นาตาเลีย ด้วยมือที่สั่นระริกพอ ๆ กับสภาพนาตาเลียที่กลั้นใจกลืนยาของภาวินเมื่อครู่

หลังจากนาตาเลียจากไปแล้ว เอลฟ์สาวผมสั้นก็ก้มมองเหรียญ 1 coin ในมืออยู่นานก่อนจะถอนหายในออกมา

“เฮ้อ สงสัยคงต้องไปลงดันเจี้ยนสักรอบแล้วล่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด