ตอนที่แล้วบทที่ 7 : คำสัญญา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 : ตรวน

บทที่ 8 : ความใคร่รู้


บทที่ 8 : ความใคร่รู้

รองเท้าหนังทรงสูงสีขาวเปรอะเปื้อนเลอะดินโคลนชื้นแฉะเพราะฝนที่เพิ่งหยุด ถึงแม้ราคาของมันอาจมากเกินกว่าคนทั่วไปจะจินตนาการได้แต่ดูเหมือนเจ้าของรองเท้าคู่นี้จะไม่ได้ใส่ใจรักษามันเท่าใดนัก เมื่อนางไม่ได้อยากจะสวมมันตั้งแต่แรกเพียงแค่ถูกบังคับให้แต่งกายสมกับฐานะตัวเองเท่านั้น

อดีตมหาจอมเวทหรือปัจจุบันคือมหาราชินีแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ บัดนี้ไม่ได้นั่งอยู่ข้างบัลลังก์กษัตริย์ในสภาเอกภาพหากแต่ยืนย้ำพื้นโคลนต่อหน้าหุ่นสงครามตนสุดท้ายซึ่งหลงเหลือตกค้างจากอดีตกาล ผลงานสร้างสรรค์อัศจรรย์แห่งอาร์มุนมารดาปฐมเวท หรือความจริงควรเรียกว่าองค์หญิงอาร์มุน

สายตาเฉียบคม เพ่งพิจารณาโครงร่างโลหะที่เพิ่งจะสยบปีศาจแห่งเทมลงได้ด้วยมือเปล่า แม้บัดนี้จะดูเหมือนหมดสภาพเสียหายไม่อาจทำอะไรได้อีก แต่นางรู้ว่ามันก็ยังทรงพลังเพียงพอจะทำลายล้างเมืองทั้งเมืองให้พินาศลงไปได้สบายๆ เพราะกริยาคุกเข่าโอนอ่อนที่มันแสดงออกอยู่นั้น พินิจแล้วไม่ได้มาจากความเสียหายของร่างกาย ถึงการรั่วไหลของมันตะธาราอาจมีส่วนบ้างนิดหน่อย แต่ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด และเพราะแบบนั้นเองคทาแก้วเอเลเมนโต้ถึงได้ส่องประกายระเรื่อบ่งบอกว่าอาคมอื่นนอกเหนือจากวงมหาเวทแห่งการเยียวยารักษากำลังถูกร่ายอยู่ และอาคมนั้นจะแสดงผลทันทีหาก ฮอรัส พยายามจะลุกขึ้นหรือขยับตัวเร็วเกินไป

ระหว่างนั้นเอง หน่วยอารักขาในชุดคลุมขาวพิเศษส่วนตัวขององค์ราชินีคนที่เข้าไปดูอาการชายหนุ่มรีบเข้ามากระซิบบอกข่าวกับนาง “ฝ่าบาท ดูเหมือนท่านฮาบิคงไม่รอดแน่แล้วเจ้าค่ะ… พวกเรามาช้าไป”

ได้ฟังเช่นนั้นใบหน้าสาวก็พลันขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคลายลง พลางถอนหายใจและใช้นิ้วเกาขมับเบาๆ ดูผิดกาลเทศะทว่ากลับสง่างามได้อย่างน่าประหลาดราวกับมันเป็นความสามารถพิเศษของนางในการทำให้ผู้คนหลงใหล

“...เขาไม่ตายหรอกน่า เราเคยเจอคนที่อาการหนักกว่านี้ยังรอดเลย อย่าได้ดูถูกหมอของเทรียลเกินไป… ใช่มั้ยเอลี่” องค์ราชินีว่าก่อนเหลือบตามองเอลฟ์สาว ซึ่งยังไม่เข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดที่จู่ๆ ก็ประเดประดังเข้ามาพร้อมกันนั้นคืออะไร แต่เพียงได้เห็นใบหน้างดงามของราชินีเผ่ามนุษย์ที่ปรากฏตัวขึ้นหลังเหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำเอาเธอได้แต่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก แสดงทีท่ากระอักกระอ่วนออกมาอย่างชัดเจน

“ฝะ ฝ่าบาท..” เอลีอาก้มศีรษะขานรับ ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกฝ่ายในสถานที่เช่นนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นคทาแก้วในมือขององค์ราชินีด้วยแล้วยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ดูเหมือนการขานรับจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องนักเมื่อองค์ราชินีเลิกคิ้วผายมือไปยังร่างร่อแร่ของชายหนุ่ม

“แต่เขาคงไปไม่ถึงมือหมอแน่ ถ้าไม่ได้ยาช่วยเบื่องต้น…” องค์ราชินีหรี่ตามองหน้าของเอลฟ์สาวเขม็ง สร้างความแปลกใจให้แก่องครักษ์ใกล้ๆ เพราะนางทำทุกทางที่เป็นไปได้แล้ว รวมทั้งการให้โพชั่นระดับสูงเบื่องต้นแต่ก็ไม่มีแววว่าชายหนุ่มจะรอดได้ หากไม่มีมหาอาคมแห่งการเยียวยาของราชินีคอยประคองอาการเอาไว้เขาคงสิ้นใจทันที

แต่ก็เหมือนกับทุกครั้ง ราชินีของพวกนางอ่านใจของคนรอบข้างถูกต้องเสมอเหมือนรู้อยู่ตลอดว่ากำลังคิดอะไร เมื่อนางพูดต่อส่งความนัยให้กับเอลฟ์สาว “และมันต้องไม่ใช่ยาธรรมดาด้วย...”

พอได้ยินเช่นนั้นเอลีอาก็เผลอขบเขี้ยวกลืนน้ำลายพลางมองไปยังร่างร่อแร่ของชายหนุ่มซึ่งตอนนี้มีองครักษ์คอยดูแลอยู่ก่อนจะแอบถอนหายใจ แล้วหันมองต่อไปยัง ฮอรัส ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเป็นความวิตกกังวล พร้อมกันนั้นสิ่งที่ราชินีพูดกับเธอก็สร้างความสงสัยแปลกใจให้กับเอเดลว่าองค์ราชินีนั้นพูดถึงสิ่งใด แล้วทำไมนางถึงพูดราวกับว่ารู้จักแม่ของเธอดีนัก ที่สำคัญกว่านั้นนอกจากพ่อของเธอก็ไม่เคยมีใครอื่นที่เรียกเอลีอาว่า เอลี่ เลยแม้แต่คนเดียว

“ฮอรัส ไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น... ท่านจะไม่ทำอันตรายเขาใช่มั้ย” เอรีอาเอ่ยคำถามแทนคำตอบสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกสายตาในบริเวณ ด้วยรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าสง่างามของคนที่ถูกเรียกว่าราชินีนี้แท้จริงเก็บซ่อนบางสิ่งที่น่ารังเกียจเอาไว้และมีแต่เธอที่เคยเห็นมัน

ความสนอกสนใจขององค์ราชินีที่แสดงออกต่อหุ่นสงครามเริ่มทำให้เธอกลัว มันทำให้เธอเริ่มไม่เชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากความบังเอิญ เพราะไม่มีอะไรบนโลกนี้จะน่ากลัวไปกว่าด้านอัปลักษณ์วิปริตของความกระหายใคร่ปัญญาแห่งมหาจอมเวท เหมือนที่แมลงต้อยต่ำควรหวาดกลัวความอยากรู้อยากเห็นของเด็กซน

เพราะเด็กน้อยจะไม่รู้สึกอะไรเลยตอนที่จับแมลงมาสู้กันเพียงแค่อยากรู้ว่าตัวไหนจะชนะ และการโต้ตอบความซุกซนนั้นด้วยการกัดหรือต่อยก็จะนำพามาแต่ความวิบัติ

“ไม่สมกับเธอเลยนะเอลี่ นักผจญภัยคนนั้นกำลังจะตาย แต่เธอกลับพูดเรื่องความปลอดภัยของหุ่น” องค์ราชินีที่ได้ฟังคำของเอลีอาดังนั้นก็ละความสนใจจากหุ่นสงครามแล้วเดินตรงมายังสองสาวสายเลือดเอลฟ์พลางก้มลงเล็งน้อยมองตาของเอลีอา “ยังเก็บเอาไว้ใช่มั้ย... ยานั่น”

“นี่มันเรื่องอะไรกันคะแม่” เอเดลเอ่ยแทรกบทสนทนาด้วยทนรับความสับสนต่อไปอีกไม่ไหว เพราะชายหนุ่มกำลังใกล้จะตายอยู่รอมร่อรอแต่แม่ของเธอกลับแสดงท่าทีลังเลผิดวิสัย แถมยังดูจะเป็นห่วงเป็นใยเรื่องของหุ่นสงครามที่ตอนนี้นั่งคุกเข่าราวกับว่าตัดขาดจากโลกนี้ไปแล้ว ทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนมันเกือบฆ่าทุกคนตายหมด

ทว่าคำตอบที่เธอได้รับกลับมีเพียงการกุมมือและความสงสัยที่มากกว่าเดิมว่าเพราะอะไรแม่ของเธอจึงได้ทำตัวผิดปกติเช่นนี้ เมื่อได้เห็นว่าเอลีอากำลังถอดสร้อยคอที่พ่อซื้อให้ ทั้งที่นางไม่เคยถอดมันเลยแม้แต่ตอนนอนหรืออาบน้ำ

“ท่านจะไม่ทำลายเขา… เขามีชีวิต เขาแค่ป้องกันตัว” เอลีอาย้ำคำเดิมระหว่างที่แกะจี้รูปดอกไม้ในสร้อยนั้นออกมา เผยให้เห็นเม็ดแก้วขนาดเล็กจิ๋วบรรจุของเหลวสีส้มหนึ่งหยดซ่อนอยู่ภายใน นางยื่นเม็ดแก้วนั้นให้กับองค์ราชินีพร้อมกับกำสร้อยคอเอาไว้แน่นบ่งบอกว่านางให้ความสำคัญกับสร้อยเส้นนี้มากกว่าสิ่งที่ซ่อนเอาไว้

“เราสัญญาจะไม่ทำร้ายเขา… เราพูดแล้วไม่คืนคำ” องค์ราชินีว่าด้วยน้ำเสียงนุ่ม แต่เน้นประโยคสุดท้ายไปยังเอลฟ์สาวโดยตรงสื่อถึงสิ่งที่มีเพียงแค่พวกนางเท่านั้นจึงจะรู้ว่าคือการเสียดสีโจมตีเอลีอาที่ไม่ยอมทำตามคำพูดตัวเองที่ให้ไว้เมื่อนานมาแล้วเกี่ยวกับยาเม็ดนี้ ก่อนที่องค์ราชินีจะยื่นมันให้องครักษ์เอาไปใช้รักษาชายหนุ่มผู้ถูกพันธนาการปีศาจ

ราวกับปาฏิหาริย์เมื่อของเหลวในเม็ดแก้วนั้นหยดลงในลำคอมันก็ซึมหายเข้าไปทันทีโดยที่ไม่ต้องกลืน แล้วในไม่กี่ชั่วอึดใจอาการของเขาก็ทรงตัวขึ้น กระดูกที่หักย่อยยับแทบจะเป็นเศษชิ้นทั่วร่างพลันสมานตัวเอง อวัยวะภายในที่เสียหายกลับมาทำงานเป็นปกติทีละส่วนอย่างช้าๆ ร่องรอยปริแตกบนผิวหนังก็หายไปด้วยยามหัศจรรย์ที่ทำได้แม้กระทั่งคงความหนุ่มสาวของมนุษย์เอาไว้ไม่ให้แก่เฒ่าเหมือนกับเอลฟ์

จิ้งจอกสาวที่ได้เห็นอาการของคนรักเช่นนั้นก็ลืมความเจ็บปวดของตัวเองแล้วเริ่มร่ำไห้ขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้น้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าไม่ใช่เพราะความโศกาทว่าเป็นน้ำตาแห่งความปีติ แม้จะรู้ว่ายังไม่ควรทำอะไรรุนแรงเพราะยังสาหัสแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะฟุบหน้าลงไปนอนแนบบนอกของชายหนุ่ม ฟังเสียงหัวใจที่เธอเองก็ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกดีตอนได้ยินมันเต้นมากเท่านี้มาก่อน

ชั่วนาทีนั้นสายตาขององค์ราชินีจ้องมองภาพเหตุการณ์น่ายินดีนี้ด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าในใจจะแอบซ่อนคำถามและความอยากรู้เล็กๆ ว่าหากจิ้งจอกสาวรู้ว่ายาที่รักษาชีวิตของชายหนุ่มเอาไว้ได้ คือยาต้องห้ามซึ่งถูกปรุงขึ้นมาบนโลกเพียงสามหยดและต้องแลกมาด้วยชีวิตของคนอื่นอีกหลายสิบชีวิตระหว่างขั้นตอนปรุงยามหัศจรรย์หยดนั้นขึ้นนางจะรู้สึกอย่างไร

ได้แต่สงสัยไม่ถามออกไปเพราะนางเองรู้คำตอบอยู่แก่ใจว่าคุณค่าของชีวิตไม่เคยเท่าเทียม จิ้งจอกสาวอาจไม่ยินดีแต่นางจะเลือกหนึ่งชีวิตคนรักมากกว่าร้อยชีวิตคนไม่รู้จักแน่ มูลค่าน้ำหนักชีวิตสำหรับคนบางคนหลายครั้งก็อิงกับความรู้สึกมากกว่าเหตุผล นางรู้เรื่องนี้ดีเพราะได้เห็นตัวอย่างประจักษ์ชัดแก่สายตามาแล้วครั้งหนึ่งว่าคนเรายอมแลกเปลี่ยนอะไรและหลงลืมตัวตนไปได้มากขนาดไหนเพื่อคนรัก โดยเฉพาะเมื่อมันเกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์ที่ยึดติดอย่างเอลฟ์ด้วยแล้ว

“ดูเหมือนยาจะใช้ได้ผล… งั้นก็ส่งตัวไปรักษาต่อที่เทรียล ให้ทางนั้นเตรียมห้องกักกันความปลอดภัยพิเศษสูงสุดเท่าที่มีเอาไว้ด้วย เราจะส่งตัวหุ่นสงครามไปกักตัวไว้ที่นั่นชั่วคราว ตั้งเป็นภารกิจกักกันและเฝ้าระวังระดับหนึ่ง เรานำภารกิจเอง…” องค์ราชินีสั่งการกับองครักษ์ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าที่แอบซ่อนรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กๆ เอาไว้บนมุมปากโดยไม่มีใครเห็น "...แล้วก็ ภารกิจนี้ขึ้นตรงกับเรา สภาไม่จำเป็นต้องรับรู้"

ทว่าเอลฟ์สาวมองใบหน้านั้นออกและรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น

“ไม่! ไหนว่าจะไม่ทำลายเขา! ฮอรัส ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาแค่พยายามจะปกป้องตัวเอง” เอลีอาโพล่งขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับพยายามลุกขึ้นแต่ถูกเอเดลห้ามเอาไว้ก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเธอสังเกตเห็นว่าบัดนี้องครักษ์ทุกคนจับจ้องมาที่เอลฟ์สาวเป็นตาเดียว

“แม่คะ…”

“เอเดล เชื่อแม่นะ นี่มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ฮอรัส ช่วยชีวิตแม่เอาไว้ เขาไม่เป็นอันตรายหรอก” เอลีอาพยายามอธิบาย ทว่าแม้แต่ลูกสาวของเธอเองก็ยังไม่เข้าใจ

“ยังไงมันก็ไม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสามารถฆ่าทุกคนในหมู่บ้านนี้ไปถึงเมืองใกล้ๆ ได้สบาย หุ่นสงครามตนนี้คือความเสี่ยง และเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่เกินจะมองข้าม” องค์ราชินีแทรกทับขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ยากจะปฏิเสธ ขณะเดินกลับไปหยุดยืนให้ความสนใจฮอรัส “เราสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำลายเขาเราก็จะไม่ทำ... ถ้ามันไม่จำเป็น”

พร้อมๆ กัน ฮอรัส ที่ถึงแม้จะเอาแต่นั่งนิ่งมองฝ่ามือที่สั่นเทาเปื้อนเลือดของตัวเองเหมือนไม่ได้อยู่บนโลกนี้ ยังได้ยินทุกคำที่องค์ราชินีพูดรวมไปถึงบทสนธนาตั้งแต่แรก เพียงแต่เขาไม่ใส่ใจเท่านั้นเพราะภาพหลากหลายมากมายในอดีตกำลังหลั่งไหลเข้ามาในกระบวนความคิด ระหว่างที่แกนกลางหัวใจกำลังเริ่มซ่อมแซมตัวเอง มันดึงเอาพลังเวทมนตร์จากธรรมชาติรอบๆ มาใช้สร้างร่างกายใหม่อย่างผิดหลักการที่จอมเวทในยุคใหม่เข้าใจ เมื่อมันการสูบเอาทุกองค์ประกอบของธรรมชาติมาใช้โดยไม่สนใจเงื่อนไขหรือตัวกลางใดๆ เลย

ต้นหญ้ารอบๆ ค่อยๆ เหี่ยวแห้งตายไปพร้อมกับหนอนแมลงที่พยายามจะชอนไชขึ้นมาเหนือผิวดินก็กลายเป็นหินศิลาไปหมด แม้กระทั่งพื้นโคลนชื้นแฉะฉ่ำน้ำฝนก็พลันแห้งเเกร็งแตกลาย รวมทั้งชิ้นส่วนที่แตกหักใช้งานไม่ได้บนร่างกายเองก็ถูกสลายเพื่อนำไปใช้ใหม่ยกเว้นก็แต่โครงร่างโลหะเท่านั้นที่ยังคงร่องรอยเสียหายจากการต่อสู้

ทั้งหมดนั้นถูกแปรสภาพกลายเป็นฝุ่นสีม่วงที่เคลื่อนไปตามส่วนต่างๆ ก่อนจะรวมตัวกันก่อเป็นชิ้นส่วนภายนอกซ่อมแซมปกปิดร่างโลหะให้กลับมาอยู่ในรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับมนุษย์อีกครั้ง

องค์ราชินีจ้องมองภาพที่เกิดขึ้นในกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของฮอรัสด้วยดวงตากลมโต ไม่อาจควบคุมสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติได้ต้องรีบเอามือขึ้นปิดปากด้วยกลัวว่าอาจจะมีใครเห็นรอยยิ้มวิปริตที่ฉีกกว้างอยู่บนใบหน้าสาว “นี่มันช่างน่าสนใจมาก... น่าสนใจจริงๆ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด