ตอนที่แล้วตอนที่ 14 เอาไปถลุงเสีย [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 ตัดมือ [อ่านฟรี]

ตอนที่ 15 รับคำท้า [อ่านฟรี]


ตอนที่ 15 รับคำท้า

ผู้แปล Doramartin

 

"โล่ระฆังทองคำตะวันฉาย พึ่งสสารถ่องแท้ในร่างกาย ก่อร่างระฆังทองคำ หากเข้าใจถึงขอบข่ายอณูสวรรค์ ระฆังทองคำจะเทียบได้กับอาวุธสงครามระดับต่ำหากเข้าใจถึงขอบข่ายอุรุสวรรค์จะเทียบได้กับอาวุธสงครามระดับกลาง หากเข้าใจถึงขอบข่ายบริบูรณ์ คงเทียบได้กับอาวุธสงครามระดับสูง... "

 

เมื่อดูคำอธิบายในคัมภีร์โบราณหลินได้แสดงสีหน้าของความปีติยินดี

 

โล่ระฆังทองคำตะวันฉาย สมแล้วที่เป็นวิชายุทธระดับสูง หากเข้าใจถึงขอบข่ายสุดท้าย ความทรงพลังของโล่ระฆังทองคำตะวันฉาย คงเทียบได้กับอาวุธสงครามระดับสูง

 

อย่างที่ทราบ ดาบยาวที่หลินหานแย่งมาได้ตอนชนะหลินเจี้ยนเป็นเพียงอาวุธสงครามระดับต่ำแต่ยังมีมูลค่าหนึ่งพันตำลึงทอง

 

"วิชายุทธระดับสูง มันมีพลังมากจริงๆไม่รู้ว่าวิชายุทธระดับสูงสุดจะทรงอานุภาพเพียงใด แล้วยังจะวิชายุทธที่เหนือกว่าระดับสูงสุดอีก คือ...วิชายุทธโชคชะตา!"

 

ดวงตาของหลินหานเปล่งประกายเล็กน้อย

 

วิชายุทธโชคชะตา มีเพียงปรมาจารย์ยุทธผู้แกร่งกล้าเท่านั้นที่สามารถแกะ มันมีพลังและพลังทำลายล้างที่เหนือชั้น

 

เพราะวิชายุทธโชคชะตา ต้องเป็นบุคคลที่ทรงพลังเหนือกว่ายุทธนวสวรรค์จึงจะสามารถฝึกฝนและทำความเข้าใจ

 

อย่างไรก็ตามเมืองเล็กๆอย่างเมืองต้วนเทียนนี้ หรือทั้งรัฐเยียน มีหรือไม่มีตัวตนทรงพลังที่เหนือยุทธนวสวรรค์ยังคงเป็นปริศนา

 

แต่หลินหานรู้อย่างชัดเจนมากว่าในดินแดนอันกว้างใหญ่ของทวีปหลิงอู่จะต้องมีคนที่มีพลังเหนือกว่ายุทธนวสวรรค์

 

ตัวอย่างเช่นดินแดนไท่กู่ที่เขารู้จากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองมีสิ่งมีชีวิตโบราณและน่ากลัวนับไม่ถ้วน

 

มีปีศาจมารสูงสุด แหงนฟ้าคำราม ก็สามารถทำลายดวงดาวจนถึงสวรรค์ชั้นเก้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพียงโบกมือก็สามารถทำให้ดินแดนล่มสลาย

 

อาณาจักรต่างๆนานาที่ไม่อาจหยั่งถึง เช่นเทพเจ้ามีพลังแห่งสวรรค์ ไม่อาจทราบได้เลยว่ามีผู้แข็งแกร่งที่มีพลังเหนือกว่ายุทธนวสวรรค์มากมายสักกี่เท่า

 

อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตำนานสำหรับหลินหานเท่านั้น

 

สลัดทิ้งความคิดที่ไม่สมจริงออกจากจิต หลินหานเริ่มทำความเข้าใจวิชายุทธระดับสูง "โล่ระฆังทองคำตะวันฉาย" ที่อยู่ในมือของเขา

 

......

 

หลินหานใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายอยู่ในห้องของเขา

 

"บูม"

 

ทันใดนั้น หลินหานก็ยืนขึ้น เขาชูมือทั้งสองข้างทันที ร่างกายเริ่มเปล่งแสงสีทองชนิดต่างๆ

 

หลังจากที่แสงสีทองส่องประกายแวววาวราวกับสายน้ำ ก็ค่อยๆก่อตัวรวมกันกลายเป็นระฆังทองคำบนร่างกายของหลินหาน ทั้งหนัก ทั้งโบราณระฆังทองคำสลักดวงตะวัน ค่อยๆลอยใหญ่ขึ้น พลังมหันต์

 

ตัง!

 

หลินหานชูมือยกระฆังทองคำขึ้นแล้วกระแทกกับห้องทันที ห้องทั้งหลังที่สร้างข้นจากปูนซีเมนต์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

“ฮ่าฮ่าแน่นอนในเวลาเพียงครึ่งวัน ข้าได้เข้าใจโล่ระฆังทองคำตะวันฉายจนถึงขอบข่ายอณูสัมฤทธิ์ระฆังทองก่อรูปร่างในขั้นเริ่มต้นแข็งแกร่งเปรียบได้กับอาวุธสงครามระดับต่ำ”

 

หลินหานแสดงอารมณ์แห่งความสุข

 

เมื่อตอนที่ล่าอสูรพยัคฆ์มังกรในครานั้น ถ้ามีเมืองระฆังทองคำนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวมันอีก

 

ฝ่าเท้าของอสูรพยัคฆ์มังกร ไม่มีทางเหยียบเขาได้อย่างแน่นอน

 

"ฮู!"

 

หลินหานถอนหายใจอย่างช้าๆและกักเก็บพลัง ระฆังทองคำสลายหายไป

 

ในเวลานี้ หลินหานมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าตอ่การประลองของทำเนียบภายนอกในวันพรุ่งนี้

 

ปังปังปัง!

 

แต่ในตอนนี้เอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน

 

"พวกเจ้ากำลังทำอะไร... "เสียงข้ารับใช้ เสี่ยวหนู่ ดังขึ้นอย่างหวาดหวั่นอยู่นอกประตู

 

"เสี่ยวหนู่!"

 

ทันใดนั้นดวงตาของหลินหานสื่อความถมึงทึง

 

มันคือผู้ใด?

 

กล้ามาสร้างปัญหาในที่ของข้า?

 

ปัง!

 

หลินหานเดินตรงไปที่ประตูแล้วผลักประตูไม้ให้เปิดออก

 

ทันใดนั้นเขาได้มองเห็น ยามนี้ เสี่ยวหนู่ หญิงรับใช้กำลังถูกรายล้อมไปด้วยชายหนุ่มหลายคน เพื่อขัดขวางไม่ให้นางออกจากที่ตรงนั้น

 

"เจ้าอีกแล้ว?"

 

พลัน หลินหานก็มองเห็น คนที่นำหน้าสุดก็คือหลินสือ ศิษย์ตระกูลหลักที่ถูกเขาโจมตีจุดตันเถียนจนพิการถึงสองครั้งสองครา

 

เสียงเอิกเกริกของที่นี่ได้ดึงดูดศิษย์ทำเนียบภายนอกที่อยู่รอบๆจำนวนไม่น้อย

 

“หลินสือผู้นี้ ถูกดาวหางอย่างหลินหานโจมตีจุดตันเถียนจนพิการถึงสองครั้ง ยังกล้าที่จะท้าทายเขาอีก?”

 

"เจ้าจะรู้อะไรเวลานี้หลินสือคงเตรียมการมาดี เจ้าไม่เห็นเหรอ เขามีความมั่นใจบนใบหน้า? เท่าที่เห็น คงเตรียมแผนการมาแล้ว"

 

มีคนหลายคนต่างพากันคาดเดา พูดคุยซุบซิบ

 

"เจ้ามีอะไรอีก?" หลินหานขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ

 

ถ้าหากที่นี่ไม่ใช่ในสำนักตระกูลหลิน เขาคงฟันหลินสือจนตายไปแล้ว

 

“เจ้าหมอนี่ ยังเสแสร้งแกล้งทำ ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”

 

หัวใจของหลินสือขบคิดอย่างมุ่ง้รายแต่ใบหน้าแสดงรอยยิ้ม“อ่อนโยน”และพูดว่า:“พี่ชายของข้า เชิญเจ้าไปประลองที่สนาม”

 

เมื่อพูดจบ ผู้คนรอบข้างก็สงบเงียบแต่ในวินาทีต่อมาก็เริ่มเกิดเสียงดังกระหึ่มทันที

 

"พี่ชายของหลินสือ หลินหลาง? เขาต้องการต่อสู้กับศิษย์จากสาขาอย่างหลินหานคนนี้!"

 

"หลินหลางเป็นถึงผู้แข็งแกร่งอันดับเจ็ดในทำเนียบภายนอก หากหลินหานรับคำท้า จะไม่ตายอย่างน่าสยดสยองเหรอ?"

 

"ไม่แน่เสมอไป หลินหานคนนี้ทะลวงสู่ยุทธจตุสวรรค์แล้ว ใครแพ้ใครจะชนะ ไม่อาจรู้ได้"

 

"แต่หลินหลางเป็นผู้แข็งแกร่งที่ผ่านศึกมาโชกโชน อีกอย่าง ภูมิหลังของสองพี่น้องคู่นี้ลึกซึ้งมาก บิดาของพวกเขา ผู้อาวุโสหลินอู่ยาคือผู้มีอำนาจในระดับสูงของสำนัก หลินหลางมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งและหลินอู๋ยาจักต้องถ่ายทอดวิชายุทธทรงพลังมากมายแก่หลินหลางอย่างแน่นอน"

 

......

 

"หลินหลาง?"

 

ดวงตาของหลินหานเปล่งประกายชื่อนี้เขาเคยได้ยินมาก่อน

 

เขาคือการผู้แข็งแกร่งอันดับเจ็ดแห่งทำเนียบภายนอก

 

วินาทีต่อมา หลินหานไม่เอ่ยคำพูดใด เขาเดินออกจากห้อง แล้วเดินไปในทิศทางหนึ่ง

 

"ทำไม หลินหาน หรือเจ้าไม่กล้าต่อสู้กับพี่ชายของข้า" หลินสือมองด้านหลังของหลินหานตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงถากถาง

 

เขากลัวจริงๆว่าหลินหานจะไม่กล้าตอบรับคำท้า

 

"เจ้าพูดว่าประลองที่สนามประลองไม่ใช่เหรอ?"

 

เสียงของหลินหานดังขึ้น

 

หลินสืออึ้ง แต่ก็มีปฏิกิริยาตอบ

 

ทิศทางที่หลินหานกำลังเดินไปในเวลานี้คือทิศทางของสนามประลองของสำนัก

 

"เด็กดีคราวนี้ข้าจะทำให้เจ้าตายโดยไม่มีที่ฝังศพ!" หลินสือแสดงสีหน้ามารร้าย กระซิบกระซิบกับตัวเอง

 

แต่คำตอบของหลินหาน กลับทำให้เหล่าศิษย์แห่งทำเนียบภายโดยรอบดูตกใจ

 

หลินหานผู้นี้

 

ยอมรับคำเชิญไปทั้งอย่างนี้?

 

เขาไม่กลัวความตายจริงๆหรือ?

 

บรรดาศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกได้ก้าวเดินตามหลังหลินหานพวกเขาต้องเป็นสักขีพยานในการต่อสู้ครั้งใหญ่ครั้งต่อไป

 

ระหว่างทาง หลินหานเดินนำหน้าตามด้วยศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกกลุ่มใหญ่

 

การต่อสู้ใหญ่นี้ดึงดูดความสนใจของแต่ละคนบนท้องถนน

 

ในหมู่พวกเขามีศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกจำนวนมากที่ฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่ง อย่างเช่นหลินเทียนผู้แข้งแกร่งอันดับหนึ่งหลินหรูเยียนผู้แข็งแกร่งอันดับสาม หลินเจว๋เตาอันดับสี่.......

 

พวกเขาสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวนี้ สายตาของพวกเขาจึงมองมาทางนี้อย่างประหลาดใจ

 

ผ่านไปสักพักทุกคนก็มาถึงสนามประลอง

 

ในเวลานี้บนสนามประลองสีเขียวขนาดใหญ่ มีร่างคนผอมบางยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมใบหน้ามที่เกิดมาพร้อมกับความโหดร้าย สายตาคมชัดประหนึ่งมีด จ้องเขม็งหลินหานที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ

 

หลินหลาง!

 

ผู้แข็งแกร่งอันดับเจ็ดที่ผ่านศึกมาโชกโชนแห่งทำเนียบภายนอก!

 

ทุกคนหวาดหวั่นครั่นคร้ามหัวใ ออร่าสสารถ่องแท้จากร่างของหลินหลาง ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

 

เขาจะต้อองก้าวสู่ระดับลึกของยุทธจตุสวรรค์ อย่างน้อยๆคงเป็นนักพรตระดับสูง

 

"เจ้าก็คือหลินหานจาตระกูลสาขา ใช่หรือไม่?" หลินหลานเปล่งเสียง น้ำเสียงลองเชิงอย่างเหนือกว่า

 

"เจ้าคือหลินหลางจากตระกูลหลัก ใช่หรือไม่"

 

ทันใดนั้น เสียงของหลินหานก็ดังขึ้น

 

เขามองไปที่หลินหลางยิ้มอย่างเย็นชาและตอบด้วยท่าทางเดียวกัน

 

"เจ้า ......"

 

หลินหลางเปล่งประกายแสงความมุ่งร้ายแวบหนึ่งในดวงตาแต่ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงแสยะมุมปากอย่างโหดเหี้ยมเขาพูดว่า: "ในเมื่อเจ้ากล้ามา ข้าก็จะสั่งสอนเจ้าดีดี แม้นที่นี่คือทำเนียบภายนอกแห่งสำนักตระกูลหลิน แต่มิใช่สถานที่ที่มดปลวกจากสาขาผู้ต่ำต้อยจะมาวางท่าโอหัง! "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด