ตอนที่แล้วตอนที่ 181 สิทธิในการหย่าร้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 183 บุหนี่ชาง ข้าจะแก้แค้นเจ้า

ตอนที่ 182 ใครกล้าแตะเปาซีของข้า


อีกสองวันต่อมาเรือนตงเซิงก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “สำนักงานมณฑลจี่อัน” และประตูหลักของมันก็ถูกเปิดออก ประตูเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อกับคฤหาสน์เฟิงนั้นถูกทำให้เล็กลงโดยเฟิงเฟิงหยูเฮง

แม้จะเฟิงจินหยวนจะพยายามอย่างเต็มที่ในการปิดข่าว แต่เพียง 3 วันข่าวการหย่าร้างของเขากับเหยาซื่อก็กลายเป็นที่รู้กันไปทั่วเมืองหลวง นักเล่าเรื่องในโรงน้ำชาเพิ่งพูดถึงคฤหาสน์ของเขา แม้แต่ขอทานที่ด้านข้างถนนก็พูดบางอย่างเกี่ยวกับการหย่าร้างได้

อีกเรื่องที่ใกล้เคียงกับ “การหย่าของเสนาบดี” ก็คือการหายตัวไปของบุชง

“ใต้เท้าบุใบซีไปทางตะวันออกเพื่อตามหาบุชง แต่ครอบครัวบุได้รับรายงานจากสำนักสื่อสารโดยบอกว่ายังไม่พบตัวเขา” วังซวนแปรงผมของเฟิงหยูเฮง ในขณะที่เล่าเรื่องต่าง ๆ นางเคยได้ยินข่าวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

เฟิงหยูเฮงไม่เข้าใจ “ทำไมจึงไปค้นหาตัวใต้เท้าบุทางตะวันออก ?”

วังซวนกล่าวว่า “เพราะบุชงเป็นแม่ทัพรับผิดชอบชายแดนตะวันออก ถ้าเขาจะจากไป เขาน่าจะไปทางตะวันออก”

เฟิงหยูเฮงไม่ได้คิดแบบนี้ “ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าทำไมเขาจึงจากไป ต้องพิจารณาว่าเห็นเขาครั้งสุดท้ายที่ไหน”

นี่เป็นสิ่งที่วังซวนรู้ดีมาก “ครั้งล่าสุดที่เห็นเขาก็ตอนกลับมาจากมณฑลเฟิงตง เขายิงรถม้าของตระกูลเฟิงทั้งหมดและทะเลาะกับใต้เท้าเฟิง จากนั้นเขาก็หยิบผ้าขาวชิ้นหนึ่งและบอกว่าเขากำลังส่งศพคุณหนู”

เฟิงหยูเฮงพูดอย่างไร้ปัญหา “ในเมื่อมีเหตุผลดังกล่าว เขาจึงไม่สามารถไปยังค่ายทหารในตะวันออกได้อย่างแน่นอน บุชงไม่ได้โง่ แม้ว่าเจ้าและข้าจะเข้าใจ ตระกูลเฟิงใช้สถานะขุนนางเป็นเกราะกำบัง ถ้าบุชงต้องการจัดการกับตระกูลเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องเรียกกองทัพจากชายแดนตะวันออก แต่ถ้าเราคิดเช่นนี้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะคิดเช่นนี้เหมือนกัน ถ้ามีคนเชื่อมโยงความคิดเข้าด้วยกัน นั่นจะเป็นหายนะที่ร้ายแรงสำหรับตระกูลบุ”

“คุณหนูหมายถึงว่าบุชงอยู่ที่มณฑลเฟิงตงหรือเจ้าค่ะ”

“เขาควรจะอยู่ที่นั้น แต่ก็คงไม่พบข้า” นางแตะต่างหูทรงระฆังของนางจากนั้นก็เริ่มพยายามที่จะคิดเรื่องของบุชง

วังซวนไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่นางเริ่มคิดเอง หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็กล่าว “โอ้ ! เป็นไปได้หรือไม่เจ้าค่ะว่าเขาจะมีเป้าหมายอื่นอีก ? การค้นหาคุณหนูเป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจ”

เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “คงจะเป็นอย่างนั้น แต่สิ่งนี้ไม่สามารถตรึงเขาไว้ได้ง่าย ๆ จากสิ่งที่เจ้าพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ตั้งแต่วันนั้นความปรารถนาที่จะตามหาข้าก็เป็นจริง แต่ในเวลาเดียวกันเขามีบางสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าที่จะทำ และเรื่องนั้นมีโอกาสมากที่คนอื่นจะต้องไม่รู้”

“จากนั้นใต้เท้าบุจะไปตามหาเขาในภาคตะวันออกก็ทำให้คนนอกเห็นแบบนั้น” วังซวนสางผมให้เฟิงหยูเฮงเสร็จก็ตบไหล่ของนาง “เกล้าผมเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ดูก่อนว่าคุณหนูชอบหรือไม่เจ้าค่ะ ?”

เฟิงหยูเฮงไม่เคยเจอคนที่ใส่ใจกับทรงผมของนาง อย่างที่นางเคยพูดมันเป็นการดีที่สุดที่จะมัดเป็นทรงหางม้า อย่างไรก็ตามวังซวนยังคงเกล้าผมของเฟิงหยูเฮงทุกวันอย่างเหมาะสม นางจะเปลี่ยนการทำทรงผมบ่อยครั้งซึ่งทำให้เฟิงหยูเฮงอารมณ์ดี

“ตระกูลบุคิดว่าตัวเองฉลาด และมองคนอื่นว่าเป็นคนโง่เสมอ” นางเล่าให้ฟังว่าวังซวนซึ่งนางไม่เข้าใจ และพูดถึงบุชงต่อ “ถึงแม้ว่าวิธีการแบบนี้สามารถหลอกคนส่วนใหญ่ได้ สำหรับสุนัขจิ้งจอกเฒ่าที่ฉลาดไม่มีอะไรจะชี้ให้เห็น ข้าเชื่อว่านอกเหนือจากเราแล้ว ฮ่องเต้และซวนเทียนหมิงยังเดาจุดนี้ได้ แต่พวกเขาเพียงอยากรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของบุชงคืออะไร”

ในขณะที่ทั้งสองพูดกัน ฉิงซวงก็เดินเข้ามากับสาวใช้คนนี้มาที่เรือนตงเซิงก่อนจะไปมณฑลเฟิงตง นางถูกกักตัวไว้ที่นี่ตลอดเวลาโดยเฟิงหยูเฮง นางทำได้ดีมากในการจัดระเบียบลานสนาม

“คุณหนูรอง มีของขวัญแสดงความยินดีบางส่วนที่นำเข้ามา มีการเขียนรายการของขวัญลงไปแล้ว คุณหนูตรวจดูก่อนเจ้าค่ะ” ฉิงซวงส่งรายการให้เฟิงหยูเฮงจากนั้นถอยไปสองก้าว และยืนด้วยความเคารพ

นับตั้งแต่เรือนตงเซิงกลายเป็นสำนักงานมณฑลและเปิดประตูต้อนรับ มันก็มีผู้คนมากมายที่มาแสดงความยินดีกับนางอย่างไม่สิ้นสุด ในวันแรกมันเป็นเพียงแค่พระราชวังที่มาแสดงความยินดีกับนาง สิ่งดี ๆ มากมายที่มาจากตัวแทนของฮ่องเต้และฮองเฮา พระชายาหยุน และพระสนมคนอื่น ๆ ต่างส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้ มีเครื่องเรือนทุกชนิด สำหรับของขวัญชิ้นเล็ก ๆ นั้นมีหลากหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีผ้าและเสื้อผ้า ในวันที่สองเป็นตัวแทนขององค์ชาย อ๋อง องค์หญิง และบุคคลสำคัญอื่น ๆ ในวันที่สาม ขุนนางและฮูหยินตระกูลต่าง ๆ มาแสดงความยินดี แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาส่งนั้นไม่ถือว่ามีค่า แต่พวกเขาก็ยังเป็นสิ่งที่ดี ตอนนี้ในวันที่สี่คนที่มาส่งของขวัญมาจากตระกูลของขุนนางขั้นสี่และต่ำกว่านั้น คุณภาพของของขวัญก็ลดลงตามระดับโดยพวกมันถูกจำกัดโดยขั้นของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถให้ของขวัญที่ยอดเยี่ยมได้

เมื่อสามวันก่อนเฟิงหยูเฮงได้รับของขวัญด้วยตัวเองซึ่งทำให้นางเหนื่อยล้าเหลือเกิน วันนี้ฉิงซวงตัดสินใจไม่เรียกนาง นางจดรายการของขวัญและมอบให้ทีเดียว ผู้คนที่มาส่งของขวัญก็รู้ว่าตำแหน่งของพวกเขาอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คู่ควรกับการมอบของขวัญให้องค์หญิงแห่งมณฑลด้วยตนเอง ความสามารถในการให้ของขวัญนั้นหายากอยู่แล้ว พวกเขายังได้รับรางวัลด้วยสิ่งดี ๆ มากมาย

เฟิงหยูเฮงดูรายการคร่าวๆ และรู้สึกว่ามีปัญหาไม่มากนัก ดังนั้นนางจึงส่งคืนให้ฉิงซวง จากนั้นนางก็บอกนางว่า “เริ่มตั้งแต่วันนี้ คัดแยกของขวัญแล้วมอบให้เป็นรางวัลแก่บ่าวรับใช้ของคฤหาสน์นี้ สำหรับสิ่งที่จะมอบให้พิจารณาจากอายุและความชอบ หรือปล่อยให้พวกเขาเลือกเอง เก็บบันทึกนี้ไว้ เมื่อฉิงหยูกลับมารายงานกับนางเช่นกัน”

ฉิงซวงขอบคุณนางอย่างรวดเร็วสำหรับความเมตตา จากนั้นส่ายหัวแล้วพูดว่า “คุณหนูไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญนี้เจ้าค่ะ บ่าวรับใช้คนนี้ได้รับสิ่งดี ๆ มากมายในวันนี้ ทุก ๆ อย่างที่ฮูหยินและคุณหนูมอบให้นั้นดีมากเจ้าค่ะ บ่าวรับใช้คนนี้ไม่กล้าใช้พวกมันและไม่เคยคิดที่จะให้คุณหนูรองมอบพวกมันให้บ่าวรับใช้อย่างพวกเราด้วยเจ้าค่ะ”

เฟิงหยูเฮงพอใจมากกับความคิดของฉิงซวง แต่นางไม่สามารถยอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ นี่เป็นส่วนหนึ่งของกฎการเป็นเจ้านาย

“ในเมื่อพวกมันเป็นรางวัลของพวกเจ้าก็เก็บรักษาพวกมันให้ดี ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการมีสิ่งที่ดีมากเกินไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดวันหนึ่งเจ้าจะต้องแต่งงาน เพียงแค่ถือว่าเป็นสินสอดทองหมั้นสำหรับตัวเจ้าเอง รายการที่ของขวัญที่จะได้รับจะถูกนำมาจากของขวัญที่ส่งไป เจ้าจะมีส่วนร่วมด้วย”

ฉิงซวงรู้สึกซาบซึ้ง เฟิงหยูเฮงใจดีมาก นี่คือสิ่งที่นางไม่เคยคิดมาก่อนที่จะถูกเลือกโดยฉิงหยูเพื่อเข้าสู่คฤหาสน์

นางคุกเข่าและคำนับต่อเฟิงหยูเฮงทันที “บ่าวรับใช้คนนี้ขอบคุณคุณหนูมากเจ้าค่ะ”

“เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว มีกฎไม่มากที่นี่ เจ้าได้รับการคัดเลือกจากฉิงหยู ดังนั้นข้าจึงเชื่อใจเจ้าด้วยเช่นกัน” ด้วยคำพูดเหล่านี้นางไม่เพียงแต่เอาชนะใจของฉิงซวงเท่านั้น นางได้รับการยืนยันจากฉิงหยูก็เพียงพอ ในท้ายที่สุดบ่าวรับใช้เหล่านี้จะถูกจัดการโดยฉิงหยู นางรู้ว่านางต้องเพิ่มศักดิ์ศรีของฉิงหยูอย่างนี้ นางจะมีความสงบของจิตใจ

หลังจากชิงซวงขอบคุณนาง นางก็ออกไปคัดแยกรางวัล มีเพียงเฟิงหยูเฮงและวังซวนเหลืออยู่ในห้อง ทันใดนั้นประตูที่เปิดออกก็ปิดเอง เฟิงหยูเฮงตกใจแต่รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น นางทำอะไรไม่ถูก นางพูดว่า "บานซู ! ต่อไปทุกครั้งที่เจ้าปรากฏตัว เจ้าควรจะสร้างสรรค์กว่านี้?”

วังซวนก็พูดไม่ออก เขากำลังทำอะไรอยู่เล่นแสดงเป็นผีในตอนกลางวันหรือ

เสียงพร่ามัวปรากฏต่อหน้าต่อหน้าของพวกเขา และบานซูก็ปรากฏตัวขึ้น

“อากาศหนาวมากในฤดูหนาว เปิดประตูทิ้งไว้ มันไม่ดีหรือที่ข้าช่วยปิดประตู ?” ชายคนนี้เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวอย่างรวดเร็ว และพูดกับเฟิงหยูเฮง “แมวตาย”

“อะไรนะ?” เฟิงหยูเฮงลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ “เปาซี”  วันหลังจากงานเลี้ยง ฮ่องเต้ยึดแมวไว้โดยบอกว่าเขาต้องการขอยืมและเลี้ยงดูมาเป็นเวลา 1 วัน ในตอนนั้นนางคิดว่าฮ่องเต้ต้องการใช้แมวตัวนั้นเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระชายาหยุนอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงเห็นด้วย ใครจะรู้ล่วงหน้าว่าภายในไม่กี่วันแมวจะตายจริงหรือ

“คุณหนู อย่าได้เศร้าโศกไปเลยขอรับ” บานซูเห็นการแสดงออกของเฟิงหยูเฮงและไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาควรจะพูดอะไร หลังจากเงียบเป็นเวลานาน ก็เป็นคำพูดที่เขาคิดขึ้นมา

วังซวนโกรธอย่างกะทันหัน “อย่าได้เศร้าโศก บอกเรามาเร็ว ๆ ว่ามันตายอย่างไร”

“มันกลายเป็นบ้าหลังจากงานเลี้ยง ไม่เพียงแต่วิ่งไปรอบ ๆ ทุกที่เท่านั้น แต่มันยังกลิ้งตัวไปกับพื้นและเอาหัวชนเสา ในตอนแรกฮ่องเต้คิดว่ามันไม่คุ้นเคยกับพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงพบว่าพระชายาหยุนชอบเล่นกับมัน อย่างไรก็ตามแมวนั้นก็กัดคนเมื่อเห็นพวกเขา พวกขันทีและนางกำนัลไม่กล้าให้ฮ่องเต้เข้าใกล้ แล้วพวกเขาก็ไม่กล้าตีแมวด้วย พวกเขาได้แต่หากรงมาใส่แมวเท่านั้น ฮ่องเต้ไม่อนุญาตให้พวกเราบอกคุณหนูหรือพระชายาหยุน ในขณะที่พระองค์กลัวว่าคุณหนูจะพาแมวไป ใครจะรู้ว่าเพียงไม่กี่วันแมวก็จะตาย”

เฟิงหยูเฮงรู้สึกไม่พอใจ แมวตัวนั้นน่ารักมากและมันรู้ใจนางได้เป็นอย่างดี เมื่อนางจับแมวตัวนั้นนางก็ไม่อยากปล่อยมันไป ในตอนแรกนางคิดว่าฮ่องเต้จะเล่นกับมันสัก 10 วันก่อนจะส่งคืนให้นาง นางให้ฉิงหลิงและสาวใช้บางคนทำชุดเสื้อผ้าเล็ก ๆ ให้แมว 3 ชุด ใครจะคิดว่าพวกเขาจะได้ยินข่าวร้ายแบบนี้

“เปาซีไม่เป็นบ้าโดยไม่มีเหตุผล ข้าไม่เชื่ออย่างแน่นอน !” เฟิงหยูเฮงรู้สึกถึงคลื่นของความโกรธที่พุ่งพรวดจากก้นบึ้งของหัวใจนาง มีผู้คนมากมายที่เล็งเป้ามาที่นาง แล้วตอนนี้พวกเขาเล็งแมวของนาง ? “ศพแมวอยู่ไหน ?” นางถามบานซูว่า “ศพอยู่ไหน?”

“อยู่ในพระราชวังขอรับ แต่องค์ชายเจ็ดบอกว่าถ้าคุณหนูอยากได้ พระองค์จะส่งมาให้ที่นี่ขอรับ”

"ข้าต้องการมัน ! แน่นอนข้าต้องการมัน ! “เฟิงหยูเฮงหรี่ตาและขมวดคิ้ว”ข้าสงสัยว่ามีคนวางยาพิษเปาซี”

บานซูพยักหน้า “คุณหนูรอที่นี่นะขอรับ อย่าออกไปข้างนอก ข้าจะไปเอามันกลับมา” ในพริบตาเขาก็หายตัวไป

วังซวนช่วยเฟิงหยูเฮงกลับไปนั่งที่เดิม ไฟไหม้อย่างต่อเนื่องในเตาถ่าน แต่ก็ไม่สามารถสร้างความอบอุ่นแม้แต่น้อย

“คุณหนูเชื่อว่ามีคนทำอะไรมันใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”

เฟิงหยูเฮงส่ายหัว “ไม่” นางเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่วินาทีที่นางได้รับแมวเมื่อนางมอบมันให้กับฮ่องเต้ ตามปรกติไม่ควรมีสิ่งใดที่จะเกิดขึ้นหลังจากถึงมือของฮ่องเต้ ท้ายที่สุดไม่มีใครมีความกล้าหาญและความสามารถในการทำอะไรที่นั่น จากนั้นก็หมายความว่ามันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น

แต่ไม่ว่านางจะคิดอย่างไรนางก็ไม่เชื่อว่าจะมีเวลาใดที่เปาซีเข้าใกล้ผู้อื่น เมื่อคิดอยู่นาน และมีเงื่อนงำเพียงอย่างเดียวก็คือเมื่อมันกัดนิ้วของบุหนี่ชาง เพียงครั้งเดียวเท่านั้นนั่นคือมันไม่ได้อยู่ในการควบคุมของนาง

“นิ้ว…” นางพึมพำอย่างไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจอะไรบางอย่าง นางเริ่มมีการคาดเดาที่คลุมเครือ แต่นางต้องก้าวไปอีกขั้นเพื่อยืนยัน

“คุณหนูพูดถึงอะไรเจ้าคะ ?” วังซวนไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด

เฟิงหยูเฮงบอกนางว่า “ในงานเลี้ยงนั้นเปาซีกัดนิ้วของบุหนี่ชาง หากข้าคาดเดาไม่ผิด ปัญหาควรอยู่ที่นั่น” ดูเหมือนว่านางจะต้องทำการตรวจเปาซี

บานซูกลับมาหลังจากเฟิงหยูเฮงรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เขาไม่ปรากฏตัวแต่ได้ยินเสียงของเขาในอากาศ “องค์ชายนำแมวมา” หลังจากนั้นมีสาวใช้จากประตูรายงานว่า “องค์ชายเจ็ดมาพบคุณหนูเจ้าค่ะ”

“รีบเชิญองค์ชายเข้ามาเร็ว !” เฟิงหยูเฮงยืนขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อต้อนรับเขาเป็นการส่วนตัว

เมื่อนางไปถึงสนามหน้าประตู นางเห็นซวนเทียนฮั่วในชุดคลุมสีน้ำเงินซีด ขณะที่เขาเดินถือกล่องไม้ นางรีบเดินไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วและจ้องไปที่กล่อง

จากนั้นนางก็ได้ยินซวนเทียนฮั่วพูดเบา ๆ กับนางว่า “ถ้าเจ้าสามารถสรุปในเรื่องนี้ได้ บางทีจุดจบของตระกูลบุจะมาถึงอย่างรวดเร็ว”

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด