ตอนที่แล้วChapter 5 : Leo VS Pisces
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 7 : เด็กหญิงกับคำอธิษฐาน

Chapter 6 : พันธมิตรคนแรก


Chapter 6 : พันธมิตรคนแรก

พ่อของผมโวยวายขึ้นมาใหญ่โตหลังจากเห็นสภาพชั้นสามของบ้านตัวเอง

เมื่อมองไปรอบ ๆ ตอนนี้ บริเวณพื้นแตกระแหงเป็นทางยาว กำแพงระหว่างในห้องและด้านนอกทะลุออกมาเป็นรูขนาดใหญ่ถึงกันได้ โชคดีที่ทั้งลีโอและไพส์ซีสไม่ได้ต่อสู้กันรุนแรงไปมากกว่านี้ ผมคิดว่าคงเป็นเพราะไพส์ซีสต้องดูแลความปลอดภัยของเจ้านายตัวเองที่กำลังนอนหลับอยู่ไม่ให้โดนลูกหลงไปด้วย เลยปล่อยของออกมาได้ไม่เต็มที่ แต่แค่นี้ความเสียหายมันก็มากพออยู่แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าต่อสู้กันแบบสภาพสมบูรณ์ทั้งเจ้านายและภูติแห่งดวงดาวขึ้นมาจะเป็นยังไง

พ่อหันมาถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านตัวเอง ทำไมมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ ผมจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้กับพ่อฟัง โดยมีฟินิกซ์ช่วยอธิบาย แต่ฟินิกซ์เองก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่าคนเจ็บที่ผมช่วยไว้เป็นหนึ่งในผู้ครอบครองกุญแจ 12 จักรราศี

“นี่ลูกช่วยเจ้าของกุญแจจักรราศีคนอื่นไว้หรอ” พ่อพูด ดึงตัวผมออกมาคุยจากห้องนั้นที่ภูติดวงดาวทั้งสองยังคงเฝ้าเจ้านายตัวเองอยู่อย่างแน่นหนา

“ใช่ นายพลาดแล้วที่ไม่ฆ่าหมอนั่นทิ้งซะตั้งแต่ตอนนี้ !”

เสียงดังแทรกขึ้นมาจากกุญแจจักรราศีที่อยู่ในมือผม

“จะทำอะไรก็คิดดี ๆ นะวิน ตอนนี้ลูกไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดาอีกแล้ว ลูกเป็นผู้ถือครองกุญแจจักรราศี ลูกจะไว้ใจคนอื่นง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ อีกอย่างถ้าหมอนั่นบาดเจ็บจากการถูกตามล่าจากผู้ถือครองกุญแจจักรราศีคนอื่น นั่นมันหมายความว่าอันตรายเริ่มคืบคลานเข้ามาหาลูกแล้วนะ” พ่อผมพูดต่อขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

“ผมรู้พ่อ แต่หมอนั่นไม่ได้ดูเป็นคนไม่ดีเลยนะ อีกอย่างเขาก็ได้รับบาดเจ็บมากด้วย ผมเลยช่วยไว้ เพิ่งจะมารู้ทีหลังนี่แหละว่าเป็นผู้ถือครองกุญแจจักรราศีด้วย” ผมตอบพ่อไป

“ก็ตอนนี้รู้แล้วทำไมไม่ปล่อยให้ฉันฆ่ามันล่ะ !”

“แล้วลูกจะทำไงต่อ”

“ฆ่ามันทิ้งซะ ! ปล่อยฉันออกไป”

ลีโอพูดแทรกผมขึ้นมาอีกรอบ ผมถอนหายใจออกมาอย่างระอา ทำไมไอ้สิงโตเผือกนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย นี่ผมกำลังคุยกับพ่ออยู่นะเนี่ย

“ถ้าเขาถูกตามล่าจากผู้ถือครองกุญแจคนอื่นอย่างที่พ่อว่าจริง มันจะดีกว่าไหมพ่อ ถ้าผมผูกมิตร ร่วมมือกับเขาให้อยู่รอดจากผู้ถือครองกุญแจคนอื่น ยังไงมันก็ดีกว่ารอตั้งรับคนเดียวนะครับ”

ในความคิดของผม ผมเองเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาไม่มีเวทมนตร์เหมือนผู้ถือครองกุญแจที่เหลือ ทักษะการต่อสู้น้อยนิดจนแทบจะไม่ต้องพูดถึง ถ้าจะให้ต่อสู้จริง ๆ คนต้องเรียนรู้จากลีโอหรือขอความช่วยเหลือจากพ่อและฟินิกซ์อีกมาก ผมเติบโตมากับโลกของวิทยาศาสตร์และงานวิจัย เรื่องเวทมนตร์ การต่อสู้แทบจะไม่อยู่ในหัวผมมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันน่าจะดีกว่าถ้าผมมีพันธมิตรคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าหมอนั่นมีความต้องการอยากแย่งชิงกุญแจเหมือนกันคนอื่นหรือเปล่าก็เถอะ

พ่อผมนิ่งคิดหลังจากฟังผมพูดจบ เจ้าตัวดูท่าจะเห็นด้วยและคล้อยตามผม

“มันก็จริงของลูก ว่าแต่หมอนั่นไว้ใจได้แน่หรอ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันพ่อ ว่าจะคุยกับเขาหลังจากเขาฟื้น ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

หลังจากคุยกับพ่อต่ออีกสักพัก ผมก็แยกตัวกลับเข้าห้องของตัวเองพลางเรียกลีโอออกมาจากกุญแจ ลีโอเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงของผมก่อนหันมาคุยด้วย

“วิน ฉันถามอะไรนายหน่อย” ลีโอพูด ดูทำหน้าจริงจังแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

“ว่ามาดิ”

“นายไม่เหมือนผู้ถือครองกุญแจคนก่อน ๆ ของฉันเลย นายดูไม่มีความปรารถนาที่จะได้กุญแจจักรราศีของคนอื่น ฉันถามจริง ๆ นะ นายไม่อยากได้กุญแจดอกที่ 13 หรอ มันทำให้ความปรารถนานายเป็นจริงได้ทุกอย่างเลยนะ แม้กระทั่งทำให้นายเป็นอมตะ”

“อยากสิ ถ้ามันจะทำให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริงขึ้นมาได้” ผมพูดตอบลีโอออกไป แต่การจะได้ครอบครองกุญแจดอกที่ 13 ต้องฆ่าผู้ถือครองคนอื่นอีก 11 คน แค่คิดมันก็ยากแล้วสำหรับผม ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดจากคนที่จะมาตามฆ่าให้ได้ก่อนก็น่าจะเพียงพอแล้ว

“ความปรารถนาของนายคืออะไร” ลีโอถามผมต่อ ผมยิ้มแล้วตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิด

“ฉันอยากให้ครอบครัวฉันกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนเดิม มีพ่อ แม่ ฟินิกซ์ แล้วก็ฉัน”

“ฉันอยากให้แม่กลับมา”

แค่นี้ชีวิตผมก็มีความสุขโดยที่ไม่ต้องการอะไรแล้ว ...

 

ผมเข้าไปในห้องของมินจุนอีกทีตอนเวลาเกือบเที่ยงของวัน

ไม่รู้ว่าป่านนี้หมอนั่นจะตื่นขึ้นมาหรือยัง พอมองเข้าไปภายในห้องที่สภาพพังยับเยิน สายตาก็เลื่อนไปเจอกับฝาแฝดไพส์ซีสที่นั่งคุมเจ้านายตัวเองอยู่ที่เตียงไม่ห่างทันที ทั้งคู่มองมาที่ผมเหมือนไม่ค่อยไว้ใจเท่าไรเมื่อสังเกตเห็นผมเข้ามาภายในห้อง ผมเองก็รู้สึกเกร็ง ๆ เหมือนกันเมื่อสายตาไปสบกับดวงตาสีน้ำทะเลทั้งคู่ที่จ้องมองกลับมา

“เอ่อ เจ้านายของพวกเธอฟื้นหรือยัง ฉันเอาอาหารมาให้” ผมพูดออกไป ตอนนี้ในมือถือถาดอาหารอยู่ ซึ่งประกอบไปด้วยซุปมันฝรั่ง กับน้ำส้มคั้นฝีมือของฟินิกซ์ที่ตั้งใจทำมาให้คนป่วยโดยเฉพาะ

“นายต้องการอะไรกันแน่ มาทำดีกับพวกเราทำไม แล้วไอ้สิงโตหน้าหม้อนั่นหายไปไหน” ฝาแฝดไพส์ซีสคนหนึ่งพูดขึ้นมา และยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ ฝาแฝดอีกคนก็ชิงพูดต่อทันที

“ใช่ นายมาช่วยมินจุนของพวกเราไว้ทำไม ต้องการอะไร”

ผมเลยไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี รู้สึกอิจฉามินจุนชะมัดที่มีภูติดวงดาวฝาแฝดที่โคตรสวยเซ็กซี่คอยเป็นห่วงขนาดนี้ แล้วมองย้อนกลับมาดูตัวเอง นึกถึงไอ้สิงโตเผือกที่จะให้เจ้านายตัวเองฆ่าตัวตายแล้วก็แทบอยากจะเป็นบ้า

“เอาทีละคำถามนะ ลีโอลงไปช่วยเสิร์ฟกาแฟข้างล่างน่ะ ส่วนฉันชื่อกวินท์ เรียกวินก็ได้ ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเจ้านายเธอจริง ๆ ฉันก็แค่อยากช่วย อยากผูกมิตรด้วยเท่านั้น ฉันเองไม่มีเวทมนตร์หรอก ไม่มีปัญญาอะไรไปทำร้ายเจ้านายพวกเธอได้” ผมพูดบอกทั้งคู่ไปตามตรง สองสาวทำหน้าตกใจนิดหนึ่งก่อนแฝดหัวฟ้าคนหนึ่งจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“จริงด้วย ตอนที่ฉันไปหลอกหมอนี่ให้เดินตามมาช่วยมินจุน ไม่รู้สึกเลยว่ามีพลังเวทมนตร์”

“ก็ใช่น่ะสิ” ผมยืนยันกับพวกเธออีกครั้งพร้อมกับส่งรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรให้

ขณะที่ผมกำลังคุยกับสองฝาแฝดไพส์ซีส ร่างที่นอนอยู่ก็เหมือนจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี เจ้าตัวค่อย ๆ ยันตัวขยับลุกขึ้นมานั่งแบบงง ๆ กะพริบตาให้เหมาะสมกับแสงสว่างก่อนมองไปรอบห้อง ดูท่าทางจะอาการดีขึ้นมามากแล้วด้วย สองฝาแฝดที่สังเกตเห็นเหมือนผมก็แทบจะถลาตัวเข้าไปหาทันที คนหนึ่งเข้าไปซุกตัวกอดที่อกของมินจุน ส่วนอีกคนก็รีบตามเข้าไปทันทีเหมือนแมวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของตัวเองอยู่

ประเด็นนั่นมันไม่ใช่แมวไง ...

แต่เป็นสาวสวยเซ็กซี่สองคน ภาพที่ผมเห็นจึงเป็นมินจุนที่หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้งเหมือนมีพิษไข้

“ซังมี ซังซู พวกเธอขยับออกไปหน่อย ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” มินจุนพูดขึ้นมา พร้อมกับพยายามดันหน้าผากของทั้งคู่ที่ตอนนี้ขึ้นมานอนทับอยู่บนตัวของเขาออก

“ฟื้นแล้วหรอ นายเป็นไงบ้าง” ผมพูดทักออกไป รีบพูดขัดจังหวะเพราะทนเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนั้นไม่ไหว อยากจะมีภูติดวงดาวแบบนั้นกับเขาบ้าง

“ฉันโอเคขึ้นแล้ว ว่าแต่ ... นายเป็นคนช่วยฉันไว้หรอ” มินจุนพูด หันมามองหน้าผมที่เป็นคนทักออกไป

หลังจากที่ผมสังเกตเขาตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา หมอนั่นดูเป็นคนนิ่ง ๆ ค่อนข้างสุขุม ตอนนี้ผมว่าผมเริ่มรู้สึกคุ้นหน้ามินจุนขึ้นมาบ้างแล้ว พอจะจำได้ลาง ๆ ว่าเคยเห็นบนป้ายโฆษณาอะไรสักอย่างที่โชว์บนตึกอยู่บ้าง เขาคงจะดังน่าดู แต่ผมเองเป็นพวกไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไรเลยไม่รู้จัก

“ใช่ ฉันชื่อกวินท์ เรียกวินก็ได้ ที่นี่บ้านฉันเองแหละ” ผมตอบกลับไป แนะนำตัวพร้อมกับบอกว่าสถานที่ที่เขาอยู่คือที่ไหน

“ทำไมบ้านนายมันถึง ...” มินจุนพูดต่อพลางสังเกตรอบบ้านอีกครั้ง แล้วเจ้าตัวก็หยุดเว้น ไม่ได้พูดอะไรต่อ พื้นห้องแตกระแหงเป็นทางยาว กำแพงเป็นรูขนาดใหญ่ทะลุออกไปถึงด้านนอก สภาพแบบนี้มันก็น่าถามอยู่หรอก

“เมื่อเช้าภูติดวงดาวของนายกับภูติดวงดาวฉันต่อสู้กันน่ะ” ผมบอกมินจุนไป หมอนั่นทำหน้าอึ้ง ๆ หลังจากผมพูดจบประโยค เขามองผมอย่างไม่ค่อยไว้ใจขึ้นมาทันที

“นี่นายเป็นหนึ่งในผู้ถือครองกุญแจจักรราศีหรอ”

พูดจบร่างของมินจุนก็กระโดดเด้งตัวลงมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว ทำท่าพร้อมสู้เต็มที่ ผมจึงรีบวางถาดอาหารลงยกมือขึ้นสองข้างเหมือนยอมแพ้

“เฮ้ย ๆ ใจเย็น ๆ ไม่ต้องระแวงหรอกน่า ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายหรือเอากุญแจจากนายเลย ถ้าจะทำ ทำไปตั้งแต่นายยังไม่ฟื้นแล้ว”

มินจุนนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนหันไปมองภูติดวงดาวของตัวเองที่พยักหน้าเห็นด้วย ว่าแล้วเขาก็กลับไปนั่งลงบนเตียงเหมือนเดิม แต่ยังมองมาที่ผมแบบไม่ไว้ใจอยู่ดี

“นายต้องการอะไร ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายช่วยฉันโดยไม่หวังอะไรตอบแทน” มินจุนพูดขึ้นมา

“นายถามมาตรง ๆ ฉันก็จะตอบตรง ๆ ฉันอยากให้นายร่วมมือกับฉันในสงครามกุญแจดอกที่ 13 ครั้งนี้ เราเป็นพันธมิตรกันก่อนได้ไหม ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่านายอยากได้กุญแจดอกที่ 13 เหมือนคนอื่นหรือเปล่า แต่อย่างน้อย ๆ มันจะดีกว่าไหมถ้าเรามีพรรคพวกคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดที่นายบาดเจ็บ มันเป็นเพราะถูกตามล่าจากผู้ถือครองกุญแจคนอื่นหรือเปล่า” ผมพูดออกไปยาวเหยียด พร้อมบอกความต้องการของตัวเองไปโดยตรง

ไม่รู้เหมือนกันว่ามินจุนคิดยังไงกับข้อเสนอของผม เอาเข้าจริง ข้อเสนอนี้มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือความปลอดภัยของผมจะมากขึ้น และเราสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เมื่อมีผู้ถือครองกุญแจคนอื่นเข้ามาแย่งชิงกุญแจกับเรา ส่วนข้อเสีย อย่างที่พ่อและคนอื่น ๆ บอกผม ผมไว้ใจมินจุนได้มากแค่ไหนกัน เพราะถ้าผมมองหมอนี่พลาดไป มินจุนเองนี่แหละที่อาจจะเป็นคนฆ่าผมและเอากุญแจไป

ใบหน้านิ่ง ๆ ของมินจุนมองผมเหมือนประเมิน ก่อนเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาโชว์ ผมก็เลยมองตามว่าหมอนั่นจะหยิบอะไรออกมา แล้วผมก็ถึงกับตาโตเมื่อมองของสิ่งนั้น

บนมือของมินจุนมีกุญแจจักรราศีอยู่ถึงสองดอก

“นี่นาย ... มีกุญแจจักรราศีสองดอกงั้นหรอ” ผมถามมินจุนออกไปอย่างอึ้ง ๆ งั้นแบบนี้มันก็หมายความว่าหมอนี่เคยฆ่าคนไปแล้วงั้นสิ

“ใช่ ถ้าฉันบอกว่าฉันฆ่าผู้ถือครองกุญแจไปแล้วหนึ่งคน นายยังอยากจะให้ฉันเป็นพันธมิตรอยู่ไหมล่ะ นายไว้ใจฉันจริง ๆ หรอ” มินจุนถามผมต่อด้วยใบหน้านิ่ง ๆ ตอบสิ่งที่ผมคิดออกมาจนหมด ผมเดาสีหน้านั้นไม่ถูกเลย ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ในใจตอนนี้ก็เริ่มไม่ไว้ใจมินจุนขึ้นมาแล้วเหมือนกัน คนบ้าอะไรพูดออกมาได้ว่าตัวเองฆ่าคนตายหน้าตาเฉย

“ซาจิททาเรียส กลับมาหาฉันที”

มินจุนพูดชื่อภูติแห่งดวงดาวออกมา สักพักผมก็เห็นดวงไฟสีเขียวเป็นประกายลอยเข้ามาภายในห้องผ่านทางหน้าต่าง สักพักกลางห้องก็มีรูปปั้นหินเซนทอร์ปรากฏอยู่ เซนทอร์เป็นภูติแห่งดวงดาวที่ร่างกายส่วนบนเป็นมนุษย์ ส่วนช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปจะมีลักษณะเป็นม้า บนมือขวาของเซนทอร์สง่างามตัวนี้ถือคันธนูด้ามใหญ่เอาไว้ ผมมองภูติดวงดาวของมินจุนแบบอดทึ่งไม่ได้ ก็ใครจะไปคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่คิดว่ามีแต่ในหนังสือนิยายหรือภาพยนตร์จะปรากฏตัวออกมาจริง ๆ

รูปปั้นหินค่อย ๆ แตกร้าวออกมา สักพักผมก็เห็นออร่าสีเขียวออกมาจากเศษหินที่แตกหล่นลงมาเหล่านั้น ท้ายที่สุดรูปปั้นเซนทอร์ก็ไม่ได้เป็นรูปปั้นหินอีกต่อไป แต่กลับกลายมาเป็นเซนทอร์ตัวเป็น ๆ ที่กำลังยกคันธนูขึ้นมาพร้อมกับบิดขี้เกียจ

“เฮ้อ หมดคำสาปสักที เมื่อยไปหมดทั้งตัว นายรอดมาได้นี่หว่า มินจุน” ซาจิททาเรียสพูดขึ้นมากับมินจุน พลางหันไปมองรอบ ๆ ห้องเพื่อสังเกต แล้วดวงตาคู่นั้นก็มาหยุดที่ผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร

“ที่นี่มีภูติดวงดาวคนอื่นอยู่ด้วย” เจ้าของร่างครึ่งม้าพูดต่อ ผมคิดว่านี่คงเป็นสัมผัสพิเศษของพวกภูติแห่งดวงดาวจักรราศีที่สามารถรู้ได้ว่ามีภูติแห่งดวงดาวคนอื่นอยู่ใกล้ เหมือนอย่างตอนที่ลีโอบอกผมว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายตอนเอาออกมาจากตู้เซฟเมื่อเช้านี้แล้วมาเจอไพส์ซีส

“ใช่ซาจิททาเรียส ลีโอก็อยู่ที่นี่ นั่นผู้ถือครองกุญแจของลีโอ” หนึ่งในฝาแฝดไพส์ซีสพูดขึ้นมา ซาจิททาเรียสจ้องหน้าผมเขม็งเข้าไปใหญ่

“ไม่ต้องกังวลหรอกซาจิททาเรียส หมอนี่ช่วยชีวิตฉันไว้ เขาเป็นพันธมิตรของเรา ใช่ไหมวิน” มินจุนพูด มองหน้าผมนิ่ง ๆ เหมือนเดิม

เอาวะ ... ของแบบนี้มันก็ต้องเสี่ยง

“ใช่ สิ่งที่นายพูดมามันน่าระแวงก็จริง แต่ฉันจะไม่ถามต่อหรอก ว่าอดีตของนายเป็นไง แล้วทำไมถึงได้กุญแจมาถึงสองดอก เพราะอย่างแรกที่การเป็นพันธมิตรควรจะมี มันคือความเชื่อใจ” ผมตอบมินจุนไปตรง ๆ

ใบหน้าของมินจุนที่นิ่ง ๆ เริ่มเปลี่ยนไป ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกลั้นขำ แล้วในที่สุดก็หัวเราะออกมา ผมมองหน้ามินจุนอย่างงง ๆ มีอะไรตลกวะเนี่ย

“นายนี่มันมองโลกในแง่ดีจริง ๆ ฉันไม่เคยเจอผู้ครอบครองกุญแจคนไหนเป็นแบบนายเลย ถ้าไม่ใช่ฉันขึ้นมา นายคงจะตายไปแล้วแหละ ฮะฮ่า”

ชม ... ใช่ไหม ทำไมผมรู้สึกแปลก ๆ

“เดี๋ยวนะ นายหลอกด่าฉันหรือเปล่า”

รู้สึกของขึ้นอยากจะพุ่งตัวเข้าไปจัดสักหมัดสองหมัด แต่เกรงใจฝาแฝดไพส์ซีสกับซาจิททาเรียสที่ยืนขวางไว้อยู่ เลยเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ ดีกว่า

“เปล่าสักหน่อย เอาเป็นว่ายินดีที่ได้รู้จักละกัน ขอบใจนายมากที่ช่วยชีวิตฉัน” มินจุนพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ยื่นมือมาให้ผมจับเหมือนทักทาย แต่พอผมกำลังจะเอื้อมมือไปจับ หมอนั่นก็ชักมือออกพร้อมกับขำออกมา ทำไมมันดูเป็นคนละคนกับตอนแรกที่ฟื้นลืมตาขึ้นมาแบบนี้นะ

ผมว่า ... นอกจากไอ้สิงโตเผือก หมอนี่น่าจะกวนประสาทผมได้ไม่น้อยไปกว่ากันเลย

“ล้อเล่น ๆ ขอบใจจริง ๆ นะ ถ้านายไม่ช่วยไว้ ฉันคงตายไปแล้ว”

“อืม ๆ นายพักต่อเถอะ ฉันแค่เอาอาหารมาให้ ถ้าร่างกายโอเคหายดีแล้ว จะกลับเมื่อไรก็แล้วแต่เลย” ผมบอกไปก่อนทำท่าจะเดินออกจากห้อง ขืนอยู่นานกว่านี้คงได้มีวางมวยกันแน่ ๆ

“จริง ๆ ถ้าเราจะเป็นพันธมิตรกัน ฉันว่า ฉันควรจะอยู่บ้านหลังนี้นี่แหละ พวกเราจะได้ระวังให้กันและกันไง”

“ฮะ !”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด