ตอนที่แล้วบทที่ 29 การต่อสู้เพื่อเป็นหนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 รางวัล

บทที่ 30 คว้าชัยชนะ


บทที่ 30

คว้าชัยชนะ

ฮู่วววว์!

เมื่อดาบของพวกเขาปะทะกันระเบิดลมปราณตามออกมา

ทั้งคู่ก้าวถอยห่าง ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมกัน

“สำเร็จ ! วิชาดาบอสรพิษ, วิชาคมดาบในวายุ, วิชาหยกแดงขั้นที่หก!”

จอมยุทธ์ขอบเขตก่อกำเนิดทั้งหมดที่รู้เล็กน้อยเกี่ยวกับทั้งสองตระกูลนี้ ต่างอยู่ในอาการตกตะลึง

ในบรรดาศิลปะการต่อสู้ระดับเหลืองขั้นต่ำและขั้นกลางในระดับเดียวกัน ตามแบบเดิมทีมักมีหนึ่งกระบวนท่าและตามด้วยหลากหลายกระบวนท่า ขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่เจ็ดที่ต่ำกว่า การบรรลุหนึ่งใิชาระดับกลางยังเท่ากับบรรลุวิชาการต่อสู้ระดับต่ำหลายรายการด้วย ความยากลำบากอยู่ในระดับเดียวกันแต่เวลาที่ใช้นั้นแตกต่างกันอย่างมาก

สำหรับศิลปะการต่อสู้ระดับเหลืองขั้นสูงอยู่ในระดับที่เหนือกว่า สำหรับศิลปะการต่อสู้ระดับเหลืองขั้นสูงสุด เหนือยิ่งไปกว่านั้น

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่หลี่ฟูเฉินสามารถก้าวขึ้นสู่ขั้นที่หกของวิชาหยกแดง ปกติการบรรลุต้องหลังจากทะลวงขอบเขตก่อกำเนิดแล้ว สำหรับเหตุผลที่กวนเซี่ยสามารถบรรลุเคล็ดวิชาธาราจันทราขั้นที่หกได้ก่อนขอบเขตก่อกำเนิด เป็นเพราะโครงกระดูกระดับสี่ดาวที่ไม่ธรรมดาของนาง ใครจะคิดว่าหลี่ฟูเฉินประสบความสำเร็จในระดับเดียวกันด้วย

“เป็นไปไม่ได้!” คำพูดจากปากกวนหยู

เขาไม่อาจยอมรับว่าประสาทสัมผัสในการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินนั้นเทียบเท่ากับของกวนเซี่ย

“วิชาหยกแดงขั้นที่หกของหลี่ฟู่เฉินการรับรู้ของฟู่เฉินอยู่ในระดับที่น่ากลัวทีเดียวและไม่ได้ด้อยกว่าของกวนเซี่ยแม้แต่น้อย” หลี่เทียนฮั่นและเฉินยู่หยานรู้สึกประหลาดใจอย่างเป็นสุข

ผู้คนตระกูลหลี่เริ่มฝึกฝนเมื่ออายุ 10 ขวบ พวกเขาไม่ได้เริ่มต้นฝึกด้วยวิชาหยกแดง แต่เป็นวิชาขั้นพื้นฐานของตระกูลหลี่หลังจากบรรลุพื้นฐานสมบูรณ์แล้ว พวกเขาถึงเริ่มฝึกฝนวิชาหยกแดง สิ่งที่ทำให้พ่อแม่ของเขาประหลาดใจคือหลี่ฟู่เฉินเริ่มต้นเมื่อสองปีก่อนและเขาก็ไม่ได้ฝึกบ่มเพาะตลอดทั้งปี

แน่นอนว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นไม่ง่ายนักสำหรับกวนเซี่ยก่อนอายุสิบสองปี กวนเซี่ยไม่ได้โดดเด่นนัก แต่หลังจากนั้นนางถึงแสดงความสามารถที่น่าอัศจรรย์ มีข่าวร่ำลือว่าเป็นเพราะโครงกระดูกระดับสี่ดาวของนางยังไม่เติบโตเต็มที่นัก

ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปหยางไคได้ผลักดันขีดจำกัดของวิชาดาบอสรพิษเพื่อทำลายสมดุลวิชาดาบของหลี่ฟู่เฉิน

หลี่ฟู่เฉินไม่ได้แค่ได้เปรียบจากวิชาหยกแดงขั้นที่หก พลังลมปราณของเขาไม่ได้ด้อยกว่าหยางไค บางทีอาจจะดีกว่าเล็กน้อย แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะสูญเสียความแข่งแกร่งทางกายแต่เขาก็มีทักษะการต่อสู้ เมื่อเปรียบเทียบศิลปะดาบทั้งสองวิชา ใครก็ตามที่เก่งทักษะการต่อสู้หรือทักษะดาบมากกว่าจะเป็นผู้ชนะ เช่นเดียวกับการใช้อาวุธที่เหมือนกันโดยต่างบุคคล ผลลัพธ์ที่ได้มักแตกต่างกัน

“เก้าอสรพิษเปลี่ยนรูป!”

เสียงคำรามและเสียงฟาดฟันดาบ วิถีของดาบก็เริ่มเปลี่ยนและแบ่งแยกออกมาเป็นเก้าเล่ม

“คมดาบในวายุ กระบวนท่าแรก”

ไม่ว่าดาบหยางไคจะคาดการณ์ไม่ได้อย่างไร แต่หลี่ฟูเฉินยังคงไม่สั่นคลอน ความสามารถสุดขีดของเขาในการใช้วิชาคมดาบในวายุ ราวกับดาบของเขามีวิญญาณของมันเอง มันสกัดและตอบโต้ด้วยความประสงค์ของมันเอง

แคล้ง, คลิ้ง,แคลชชช….

บนเวทีอันกว้างใหญ่ มีร่างสองร่างลอยเหนืออยู่ ดาบไม้ชนกันต่อเนื่องคลื่นสั่นสะเทือนเริ่มแพร่กระจาย

พละกำลังที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีแต่ละครั้งมีอย่างน้อย 2,000 กิโลกรัม ก้อนหินยักษ์จะถูกบดขยี้ในทันทีโดยหนึ่งในดาบของพวกเขา

“ไม่เลวนิ หลี่ฟู่เฉิน เจ้าทนดาบของข้าได้นาน แต่สิ่งที่ข้าเก่งนั้นไม่ใช่วิชาดาบอสรพิษ แต่เป็นวิชาดาบอสรพิษเงินของตระกูลหยางต่างหาก”

หยางไคอยู่ในขั้นที่เจ็ดของขอบเขตพลังลมปราณและเริ่มฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ระดับเหลืองขั้นสูงอย่างเป็นทางการ การโจมตีที่ดุร้ายเพียงครั้งเดียวจากวิชาดาบอสรพิษเงินที่เหนือกว่าดูราวกับมีงูที่มีชีวิตกำลังเลื้อยเข้าหาหลี่ฟู่เฉิน

หากเป็นคนอื่นหลี่ฟู่เฉินอาจใช้ประโยชน์ข้อบกพร่องของฝ่ายตรงข้ามซึ่งวิชาดาบยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่หยางไคนั้นแตกต่าง แม้ว่าวิชาดาบอสรพิษเงินของเขายังไม่สำเร็จ แต่ก็เกือบจะบรรลุผลสำเร็จย่อย แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องแต่หลี่ฟู่เฉินก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ขณะที่เขาและหยางไคอยู่ในตำแหน่งเท่ากัน การเสี่ยงเข้าโจมตีจะทำให้เขามีแต่เสียเปรียบเท่านั้น

“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องออกกระบวนท่านี้”

เมื่อฝึกวิชาหยกแดง หลี่ฟู่เฉินไม่ได้คาดหวังว่าจะใช้มันในการแข่งขันอัจฉริยะ เขาคิดว่าเขาไม่ได้ต้องการมันเลย แต่ความสามารถหยางไคเกินความคาดหมายของเขา

ชูวบ์!ชูวบ์!

เขาเปิดใช้งานสัมผัสวิชาหยกแดง แรงดึงดูดที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นทำให้วิถีดาบของ หยางไคเบี่ยงเบน

“เจ้าฝึกฝนวิชาดาบระดับเหลืองขั้นสูงด้วย งั้นหรือ”

หยางไคถึงกับอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจ

“เจ้าคิดเช่นนั้น”

ดาบของฟลี่ฟู่เฉินคุมดาบของหยางไคและผลักส่งไปยังหน้าอกของหยางไค

“อย่าแม้แต่จะคิด!”

หยางไคมีพลังที่เหนือกว่าหลี่ฟู่เฉินเพียงสั่นดาบ เขาก็สลัดหลบดาบของหลี่ฟู่เฉินได้

ดังนั้นสถานการณ์การแข่งขันจึงกลายเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ดาบผนึกอยู่ด้วยกัน จากนั้นหยางไคก็สลัดดาบของหลี่ฟู่เฉินอย่างต่อเนื่อง

“หยางไคอยู่ในสถาณการณ์ที่ยากลำบาก!” ด้วยสายตาเปี่ยมประสบการณ์ของเฉินจงหมิง เขาสามารถเห็นว่าทั้งสองคนนั้นเหนื่อยล้าจากการใช้รูปแบบดาบระดับสีเหลืองขั้นสูง โดยเฉพาะหลี่ฟู่เฉินผู้อยู่ที่ขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่หกที่ทำให้ยากยิ่งขึ้นสำหรับเขาในการใช้ทักษะดาบระดับสูง แต่ทุกครั้งที่หยางไคจำเป็นต้องจู่โจมดาบของหลี่ฟู่เฉิน จำต้องมีการระเบิดพลังลมปราณลูกใหญ่

หยางไคใช้พลังลมปราณมากกว่าหลี่ฟู่เฉินสองเท่าและหากสิ่งต่าง ๆ ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ หยางไคคงจะพ่ายแพ้

“ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”

หยางไครู้ว่าปัญหาคืออะไร วิชาดาบอรพิษเงินของเขาไม่สามารถแสดงได้อย่างเต็มศักยภาพเมื่อเผชิญหน้ากับวิชาดาบหยกแดง ราวกับว่ารูปแบบดาบหยกแดงถูกสร้างขึ้นเพื่อลบล้างวิชาดาบอสรพิษสีเงิน แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าหลี่ฟู่เฉินบรรลุผลย่อยบนสัมผัสของหยกแดง และความคล่องแคล่วนั้นเหนือกว่าวิชาดาบอสรพิษเงินของเขา

“รับไป!”

หยางไคไม่อยากให้ลมปราณสูญเปล่า เขาผลักวิชาอสรพิษเงินให้สุดขั้ว ใช้โอกาสที่ดาบทั้งคู่ยังทาบกัน เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อปล่อยพลังหมัดไปที่ศรีษะของหลี่ฟู่เฉิน

เห็นได้ชัดว่าหลี่ฟูเฉินจะไม่ได้ถูกกระทบ ด้วยดาบที่ยังคงแนบติดกันหลี่ฟู่ฟาดลูกเตะพายุหมุนไปที่แขนซ้ายของหยางไค

ป้าบ!

แขนซ้ายของหยางไคทิ้งตัวลงและร่างกายของเขาซวนเซ จากนั้นร่วงลงทันที หลังจากรับลูกเตะสามสี่ครั้ง

วิชาลูกเตะพายุหมุนของหลี่ฟู่เฉินคมชัดและรวดเร็ว ในช่วงเวลาสำคัญนี้มันแสดงพลังที่จะสยบศัตรู

หยางไคที่มีความแข็งแกร่งทางกายภาพ 1,000 กิโลกรัม เขายังคงมีความแข็งแกร่งเหลืออยู่หลังจากรับลูกเตะ ก่อนที่เขาจะมีโอกาสลุกขึ้นยืน หลี่ฟูเฉินตามด้วยลูกเตะอันร้ายกาจอีกครั้งเพื่อส่งเขาออกจากเวที

“หลี่ฟู่เฉินชนะ!!!!”

ผู้ตัดสินมองไปที่หลี่ฟู่เฉินและประกาศผล

ฝูงชนลุกขึ้นอย่างโกลาหล ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปที่หลี่ฟู่เฉิน ความรู้สึกทุกอย่างถูกแสดงออกมา ความชื่นชม ความอิจฉาและความริษยา

“มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร” กวนเหม่ยรู้สึกสูญเสีย มองไปที่เด็กหนุ่มที่ยืนตัวสูงตั้งตรง มันเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกไร้ซึ่งพลัง

กวนหยูเศร้าเสียใจ แต่มันจะถูกลืมในไม่ช้า การเป็นคนเข้มแข็งในขณะนี้ก็ไร้ซึ่งประโยชน์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้มแข็งในขณะอยู่ในสำนักนิกาย เว้นแต่หลี่ฟู่เฉินมีโครงกระดูกระดับสี่ดาว เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียใจ…

“ฮืมม์ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสชัยชนะนี้ มาดูกันว่าข้าจะดื่มอวยพรให้เจ้าอย่างไรเมื่อกลับมาที่นิกาย” กวนฮงและกวนหยานไม่พอใจเกี่ยวกับผลที่ได้ พวกเขาค่อนข้างมั่นใจในตัวของหยางไคมากกว่าหลี่ฟู่เฉิน...

ตืดตามกลุ่มลับได้ที่เพจ indynovels

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด