ตอนที่แล้วChapter 2: ค่าสถานะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 4: ชำระจิต

Chapter 3: ชาวิญญาณ


 

ไฟจากถ่านลนผิวด้านล่างของกาน้ำชาเล็ก ๆ สีแดงอย่างสม่ำเสมอ น้ำชาด้านในกาค่อย ๆ ร้อนขึ้น ฟองอากาศเริ่มผุดประกอบกับไอร้อนลอยขึ้นมารอบ ๆ

เบื้องหน้าฟางหยวนมีชุดน้ำชาวางอยู่ เขาเตรียมชาอย่างพิถีพิถัน ขั้นตอนแรก ปล่อยให้น้ำชาถูกต้มจนเดือด น้ำชารอบแรกนั้นไม่ใช่สำหรับดื่มเพราะนับเป็นการทำความสะอาดชุดน้ำชา หลังจากนั้น ปิดฝากาน้ำชาทันทีที่น้ำชารอบใหม่เดือด พร้อมที่จะเทลงแต่ละถ้วยชาเพื่อดื่ม ทุกการเคลื่อนไหวในกระบวนการชงชานี้ดูเป็นธรรมชาติให้ผู้คนรู้สึกถึงความสงบและเยือกเย็น

แม้ว่าบ้านของฟางหยวนจะเรียบง่าย แต่ก็มีใบชา

การมีใบชาอยู่นี้ไม่ใช่สิ่งพิเศษเดียวในบ้านของเขา ใบชานี้เป็นหนึ่งในของคุณภาพเยี่ยมที่เขาปลูกด้วยตัวเอง มิหนำซ้ำ เขายังประกอบพิธีชงชาได้ยอดเยี่ยมกว่ามาตรฐานซึ่งได้รับการแนะนำสั่งสอนอย่างดีจากอาจารย์เวิ่นซิน

แต่เพราะว่าแขกเมื่อวันก่อนนั้นไม่ได้มาดี จึงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดี

รอบ ๆ ถ้วยน้ำชาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของชา ฟางหยวนค่อย ๆ ยกถ้วยชาของเขาขึ้นมาด้วยกริยาสงบและเริ่มลิ้มรสชาช้า ๆ

สำหรับเขาแล้ว พิธีชงชาไม่เพียงแค่เป็นการฝึกตน แต่ยังเป็นการระลึกถึงคำสอนของอาจารย์เวิ่นซิน

แม้ว่าอาจารย์เวิ่นซินจะไม่ได้สอนวรยุทธ์แก่ฟางหยวน แต่ก็สอนเคล็ดการชงชาสมาธิ

การชงชาช่วยชะล้างจิตใจ ซึ่งช่วยยกระดับจิตใจให้เข้าถึงภาวะสงบระดับจิต

แล้วทำไมต้องภาวะสงบระดับจิต

ครั้งหนึ่งปรมาจารย์เคยกล่าวไว้ “เมื่อไม่คำนึงถึงสภาวะทางกาย จิตใจไม่โลดวิ่ง แยกจิตออกจากกาย อิสระจากความคิด และเป็นหนึ่งเดียวกับแผ่นดิน นี่คือภาวะสงบระดับจิต”

แก่นของพิธีชงชาของอาจารย์เวิ่นซินก็คือการเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษย์และธรรมชาติ เพื่อที่จะเข้าถึงภาวะสงบระดับจิต

ส่วนฟางหยวน เขารักการชงชา เขายังไปหาชุดน้ำชาคุณภาพดีเพื่อใช้ในการชงชา

แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

จากกลิ่นหอมของชา ฟางหยวนเพียงรู้สึกถึงความอบอุ่นในกระเพาะ จากนั้นก็เคลือบทับด้วยความเย็นชั้นหนึ่ง เกิดความรู้สึกเยือกเย็น ให้เขาหลงลืมความร้อนเย็นรอบตัว

อาศัยในหุบเขาและไม่ถูกรบกวนจากเรื่องวุ่นวายภายนอก ฟางหยวนชงและดื่มชาทุกวันด้วยความตั้งใจกล้าและมุ่งมั่น

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา เขาต้องมีความตั้งใจและมีใจมุ่งมั่น

หลังดื่มชา เป็นเวลาดีที่สุดที่จะเรียบเรียงความคิดเพราะจิตใจของเขาจะกระจ่างกว่า

“เร็ว ๆ นี้ ข้ารวบรวมพืชพรรณทั้งหมดในหุบเขามาปลูกอีกครั้งด้วย [การดูแลพืช (ระดับ 3)] ผลที่ได้แตกต่างไปอย่างมากจริง ๆ ผลลัพธ์ที่ได้บอกว่าข้าก้าวหน้าไปไกลมากเมื่อเทียบกับผลงานที่ดีที่สุดที่ข้าเคยทำได้ก่อนหน้านี้ การกลายพันธุ์มีโอกาสต่ำมาก ทั่วทั้งหุบเขาจนบัดนี้ก็ยังไม่พบสักครั้ง แต่แน่นอนว่า มันก็ยากที่จะพูดเช่นนี้ เนื่องจากข้าวหยกแดงยังมิได้เก็บเกี่ยว...”

ฟางหยวนส่ายหน้า ลุกขึ้นหยิบจอบ ตะกร้าไม้ไผ่ และอุปกรณ์อื่น ๆ ก่อนที่จะเริ่มการเพาะปลูกประจำวันในสวน

รดน้ำต้นไม้ เติมปุ๋ย พรวนดิน แล้วตามด้วยการดูแลเฉพาะตามความจำเป็นของพืชแต่ละชนิด กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น

ในตอนบ่ายจัด ฟางหยวนนั่งลงบนก้อนหิน ดื่มน้ำพุที่เก็บไว้ในน้ำเต้า มองไปรอบสวน รู้สึกราวกับเป็นชาวไร่ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ในใจเต็มไปด้วยความยินดี

จากนั้นฟางหยวนก็เริ่มกินข้าวปั้นที่ห่อเตรียมไว้ตั้งแต่เช้า แสงวาบขึ้นในครรลองสายตาอีกครั้ง

“ชื่อเต็ม: ฟางหยวน

พลังกาย: 1

พลังลมปราณ: 1

พลังเวทย์: 1

อายุ: 18

ระดับการฝึกตน: ไม่มี

วิทยายุทธ์: ไม่มี

ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 1)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)]"

...

“พลังกาย พลังลมปราณ และพลังเวทย์หมายถึงสภาพร่างกายของข้า...”

ต้องขอบคุณการฟูมฟักจากอาจารย์เวิ่นซินและทักษะการปลูกพืช ฟางหยวนจึงไม่เคยประสบความลำบากแท้จริงในช่วงแรกของชีวิต เขามีอาหารดี ๆ ได้รับการดูแลที่ดีเทียบเท่าผู้อื่น ทำให้เขามีพื้นฐานที่มั่นคง แม้จะอายุเพียง 18 ปี

“[การดูแลพืช (ระดับ 3)] กับโอกาสน้อยนิดที่จะพัฒนาไปเป็นสายพันธุ์พิเศษ...”

ฟางหยวนถอนหายใจและกินข้าวปั้นของตนต่อ

ข้าวปั้นนี้ทำจากข้าวหยกมุกที่ปลูกไว้ในไร่ แต่ละเม็ดเล็กประมาณนิ้วหัวแม่มือของทารก เม็ดข้าวใสเป็นประกายราวกับงานศิลปะ กลิ่นข้าวสุกหอมกำจาย รู้สึกได้ถึงความกรุบของเม็ดข้าวที่ต่างไปจากข้าวเหนียว แค่ข้าวสุกเองก็ให้รสชาติที่ดีมากโดยไม่ต้องมีจานเคียง แค่ถั่วหมักหรือบ๊วยดองก็เพียงพอ

ข้าวหยกมุกมีคุณค่าทางอาหารสูง น้ำข้าวหยกมุกสามารถให้ทารกกินต่างน้ำนมได้ ฟางหยวนกินข้าวปั้นเพียงก้อนเดียวก็ฟื้นฟูพลังงานที่เสียไปได้ เขาเริ่มทำงานต่อ

“เซียงโค่วกับหวงกั๋วเก็บเกี่ยวได้แล้ว ประเดี๋ยวเหล่าเถียนจากหอสมุนไพรน่าจะมาเก็บไปแลกกับเกลือและน้ำมัน...”

บางครั้งฟางหยวนก็จะเดินไปรอบ ๆ สวนของเขาเพื่อเก็บผลไม้บางชนิดไปกิน และวางแผนปลูกต้นไม้อื่นเพิ่ม

เดินไปได้เพียงครู่เดียว สีเขียวหนึ่งก็ผ่านเข้ามาในสายตาเขา ทำให้ฟางหยวนก้าวเท้าช้าลงและกระซิบเสียงค่อย “เอ๋”

ตรงนั้นเป็นดงต้นชา ปลูกชาที่ได้คัดเลือกมาเป็นพิเศษ ให้ใบชาบางเรียบ มีกลิ่นหอมอ่อนแบบกล้วยไม้สด เป็นใบชาที่ฟางหยวนชอบ

แต่ว่า ในตอนนี้ มีบางอย่างแตกต่างไป

ท่ามกลางต้นชาทั้งหมด มีต้นหนึ่งที่ให้ใบสีดำเป็นประกายราวนิล ใบชาจากต้นนั้นพิเศษกว่าต้นอื่นโดยที่ไม่ได้อบแห้งก็สามารถแผ่กำจายกลิ่นหอมแรงได้ด้วยตัวเอง กลิ่นนี้ช่วยให้รู้สึกตื่นตัว และทิ้งรสหอมแรงกรุ่นอยู่ในปาก

“ใบชาชั้นเยี่ยม! นับว่ายอดเยี่ยมในกลุ่มใบชาชั้นเยี่ยม!”

ฟางหยวนเดินเข้าไปใกล้ต้นชา “เช่นนั้นนี่คือใบชาที่เป็นผลของการกลายพันธุ์จากการดูแลพืชระดับ 3 งั้นรึ? ชาโหวขุยพัฒนาไปเป็นพืชวิญญาณ?”

โชคไม่ดีนัก เขาได้เห็นเมล็ดข้าวหยกแดงเพียงไม่กี่เมล็ด ทำให้ยากที่จะเอามาเทียบกัน

แต่อย่างไร ใบชาพวกนี้ก็พิเศษไปอย่างแน่นอน!

“นี่เป็นบ่ายแล้ว เวลาเหมาะสมนัก!”

เมื่อเห็นต้นชานี้ ฟางหยวนก็ผลักความคิดกังวลทั้งหมดออกไปชั่วครู่และเริ่มเก็บใบชาพิเศษพวกนี้เตรียมไปชงชาอย่างมีความสุข

“ไม่... นี่ช่างยั่วใจเหลือเกิน ข้าอดใจไว้ไม่ไหวแล้ว!”

หลังจากเด็ดใบชาสีดำราวนิลออกมา ฟางหยวนก็นำใบชาหนึ่งเข้าปากทันที

“โอ้...”

ในตอนแรก มีเพียงรสขม แต่หลังจากนั้น มีรสเข้มข้นของกล้วยไม้ตามมา

ลิ้นของเขารับรสขมจนรู้สึกชาหนีบ กระแสพลังบริสุทธิ์สายหนึ่งพุ่งตรงไปที่จิตใจของเขา ฟางหยวนตาเป็นประกาย “ใบชาวิญญาณ! เป็นใบชาวิญญาณจริง ๆ!”

“ในความขมมีความหมาย เพียงรสชาติเดิมนั้นก็ดียิ่งแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้านำใบชานี้ไปชงเป็นน้ำชา?”

ดวงตาของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นวิบวับระยับขึ้นมา

 

ตอนดึก

ผึ่ง นวด อบ... ฟางหยวนคุ้นเคยกับกระบวนการเหล่านี้ดี ทุกครั้งได้ผลเช่นเดียวกันแม้กระทั่งในครั้งนี้ที่ใบชาต่างออกไป

ภายใต้แสงไฟลุกโชน เขามองไปที่ใบชาสีดำนิล สีหน้าเหม่อลอย “สวย... สวยมาก! ใบชาวิญญาณเตรียมใหม่นี้ราวกับงานศิลปะ!”

ฟางหยวนยกชุดน้ำชาของเขาออกมาแล้วเริ่มกระบวนการชงชา

เมื่อเสร็จ กลิ่นของชาวิญญาณก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว รอบด้านให้ความรู้สึกราวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในสรวงสวรรค์

“ข้าคงไม่สามารถลืมกลิ่นและรสชาติยอดเยี่ยมแบบนี้ได้ เป็นชาที่วิเศษที่สุด!”

ชั่วขณะนั้น ฟางหยวนรู้สึกสงบ

กระบวนการในพิธีชงชาประกอบด้วยการล้างใบชา เป็นกระบวนการชำระล้างภาวะวุ่นวายในจิตใจของผู้ชงชาด้วยเช่นกัน

ฟางหยวนดวงตาเป็นประกาย จิตใจของเขากลายเป็นบริสุทธิ์ราวกับเด็ก

นักชิมชานั้น แรกเลยจะดมกลิ่นหอมก่อน จากนั้นก็สีของน้ำชา จากกลิ่นและสีของน้ำชา มองถ้วยชาที่เติมไว้ด้วยของเหลวสีเขียวใส ฟางหยวนรู้สึกได้ทันทีที่ริมฝีปากของเขาแตะถ้วยชา

ตูม!

ราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ

ราวกับว่าเขากลายเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยวเดินอยู่ท่ามกลางดงหนาม ลิ้นและต่อมรับรสถูกครอบงำด้วยรสขมจากชา

ขณะที่กำลังรู้สึกทรมาน หนามแหลมก็หายไป เขาเริ่มได้กลิ่นหอมของชา กลิ่นหอมนั้นราวกับน้ำหลาก ท่วมทำลายกำแพงรสขม ปล่อยให้ความหอมกลบความขมไปจนสิ้น

ฟางหยวนมองไปข้างหน้าสายตาว่างเปล่า ดวงตาระยิบเป็นมัน

ในบางครั้ง หลังจากได้ชิมของเลิศรส คนบางคนก็อาจจะรู้สึกประทับใจจนน้ำตาไหลได้

ฟางหยวนเคยคิดว่าเรื่องแบบนี้คงจะมีแค่ในความฝันของเขาเท่านั้น ไม่ได้คิดเลยว่าน้ำชาถ้วยหนึ่งจะทำให้รู้สึกเช่นนั้นได้เหมือนกัน

“ดี!”

หลังจากดื่มชาหมดถ้วย เขาก็เตรียมชาถ้วยต่อไป กลิ่นของน้ำชาเริ่มจางไป แต่รสชาติกลับเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม

หลังจากดื่มไป 4 ถ้วย รสชาติและกลิ่นของน้ำชายังคงอบอวล

“ฮู่...”

หลังจากดื่มชาจนหมดกา ฟางหยวนก็ผ่อนลมหายใจยาว รสของชายังอวลอยู่ในปากเป็นนาน

“ชานี่...พิเศษมากจริง ๆ เหมือนว่าจะสามารถชำระล้างจิตใจได้...” ฟางหยวนเช็ดน้ำตา “เพียงถ้วยเดียวก็ทำให้ข้ารู้สึกราวกับว่าวิญญาณของข้าได้รับการชำระล้าง... ข้าสงสัยนักว่านี่เป็นผลจากของวิเศษระดับวิญญาณหรือ? หรือเป็นเพียงเหตุบังเอิญที่เกิดขึ้นจากการชงชาวิญญาณด้วยพิธีชงชาสมาธิ?”

เขาเริ่มตั้งคำถามถึงเรื่องมหัศจรรย์นี้ และโดยไม่รู้ตัว เขาเรียกค่าสถานะของตัวเองขึ้นมา

ในตอนนี้ ค่าสถานะของเขามีการเปลี่ยนแปลง

 

“ชื่อเต็ม: ฟางหยวน

พลังกาย: 1

พลังลมปราณ: 1

พลังเวทย์: 1.2

อายุ: 18

ระดับการฝึกตน: ไม่มี

วิทยายุทธ์: ไม่มี

ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 1)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)]"

 

“พลังเวทย์เพิ่มขึ้นมา 0.2?”

ฟางหยวนมองค่าสถานะของตัวเองแล้วพึมพำ

ค่าสถานะทั้งสาม พลังกาย พลังลมปราณ และพลังเวทย์ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อขึ้นมาถึง 1 หลังวันเกิดปีที่ 18 ของเขา

แต่ตอนนี้ พลังเวทย์ของเขาเพิ่มขึ้นมา 0.2!

ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมฟางหยวนถึงรู้สึกว่ามีพลังงานเต็มเปี่ยมและรู้สึกสมองไวขึ้น เหมือนว่าเขาจะฉลาดขึ้นอีกมากด้วย

“ตามทฤษฎีแล้ว พลังกาย พลังลมปราณ และพลังเวทย์ รวมเรียกว่าสมบัติทั้งสามเป็นรากฐานของมนุษย์”

“และตามที่ข้าสังเกตและสันนิษฐานไว้ พลังกายหมายถึงร่างกาย ความแข็งแกร่งทางกาย กระดูก และส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่จับต้องได้ พลังลมปราณหมายถึงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่จับต้องไม่ได้ เช่น พลังจากโลหิต สุดท้าย พลังเวทย์หมายถึง จิตใจ ความมุ่งมั่น การหยั่งรู้ และอื่น ๆ”

“พลังกาย พลังลมปราณ และพลังเวทย์ ค่าสถานะทั้งสามนี้ส่งเสริมกันและกัน และมีผลพิเศษในตัวเอง!”

ฟางหยวนมองใบชาที่ยังเหลืออยู่ด้วยดวงตาเป็นประกาย “ชานี่ช่วยชำระล้างจิตวิญญาณของผู้ดื่มและเพิ่มค่าพลังเวทย์ได้ด้วย ข้าจะเรียกชานี่ว่า ‘ชาชำระจิต’”

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด