ตอนที่แล้ว04: พลังวิญญาณนอกระบบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป06 นักสะกดวิญญาณ

05: เค้กแต่งงาน


05

เค้กแต่งงาน

 

                “ฉันรู้ว่าเธอต้องการฉัน... ว่าที่เจ้าสาวของฉัน”

            ฮึก!

โซอีสะดุ้งตื่นจากฝันที่ประโยคนั้นดังอื้ออึงอยู่ข้างหู แต่เมื่อรู้สึกว่าตัวเองยังอยู่ในห้องนอนเดิมโดยที่ยังไม่โดนพาตัวไป ใจที่เต้นระส่ำก็เริ่มผ่อนคลายลง

แต่เอ๊ะ... เมื่อหันไปทางซ้ายหญิงสาวในร่างเด็กหญิงก็พบสิ่งผิดปกติชิ้นเบ้อเร่อทันที

เฮคเตอร์นอนตะแคงข้างหันหน้าเข้ามาหาเธออยู่ตรงนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนจำได้ว่าเธออยู่คนเดียวแน่นอน

“ไอ้คนโรตจิต! ออกไปนะ! คิดจะทำอะไร!”

โซอีลุกขึ้นแล้วหยิบหมอนขึ้นมาฟาดชายหนุ่มยกใหญ่ แต่หมอนนุ่มๆ ที่ฟาดไปตามตัวตามหัวของชายหนุ่ม บวกกับเรี่ยวแรงของเด็กเจ็ดขวบกลับเหมือนแรงนวดที่กำลังพอดีสำหรับเขา เฮคเตอร์ตื่นแล้วแต่ยังไม่ลุก เขาอยากลองแกล้งอีกฝ่ายต่อรอดูว่าเธอจะทำยังไง แต่แล้วเมื่อแอบแง้มเปลือกตาขึ้นมามองตอนแรงฟาดหมอนหยุดไป ชายหนุ่มก็เกือบจะหายตัวแวบหนีไม่ทัน เมื่อร่างของเด็กหญิงกำลังจะกระโดดกระแทกข้อศอกลงมา

เกือบไปแล้ว เฮคเตอร์พ่นลมอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าตัวเองรอดชีวิต มีสิ่งต่างๆ ถูกขว้างตามมาต่อพร้อมกับเสียงสบถเล็กแหลมที่ฟังแล้วตลกจนดูน่ารักมากกว่า รอจนไม่เหลืออะไรบนเตียงให้ขว้าง เฮคเตอร์จึงได้โอกาสพูดขึ้นเสียที

“ถึงเมื่อวานชาเกลมันจะบอกว่าพวกนั้นไม่น่าจะผ่านม่านพลังป้องกันของกองปราบวิญญาณได้ก็เถอะ แต่ใครจะไปรู้ว่าพวกมันยังมีพรรคพวกคนอื่นอีกมั้ย มีพลังอะไรบ้าง ฉันกลัวตื่นมาเธอก็โดนเอาตัวไปโดยที่ฉันไม่รู้เรื่องแล้ว ถึงต้องมานอนเฝ้านี่ไง แต่ไม่ต้องห่วงฉันจะให้เธอหลับก่อนแล้วค่อยมา ไม่งั้นคงจะนอนไม่หลับใช่มั้ยล่ะ”

“แบบนั้นมันยิ่งน่าห่วงกว่าไม่ใช่รึไง หลับไปแล้วจะโดนทำอะไรบ้างก็ไม่รู้!”

“นี่เธอ... ต่อให้นอนแก้ผ้าฉันก็ไม่มีอารมณ์กับร่างกายของเด็กตัวกะเปี๊ยกหรอกนะ”

“อ๋อ ใช่ซี่ ฉันมันไม่อึ๋มนมโตเหมือนคุณหมอคนสวยกิ๊กของนายนี่!”

“เดี๋ยว ไม่ใช่ซะหน่อย เข้าใจผิดแล้ว”

“ออกไปนะ! ไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณเอ็ด!”

คำขู่ของโซอีได้ผลชะงัด เฮคเตอร์ทำหน้าสยดสยองขึ้นมาก่อนจะรีบออกไปทันทีเมื่อได้ยิน ที่คุณเอ็ดเวิร์ดบอกไว้ท่าทางจะใช้ได้ผลจริงๆ ก่อนแยกย้ายกันที่ออฟฟิศหน่วยเคซีโร่เมื่อคืนนี้ ท่านรองหัวหน้าของหน่วยบอกกับเธอไว้ว่าหากโดนเฮคเตอร์แกล้งให้อ้างชื่อของเขาได้เลย โซอีได้แต่นึกสงสัยว่าคุณลุงพุงพลุ้ยนิดๆ ดูท่าทางใจดีแถมไม่มีทักษะออกไปสู้ภาคสนามนั้นมีอะไรที่น่ากลัวกัน

หญิงสาวในร่างเด็กเดินไปยกเหยือกน้ำขึ้นดื่มโดยไม่ต้องรินใส่แก้วให้ยุ่งยาก เปิดโน้ตบุ๊กที่ใช้เป็นประจำแล้วหยิบขนมขึ้นมากิน เบเกอรี่ชื่อดังร้านต่างๆ ของคาเรมก็อร่อยใช้ได้ทีเดียว

แต่แล้วเมื่อเปิดเช็คออเดอร์สั่งขนมแบบที่ทำจนชินทุกวัน ความเป็นจริงบางอย่างที่มัวแต่เวียนหัวคลื่นไส้จนหลงลืมไปก็วกกลับมา เมื่อวานนี้... ตอนก่อนออกไปตรวจร่างกายที่แผนกแพทย์วิญญาณ เธอส่งอีเมลไปขอยกเลิกรายการสั่งขนมทั้งหมด และขอโทษกับลูกค้าประจำทุกคนแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไร

โซอีถอนใจเมื่อนึกถึงงานทำขนมที่เธอรักและสร้างรายได้ให้ มิหนำซ้ำยังเป็นงานเพียงอย่างเดียวที่เธอทำได้อีกด้วย แต่แล้วในขณะที่กำลังจะปิดเครื่อง อีเมลฉบับหนึ่งก็แจ้งเตือนขึ้นมา

...ฉันไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเห็นว่าคุณปิดหน้าร้านบนเว็บไปแล้ว แต่ได้โปรดทำเค้กแต่งงานให้ฉันอีกสักงานได้ไหมคะ ในตอนแรกคุณแม่ของฉันจะเป็นคนที่ทำเค้กให้งานของเราด้วยตัวเอง แต่เกิดอุบัติเหตุบางอย่างขึ้นเมื่อคืน ทำให้คุณแม่ไม่สามารถลงมือทำเค้กได้ และตามร้านทั่วไปก็ไม่สามารถทำเค้กแต่งงานสามชั้นให้เราได้ในเวลากระชั้นชิดและงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัด พิธีเลี้ยงฉลองของงานแต่งงานจะจัดในเย็นวันนี้ ฉันนึกถึงร้านของคุณขึ้นมา เพราะฉันชอบเบเกอรี่ของคุณมากๆ จนสั่งซื้อมานานหลายปี ได้โปรดเถอะนะคะ ได้โปรดช่วยทำเค้กแต่งงานให้ฉันด้วย...

 

อีเมลจากลูกค้าประจำที่โซอีจดจำชื่อได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาหากเป็นช่วงที่มีออเดอร์เข้ามามากเกินไปเธอก็ต้องจำใจปฏิเสธลูกค้าที่รอคิวนานไม่ได้บ้าง เพราะโซอีทำงานเพียงคนเดียวและไม่คิดจะรับผู้ช่วยเพิ่มอย่างแน่นอน แต่แม้จะเป็นช่วงที่มีงานเยอะแค่ไหนก็ตาม มีเพียงเค้กแต่งงานซึ่งนานครั้งจะมีสั่งเข้ามาบ้างเท่านั้นที่เธอจะไม่มีวันปฏิเสธเลย

โดยปกติหน้าร้านทางออนไลน์ของโซอีจะมีแต่เบเกอรี่จำพวกขนมอบ เพราะการขนส่งเค้กทางไปรษณีย์เป็นอะไรที่ป้องกันความเสียหายได้ยาก เค้กต่างๆ จึงเป็นการสั่งซื้อที่ต้องให้ลูกค้ามารับของเองเท่านั้น อ่านอีเมลจบแน่นอนว่าเธอต้องอยากทำเค้กให้ลูกค้า ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่อังกฤษ

แต่ไม่สิ...เธอมีพนักงานส่งของที่ไวที่สุดในโลกอยู่แล้วนี่นา

เมื่อนึกได้ดังนั้นโซอีก็เดินออกจากห้อง เฮคเตอร์ที่ออกมาก่อนกำลังซ้อมชกมวยอยู่กับกระสอบทรายที่แขวนอยู่กลางห้องนั่งเล่น สวัสดิการที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่กองปราบวิญญาณจัดว่าใช้ได้ทีเดียว ห้องนี้ดูเหมือนกับคอนโดมิเนียมค่อนข้างหรูหราที่มีสองห้องนอน ครัวที่รกร้างคงเพราะมีแต่ผู้ชายอยู่เลยไม่เคยเข้าครัวกัน มีโซนซักล้างเล็กๆ ที่อยู่หน้าห้องอาบน้ำกับห้องสุขาที่แยกกัน และระเบียงหลังห้องที่เอาไว้รับลมหรือใช้ตากผ้า

โซอีเดินผ่านเฮคเตอร์ที่กำลังตั้งใจซ้อมเข้าไปในครัวโดยไม่มีการพูดคุย หญิงสาวในร่างเด็กเริ่มลงมือทำอาหารเช้าอย่างง่าย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการ

กลิ่นหอมกรุ่นลอยฟุ้งออกจากครัวที่แง้มประตูไว้เล็กน้อยเริ่มทำให้เฮคเตอร์เสียสมาธิ เมื่อความหิวทำปฏิกิริยากับกลิ่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มก็หยุดซ้อมแล้วชะโงกหน้าเข้าไปส่องในครัว

ภาพของเด็กหญิงที่ยืนบนแท่นเสริมให้สูงพอจนทำอาหารบนเคาน์เตอร์ได้ ดูแปลกตาจนเฮคเตอร์ไม่อยากละสายตาไป ไม่ว่ามองอย่างไรเธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผิดกับท่าทางความชำนาญกับอุปกรณ์ครัวมากมายที่อยู่รอบตัว สองมือเล็กๆ นั่นทำงานไม่หยุด เพราะดูเหมือนเธอจะทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน

แต่แล้ว...ภาพความทรงจำบางอย่างที่ลอยขึ้นมาทับซ้อนกันก็ทำเอาเฮคเตอร์ถอยหลังกลับ นิ้วมือกำเป็นหมัดเข้าจนแน่นแล้วเลือกที่จะไปอาบน้ำล้างคราบเหงื่อหลังออกกำลังกาย

เมื่อออกจากห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปทำงาน อาหารบนโต๊ะก็ถูกจัดวางไว้สองที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกทีเดียว

“ไม่กินด้วยกันเหรอ” เมื่อไม่เห็นทีท่าว่าเฮคเตอร์จะนั่งลง โซอีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฟากของโต๊ะอาหารสำหรับสองคนก็ถามขึ้น

“เธอ...ทำเผื่อฉันด้วยเหรอ”

“ถ้าไม่อยากกินก็ไม่เป็นไร”

“ไม่ใช่นะ” เฮคเตอร์รีบแย้งขึ้นก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว

ตรงหน้าของเขามีไข่ดาวสามฟอง ไส้กรอกทอดอีกหลายชิ้น ซุปครีมเห็ดร้อนๆ ที่ยังมีควันกับกลิ่นหอมลอยฟุ้ง แซนด์วิชไส้อะไรสักอย่างที่เหมือนจะมีผักปนอยู่นิดหน่อย กับขนมปังก้อนกลมๆ ในชามหลายก้อนที่เธอน่าจะอบมันขึ้นมาเอง วัตถุดิบทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เฮคเตอร์ถูกบอกให้ขนออกมาจากตู้เย็นที่บ้านของโซอีนั่นเอง

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครสักคนทำอาหารร้อนๆ แบบนี้ให้กินที่บ้าน เมื่อก่อนตอนอยู่กับชาเกลอย่างมากก็เป็นอาหารกล่องสำเร็จรูปอุ่นไมโครเวฟ กับพวกขนมปังตามร้านสะดวกซื้อเท่านั้น หรือไม่ก็ไปเกาะเอ็ดจังที่มักจะเอาของกินมาฝากคนในหน่วย ยิ่งพออยู่คนเดียวยิ่งแล้วใหญ่ สิ่งที่ยุ่งยากที่สุดเท่าที่เฮคเตอร์จะลงมือทำได้ คือต้มน้ำร้อนเทใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยที่ไม่ต้องตามเก็บล้างต่อเท่านั้น

ตรงหน้าของโซอีเองก็มีอาหารในรูปแบบเดียวกันเพียงแต่เป็นปริมาณที่น้อยกว่า เด็กหญิงเอาส้อมเสียบไส้กรอกแล้วกัดเข้าปาก แก้มยุ้ยที่เคี้ยวหยุบๆ อย่างรวดเร็วนั้นน่ารักจนบอกไม่ถูกเลย

เฮคเตอร์ใช้ส้อมม้วนไข่ดาวพับทบกันแล้วจิ้มเข้าปากทั้งฟองเป็นคำแรก แม้จะเป็นไข่ดาวธรรมดาๆ ปรุงแต่งรสอีกเล็กน้อย แต่ความอร่อยที่เกิดขึ้นจากส่วนที่ลึกกว่าลิ้นลงไปข้างในทำให้รู้สึกดีจนพูดอะไรไม่ออก

“พ่อเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับฉัน หลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยได้นั่งกินข้าวที่บ้านแบบนี้กับใครอีกเลย”

เฮคเตอร์เงยหน้ามองโซอี แม้น้ำเสียงนั้นจะดูซึมกว่าปกติ แต่เธอก็พูดมันออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม

“ถ้าเธอไม่ขี้เกียจทำอาหารเช้า เราก็กินด้วยกันแบบนี้ทุกวันก็ได้”

“ตอนนี้ฉันไม่มีรายได้แล้ว คงซื้อวัตถุดิบมาทำแบบนี้ทุกวันไม่ไหวหรอก”

“อะ...จริงสินะ งั้นฉันจะเป็นคนออกค่าวัตถุดิบให้เองก็แล้วกัน”

“ขอบคุณนะเฮคเตอร์ นายคอยช่วยฉันทุกอย่างตลอดเลย”

ชายหนุ่มเกือบจะสำลักซุปครีมเห็ดที่ตักเข้าปากพอดีเมื่อได้ยินประโยคนั้น ยิ่งเมื่อถูกมองด้วยสายตาซาบซึ้ง เขาก็เริ่มทำตัวไม่ถูกแล้วจริงๆ

“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก ไหนๆ ก็อยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วฉันจะไม่ช่วยได้ยังไง ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ”

“งั้นช่วยไปส่งเค้กแต่งงานให้ฉันหน่อยได้มั้ย”

เฮคเตอร์ได้แต่กะพริบตาปริบๆ เมื่อความอยากให้ช่วยที่ว่าถูกส่งมาในทันที

“เค้ก...อะไรนะ”

“เค้กแต่งงาน เมื่อวานฉันยกเลิกออเดอร์ของลูกค้าทั้งหมดแล้ว แต่เมื่อเช้ามีลูกค้าประจำขอให้ฉันทำเค้กแต่งงานให้แบบเร่งด่วน คงเป็นงานสุดท้ายที่ฉันจะรับทำแล้ว แต่ฉันคงไปส่งเองไม่ได้ถ้าไม่มีนายช่วย”

“เรื่องแค่นี้เอง ไม่มีปัญหาหรอก ว่าแต่ต้องไปส่งเมื่อไหร่”

“ที่นี่เร็วกว่าที่อังกฤษเก้าชั่วโมงใช่มั้ย ฉันต้องไปส่งเค้กให้ลูกค้าไม่เกินห้าโมงเย็นของวันนี้ ถ้าตอนนี้ที่นี่คือแปดโมงเช้า ที่อังกฤษก็ยังแค่ห้าทุ่มใช่มั้ย งั้นฉันก็ยังมีเวลาอีกสิบแปดชั่วโมงในการทำเค้กไปส่ง”

“แต่ฉันต้องไปทำงาน วันนี้คงยุ่งมาก ฉันอยู่กับเธอทั้งวันไม่ได้ด้วย ยกไปทำที่ออฟฟิศก็คงไม่สะดวก”

“ปล่อยฉันไว้ที่นี่แหละ นายไปทำงานเถอะ เขตที่พักของเจ้าหน้าก็มีม่านพลังป้องกันอยู่นี่นา ไม่เป็นไรหรอกนะ”

เฮคเตอร์ทำสีหน้าหนักใจเอาการ เห็นดังนั้นแล้วโซอีก็ลุกขึ้นเดินมายืนข้างๆ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แหงนคอขึ้นมองด้วยสายตากลมแป๋ว แถมยังดึงเสื้อของเขาขยับไปมาเบาๆ

“นะนะนะ ขอร้องล่ะ แค่ครั้งนี้เท่านั้นแล้วฉันจะไม่ดื้อกับนายอีกเลย”

เมื่อเจอสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงออดอ้อนด้วยจริตเหมือนเด็กเจ็ดขวบที่แท้จริง เฮคเตอร์ก็ไร้หนทางปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เขาลุกขึ้นไปโทรศัพท์หาหัวหน้าหน่วยเพื่อขอคำปรึกษา คุยกันเพียงไม่นานชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมข่าวดี

“ขอบคุณนะเฮคเตอร์ รีบกินกันเถอะ ฉันอยากให้นายช่วยกลับไปเอาของที่บ้านมาเพิ่มอีกสักหน่อย”

แทบจะเป็นครั้งแรกที่เฮคเตอร์ได้เห็นโซอีอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี เธอกลับไปนั่งบนเก้าอี้แล้วนั่งทานอาหารต่อไป

“จริงสิ... เมื่อวานก็ลืมถามเธอไปเลย ตอนที่เกือบถูกพาตัวไปไอ้หัวทองนั่นพูดอะไรกับเธอ”

โซอีชะงักมือที่กำลังหั่นไข่ดาว อารมณ์ดีที่มีมาจนถึงเมื่อครู่หดหายไปหมด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบราวกับมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“บอกว่าจะมารับฉันไปเป็นเจ้าสาว”

“ฮะ!”

เสียงอุทานของเฮคเตอร์ทำเอาโซอีสะดุ้งเลยทีเดียว

“ตกใจอะไรขนาดนั้น”

“เดี๋ยวนะ ฟังยังไงมันก็น่าตกใจอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ เธอไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง”

“ก็ตกใจเหมือนกันนะ แต่ไม่รู้สิ...เหมือนจะดีใจนิดๆ ด้วย”

“หา! นี่เธอ...จะบ้าไปแล้วรึไง มันน่าดีใจตรงไหนกัน”

โซอีมองหน้าเฮคเตอร์อย่างนิ่งงัน มองจนเฮคเตอร์เริ่มหวั่นๆ เพราะรู้ตัวแล้วว่าเขาต้องพูดอะไรผิดไปอีกแล้วแน่ๆ

“ก็ฉันมันผิดปกติ เรื่องพวกนี้มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในชีวิตอยู่แล้ว ใครจะอยากแต่งงานกับเด็กเจ็ดขวบกัน ได้ยินแล้วก็แค่รู้สึกดีใจนิดหน่อยเท่านั้นแหละที่อย่างน้อยก็ยังมีคนมองฉันในฐานะเจ้าสาวได้”

เฮคเตอร์แทบอยากใช้สองมือขึ้นกุมขมับ ให้ตายเถอะ ยังมีตรรกะประหลาดพันธุ์ไหนของเธออีกบ้างไหมที่เขายังไม่รู้ สุดท้ายชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืดตัวไปดีดหน้าผากของเด็กหญิงเบาๆ

“อย่าคิดแบบนั้นสิ มันเป็นเรื่องอันตรายมากกว่าเป็นเรื่องน่าดีใจต่างหาก ถ้าไม่รู้จะดีใจกับเรื่องอะไรแล้วจริงๆ ก็ลองบอกอะไรก็ตามที่อยากได้มาสิ แล้วฉันจะลองพยายามทำให้ก็แล้วกัน”

โซอียกมือจับหน้าผากของตัวเองที่โดนดีด เธอได้แต่มองเฮคเตอร์ที่กลับไปตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป

“เฮคเตอร์ ขอยืมโทรศัพท์หน่อย ปลดล็อคให้ด้วย”

เมื่อเด็กหญิงยื่นมือมา เขาจึงจิ้มรหัสผ่านแล้วส่งให้ไปอย่างงุนงง โซอีกดโทรศัพท์อยู่สองสามครั้งแล้วโทรออก

“คุณตำรวจคะ หนูถูกทำร้ายร่างกายแล้วล่วงละเมิดทาง...”

“นี่เธอ!” เฮคเตอร์หายตัวไปคว้าโทรศัพท์กลับมาแล้วรีบตัดสายทิ้ง ก่อนจะหันไปมองโซอีที่นั่งหัวเราะเสียงดังลั่น

“ไม่ตลกเลยนะ ถ้าฉันโดนจับขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำยังไง”

โซอียังคงหัวเราะไม่ตอบ และลงมือจิ้มไส้กรอกชีสกัดเข้าปากไปอีกหนึ่งคำ แม้ชายหนุ่มจะอารมณ์เสียนิดหน่อยที่ถูกแกล้งกลับ แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยผู้มืดมนหัวเราะขนาดนี้เป็นครั้งแรก อาการหงุดหงิดก็สลายหายไปทันที

การประชุมใหญ่ของกองปราบวิญญาณไม่ถูกจัดขึ้นตามที่ควรจะเป็น หลังจากมาถึงออฟฟิศเฮคเตอร์ก็ได้ทราบข่าวนี้จากหัวหน้าหน่วยที่ดูทำหน้าเครียดกว่าปกติ เมื่อสมาชิกในหน่วยมากันครบตามเวลาเข้างาน ผู้บัญชาการสูงสุดก็เดินเข้ามาเพื่อเปิดประชุมแบบลับเฉพาะกิจ

“ผมทราบเรื่องที่คุณฟอแกนด์แจ้งมาเมื่อคืนแล้ว ก่อนอื่นเราจะให้หน่วยข่าวกรองช่วยตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง เกี่ยวกับรูปแบบพลังล่องหนหรือความใกล้เคียงที่เป็นไปได้ ระหว่างนี้ขอให้ทุกคนเก็บเรื่องเป็นความลับไว้ก่อนจนกว่าเราจะยืนยันข้อมูลได้อย่างแน่นอน”

คำสั่งของผู้บัญชาการสูงสุดเรียกความเงียบและความสงสัยมากมายให้กับสมาชิกทั้งหน่วย

“ถ้าเพื่อป้องกันความวุ่นวายผมก็พอเข้าใจได้ เป็นเรื่องดีอยู่แล้วที่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อน หน่วยเราห้าคนอาจจะมองอะไรผิดพลาดไปก็ได้ แต่แน่ใจหรือครับว่ามีเหตุผลจริงๆ เพียงแค่นั้น ต่อให้ไม่นับเรื่องพลังนอกระบบ แต่การพบตัวการที่ปล่อยดิคเคนส์ประดิษฐ์ซึ่งกองปราบวิญญาณควานหาตัวมานานอย่างชัดเจนแน่นอนแล้ว ผมว่ายังไงก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่ดี” ฟอแกนด์ หัวหน้าหน่วยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“......แน่นอน ผมรู้ว่าปิดบังพวกคุณไม่ได้ แต่ยังมีเหตุผลอีกอย่างที่ผมยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้จริงๆ”

มันต้องมีอะไรบางอย่างแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเรื่องสำคัญขนาดนี้จะเก็บเงียบไว้ได้ยังไง เฮคเตอร์ได้แต่นึกในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา แล้วปล่อยให้หัวหน้าเป็นผู้เจรจาต่อไป

“มันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคนหลายส่วนนะครับ แล้วก็เป็นเบาะแสสำคัญที่จะควานไปถึงคดีไล่ล่านักสะกดวิญญาณหรืออาจจะรวมถึงคดีเมื่อสิบเก้าปีก่อนด้วย ทำไมแม้แต่เราที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงถึงยังทราบข้อมูลนั้นไม่ได้” หนนี้เป็นท่านรองที่ถามขึ้น ซึ่งมันตรงกับที่สิ่งที่ทุกคนในหน่วยสงสัยแน่นอน

“ผมเองก็ต้องรอให้ ‘เบื้องบน’ ยืนยันสถานการณ์ให้แน่ใจอีกครั้งถึงจะสามารถเปิดเผยข้อมูลนี้กับพวกคุณได้”

หากระดับผู้บัญชาการสูงสุดยังเอ่ยคำว่าเบื้องบนออกมา มันคงเป็นสิ่งที่หน่วยงานเล็กๆ อย่างเคซีโร่แตะต้องไม่ได้จริงๆ

การประชุมลับจบสิ้นไปอย่างรวดเร็วและงุนงง คนในหน่วยแยกย้ายกันไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคดีไล่ล่านักสะกดวิญญาณกันต่อเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้ แต่เฮคเตอร์แทบไม่มีสมาธิในการจดจ่อทำงาน เขาหายตัวกลับไปยังที่พักแทบจะทุกๆ สิบนาทีเพื่อยืนยันว่าโซอียังอยู่อย่างปลอดภัย

สิบชั่วโมงผ่านไปกว่าเฮคเตอร์จะได้เลิกงานกลับบ้านไปพัก เมื่อกลับมาถึงเขาก็ยังเห็นโซอีแต่งหน้าเค้กสามชั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ เห็นแบบนั้นแล้วชายหนุ่มจึงเป็นคนออกไปจัดการซื้ออาหารเย็นสำหรับสองคนมา เพราะโซอีคงเพลียเกินกว่าจะมานั่งทำอาหารรอบค่ำแล้ว

เด็กหญิงรีบกินข้าวให้เสร็จแบบแทบไม่พูดไม่จา ก่อนจะวิ่งเข้าไปในครัวอีกครั้งเพื่อเก็บงานให้เสร็จสิ้น จากนั้นไม่นานเฮคเตอร์ก็ได้เห็นผลงานที่คาดไม่ถึงว่าโซอีจะทำออกได้มาถึงขนาดนี้ เขาต้องประเมินความเป็นมืออาชีพของเธอใหม่แล้วจริงๆ

“ฝากเอากลับไปแช่ที่ตู้เย็นตู้ใหญ่ในบ้านของฉันหน่อยนะ อย่าลืมเสียบปลั๊กตู้เย็นด้วยเพราะฉันถอดมันออกตอนขนของมาที่นี่”

เฮคเตอร์รับคำสั่งโซอีแต่โดยดี จัดการนำไปแช่ให้เสร็จสรรพก่อนจะกลับมาพบร่างของเด็กหญิงที่ผล็อยหลับอยู่บนโซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่น เธอดูอ่อนเพลียมากแล้ว ขนาดเขาปลุกเพื่อให้ไปนอนในห้องดีๆ ก็ยังไม่ยอมตื่น จนท้ายเฮคเตอร์จึงต้องอุ้มโซอีเข้าไปในห้อง จัดแจงให้นอนบนเตียงแบบสบายๆ และไม่ลืมที่จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้เพื่อให้เธอตื่นไปส่งเค้กได้ทันเวลา

โซอีลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงนาฬิกาปลุก และพบว่าเฮคเตอร์นอนอยู่ข้างเธออีกแล้ว เขาเองก็เหมือนรู้สึกตัวเพราะเสียงปลุกด้วยเช่นกัน

ขณะนี้เป็นเวลาตีหนึ่งของคาเรม เมื่อนั่งนับคำนวณเวลาแล้วเหลือเพียงหนึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัดส่งเค้ก หลังหยิบของกินเข้าปากเล็กน้อย โซอีก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วเข้าไปปลุกเฮคเตอร์ที่ยังนอนกลิ้งไปมาให้ลุกขึ้นเสียที

พนักงานส่งเค้กยามตีหนึ่งครึ่งลุกขึ้นมาอย่างงัวเงีย เขาล้างหน้าเล็กน้อยก่อนจะหายตัวไปสำรวจว่าเค้กยังอยู่สมบูรณ์ดี เฮคเตอร์ขอที่อยู่จัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของลูกค้ามา ก่อนจะหายตัวไปสำรวจที่ทางล่วงหน้า เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม เฮคเตอร์ก็กลับไปเอาเค้กในตู้เย็นที่อังกฤษออกมา

“ไปด้วยกัน ฉันต้องถือเค้กสองมือเพื่อไม่ให้มันหล่น เธอก็จับแขนฉันไว้ให้แน่นๆ แทนก็แล้วกัน”

“นายไปเถอะ ถ้าฉันไปแล้วเวียนหัวจนหน้ามืดมันจะกลายเป็นภาระไปอีก”

“...เธอดีขึ้นมากแล้ว เชื่อสิ ไม่อยากเห็นเหรอว่าลูกค้าของเธอจะทำหน้าดีใจแค่ไหนตอนเห็นเค้กสวยๆ จนแทบไม่กล้ากินแบบนี้”

โซอีนิ่งไปเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด จนสุดท้ายก็ตัดสินใจเดินมาจับแขนของเฮคเตอร์ไว้

“ต่อให้ฉันเป็นลมไปก็ปล่อยฉันกองไว้ตรงนั้นแล้วไปส่งเค้กก่อนนะ เข้าใจมั้ย”

“เธอไม่เป็นไรแล้วน่า ไปกันเถอะ หายใจเข้าลึกๆ”

เฮคเตอร์พูดจบ โซอีก็รู้สึกเหมือนเดินผ่านห้วงมิติปริศนาที่มีแต่ลายเส้นวิ่งวนลอยเคลื่อนไหวตลอดเวลาเต็มไปหมด แม้จะเป็นชั่วพริบตาที่ชวนให้ตาลายจนเวียนหัว แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งเธอก็เดินทางมาถึงท้ายซอยแห่งหนึ่งซึ่งไร้ผู้คน โซอียังเวียนหัว แต่มันก็ไม่หนักเหมือนที่ผ่านมาแล้ว หลังจากสูดหายใจลึกๆ ช้าๆ ตามที่เฮคเตอร์แนะนำ อาการของเธอก็ดีขึ้นมากเลยทีเดียว

เฮคเตอร์พาเธอเดินออกจากซอยไปต่ออีกสักระยะ จนท้ายโซอีก็ได้พบกับเขตรั้วบ้านหลังหนึ่งซึ่งราวกับกำลังวุ่นวายในการจัดเตรียมปาร์ตี้

โดยปกติการสั่งทำเค้กแต่งงานนั้นมีราคาแพงกว่าเค้กทั่วไปอยู่แล้ว การที่พวกเขาพยายามจะทำมันเองตั้งแต่แรก  รวมถึงจัดเลี้ยงฉลองที่บ้านแทนที่โรงแรมหรือเหมาร้านอาหารนั้น แสดงถึงงบที่น่าจะค่อนข้างจำกัดได้เป็นอย่างดี

เมื่อทั้งสองไปถึงหน้าบ้านลูกค้าและเฮคเตอร์บอกกล่าวธุระของการมาที่นี่ หญิงสาวคนหนึ่งที่เหมือนกำลังเริ่มอยู่ในช่วงแต่งหน้าก็ถูกตามให้ออกมาในทันที รอยยิ้มและสีหน้าประทับใจในครั้งแรกที่ลูกค้าเห็นเค้กนั้นทำเอาโซอียิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี และเฮคเตอร์ก็ทันได้หันไปเห็นมันเข้า...

“ร้านเราคงจะต้องปิดยาวอย่างไม่มีกำหนดค่ะ ดังนั้นทางร้านขอมอบเค้กแต่งงานชิ้นนี้ให้เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณสำหรับลูกค้าประจำที่อุดหนุนเรามานาน ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ”

ยิ่งเมื่อเจ้าสาวได้ยินคำพูดนี้จากโซอีในสภาพเด็กเจ็ดขวบ เธอก็ยิ่งดีใจจนน้ำตาซึมและกล่าวขอบคุณมาทางเด็กหญิงด้วยท่าทางเอ็นดู โซอียิ้มรับแต่ก็ก้าวถอยหลังหลบห่างออกมาเมื่อมือของอีกฝ่ายกำลังจะลูบลงบนหัวของเธอ

เฮคเตอร์กล่าวลาและแสดงความยินดีอีกครั้งเมื่อเค้กถูกรับไป ทั้งสองเดินออกมาจากหน้าบ้านหลังนั้นด้วยใบหน้าอิ่มเอมที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ชายหนุ่มแปลกใจไม่น้อยที่โซอีซึ่งดูจะกังวลเรื่องการเงินกลับยกเค้กชิ้นใหญ่นั้นให้ลูกค้าฟรีๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้ามีความสุขนั้นแล้วเขาเองก็เหมือนจะพอเข้าใจเธอขึ้นมา

“ฉันน่ะ... โซอีเอ่ยขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองกำลังจะเดินกลับไปยังท้ายซอยเดิมที่ไร้ผู้คน”ฉันแค่หวังไว้ว่าสักวันจะโตเป็นผู้หญิงที่ดีพอ มีคุณค่าพอที่รักใครสักคนได้...”

เฮคเตอร์หันไปจ้องมองหญิงสาวในร่างเด็กน้อย อันที่จริงนอกจากร่างกายแล้วเขากลับเชื่อว่าโซอีโตพอที่จะเป็นแบบที่พูดมาแล้วต่างหาก

“กลับกันเลย... ฉันแค่หวังไว้ว่าตัวเองจะไม่หลงรักใครอีกต่อไป...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด