ตอนที่แล้วตอนที่ 6 สุราธารสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 เซน่า

ตอนที่ 7 กษัตริย์หนุ่มในร่างสตรี


 

ตอนที่ 7 กษัตริย์หนุ่มในร่างสตรี

“ข้าอาจคิดผิดที่ไม่ได้สังหารมัน”

บุรุษชุดแดงยาว เสื้อผ้าปักลวดลายเปลวไฟ ศีรษะสวมมงกุฎสีเงินครุ่นคิดขึ้น เขานั่งอยู่บนบัลลังก์คริสตัลดำอันงดงาม ต่อหน้าขุนนางแม่ทัพหลายสิบคนในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่ ฝาผนังทั้งสองด้านของท้องพระโรงแกะสลักรูปทหารม้าแบล็คเคิซต่อสู้กับเหล่าอสูรนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นมังกร พญางูสามหัว รวมทั้งมนุษย์ บรรยากาศในท้องพระโรงแห่งนี้มักเงียบสงบและอึมครึม โดยเฉพาะยามที่กษัตริย์ของพวกเขาเสด็จมา ครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างไร

แต่แตกต่างตรงที่กษัตริย์เบื้องหน้าของพวกเขาไม่ใช่คนเดิม

ราชาเวทปีศาจซาอูนั่งอยู่บนลังก์คริสตัลดำอันเป็นบัลลังก์ของเชื้อสายราชวงศ์มาดริลตลอดสามร้อยสามสิบสองปี สิบสองรัชกาล

บัลลังก์คริสตัลดำยังคงเป็นบัลลังก์เดิม แต่ผู้ครอบครองไม่ใช่เชื้อพระวงศ์แห่งมาดริลอีกแล้ว

เดนไดน์เสนาบดีกลาโหมกล่าวขึ้น

“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญ”

ขุนนางทุกคนต่างร้องทรงพระเจริญ แต่เสียงร้องหาได้ดังกึกก้องสมกับการต้อนรับปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ใหม่

ซาอูหาได้สนใจคำร้องสรรเสริญเบื้องหน้าไม่ ยังคงครุ่นคิด

“เราสาปมันเป็นสตรี เพราะมันโอ้อวดถือดี นับจากนี้ไม่เพียงมันจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์อันอำมหิตได้อีก ซ้ำยังต้องมีชีวิตอยู่ก็ต้องทนอยู่ด้วยความอัปยศอดสู ตลอดชีวิตมันดูแคลนสตรีว่าอ่อนแอขี้ขลาด การที่เรากระทำเช่นนี้ย่อมดีกว่าสังหารมันในพริบตาเดียว”

ซาอูโบกมือสั่งทุกคนหยุดร้องสรรเสริญเขาและกล่าวขึ้น

“ข้าได้กำจัดทรราชแห่งเพธอสออกไปพ้นจากบัลลังก์คริสตัลดำอันสูงส่ง นี่หาใช่เกิดจากความทะเยอทะยานส่วนตนของข้าไม่ หากแต่มีเหล่าขุนนางเพธอสหลายคนต่างร้องทุกข์ด้วยความคับแค้น ที่ถูกทรราชเรดิกัลดูแคลนและไม่เห็นค่าของชีวิตพวกเขาตลอดการปกครอง”

เดนไดน์กล่าวขึ้น “พระองค์รับสั่งถูกต้อง หากไม่จัดการทรราชเรดิกัล ไม่ทราบจะมีผู้ล้มตายอีกมากมายเท่าใด แม้แต่ในท้องพระโรงนี้ ไม่ทราบจะมีขุนนางสักกี่คนที่มีชีวิตอยู่รอดถึงยามแก่ชราได้ดูแลบุตรเลี้ยงดูหลาน โดยไม่ถูกมันสั่งประหารหรือใช้เป็นเครื่องมือเสียก่อน”

จากนั้นขุนนางหลายคนต่างทยอยตำหนิพฤติกรรมเรดิกัลออกมาเป็นการใหญ่ ทั้งเรื่องจริงเท็จสลับปนเปจนมิอาจหาเค้าความสัตย์ในคำพูดได้

ซาอูโบกมือให้ทุกคนหยุดกล่าว จากนั้นซาอูกล่าวว่า “เมื่อข้าขึ้นครองบัลลังก์แห่งคริสตัลดำอันงดงาม นับจากนี้ชาวเพธอสจะอยู่อย่างสงบ ปราศจากความกลัวในอารมณ์ที่แปรปรวนของกษัตริย์ แต่เพธอสอยู่ในดินแดนเหนือที่เต็มไปด้วยภัยจากเหล่าอสูรร้าย จากนี้เราจำต้องฝึกทหารให้เข้มแข็ง เน้นการป้องกัน เตรียมรับมือกับเหตุเปลี่ยนแปลง”

ขุนนางทุกคนรับคำสั่ง พวกเขาไม่ทราบว่าเรดิกัลถูกสาปเป็นสตรี แต่เข้าใจว่าถูกสังหารไปแล้ว หลังซาอูสาปเรดิกัล ซาอูสูญเสียพลังเวทมนตร์อย่างมากจำต้องเก็บตัวฟื้นพลังนานนับปี ทั้งที่เขาสามารถสังหารเรดิกัลได้พริบตา แต่เหตุที่เขาไม่กระทำนั้นเป็นเพราะใจอ่อนหรือต้องการหยามหยันเรดิกัลให้อัปยศชั่วชีวิต

แม้แต่ตัวซาอูก็ไม่อาจตอบได้

 

ขณะที่ขุนนางผู้ใหญ่ในเพธอสกำลังเข้าเฝ้าปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ใหม่ในปราสาททมิฬ แต่ในป่าที่ไม่ห่างไกลจากปราสาททมิฬมากนัก ที่นั่นยังเต็มไปด้วยดอกไม้ที่มีสีสันงดงาม แต่ภายใต้ความงดงามนั้นกลับเต็มไปด้วยพิษ หากผู้ใดคิดสัมผัสความงดงามแห่งสีสันและกลิ่นหอมของดอกไม้เหล่านี้ คนผู้นั้นอาจมิได้สัมผัสความงามของสิ่งอื่นใดในโลกได้อีกตลอดชีวิต

แต่ในวันนี้เหล่าดอกไม้อันงดงามในป่าข้างปราสาททมิฬกลับปรากฎคู่แข่งขึ้น หากดอกไม้เหล่านี้สามารถมีชีวิต อาจกรีดร้องด้วยความริษยาในความงามคู่แข่งมัน

สตรีนางหนึ่งนอนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ นางสวมชุดดำสนิทแลดูหลวมกว้างไปบ้างเนื่องเพราะชุดนั้นเป็นชุดของบุรุษ

เปลือกตาของนางค่อย ๆ เผยอขึ้น สัมผัสถึงท้องฟ้าอันมืดมิดของเพธอสอันคุ้นเคย นางรู้สึกฟ้าหมุนแผ่นดินเคว้ง ปวดศีรษะเป็นอย่างยิ่ง นางพยายามจะทรงกายลุกขึ้น แต่เหมือนร่างกายอันอ่อนแอของนางกลับไม่เอื้ออำนวย อาจเป็นเพราะนางเหน็ดเหนื่อยเกินไปหรือเพิ่งได้รับบาดเจ็บมา

ผ่านไปไม่ถึงชั่วเทียนไขดับ อาการปวดศีรษะของนางทุเลาลงบ้าง นางค่อย ๆ จับต้นไม้ใหญ่พยุงกายยืนขึ้น สิ่งที่นางต้องการในยามแรกที่ลืมตาตื่น หาใช่การแก้แค้นใด ๆ หากแต่เป็นสิ่งธรรมดาที่จำเป็นสำหรับมนุษย์

“น้ำ”

นางค่อย ๆ เดินลัดเลาะไปในป่า นางหาได้พบสายน้ำใด แต่กลับพบบึงโคลนพิษ ซึ่งบึงโคลนเหล่านี้สามารถใช้เป็นกับดักสังหารศัตรูที่คิดบุกเข้าใกล้ปราสาททมิฬของนาง แต่ยามนี้อาจเป็นนางมากกว่าที่จะถูกพิษจากบึงโคลนเหล่านี้สังหารหากไม่ทันระวัง

เดินทางไปได้อีกครู่หนึ่ง นางคล้ายรู้สึกป่าแห่งนี้ซับซ้อนยิ่งกว่าทางเขาวงกต ทั้งที่นางก็เคยเดินทางผ่านป่านี้หลายครั้ง อาจเป็นเพราะร่างกายนางเหน็ดเหนื่อยเกินไปจึงทำให้เกิดความรู้สึกนี้ นางได้แต่นั่งพักผ่อนข้างต้นไม้เล็กต้นหนึ่ง นางเหม่อมองท้องฟ้าพลันพบเห็นต้น “เอซาร์” ต้นไม้ที่มีผลสีม่วงเป็นลูกสี่เหลี่ยม ผลเอซาร์มีรสเปรี้ยวไปบ้างแต่เนื้อผลไม้อุ้มไปด้วยน้ำ ช่วยดับกระหายได้อย่างดี

“เวฟออฟดูม” (Wave of Doom – เกลียวคลื่นแห่งคราเคราะห์) นางสะบัดแขนขวากรีดขวางขึ้นฟ้า หวังใช้เวทแห่งความมืดขั้นสูงนี้ตัดกิ่งไม้ที่มีผลเอซาร์ให้ร่วงหล่นลงมา หากวิญญาณจอมเวทผู้คิดค้นเวทสังหารนี้ในอดีตได้รับทราบเข้าคงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ที่เวทสังหารแห่งยุคกลายเป็นเวทมนตร์ในการหาผลไม้ดับกระหาย

แต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น !

ครานี้นางตื่นตระหนกจริง ๆ นางลองเร่งพลังเวทในร่างกายดูพลันพบว่าพลังเวทแห่งความมืดของนางที่เพียรฝึกมาอย่างยากลำบากนับสิบปีกลับหายไปหมดสิ้น ไม่ต่างจากก้อนหินที่จมหายลงไปในห้วงลึกมหาสมุทร แววตาที่เหน็ดเหนื่อยของนางพลันฉายแววความดุร้าย เส้นเลือดในดวงตาแทบปูดโปนออกมา

เมื่อนางมองดูมือขวานางกลับยิ่งพบความผิดปกติ มืออันหยาบใหญ่ของบุรุษกลับเล็กลงและปรากฏนิ้วเรียวยาวงดงามแทนที่นิ้วมืออันหยาบกร้านซึ่งผ่านการฝึกฝนจับดาบนับสิบปี ข้อมืออันแข็งแกร่งก็เล็กและเรียวลีบลง แต่ผิวพรรณที่ออกเหลืองกลับเนียนเรียบขาวใส แม้ไม่ถึงกับขาวราวหิมะอันบริสุทธิ์แต่ก็ขาวไม่ด้อยไปกว่าดอกกล้วยไม้สีขาวที่อยู่แดนใต้

นางสำรวจมองร่างกายด้วยความตระหนก พลันพบว่าเส้นผมของนางยาวถึงหน้าอก บริเวณหน้าอกอันแข็งแกร่งสมบุรุษกล้ากลับมีก้อนเนื้อสองก้อนนูนเด่นขึ้นมา นางล้วงเข้าไปในเสื้อจับขยำหน้าอกตนสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้ออันนุ่มนิ่มสองก้อน นางพบว่าเป็นเนื้อหนังของร่างกายนางไม่ผิดแน่

“อ๊าก!” เสียงตะโกนร้องด้วยความคับแค้นดังขึ้น สะท้อนก้องไปทั่วป่าเขา จากเสียงบุรุษอันหยาบใหญ่ราวเสียงคำรามของราชสีห์เจ้าป่ากลับกลายเป็นเสียงเรียวเล็กดุจเสียงสกุณาร่ำร้อง

“ซาอู ข้าต้องฆ่ามัน”

สตรีที่มีลักษณะงดงามนางนี้ครุ่นคิดขึ้นด้วยความเดือดดาลในใจ นางคือเรดิกัล อดีตกษัตริย์แห่งความมืดของอาณาจักรเพธอสที่ทุกคนต่างหวาดผวา

เรดิกัลครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ต่อสู้กับซาอู เขาจำได้ว่าหลังจากเขาโดนเวทแห่งความมืดของซาอูทำร้าย ร่างกายเจ็บปวดสุดที่บรรยายได้ จากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบและเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก

“คำสาป” เรดิกัลเคยได้ยินซาอูกล่าวถึงเวทมนตร์แห่งคำสาปว่าเป็นเวทความมืดชั้นสูง สามารถสาปให้ศัตรูเป็นไปตามที่ตนปรารถนา แต่เวทมนตร์นี้มีข้อเสียมาก ไม่เพียงแต่ผู้ใช้ต้องสูญเสียพลังเวทอย่างมหาศาลต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานนับปี หากผู้ใช้มีเวทไม่กล้าแกร่งพออาจทำให้คำสาปย้อนเข้าทำร้ายตนได้ เรดิกัลเห็นว่าหากคิดกำจัดหรือทรมานศัตรูเขามีวิธีการสารพัด จึงไม่สนใจที่จะร่ำเรียนวิชายุ่งยากนี้

เรดิกัลครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดจนลืมอาการกระหายน้ำไป เขาเห็นว่าวิธีถอนคำสาปคงมีเพียงแต่ซาอูเท่านั้นที่จะกระทำได้ แต่เขายามนี้อย่าว่าแต่พลังเวทมนตร์ยังไม่มี ซ้ำยังมีร่างกายอันน่าอัปยศ เขาจะเอาสิ่งใดไปต่อสู้กับราชาเวทปีศาจ

 

ผ่านไปอีกชั่วครู่ เรดิกัลรู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาอีก เขาไม่มีทางเลือกจึงปีนต้นไม้เอซาร์ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สูงประมาณห้าเมตรเพื่อเด็ดผลเอซาร์ แต่ด้วยร่างกายที่ผิดแปลกไป ทำให้เขาไม่สามารถปีนต้นไม้ได้เหมือนเช่นอดีต นิ้วมือที่เรียวยาวงดงามก็ไม่สามารถเกาะยึดลำต้นได้แน่น ขาทั้งสองที่มีกำลังในการดันกายให้ปีนขึ้นต้นไม้อย่างง่ายดายบัดนี้ไม่มีเรี่ยวแรงในการส่งตัวขึ้นแม้แต่น้อย

ตุบ !

เรดิกัลในร่างสตรีกลับตกลงจากต้นไม้ทั้งที่ปีนขึ้นไปได้ยังไม่ถึงหนึ่งเมตร เขารู้สึกเจ็บสะโพกอย่างมาก แต่ความเจ็บปวดนี้ก็ยังไม่เท่ากับอับอายและอัปยศในใจ เรดิกัลพยายามอีกพักใหญ่ก็คงยังไม่สามารถปีนต้นไม้ที่ไม่ได้สูงนักต้นนี้ได้ เรดิกัลได้แต่พาร่างกายอันบอบบาง เดินอย่างอ่อนแรงไปตามเส้นทางในป่า

เรดิกัลหิวโหยอย่างยิ่ง หวนนึกถึงตนเองจากกษัตริย์เจ้าชีวิตที่มีอาหารเตรียมพร้อมถึงเบื้องหน้าเมื่อยามตื่นบรรทม แต่ตอนนี้แค่น้ำเพียงหยดเดียวก็ยังหาดื่มไม่ได้ ความคับแค้นแน่นอกสุดที่จะกล่าว เขากำมือแนบแน่นเล็บจิกเข้าไปในผิวมืออันอ่อนนุ่มจนมีรอยเลือดเล็กน้อย

เรดิกัลได้รับความหิวโหยจึงพิงร่างกับต้นไม้ต้นหนึ่งเผลอหลับไป ยามที่เรดิกัลหลับไหลดอกเมมฟิสซึ่งเป็นดอกไม้สีม่วงใช้บ่งบอกเวลาของชาวเพธอสได้บานสองกลีบแล้วบ่งบอกถึงเวลาตีสี่ เมื่อดอกเมมฟิสบานถึงสี่กลีบหรือแปดโมงเช้า ร่างกายที่ทนความหิวโหยไม่ไหวปลุกให้เรดิกัลตื่นขึ้น

เรดิกัลตอนนี้แทบไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินได้อีกแล้ว ในศีรษะเขารู้สึกโล่งเบา ความคิดอ่านแทบว่างเปล่า ความหิวโหยของเขาในยามนี้ทำให้เขาปราศจากสติปัญญาที่หลักแหลมในการแก้ปัญหาหรือไว้ใช้ทำร้ายผู้ใดอีก

“ตายเสียก็ดี” อดีตกษัตริย์หนุ่มในร่างสตรีคิดขึ้น ความท้อแท้ที่ไม่เคยปรากฏในห้วงสมองกลับผุดขึ้นมา

ยามนั้นเปลือกตาของเรดิกัลค่อย ๆ ปิดลง ลมหายใจแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ ห้วงสมองว่างเปล่าดุจกระดาษขาว ไม่นานยมทูตคงเดินทางมาถึงเพื่อเอาชีวิตเขาไป

 

“พี่สาว เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ซุ่มเสียงสดใสดังขึ้น ปลุกร่างกายอ่อนแอของเรดัลกัลให้ตื่นจากห้วงภวังค์ เรดิกัลเห็นเด็กสาวตัวเล็กผมยาวดำสวมกระโปรงแดง อายุไม่น่าเกินสิบสามปียืนอยู่เบื้องหน้าเขา เขาได้แต่ตอบตามสิ่งที่ตนปรารถนา

“น้ำ”

เรดิกัลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เด็กสาวถามขึ้นอีก

“พี่สาวจะดื่มน้ำเหรอ?”

เรดิกัลในร่างสตรีพยักหน้าช้า ๆ จากนั้นเด็กสาวนั้นวิ่งเข้าดงไม้หายตัวไป เรดิกัลรออยู่เนิ่นนานเด็กสาวก็ยังไม่กลับมา เขาคาดว่านี่อาจเป็นภาพหลอนจากความหิวโหยมากกว่า เรดิกัลค่อย ๆ หลับตาลง จากนั้นไม่นานก็หลับไหลไป

“พี่สาว น้ำมาแล้ว”

เด็กสาวถือแก้วน้ำสีขาวส่งถึงเบื้องหน้าเรดิกัล แต่เรดิกัลอ่อนเพลียอย่างยิ่ง เด็กสาวต้องร้องเรียกหลายคราเรดิกัลจึงค่อยลืมตาตื่นขึ้น

“พี่สาว ข้าเอาน้ำมาให้แล้ว” เด็กสาวกล่าวย้ำ

เรดิกัลยกมืออย่างอ่อนแรงหยิบแก้วน้ำจากมือเด็กสาว จากนั้นดื่มอย่างช้า ๆ ร่างกายของเขาได้รับน้ำ ทำให้รู้สึกสดชื่นไม่ต่างจากต้นไม้อันเหี่ยวแห้งได้รับสายฝนอันชุ่มฉ่ำ สติของเขากลับคืนมาได้หลายส่วน จึงถามขึ้น

“เจ้าชื่ออะไร?”

เด็กสาวคล้ายครุ่นคิดว่าควรจะตอบดีหรือไม่

“ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” เรดิกัลกล่าวราวกับรู้ว่าเด็กสาวอาจมีความระแวง

“ข้าชื่อเซน่า” เด็กสาวตอบชื่อของเธอออกมา

“เซน่า เจ้ามีอาหารหรือไม่?” เรดิกัลกล่าวด้วยความหิวโหย

“ข้าไม่มี แต่ที่บ้านข้ามี ป้ามาเรียทำอาหารได้อร่อยมาก” เด็กสาวตอบ

“นำอาหารมาให้ข้า” เรดิกัลกล่าววาจาราวกับตนยังเป็นราชาอยู่

“ข้าเอามาไม่ได้ ป้าจะหาว่าขโมยอาหาร” เซน่ากล่าว

“ข้าจะไปเอาเอง” เรดิกัลกล่าวพร้อมพยุงกายลุกขึ้น น้ำที่ได้จากเซน่าเพียงแก้วเดียวย่อมไม่เพียงพอให้พละกำลังเขาฟื้นคืน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาพอที่จะมีสติที่จะลุกขึ้นเดินได้

“บ้านเจ้าอยู่ไหน?” เรดิกัลในร่างสตรีถาม

“อยู่ทางนั้น” เซน่าชี้ไปยังทางทิศตะวันออก

“นำข้าไป” เรดิกัลสั่งราวกับว่าตนยังเป็นกษัตริย์เจ้าชีวิตอีกครั้ง

เซน่านิ่งเงียบไม่ตอบ เธอไม่แน่ใจว่าควรพาพี่สาวนางนี้ไปที่บ้านหรือไม่ เรดิกัลถามว่า “เป็นอะไรไปหรือ?”

เซน่ายังนิ่งเงียบ เรดิกัลบอกว่า “เจ้าอย่าได้กลัว ข้า..ข้า…ข้าเพียงแค่..”

เรดิกัลใช้ความพยายามอย่างมากก่อนกล่าวพูดประโยคสุดท้าย “หิว”

หากเป็นเรดิกัลยามปกติ มีผู้ขัดคำสั่งของเขาเช่นนี้ เขาคงอาละวาดออกมาหรือไม่ก็ใช้เวทมนตร์เล่นงานให้เห็นดี แต่ยามนี้เขาได้แต่กล่าววาจาเชิงขอร้อง ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

เซน่าเห็นพี่สาวคนสวยมีสีหน้าอ่อนแรงก็รู้สึกสงสาร จึงพาพี่สาวนางนี้ไปที่บ้านของเธอซึ่งอยู่ในป่าซึ่งห่างจากปราสาททมิฬไม่ไกล

เรดิกัลไปถึงบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ทำจากไม้อย่างเรียบง่าย บริเวณนั้นไม่เพียงมีบ้านของเซน่า ยังมีบ้านไม้อีกสิบกว่าหลัง ทุกหลังสร้างอย่างเรียบง่าย ไม่มีของตกแต่งประดับใด แต่หลายบ้านประตูปิดสนิทไม่พบเห็นชาวบ้านเหมือนหมู่บ้านปกติ

เซน่าเคาะประตูบ้าน ไม่นานก็มีคนเปิดประตูขึ้นมากับสตรีร่างท้วมเล็กน้อย อายุประมาณสี่สิบกว่าปี ใบหน้าอิ่มอวบถามขึ้น “เซน่าเจ้าไปไหนมา แล้วนี่...” สตรีร่างท้วมเห็นเรดิกัลในร่างสตรีก็แปลกใจเพราะสตรีสาวงดงามเบื้องหน้ากลับแต่งกายด้วยชุดบุรุษ

“ข้าหลงป่า เพียงต้องการอาหาร”เรดิกัลกล่าวขึ้น

มาเรียเป็นสตรีวัยกลางคนที่ใจดี เธอพาเรดิกัลมานั่งที่โต๊ะ จากนั้นนำขนมปังหกชิ้นและแยมสีแดงสดที่ทำมาจากดอกเรดดี้ดอกไม้สีแดง ซึ่งให้รสหอมหวาน

เรดิกัลกัดกินขนมปังอย่างรวดเร็วโดยปราศจากกิริยาของสตรีแม้แต่น้อย ขนมปังธรรมดาของชาวบ้านยามนี้ยังวิเศษกว่าอาหารทิพย์บนสรวงสวรรค์เสียอีก

“เจ้าชื่ออะไรหรือ?” มาเรียถามเรดิกัล

เรดิกัลไม่ทันนึกถึงชื่อตนในร่างสตรีมาก่อน ปกติเขาเห็นว่าสตรีนั้นอ่อนแอและขี้ขลาด เหล่าสตรีสูงศักดิ์แห่งเพธอสซึ่งเคยได้เข้าเฝ้าเขาล้วนแต่หลบตาและหวาดกลัว น้ำเสียงสั่นเทาจนน่ารำคาญ ภายหลังเรดิกัลจึงไม่โปรดให้สตรีเข้าเฝ้าอีกและแทบไม่เคยคิดถึงเรื่องสตรีเลย

เรดิกัลนิ่งเงียบไม่ตอบ เขาไม่ต้องการตั้งชื่อสตรีให้ตนเอง มาเรียเข้าใจว่าเรดิกัลไม่อยากตอบก็ไม่ซักไซ้

ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น

จู่ ๆ เรดิกัลก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ มือกำส้อมและมีดแนบแน่นใช้ต่างแทนอาวุธตามสัญชาติญาณ ทั้งมาเรียและเซน่าต่างก็ตกใจในพฤติกรรมได้แต่มองตาค้าง เรดิกัลหันไปยังทิศทางประตูบ้านราวกับรับรู้ว่าศัตรูมาถึง

ชายหนุ่มชุดน้ำตาลวัยกลางคนเปิดประตูเข้ามา เขาศีรษะแทบโล้นเลี่ยน ผมดำที่เหลืออยู่ก็มีผมหงอกขาวแซมประปราย เขาได้พบเห็นสตรีงดงามสวมชุดบุรุษสีดำอยู่ในบ้านก็รู้สึกแปลกใจ

“แม่นางท่านนี้คือ?”

ทุกคนต่างตะลึงในพฤติกรรมเรดิกัล มาเรียได้สติก่อนจึงพูดว่า

“นางหลงป่ามา ข้าจึงทำอาหารให้นางรับประทาน”

มาเรียหันไปกล่าวกับเรดิกัล “อย่าได้ตกใจ เขาเป็นสามีของข้าเองชื่อโคอีน”

เรดิกัลค่อย ๆ นั่งลงรับประทานอาหารต่อ จากนั้นมาเรียก็นำอาหารที่เตรียมไว้ให้สามีนำมาวางที่โต๊ะเพิ่มเติม มีทั้งเมล็ดพันธุ์รีซ เมล็ดพันธุ์สีดำเป็นวงกลมที่ชาวเพธอสใช้ทานต่างข้าว ยังมีไก่อีกหนึ่งจานและผัดผักอีกหนึ่งจาน

บรรยากาศของครอบครัวหนูน้อยเซน่าอบอุ่นและปราศจากอันตราย นี่เป็นครั้งแรกที่เรดิกัลรับประทานอาหารร่วมกับสามัญชนธรรมดา

เรดิกัลรับประทานจนอิ่มร่างกายเสมือนได้ชีวิตใหม่ เขาจึงกล่าวขอบคุณมาเรีย จากนั้นเซน่าและมาเรียช่วยกันนำจานอาหารที่รับประทานเสร็จไปล้าง

โคอีนถามขึ้น “แม่นางมาจากที่ใด”

“เมืองโทลเคีย” เรดิกัลกล่าวเท็จตอบไป

โคอีนจ้องมองเรดิกัลอย่างสงสัย จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้ายินดีว่า

“เราเป็นคนเมืองเดียวกัน หลังจากพญา..พญามัจจุราชเพลิง เผาเมืองโทลเคียพินาศสิ้น พวกเราชาวโทลเคียนับร้อยคนอพยพมาที่เมืองหลวง แต่เมืองหลวงสถานที่แออัด ทางการจึงให้พวกเรามารวมตัวสร้างหมู่บ้านข้างปราสาทขององค์กษัตริย์และจ้างให้พวกเราเข้าเหมืองไปขุดหาศิลาดำธอร์รัส”

โคอีนถอนหายใจเบา ๆ กล่าวต่อ “แม่หนูเซน่านี้ ตาของนางถูกโกเลมไฟสังหาร ข้าจึงรับนางมาเลี้ยงดู หากตอนนั้นไม่ได้ท่านกีรัสหัวหน้าหน่วยแบล็คเคิซยกทัพมาช่วย พวกเราคงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นทุกวันนี้”

กีรัส ชื่อนี้ทำให้เรดิกัลตื่นตัวขึ้น เขาขมวดคิ้ว สีหน้าปรากฏแววแค้นเคืองขึ้น แม้เขาจะทราบว่ากีรัสยากจะรอดจากคำสาปดาบเพน (Pain-เจ็บปวด)

โคอีนกล่าวอย่างสงสัย

“มีอะไรหรือ?”

เรดิกัลกล่าวตอบว่าไม่มีอะไร แต่โคอีนรู้สึกบรรยากาศตรึงเครียดขึ้นมาบ้าง

“แม่นาง หากเจ้าไม่รังเกียจก็นอนค้างบ้านเราสักคืนหนึ่ง” มาเรียเดินออกจากห้องครัวและกล่าวขึ้น

เรดิกัลได้รับความเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวันจึงรับคำ มาเรียเตรียมเสื้อผ้าให้นางใช้ให้เซน่านำเรดิกัลไปอาบน้ำที่แม่น้ำเล็ก ๆ ใกล้บ้าน เสื้อผ้าของมาเรียเป็นชุดกระโปรงยาวตามแบบแม่บ้านทั่วไป เรดิกัลปฏิเสธไม่รับและขอใช้ชุดบุรุษของโคอีน ทั้งโคอีนและมาเรียต่างรู้สึกสตรีนางนี้นิสัยประหลาดพิกลยากเข้าใจได้ คาดว่าคงสูญเสียครอบครัวจากสงครามจึงทำให้นิสัยนางเปลี่ยนไป

 

เรดิกัลมองเงาตนสะท้อนในแม่น้ำสายน้อยที่ใสดุจกระจก

เรดิกัลพบว่าเขาในร่างสตรีมีผมยาวดำสยายงดงาม ดวงตากลมสีนิลดุจไข่มุกดำอันเลอค่า คิ้วที่เคยหนาเข้มลดความหนาลงบ้างแต่ก็ยังต่างจากสตรีทั่วไปที่มีคิ้วเรียวบาง ความงามของคิ้วเขายิ่งขับเน้นใบหน้าของเขาให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดเล็กน้อย หากสตรีใดได้เกิดมีหน้าตาเช่นนี้คงสวดมนต์ขอบคุณพระเจ้าทุกคืนวัน แต่สำหรับเรดิกัลมันคือคำสาปจากปีศาจในอเวจี

สัดส่วนความเป็นชายของเขาหายไป เรดิกัลรู้สึกความแค้นแน่นอกดุจภูเขาไฟที่สะสมพลังนานนับร้อยปีรอวันปะทุ แต่หวนนึกถึงซาอูเป็นถึงราชาเวทปีศาจ ด้านสติปัญญาเป็นเอกในแผ่นดิน หนทางแก้แค้นของเขาช่างมืดมิดจนมองไม่เห็นทาง แทบไม่ต่างจากคนตาบอดคลำหาทางออกในเส้นทางเขาวงกต

ยามนั้นเรดิกัลรู้สึกอัดอั้นท้อแท้และสิ้นหวัง น้ำตาของอดีตกษัตริย์ผู้ไม่เคยหวั่นเกรงต่อพญามัจจุราชหลั่งไหลออกมา เขาเดินลงไปในแม่น้ำหวังจบชีวิตให้สิ้นเรื่องราว

 

------------------------

เฮ้อ ตัวเอกเราคิดสั้นซะแล้ว ทำยังไงดีเนี่ย เป็นผู้หญิง เวทมนตร์ก็ไม่มี ร่างกายก็อ่อนแอ แต่คู่แค้นเป็นถึงราชาเวท จนตรอกไปทุกทาง /// ตอนนี้อาจไม่มีเวทมนตร์หรือฉากต่อสู้อลังการ อยากให้กลับมาเน้นถึงจิตใจตัวละครเอกเราบ้าง เป็นกำลังใจทุกท่านที่ท้อแท้แบบเรดิกัลนะครับ ใครมีวันเวลาแย่ ๆ ขอให้ผ่านไปได้ พบกันใหม่ตอน 8 สนุกยิ่งขึ้นครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด