ตอนที่แล้ว07 คฤหาสน์ผีสิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป09 ผสานพลัง

08 แพ้ทาง


08

แพ้ทาง

เมื่อเพื่อนสนิทยืนยันแบบนั้นชาเกลก็ไม่ต่อปากร่ำไร เขาใช้พลังยกตู้ชิ้นใหญ่โยนใส่หญิงสาวผู้ใช้โคลนเพื่อถ่วงเวลา แม้โคลนนั่นจะดูไร้ทางต่อต้านเพราะทุกอย่างที่เธอแตะต้องจะกลายเป็นโคลนไปหมด แต่มันก็ถือว่าช้าพอควรกว่าโคลนนั่นจะกลืนทุกสิ่งให้หายเข้าไป

โชคยังดีที่โซอีกับธาวินถูกล็อคขาไว้ที่ด้านหน้าประตูเข้าออก และห้องโถงนี้ก็กว้างมากพอที่จะทำให้ทั้งสองแทบไม่โดนลูกหลงจากการต่อสู้ ชาเกลลอยตัวออกยังผนังที่เป็นรู สวนกับเฮคเตอร์ที่หายตัวไปแตะมือกันเพื่อสลับคู่ต่อสู้ทันที

เฮคเตอร์หายตัวเข้าไปโจมตีหญิงสาวผู้ใช้โคลนอย่างไม่รอช้า เขาขว้างเศษไม้ชิ้นใหญ่เข้าไปเผื่อทดสอบอะไรบางอย่าง และก็เป็นไปตามคาด เมื่อหญิงสาวใช้โคลนปล่อยพลังใช้กลืนเศษไม้อยู่นั่นเอง เฮคเตอร์ก็หายตัวเข้าไปอีกครั้งพร้อมกับซัดเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่ายได้เต็มๆ

เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้น แม้จะมีพลังโคลนออกมาปกป้องร่างกายโดยอัตโนมัติ แต่แรงหมัดก็ส่งผลกระทบให้หญิงสาวปลิวลอยไปชนผนังในฝั่งที่เป็นปูน เพราะมีโคลนพ่นออกจากตัวมาป้องกันร่างกายจึงทำให้ดูไม่เจ็บหนัก ถุงมือข้างที่ชกเข้าไปของเฮคเตอร์เริ่มกลายเป็นโคลนจนต้องถอดออก เขายังเหลือถุงมืออีกข้างที่เอาไว้เดิมพันได้อีกครั้ง

“แก...ไม่มีใครสั่งสอนมารยาทรึไง ผู้ชายที่ไหนต่อยผู้หญิงแบบนี้” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอย่างโกรธแค้น ดวงตานั่นเค้นมองเฮคเตอร์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

เฮคเตอร์เพียงยักไหล่ไม่สะทกสะท้าน พร้อมตอบกลับอย่างยียวน

“ใครทำตัวน่ารักก็รัก ใครทำตัวน่าต่อยก็ต่อยเท่านั้นเอง”

หญิงสาวที่ยังลุกไม่ขึ้นโต้ตอบเฮคเตอร์ด้วยโคลนแทนคำพูด แม้จะไม่มีความสามรถอ่านข้อมูลคู่ต่อสู้เหมือนท่านรอง แต่จากประสบการณ์เก้าปีที่ทำงานในกองปราบมาก็ทำให้เขาพอมองพลังนี้ออกได้ไม่ยาก ในเสี้ยววินาทีที่ยัยนี่ใช้โคลนกลืนกินอย่างอื่น ระบบป้องกันที่จุดอื่นก็ดูเหมือนจะต่ำลง ถ้าเขาหาโอกาสแตะเนื้อตัวจริงๆ ของอีกฝ่ายได้แค่สักครั้งเพื่อพาหายตัวได้ ชัยชนะก็จะรออยู่ตรงหน้าแน่นอน

เฮคเตอร์ไม่รอให้ศัตรูลุกขึ้นมาตั้งตัวได้ เขาหายตัวไปจับสิ่งต่างๆ ในห้องขว้างใส่หญิงสาวผมทองไม่หยุด จนรู้สึกว่าหาจุดอ่อนที่จะเข้าประชิดตัวได้ เฮคเตอร์ก็หายตัวเข้าไปด้านหลังของศัตรู และเมื่อกำลังจะเอามือแตะต้นคอของหญิงสาว แต่แล้วปลายเส้นผมยาวสีทองก็สะบัดถูกหน้าของเขาจนกลายเป็นโคลนแปะเข้ามีแผงดวงตาทั้งสองข้าง! มือของเฮคเตอร์ชะงักกลับเข้ามาจับที่ตาของตัวก่อนในช่วงห่างไม่กี่มิลลิเมตรก่อนแตะถึงตัวอีกฝ่ายได้

“ฮึ...ต่อให้หายตัวได้ แต่ถ้ามองไม่เห็นว่าต้องหายไปไหน แกมันก็แค่ไอ้นักเลงตาบอดเท่านั้นแหละ”

เสียงของหญิงสาวพลังโคลนพูดขึ้นอย่างสะใจ ร่างของชายหนุ่มร่วงตกลงกับพื้น ดิ้นทุรนทุรายร้องเสียงหลงอย่างเจ็บปวดเพราะแสบตาถึงขีดสุด

“พี่เฮคเตอร์!”

เสียงของธาวินที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างร้องดังลั่นอย่างตื่นกลัว สถานการณ์ดูเลวร้ายลงไปทุกที และโซอีที่อยู่ๆ ก็ล้มลงไปนอนสลบก่อนหน้าก็รู้สึกตัวขึ้น หญิงสาวตัวเล็กลืมตาขึ้นมา เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกโคลนเหนียวๆ ที่เกาะอยู่ตามตัวยึดไว้ แม้จากมุมนี้จะเห็นภาพไม่ชัดเจนนักแต่เธอก็จำเสียงของเฮคเตอร์ได้ขึ้นใจ

มันกำลังจะจบลงสินะ ทุกอย่างคงมาได้แค่นี้จริงๆ...

ยิ่งเมื่อมองเห็นรางๆ ว่ามีวิญญาณสีดำที่มีรูปร่างเป็นคนอยู่ลอยมาอยู่ตรงหน้า โซอีก็หลับตาลงอีกครั้งรอรับชะตากรรมที่อะไรจะเกิดก็คงจะหยุดไม่อยู่อีกแล้ว

ด้านของชาเกล

แม้หนุ่มหล่อแห่งกองปราบจะไวพอที่จะหลบการโจมตีของมนุษย์หินกับพนักงานออฟฟิศสวมแว่นนั้นได้ แต่ชายหนุ่มก็ยังทำได้เพียงแค่นั้น หากว่าเฮคเตอร์ที่ไวกว่าเขา หมัดหนักกว่าเขา ยังล้มเจ้าพวกนี้ด้วยพลังทางกายภาพไม่ได้  เขาเองก็คงหมดสิทธิ์ เกราะหินนั่นคงจะปกป้องร่างกายที่แท้จริงไว้ทุกส่วน จนทำให้เฮคเตอร์ไม่สามารถจัดการพามันหายตัวเหมือนที่เคยจัดการกับคนอื่นได้

อย่างไรก็ตาม แม้หลายๆ อย่างยกเว้นใบหน้าของเขาจะด้อยกว่าเพื่อนสนิท แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชาเกลมั่นใจว่าเขาเหนือว่าอย่างแน่นอน อย่างน้อย...เขาก็ใช้รอยหยักในสมองได้คุ้มค่ามากกว่ามนุษย์หายตัว กับไอ้เด็กบ้าพลังสายดาบแห่งหน่วยเคซีโร่แน่ๆ

“หืม... รูปแบบพลังพวกคุณนี่น่าสนใจทีเดียว” ชาเกลสายสุภาพยังคงเส้นคงวานิสัยแบบเดิม แม้จะเป็นศัตรูที่คิดจะเอาชีวิตเขาก็ตาม “ชอบเล่นตุ๊กตาหน้าตาน่าเกลียดแบบนี้เหรอครับ รสนิยมแย่จังเลยนะ ถ้ายากจนขนาดนั้นผมซื้อตุ๊กตายางเป็นสาวๆ น่ารักให้สักตัวดีมั้ย”

“หุบปากซะ! ไว้ฉันจะอัดหน้าหล่อๆ ของแกให้เละแน่ๆ”

แม้คนที่ชาเกลส่งคำพูดไปถึงจะเป็นชายสวมแว่นที่ราวกับคอยควบคุมทุกอย่างอยู่ข้างหลัง แต่คนที่ตอบกลับมาคือมนุษย์หินบ้าพลังที่ไม่ค่อยอยากเสวนาด้วย ดูท่าแล้วเจ้าแว่นนั่นคงใช้ต้องสมาธิพอตัวในการใช้พลังควบคุมอะไรสักอย่างทีเดียว การที่ต้องแตะมืออยู่ด้านหลังของพรรคพวกตลอดเวลานั้นมันคือพลังรูปแบบไหนกัน

“ไปกันต่อเลยคิม! จะได้รีบจัดการให้จบๆ ไป!”

มนุษย์หินเอ่ยปากกับเพื่อนร่วมทีม พลังของมันน่าจะมีเพียงแค่การสร้างหินเสริมพลังโจมตีและป้องกันต่อเอง แต่การที่เจ้าหินนั่นแทบจะลอยตามขึ้นมาโจมตีเขาที่มีพลังทำให้สิ่งของต่างๆ ลอยได้นั้น น่าจะต้องเป็นพลังจากเจ้าแว่นที่ชื่อคิมซึ่งยืนอยู่ข้างหลังแน่นอน

แม้จะเป็นพวกผู้ใช้พลังวิญญาณนอกระบบ แต่หากข้อจำกัดของการไม่มีพลังรูปแบบซ้ำซ้อนกันยังอยู่ เหมือนที่เจ้าคนร้ายผมทองนั่นน่าจะล่องหนได้ไม่ใช่พลังการหายตัวเหมือนของเฮคเตอร์ เจ้าแว่นใส่สูทนั่นก็ไม่น่าจะมีพลังรูปแบบเดียวกับเขาแน่ๆ มันอาจคล้าย แต่ก็ไม่ใช่ นั่นสิ... มันคือพลังรูปแบบไหนกัน

ชาเกลที่ถูกโจมตีรุกคืบได้แต่ลอยตัวถอยหลังหลบไปเรื่อยๆ จนเกือบชนเข้ากับผนังของห้องที่เป็นไม้หนาแข็งแรง  เมื่อเลี้ยวหลบหักศอกออกมาจากตรงนั้น หนุ่มหล่อก็หันไปเห็นรอบตัวว่า เขากำลังอยู่ใจกลางสวนขนาดใหญ่ หญ้าที่รกขึ้นสูงจนท่วมหัวทำให้ชาเกลต้องลอยตัวอยู่บนอากาศตลอดเวลา และที่สำคัญดูเหมือนว่าคนร้ายสองคนนั่น จะมีเพียงเจ้าก้อนหินที่หยุดไม่อยู่แล้วทะลุผนังไม้นั่นเข้าไปจนพังเป็นรู แต่ดูเหมือนเจ้าคนสวมแว่นที่ปล่อยมือจากพรรคพวกจะหยุดยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดินข้างห้อง ไม่ได้ทะลุผนังตามเข้าไปด้วย

............ชาเกลเริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง รูปแบบพลังที่เหมือนจะทำให้ของลอยได้แต่นั่นไม่ใช่พลังรูปแบบเดียวกับเขาแน่นอน อย่างแรกที่ชัดเจนคือแม้สองคนนั่นจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก แต่พวกมันก็ลอยตัวอย่างเขาไม่ได้

โดยปกติแล้วภายในพลังวิญญาณสายพิเศษก็มีแตกแยกย่อยออกประเภทออกไปอีกเล็กน้อย อย่างพลังของเขาจัดอยู่ในสายควบคุมสิ่งของต่างๆ ที่ไม่มีพลังชีวิตต่อต้าน เช่นตอนนี้ที่เขาลอยอยู่ได้ก็เพราะใช้พลังควบคุมรองเท้าให้ลอยขึ้น เพราะชาเกลชินกับพลังตัวเองมานานการฝึกให้ยืนทรงตัวอยู่บนรองเท้ากลางอากาศ หรือจะขี่ไม้กวาดนั้นล้วนเป็นเรื่องง่ายดายจนเป็นธรรมชาติไปแล้ว

และที่สำคัญคือโดยพื้นฐานของพลังวิญญาณแล้ว ไม่ว่ารูปแบบใดก็จะไม่สามารถส่งผลกระทำการใดๆ ต่อสิ่งมีชีวิตที่มีวิญญาณได้ เช่นพลังของหัวหน้าหน่วยฟอแกนด์ที่สามารถแปรสภาพพลังวิญญาณเป็นสิ่งของต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นได้เช่นกัน เขาเคยเห็นเพียงแค่พลังหายตัวของเฮคเตอร์ และการล่องหนของเจ้าวายร้ายหัวทองเท่านั้น ที่สามารถใช้พลังให้เกิดผลกับสิ่งมีชีวิตที่มีวิญญาณได้ เห็นได้ชัดเจนมากในตอนที่มันเกือบจะทำให้โซอีล่องหนหายไปด้วย

ในตอนแรกที่เห็นว่าเจ้าแว่นนั่นแตะหลังเพื่อนแล้วทำให้มนุษย์ก้อนหินเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ชาเกลคิดไปว่าพลังของมันอาจจะสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตให้ลอยไปมาได้ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง การเลี้ยวหักศอกเพื่อหลบไม่ให้ทะลุผนังห้องเข้าไปเจ็บตัวฟรีย่อมเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากอย่างแน่นอน

แต่เจ้าหินนั่นคงไม่สะทกสะท้านหรอก เจ้าแว่นคิมนั่นถึงได้หลบอยู่ข้างหลังเจ้าหินอยู่ตลอด จริงสินะ... ดีกว่าการจะโดนลูกหลงได้เมื่อไรก็ไม่รู้ สู้หากำบังที่แข็งแรงปลอดภัยน่าจะดีกว่า

เมื่อนึกได้แล้วชาเกลก็ลอยลงไปหยิบก้อนมาสามก้อน ออกแรงขว้างเข้าไปพร้อมกับผสมพลังควบคุมให้เกิดความเร็วสูงเพื่อให้โจมตีไปทางเจ้าคนสวมแว่น และแล้วปฏิกิริยาตอบรับของมันก็ทำเอาชาเกลฉีกยิ้มที่มุมปากทันที

หากเงื่อนไขการแตะตัวจะสามารถควบคุมสิ่งนั้นได้ตลอดเหมือนเขา ผลลัพธ์ก็ไม่น่าจะลงเอยที่เจ้าแว่นนั่นต้องหยิบบางอย่างออกมาจากระเป๋าแล้วโยนขึ้น มันอาจจะเป็นเงินเหรียญหรือลูกสีเงินกลมๆ อะไรสักอย่างที่พุ่งมาชนเข้ากับก้อนหินของเขาจนทุกอย่างตกลงสู่พื้นดินไป

ขอบเขตและระยะการใช้พลังก็มีผลเช่นกัน ชาเกลอยู่ค่อนข้างไกลจากสองคนนั้น แม้จะหลุดอาณาเขตการควบคุมของเขาไปแล้ว แต่ที่ก้อนหินสามารถไปต่อได้เพราะแรงผลักจากพลังการของเขาในทีแรกต่างหาก ถ้าเจ้าแว่นอยู่ในระยะใกล้ขนาดนั้นแล้วไม่ควบคุมสิ่งที่ควบคุมได้ให้เคยชิน ก็นับว่าผิดวิสัยคนใช้พลังรูปแบบนี้อย่างรุนแรง

เพราะถ้าหากเป็นเขา เขาจะใช้พลังดึงตัวเจ้าก้อนหินออกมาจากห้องใช้งานเป็นโล่ต่อในทันที

สิ่งที่ตอบโต้กลับมานั่นต่างหากคือสัญชาตญาณการใช้พลังของเจ้าแว่นนั่นอย่างแท้จริง ซึ่งมันไม่ใช่พลังในการควบคุมสิ่งของเหมือนเขา ไม่ใช่การควบคุมสิ่งมีชีวิตให้ขยับได้ด้วยเช่นกัน มันน่าจะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนยิบย่อยกว่านั้นที่เฮคเตอร์อาจทำถูกแล้วที่ขอเปลี่ยนตัว เพราะเจ้ามนุษย์หายตัวที่ใช้แรงมากกว่าหัวคงไม่มีทางคิดเรื่องนี้ออกได้ง่ายๆ แน่

“พลังแปลกดีนี่นา ไม่กลับใจมาสมัครงานที่กองปราบวิญญาณดูล่ะครับ รับรองอนาคตน่าจะรุ่งเรือง รายได้ดี มีเงินเหลือเยอะแยะไปหาตุ๊กตาตัวใหม่มาใหม่แทนเจ้าหินทื่อๆ นี่นะครับ”

แม้จะพูดกวนประสาทอีกฝ่ายไป แต่ชาเกลก็หลบการโจมตีที่เจ้าคนใส่แว่นกลับมาใช้เพื่อนร่วมทีมเป็นเครื่องมือเช่นเคย หนนี้อาจแปลกไปหน่อยที่มันไม่ได้เกาะติดตามหลังเจ้าก้อนหินมาอีกแล้ว แต่ยืนอยู่ที่เดิมไกลๆ แล้วยกมือขึ้นเหมือนคอยควบคุมพลังอะไรสักอย่างจากระยะไกลไว้แทน

การจู่โจมของเจ้าก้อนหินไวขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ความเร็วชนิดที่ว่าหากไม่เคยซ้อมการต่อสู้กับเฮคเตอร์อยู่บ่อยๆ มานานหลายปีจนคุ้นชิน เขาก็อาจจะหลบไม่ทัน

ชาเกลลอยตัวอยู่เหนือพงหญ้าแต่เจ้าหินก็กระโดดจากพื้นขึ้นสูงคอยไล่ล่าเขาได้อย่างรวดเร็ว แม้เขาจะลอยขึ้นสูงแค่ไหนมันก็ยังกระโดดตามขึ้นมาได้ทัน แต่ทุกครั้งที่เขาหลบได้ เจ้าหินนั่นก็เหมือนจะชะงักแล้วตั้งหลักใหม่ก่อนจะกระโจนใส่เขาต่อทันทีเช่นกัน มันดูเหมือนการโจมตีต่อเนื่องแต่มันก็ไม่ได้ต่อเนื่อง มีจุดบางจุดเชื่อมโยงระหว่างการชะงักที่พลาดไปและตั้งต้นเริ่มใหม่แน่ๆ

ถึงตอนนี้ชาเกลจะไวพอหลบได้ แต่ถ้าพลังเขาหมดแล้วโดนจังๆ เข้าสักหมัดเมื่อไร ทุกอย่างก็น่าจะจบตรงนั้นเลยเหมือนกัน

ชาเกลกระตุกถุงมือเพื่อเตรียมใช้ท่าไม้ตายก้นหีบ เขารวบรวมสมาธิเพื่อใช้พลังควบคุม ‘สิ่งนั้น’ ในขณะเดียวกันก็ตัดสินใจเลือกที่จะเป็นฝ่ายบุกเข้าไปโจมตีบ้าง

“แกมันก็โง่เหมือนเพื่อนแกนั่นแหละ หมัดที่แรงเท่าหมาเห่าแบบนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เปลี่ยนเอาเพื่อนแกกลับมาสู้ก่อนดีมั้ยไอ้หน้าหล่อ”

เมื่อเป็นฝ่ายตั้งรับความเร็วของเจ้ามนุษย์หินก็ตกฮวบในทันที แม้มันจะคอยป้องปัดแต่เพราะความเร็วที่มากกว่าของชาเกล จึงทำให้เขาปล่อยหมัดโดนเจ้าก้อนหินอยู่หลายครั้ง

ชาเกลลอยตัวเข้าโจมตีโดนตามตัวหน้าหลังราวกับค้นหาจุดอ่อน ถึงจะสร้างความเสียหายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ได้เห็นชัดเจนแล้วว่าทันทีที่เขาเข้าประชิดตัวมนุษย์หิน เจ้าแว่นจอมขี้ขลาดนั่นก็ถอยหลังกรูดออกห่างไปไกลทันที

ถึงเจ้าหินก้อนนี้จะเป็นเลิศเรื่องความแข็งแรงทนทาน แต่ก็คงเป็นหนึ่งด้านความเชื่องช้าเหมือนกัน แม้ชาเกลจะไม่ไวเท่าเฮคเตอร์ แต่ก็หลบการโจมตีที่ไม่มีพลังของเจ้าแว่นนั่นมาช่วยได้อย่างไม่ยากเย็น

จนเมื่อมีลูกเหล็กก้อนเล็กๆ จำนวนมากกราดเป็นกระสุนลอยมาจากเจ้าแว่นคิม ชาเกลก็ถอยฉากหลบออกมา แม้นั่นจะเป็นวัตถุชิ้นเล็กและไม่แหลมคม แต่ด้วยความเร็วสูงเหมือนลูกกระสุนถูกยิงออกจากปืนแบบนี้ หากเขาโดนเข้าสักนัดก็คงจะร่วงได้เลยเช่นกัน

จนท้าย...เมื่อคิดว่าทุกอย่างเตรียมการพร้อมแล้วชาเกลจึงเริ่มลงมือ

“มัวแต่เปลี่ยนกันเกาหลังเล่นเสียเวลาเปล่าๆ มาตัดสินกันในครั้งเดียวกันดีกว่ามั้ยครับ จะได้ไม่เสียเวลา ไม่สิ้นเปลืองพลังงานกันทั้งคู่ ผมมีอย่างอื่นต้องรีบไปทำซะด้วยสิ”

“งั้นแกก็เลิกหนีแล้วเตรียมตัวตายได้แล้ว!”

ชาเกลถึงกับถอนใจเมื่อได้ยิน เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่อยากเสียเวลาคุยกับพวกบ้าพลังเหมือนสมองมีเอาไว้แค่ประกอบร่างกายให้ครบสามสิบสองเท่านั้น ต้องโตมาแบบไหนกันถึงคิดได้ว่าจะมีคนยอมทำแบบที่มันพูดมาจริงๆ แล้วทำไมต้องตะโกนทำเสียงดังหนวกหูน่ารำคาญแบบนั้นทุกครั้งที่อ้าปากพูดด้วย

“ถึงพลังของเราจะคล้ายกันแต่ก็ไม่เหมือนกันเลย และถึงจะไม่เหมือนกัน แต่มันก็มีวิธีใช้ไม่ค่อยต่างกัน ถ้าเอามือแตะสิ่งของนั้นๆ ผมจะสามารถควบคุมให้มันลอยไปทิศทางไหนก็ได้”

ชาเกลไม่สนใจมนุษย์หิน เขาเจรจากับเจ้าแว่นคิมต่อไป

“ฮึ แต่ต่อให้แกแตะพลังไว้นี่เจ้าก้อนหินนี่ แกก็ใช้พลังกับสิ่งมีชีวิตไม่ได้อยู่ดี”

ในที่สุดเจ้ามนุษย์เงินเดือนใส่สูทคิมก็เริ่มโต้ตอบกลับมา ชาเกลเดาได้ว่าอีกฝ่ายก็คงเริ่มเบื่อที่ต้องสู้กันไปเรื่อยๆ แบบนี้แล้วเช่นกัน

“แน่นอนครับ ผมทำไม่ได้ แต่คุณเองก็ทำไมได้เหมือนกัน พลังของคุณไม่ใช่การควบคุมสิ่งของให้เคลื่อนไหว แต่เป็นการใช้มือแตะแล้วสามารถเร่งความเร็วของสิ่งต่างๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ได้ใช่มั้ยล่ะครับ”

สีหน้าตื่นตกใจของคิม บ่งบอกให้ชาเกลรู้ว่าเขามาได้ถูกทางแล้ว

“รู้แล้วก็ดี ตัดสินกันไปให้จบๆ เลยดีกว่า ฉันเองก็มีอะไรต้องทำอีกเยอะเหมือนกัน”

ชาเกลเหยียดยิ้มรับ ในที่สุดทุกอย่างก็เข้าแผนการ

“ส่งฉันไป! หนนี้ฉันไม่พลาดแน่นอน!” เจ้าก้อนหินตะโกนขึ้นอีกครั้ง พร้อมมองไปที่ชาเกลด้วยสายตาเคียดแค้นทีเดียว

“ก็ดูซิว่าก้อนหินเห่าได้แบบคุณ หรือก้อนหินที่เก็บจากดินของผมอันไหนจะเร็วแรงและรัวได้มากกว่ากัน”

ทันทีที่ชาเกลพูดจบ เศษลูกกลมๆ สีเงินมากมายด้วยความเร็วเหมือนกระสุนก็ถูกกราดเข้ามา แม้พลังนั่นจะเร่งความเร็วของสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ แต่ก็ไม่น่าจะควบคุมทิศทางได้ ชาเกลเพียงเบี่ยงตัวหลบโดยการลอยไปด้านข้างก่อนจะโถมตัวพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อสวนกลับทันที

เช่นเดียวกับมนุษย์หินที่เคลื่อนไหวร่างกายโดยการกระโดดไปข้างหน้า เพื่อให้เจ้าแว่นนั้นได้อัดพลังเพิ่มระดับความเร็วเป็นขั้นสูงสุดมาจัดการเขาให้ได้

ทันใดนั้นเอง!

ฉึก! อยู่ๆ ก็เกิดคราบเลือดสาดกระเซ็นอยู่กลางอากาศ มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเจ้าของร่างกายผู้ฉีกขาดออกเป็นนับสิบชิ้นไม่มีเวลาแม้แต่จะได้ร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด!

คิมได้แต่เบิกตาโตขึ้นกับสิ่งที่เกิด เมื่อร่างกายของมนุษย์หินที่กลับสภาพเข้าสู่ร่างที่แท้จริงฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ต่อหน้าต่อตา มีเพียงคราบเลือดที่เกาะอยู่ตามขดลวดสลิงซึ่งยังลอยอยู่กลางอากาศเป็นหลักฐานของการคร่าชีวิต

เจ้านั่นคือมนุษย์หิน ต่อให้เป็นหินที่แข็งแรงอย่างไรก็คงไม่ทนต่อสลิงเส้นเล็ก คม และแข็งแรง ที่ชาเกลบังคับให้ชอนไชเข้าแทรกตามรูรอยต่อของหินบนร่างนั้น วิ่งวนพันกันหลายรอบบนทุกส่วนของร่างกายภายใน ก่อนจะออกแรงใช้พลังอย่างมหาศาลขึงตรึงสลิงไว้ไปทางด้านหลัง สวนทางกับเจ้าแว่นนั่นที่ใช้พลังเร่งความเร็วขั้นสูงสุดมายังด้านหน้าเพื่อโจมตี

ผลลัพธ์จากพลังที่ต้านกันสองทิศทางคือร่างกายที่แท้จริงของเจ้ามนุษย์หินถูกฉีกขาดเป็นท่อนๆ และกลายสภาพกลับเข้าสู่ร่างคนเหมือนเดิมนั่นเอง

แม้เจ้ามนุษย์หินจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณคนละฝ่าย แต่เนื้อแท้แล้วก็เป็นมนุษย์เช่นกัน ทั้งที่เป็นอย่างนั้น หนุ่มหล่อแห่งกองปราบวิญญาณก็หาได้มีสีหน้าอ่อนไหวต่อเศษซากชิ้นส่วนของมนุษย์ที่กองอยู่บนพื้น ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีหน้าเรียบเฉยมึนตึงเป็นความเห็นใจผู้ที่ตัวขาดเป็นชิ้นๆ ด้วยฝีมือของตัวเอง

“แก...”

คิมได้แต่กัดฟันกรอด ครั้นคิดจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง แต่เสียงที่ดังจากกลุ่มคนที่ปรากฏตัวเข้ามาภายในอาณาเขตคฤหาสน์ชามันด์เพิ่มเติมนั้น ก็ทำให้รู้ว่ากำลังเสริมของเจ้าพวกนี้มาถึงแล้ว คิมตัดสินใจถอยหลังหนีไปอย่างไม่ต้องคิดให้ยากเย็น

เมื่อเห็นเจ้าแว่นคิมหนีไป ชาเกลก็ได้แต่ถอนใจเพราะความเร็วของหมอนั่นเป็นสิ่งที่เขาตามไม่ทันแล้วแน่ๆ เมื่อครู่ตอนตรึงพลังขึงสลิงไว้เขาก็ใช้พลังไปจนแทบจะหมดรอมร่อแล้ว

เมื่อหันไปเห็นเจ้าหน้าที่หน่วยปราบวิญญาณกองอื่นที่เข้าไปช่วยเคนเซย์แล้ว ชาเกลก็ถอนใจอย่างหายห่วงรอบสอง ก่อนจะตามหัวหน้าและท่านรองของหน่วยตนกลับเข้าไปภายในห้องโถงนั้น

ในวินาทีที่ดิคเคนส์สีดำหลายตัวคืบคลานเข้ามาใกล้ โซอีได้หลับตาลงพร้อมรับสิ่งที่จะเกิด แต่แล้วเสียงโหยหวนรอบตัวที่ดังขึ้นก็ทำเอาหญิงสาวตัวเล็กลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ร่างสีดำของเหล่าวิญญาณอาฆาตหายไปพร้อมกับการปรากฏตัวของหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยเคซีโร่ ทั้งสองยิงกระสุนวิญญาณใส่เหล่าดิคเคนส์ที่กำลังเริ่มดูดพลังชีวิตไว้ได้ทัน

...เสียงดังหนวกหูน่ารำคาญของเด็กหนุ่มด้านข้างเงียบหายไป หมอนั่นคงเริ่มโดนดูดพลังไปบ้างแล้วก่อนที่จะมีคนมาช่วย แต่ทั้งคุณหัวหน้าทั้งคุณเอ็ดก็ดูไม่ได้แตกตื่นอะไร เจ้าเด็กจากไทยนั่นคงไม่เป็นอะไรมาก เฮคเตอร์ต่างหากล่ะ... ทำไมเธอถึงยังไม่ได้ยินเสียงของเขาอีกเลย

“หมดสภาพเชียวนะนาย”

เสียงของฟอแกนด์หัวหน้าหน่วยดังขึ้น ก่อนที่รอบตัวของเฮคเตอร์จะเกิดแผ่นอะไรบางอย่างห่อหุ้มเขาไว้ เพื่อป้องกันโคลนก้อนใหญ่ที่กำลังจะสาดเข้าใส่จนน่าจะฝังกลบเฮคเตอร์ได้ทั้งตัว และเมื่อชาเกลลอยตัวกลับเข้ามาในห้องโถง เขาก็ออกแรงเค้นพลังบังคับเสื้อผ้าของเฮคเตอร์ที่แปะพลังไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า ให้ลอยกลับมาหาท่านรองที่เตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไว้รอแล้ว

“ไปดินเนอร์กันสักมื้อมั้ย คนสวย”

ฟอแกนด์เดาะลิ้นอย่างถูกใจแล้วเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่อีกฟาก สาวร่างโคลนชะงักถอยหลังเมื่อเห็นว่าศัตรูมีคนมาเพิ่ม

“เล่นงานลูกน้องฉันซะหมดสภาพเลยนะ แบบนี้ต่อจากดินเนอร์แสนอร่อยแล้วฉันควรลงโทษเธอยังไงดี”

“เอาไว้หื่นต่อในนรกเถอะ แกเสร็จฉันแล้ว”

เมื่อหญิงสาวพูดจบ ก็เกิดโคลนขึ้นที่ปลายเท้าของฟอแกนด์ เนื่องจากการต่อสู้ที่ผ่านมาเธอได้สาดโคลนไปทั่วทั้งบริเวณแล้ว โชคดีที่เจ้าคนมาใหม่ดูท่าทางเอาเรื่องกว่าคนอื่นนี้ เดินมาเหยียบโคลนของเธอเข้าพอดี หญิงสาวยังมีพลังเหลือพอจะควบคุมมัน และก็ทำได้ไม่ยากเมื่อตอนนี้เธอจับตาลุงหน้าหื่นนั่นได้เรียบร้อยแล้ว

“โอ๊ะโอ...โดนจับซะแล้วล่ะคุณเอ็ด ทำยังไงดี” ฟอแกนด์หันไปถามท่านรองที่อายุมากกว่าเขานิดหน่อยด้วยน้ำเสียงที่ยังดูอารมณ์ดี

เอ็ดเวิร์ดจางที่ประมวลผลพลังของหญิงสาวร่างโคลนไว้แต่แรกแล้ว ตอบกลับแบบแทบไม่ต้องหันมามองเพราะตอนนี้เขายุ่งอยู่กับการทำแผลให้เฮคเตอร์

“พวกพลังสายพิเศษเปลี่ยนแปลง มีพลังเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่ตั้งใจสัมผัสให้เป็นโคลนได้ หรือถ้าเป็นโคลนอยู่แล้วยังไม่หายไปก็บังคับโคลนก้อนนั้นให้ดูดกลืนสิ่งต่างๆ ต่อได้ เสียใจด้วยนะ รองเท้าของคุณคงกลายเป็นโคลนไปแล้ว สายพลังแบบนี้ใช้พลังวิญญาณมหาศาลและมีอานุภาพรุนแรง แต่ก็นั่นแหละ ขอแค่พลังหมดหรือเจ้าตัวสลบหรืออยู่ในสภาพใช้พลังไม่ได้เมื่อไหร่ โคลนที่มาจากพลังพวกนี้ก็คงหายไปเอง ก็ทำอย่างที่เคยทำ เล่นกับสาวๆ นี่ของชอบคุณอยู่แล้วนี่ แต่รีบหน่อยเถอะ โคลนที่ตาเฮคเตอร์จะได้หายไปด้วย”

“รับทราบ”

ทันทีที่รับคำฟอแกนด์ก็ชักปืนออกมาสองกระบอก แต่กระสุนวิญญาณที่สาดออกไปนั้น ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่หญิงสาวจะสร้างกำแพงโคลนขึ้นมาป้องกัน แล้วบังคับให้โคลนนั้นละลายกระสุนให้กลายเป็นเนื้อโคลนเช่นเดียวกัน

ดูเหมือนรับมือได้ไม่ยาก ทว่า...ไม่ว่ากระสุนจะละลายไปเท่าไร ก็ไม่มีวี่แววว่ากระสุนจากปืนสองกระบอกนั่นจะหมดลงเสียที มิหนำซ้ำยังเริ่มรู้สึกว่ามันถี่ยิบรัวขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มจะตั้งรับไม่ทัน

จนท้าย... หญิงสาวผมสีทองก็เบิกตาขึ้นกว้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปพบว่ามีกระบอกปืนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่บนอากาศรอบตัว

“ยิง”

เมื่อเกิดคำสั่งเสียงจากเจ้าของพลังวิญญาณที่สร้างปืนจำลองทุกกระบอกซึ่งมีสายพลังเล็กๆ โยงมาที่ตัวผู้สร้าง  กระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนก็โหมกระหน่ำลงใส่หญิงสาวร่างโคลนพร้อมกันจากทั่วสารทิศ

การโจมตีทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบเกิดขึ้นโดยที่ฟอแกนด์ไม่ได้แม้แต่จะขยับตัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด