ตอนที่แล้วตอนที่ 13 ทลาย [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 รับคำท้า [อ่านฟรี]

ตอนที่ 14 เอาไปถลุงเสีย [อ่านฟรี]


ตอนที่ 14 เอาไปถลุงเสีย

ผู้แปล Doramartin

 

วันนี้เป็นวันที่ต้องลงทะเบียนการประลองทำเนียบภายนอก

 

หลินหานออกไปข้างนอกเดินตรงไปยังสถานที่ลงทะเบียน ที่นั่น คือใจกลางของสำนักตระกูลหลิน เป็นเขตแดนที่แบ่งคั่นระหว่างทำเนียบภายในและทำเนียบภายนอก

 

มีเพียงคนที่ติดหนึ่งใน25อันดับในการประลองแห่งทำเนียบภายนอกในครานี้ จึงมีคุณสมบัติเข้าร่วมในงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธของตระกูล แล้วต่อสู้ชิงชัยกับศิษย์ทำเนียบภายในในปัจจุบัน เพื่อกลายเป็นศิษย์ทำเนียบภายในคนใหม่

 

"ตอนนี้ ข้าได้ก้าวเข้าสู่ยุทธจตุสวรรค์สวรรค์แล้ว ปราณถ่องแท้ควบแน่นเป็นสสารถ่องแท้ ถือว่าเป็นระดับหัวกะทิในทำเนียบภายนอก อีกอย่าง วิชายุทธทั้งหลายแหล่ของข้า ได้ตระหนักถึงระดับอุรุสัมฤทธิ์ไม่ก็ระดับบริบูรณ์ ทั้งยังมีการเพิ่มพลังขึ้นเป็นสองเท่าของเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่ พลังต่อสู้ที่แท้จริงไม่ด้อยไปกว่ายุทธปัญจสวรรค์เลย"

 

ระหว่างทางหลินหานวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างเงียบๆและเปรียบเทียบกับอัจฉริยะที่มีอันดับต้นๆของทำเนียบภายนอก อย่าง หลินหรูเยียน หลินเจว๋เตา

 

ระหว่างทาง หลินหานเดินผ่านสนามประลองในลานใหญ่ทำเนียบภายนอก จึงมีศิษย์ภายนอกจำนวนมากเห็นหลินหาน พร้อมกับพูดเบาๆซุบซิบนินทา

 

คนผู้นี้ ปราบหลินสือจนพิการถึงสองครั้งฆ่าหลินเจี้ยนผู้เป็นนักดาบอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบภายนอก เรื่องนี้ทำให้หลินหานมีชื่อเสียงเล็กน้อยในทำเนียบภายนอก

 

ยิ่งกว่านั้น วันที่หลินหานจะฆ่าหลินเจียนเขาก็ยังกระซิบข้างหูของหลินหรูเยียนผู้เป็นธิดาผยองแห่งท้องนภา มีอันดับสามแห่งทำเนียบภายนอก ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยว่ามีอะไรระหว่างหลินหานกับหลินหรูเยียน

 

"ปราณทรงพลัง หรือว่า หลินหานผู้นี้ทลายขอบเขตแห่งยุทธอีกครั้ง?"

 

“ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นเขา พลังยุทธคือตรีสวรรค์เท่านั้น หรือว่าในเวลาเพียงไม่กี่วัน เขาทลายส่ยุทธจตุสวรรค์ ก่อสสารถ่องแท้ กลายเป็นนักพรตอย่างแท้จริง?ปีศาจชัดๆ”

 

มีศิษย์ทำเนียบภายนอกจำนวนมากต่างจ้องดูหลินหานเดินมาด้วยสายตาหวาดหวั่น

 

ในสายตาของพวกเขา หลินหานเป็นดั่งดวงดาวในทำเนียบภายนอก จึงไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุ

 

อย่างไรก็ตาม มีใครบางคนแอบเยาะเย้ยเพราะความริษยา

 

“เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งเกินไป ไม้งามย่อมถูกโค่นก่อน จะต้องมีใครบางคนสั่งสอนเจ้าหมอนี่”

 

......

 

หลินหานเลือกที่จะเพิกเฉยต่อความกลัวความหวาดระแวงหรือความเกลียดชังของศิษย์ตระกูลหลักแห่งทำเนียบภายนอกที่อยู่รอบๆ

 

ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ เดินเยื้องกรายช้าๆ

 

เจตจำนงแกร่งกล้าที่ขัดเกลามาเป็นเวลาหลายปี ประกอบกับความลุกโชนของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง ทำให้พลังใจของหลินหานยึดมั่นต่อวิถียุทธ อารมณ์ไม่มีทางผันผวนเนื่องจากคำพูดของคนนอก

 

อย่างไรก็ตามหลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลินหานก็มาถึงจุดเชื่อมต่อระหว่างทำเนียบภายนอกและทำเนียบภายใน

 

ที่นั่นมีคนหลายร้อยคนในห้องโถงใหญ่ซึ่งทุกคนเป็นศิษย์ของทำเนียบภายนอกที่มาลงทะเบียน

 

ในห้องโถงนี้มีคนหลายคนที่เป็นผู้รับผิดชอบในการลงทะเบียนของศิษย์แห่งทำเนียบภายนอก

 

หลินหานก้าวไปข้างหน้าและเข้าแถวอย่างเงียบๆ

 

เขาคิดว่าเมื่อการลงทะเบียนวันนี้สิ้นสุดลงก็จะเริ่มการประลองทันทีแต่ผลลัพธ์ที่ได้รู้จากปากของศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกคนหนึ่ง คือ วันนี้เป็นเพียงการลงทะเบียนเท่านั้น ในวันพรุ่งนี้ต่างหากจึงเป็นเวลาประลองจริงๆ

 

แต่ในเรื่องนี้หลินหานไม่ใคร่จะใส่ใจนัก

 

เพราะเมื่อใดที่การลงทะเบียนในวันนี้สิ้นสุดลง เขาก็จะมีเวลาว่างอีกหนึ่งวัน หลินหานจึงเตรียมตัวที่จะทำความเข้าใจวิชายุทธ "เกราะระฆังทองตะวันฉาย" ที่เขาได้รับจากลั่วเฟยหยู่

 

ด้วยพรสวรรค์แข็งแกร่งซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงจากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง ทำให้หลินหานมีความมั่นใจมากถึงแม้ว่าเกราะระฆังทองตะวันฉายเป็นชุดวิชายุทธระดับสูงแต่อย่างน้อยเขาคงสามารถเข้าใจได้ถึงขั้นอณูสัมฤทธิ์

 

เวลาผ่านไป ไม่ทันรู้ตัวครึ่งชั่วยามก็ได้ผ่านไป

 

ในที่สุดก็มาถึงคิวของหลินหาน

 

"เจ้าหนู หลีกไป!"

 

ทันใดนั้น มีเสียงหยาบคายดังขึ้นจากด้านหลังของหลินหาน

 

หลินหานขมวดคิ้วหันหลังและมองไปทางด้านหลัง มีชายหนุ่มที่แสดงใบหน้าเหี้ยมโหดยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทางดูหยิ่งผยอง

 

"ถ้ารู้จักข้าก็จงหลีกไปซะ ให้ข้าลงทะเบียนก่อน!" ชายหนุ่มส่งเสียงตะโกนอย่างดุเดือดด้วยน้ำเสียงที่ใจร้อน

 

เมื่อพูดจบ บรรดาศิษย์รอบๆที่มาลงทะเบียนก็หดหัวลง หลีกทางให้อย่างเงียบๆ

 

ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเหี้มโหดคนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นที่รู้จักในทำเนียบภายนอก

 

ยุทธจตุสวรรค์ นักพรตขั้นก่อเกิด

 

เพียงพริบตาเดียวหลินหานก็ตระหนักถึงตบะของชายหนุ่มคนนี้ แต่อย่างไรก็ตามชายคนนี้ยังมีแสงสีเลือดประหลาดที่ผลุบๆโผล่บนร่างหนึ่งชั้น ดูเหมือนว่าจะมีพลังพิเศษ

 

แต่ตอนนี้ หลินหานได้ก้าวสู่ยุทธจตุสวรรค์ เขากล้าที่จะท้าสู้กับนักพรตขั้นกลางแห่งยุทธปัญจสวรรค์ จึงไม่ต้องพูดถึงชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังซึ่งมีพลังยุทธจตุสวรรค์เลย

 

หลินหานสื่ออารมณ์เยาะหยันในดวงตา และเข้าแถวต่อไปไม่สนใจชายหนุ่มคนนั้น

 

“จบเห่แน่ เจ้าหมอนั่นเคราะห์ร้าย หลินซาผู้นี้คือผู้แข็งแกร่งอันดับสิบของทำเนียบภายนอกของเรา มีพลังยุทธจตุสวรรค์”

 

"ใช่! ในทำเนียบภายนอกของเรายังมีใครบ้างที่ไม่รู้จักหลินซาคนโหดที่ชอบชกต่อยอย่างไม่คิดชีวิต อีกอย่าง เขายังฝึกฝนเคล็ดวิชาระดับสูงที่ทรงพลังเป็นที่สุด คือ วิชาไอโลหิตมาร หากต่อสู้กับเขาภายใต้อิทธิพลของออร่าที่น่ากลัวจิตใจจะต้องถูกกลืนกินด้วยไอมาร"

 

ในขณะนี้ มีศิษย์หลายคนได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นจุดจบอย่างน่าสยดสยองของหลินหาน "ชายผู้ไม่เป็นที่รู้จัก" แล้ว

 

"กล้าเมินเฉยต่อข้า รนหาที่ตาย!"

 

หลินซาเกิดมาพร้อมกับหัวใจที่ฉุนเฉียว ตอนนี้พอเขาเห็นหลินหานตั้งใจที่จะไม่เปิดทางแก่เขาสายตาของเขาสื่อความดุร้ายทันที

 

"กรงเล็บมารไอโลหิต คุกเข่าลง!"

 

หลินซาตะโกนเสียงดัง

 

ทันใดนั้นดวงตาของเขามีออร่าสีแดงเลือด คนที่มองอยู่ตรงข้าม ต่างรู้สึกราวกับว่าปีศาจกำลังกัดกร่อนจิตใจของตัวเองทันที

 

"ไสหัวไป!"

 

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ หลินหานก็หันกลับไปตะคอกทันที

 

ดวงตาของเขาวาบแสงสีทองอย่างที่ไม่อาจตระหนักถึง ในแสงสีทองนั้น มีจิตมังกรตัวหนึ่งร้องคำราม ออร่าสีเลือดจึงไม่มีอิทธิพลใดๆกับหลินหาน

 

"ปัง"

 

เคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไท่กู่มอบพลังกายแก่หลินหาน บัดนี้เขาต่อยหมัดออกไป กำปั้นเหนี่ยวเต็มแรง ต่อยหลินซากระเด็นลอยออกไป

 

"อ้ากกก!"

 

พลังอันแกร่งกล้า ทำให้ใบหน้าของหลินซาเปลี่ยนไป ขณะที่ร่างของเขากระเด็นลอยอยู่ในอากาศเขากระอักเลือดออกมา

 

ทรงพลัง!

 

รุนแรง!

 

หมัดที่ง่ายและธรรมดาๆ แต่สามารถต่อยจนหลินซาลอยไปได้ทันที

 

"เขาคือใคร"

 

"หนึ่งหมัดต่อยจนผู้แข็งแกร่งอันดับสิบแห่งทำเนียบภายนอกจนกระเด็น น่ากลัวนัก!"

 

ในเวลานี้ ศิษยที่มาลงทะเบียนนับไม่ถ้วนล้วนมองไปทางชายหนุ่มสวมชุดสีเขียวซึ่งยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทุกคนต่างแสดงสีหน้าตกใจ

 

มีใครหลายคนแอบถอนหายใจ

 

แน่นอนทุกครั้งที่ใกล้จะถึงการประลองทำเนียบภายนอก ศิษย์แห่งทำเนียบภายนอกหลายร้อยคนมักจะม้ามืดหนึ่งหรือหลายคนโผล่ออกมา

 

เห็นได้ชัดว่า ชายหนุ่มชุดสีเขียวคนนี้เป็นม้ามืดตัวใหญ่

 

หลินซาก็โชคร้ายเช่นกันเขายังไม่ได้เริ่มการประลองก็ไปเตะแผ่นเหล็กเข้าเสียแล้ว

 

"ครั้งต่อไปข้าจะทำให้เจ้าพิการ!"

 

หลินหานลงทะเบียนเสร็จสิ้น หันไปมองหลินซาที่เอ๋ออยู่บนพื้นดิน เขาทิ้งท้ายประโยคที่เย็นชาจากนั้นก็หันหลังจากไป

 

พริบตาเดียว ร่างของเขาก็หายลับไปจากสายตาที่สื่ออารมณ์นับถือของทุกคน

 

......

 

ในไม่ช้า หลินหานกลับไปถึงพักอาศัยของเขา

 

ในเวลานี้ท้องฟ้าช่างสดใสจริงๆ

 

เสี่ยวหนู่ข้ารับใช้ผู้ที่มักจะถืออ่างน้ำกำลังเดินเข้ามาในจุดที่ไม่ไกลนัก

 

อย่างไรก็ตาม หลินหานดึงเสี่ยวหนู่เข้ามาในห้องทันที แล้วดึงตั๋วทองคำหนาๆออกจากแขนเสื้อของเขาทันที

 

“ตั๋วทองคำมากมายขนาดนี้? คุณชาย ท่าน ...” เมื่อมองดูกองตั๋วทองคำบนโต๊ะข้ารับใช้ตกตะลึงจนไม่อาจปกปิดความดีใจ การแสดงออกน่ารักมาก

 

"เจ้ารับตั๋วทองเหล่านี้ไปเสีย ในปีที่ผ่านมา เสี่ยวหนู่ เจ้าได้รับความยากลำบากมาก ตอนนี้คุณชายของเจ้ามีเงินแล้ว รับเงินไปถลุงมันซะ" หลินหานลูบผมสีดำสนิทของหญิงรับใช้ ยิ้มไปที่โต๊ะซึ่งวางตั๋วทองคำเอาไว้

 

"คุณชาย ท่านใจกว้างจริงๆ!"

 

หญิงรับใช้ไม่เคยเห็นตั๋วทองคำจำนวนมากในคราเดียวเช่นนี้มาก่อน ดวงตาสีดำขแงนางเป็นประกายสดใสแสดงความตื่นเต้นเล็กน้อย นางอดไม่ได้ที่จะเอาปากสีชมพูเรื่อจูบแก้มคุณชายของนาง

 

สำหรับเรื่องนี้ หลินหานเพียงหัวเราะฮ่าฮ่า

 

สำหรับหลินหาน ยามนี้เขายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ตั๋วทองคำเหล่านี้ แต่หญิงรับใช้ เสี่ยวหนู่ พยายามดูแลเขามาหลายปีแล้วนี่คือสิ่งที่นางสมควรได้รับ

 

ตึง!

 

ประตูถูกปิด หลินหานนั่งขัดสมาติอยู่ในห้อง แล้วหยิบวิชายุทธเล่มหนึ่งจากแขนเสื้อของเขา

 

มันคือ "โล่ระฆังทองคำตะวันฉาย"

 

เขาจะใช้เวลาในวันสุดท้าย เพื่อตั้งใจศึกษาวิชายุทธระดับสูงสายป้องกันตัวที่หายากอย่างยิ่งนี้

 

หัวใจของหลินหานรับรู้อย่างชัดเจน หากสามารถประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงการประลองของทำเนียบภายนอกเลย ต่อให้เป็นงานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธของทำเนียบภายใน ในอนาคตจะมีบทบาทอย่างมาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด