ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 ทีมงานซัง

บทที่ 1 ID : เทพเจ้าสูงสุด


บทนำ

ในชีวิตนี้ผมอยากจะเป็น “คนดัง” กับเขาสักครั้ง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มจะมีความฝันแบบนี้

“คนดัง” ที่ผมพูดถึงไม่ใช่แค่คนดังในชั้นเรียนหรือคนดังในหมู่บ้าน แต่เป็นคนดังระดับ “ประเทศ” หรือ “ระดับโลก” อะไรทำนองนั้น

ผมไม่ได้อยากรวยหรือดูดีจนสาวหลง แต่อยากเป็นแค่คนดัง ดูอย่างพี่โทนี่ จา สิ ไม่จำเป็นต้องหล่อวัวตายควายล้มแต่ก็ดังถึงระดับโลก ผมอยากเป็นแบบนั้น เคยวางพี่แกเป็นเป้าหมายอยู่พักหนึ่ง เลยเริ่มเรียนต่อยมวยเมื่อสมัยม.ต้น

หลังจากนั้นก็มาเจอ นักแคชเกมส์ที่ดังระเบิดระเบ้อในยูทูบทั้ง ๆ ที่ใส่หน้ากากตลอดเวลา เลยลองโดดเรียนหมกตัวอยู่ร้านเกมส์พักหนึ่ง ตอนสมัยม.ปลาย หวังจะเป็นมือโปรแบบเขาบ้าง แต่ด้วยฝีมือการเล่นเกมส์ต่ำตม เลยโดนด่าเช็ดทุกทีที่ลงเล่น DotA ผมเลยจำเป็นต้องโบกมือลาวงการเกมไปนับแต่นั้น

เหมือนจะเห็นว่าผมดูไม่มีหลักแหล่ง และหมุนตามกระแส แต่จริง ๆ แล้วผมจริงจังมาโดยตลอด ไม่ว่าจะล้มเหลวมากี่ครั้ง ผมก็ยังเดินหน้า มีคนเคยบอกผมว่าคนดังต้องทำเป็นทุกอย่าง ผมเลยเริ่มต้นเรียนรู้มันทุก ๆ อย่าง

ไม่ว่าจะมวยไทยเหมือนพี่จา ฟุตบอลเหมือนเจ้าหนูแข้งสายฟ้า เต้นโคฟเวอร์ตามแบมแบม ทำอาหารตามเชฟกระทะเหล็ก กินล้างกินผลาญเหมือนแกลโซเนะ ขับรถหวาดเสี่ยวเหมือนพี่วินดีเซล และเดินป่าเหมือนเฮียแบร์กิล ไม่ว่าเรื่องมีสาระหรือไร้สาระแค่ไหนผมก็เรียนรู้ และอัพคลิปการใช้ชีวิตลงในยูทูบตามรอยคนดัง ไม่ว่าจะกิน นั่ง เดิน นอน และวิ่งตามไปเกาะติดทุกกระแสที่มาแรง

เมื่อผมเติบโตขึ้น จนมาถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับความเป็นจริง ว่าความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมานั่นสูญเปล่า ผมเป็นได้แค่เป็ดขี้เหร่ ไม่ว่าผมจะเก่งกาจแค่ไหน ไม่ว่ามีความสามารถมากแค่ไหน ก็ยังห่างไกลจากคนหน้าตาดี เขาแค่ยิ้ม ๆ ส่งมินิฮาร์ตให้ทีหนึ่งยอดไลค์ยอดฟอลโล่ก็ถล่มถลาย

แต่ผมล่ะแค่คนหน้าตาบ้าน ๆ ต้องพยายามแทบตาย กว่าจะได้สักหนึ่งยอดติดตาม ช่างน่าขันนักนี่มันเมืองไทย ไม่ใช่ฮอลลีวูดสักหน่อย ต่อให้หน้าแย่แค่ไหนก็ยังได้เป็นพระเอก และแม้ว่าหนังทั้งเรื่องจะมีแค่ไอ้โล้นวิ่งไปมาอยู่คนเดียว ก็ยังมีรายได้ถล่มทลาย ต่อให้ผมฝึกฝนอีกแค่ไหน ก็แพ้อยู่ดี อ่า อาจจะชนะก็ได้มั้ง ถ้าผมมีวิทยายุทธเหนือมนุษย์เหมือนพี่โทนี่ จา ผมต้องเทพให้ถึงขั้นนั้นเลยล่ะถึงจะดัง

เพราะงั้น การฝึกฝนของผมเลยเข้มงวดขึ้นไปในทางศิลปะการต่อสู้ ที่พอจะมีเซนส์ดีที่สุด จากที่ลองเรียนรู้มาเกือบหมดทุกอย่างบนโลกแล้ว ตอนเช้าผมทำสมาธิแบบชาวพุทธ เพื่อฝึกฝนพลังแห่งจิตวิญญาณบนที่นอน บำเพ็ญตนใต้น้ำฝักบัวตอนสาย แบบจอมยุทธที่ไฝ่หาพลังชี่กง ฝึกซ้อมมวยตอนบ่าย กับพวกนักเลงท้ายซอย และเป็นพนักงานเซเว่นกะดึก ก็คนเรามันต้องกินต้องใช่นี่!

และที่สำคัญ ผมปักไม้เซลฟี่ถ่ายตัวเองไว้ทุกอิริยาบถ หึหึ

ผมทำทุกอย่างตามที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไม่ขาดตกแม้สักวันเดียว และทำการอัพคลิปลงยูทูบทุกอาทิตย์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนผมอายุ 25 ปี ทำไมผมยังไม่ได้เป็น ยูทูบบอร์คนดังห่าเหวอะไรนั่นเลยวะ! (ノಥ益ಥ)ノ ┻━┻

 

บทที่ 1 ID : เทพเจ้าสูงสุด

ติ๊ด ๆ

“ทั้งหมด 143 บาท 75 สตางค์ครับ รับโออิชิเพิ่มอีกขวดไหมครับ ตอนนี้มีโปรโมชั่น 2 ขวด 25 บาทครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“รับมา 150 บาทนะครับ เงินทอน 6 บาทครับแสตมป์ 1 บาท 2 ดวงนี่ครับ”

“ขอบคุณที่อุดหนุนครับ” ชายหนุ่มพนักงานเซเว่นก้มหัวขอบคุณเล็ก ๆ เป็นมารยาทเพื่อจบขั้นตอนการขาย

ไม่นาน ประตูทางเข้าก็เลื่อนปิดลง เมื่อลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกไป ตอนนี้ทั้งร้านเหลือแค่ผมนายภาวิน และตาลุงผู้จัดการที่หายหัวแอบอู้ไปไหนไม่รู้ อีกคนหนึ่งเท่านั้นตอนดึก ๆ จำนวนลูกค้าที่เข้าออกไม่เยอะเหมือนช่วงกลางวัน กะนี้เลยคนน้อยเป็นพิเศษ

“เฮ้อ” ผมที่อยู่ว่าง ๆ คนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดายเท้าคางกับเคาน์เตอร์ ถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วหันไปดูนาฬิกาบนผนังด้านหลังแคชเชียร์ 22:45 ใกล้เลิกกะแล้ว ไอ้กะต่อไปทำไมมันไม่มาซะที วันนี้ว่าจะกลับเร็วหน่อยแท้ ๆ

ติ้งต่อง เมื่อเสียงประตูเลื่อนเปิดออก เป็นสัญญาณว่ามีลูกค้ารายใหม่เข้ามา เรียกให้นายภาเปลี่ยนจากท่าทางซังกะตายเป็นรอยยิ้มการค้าในทันที

“ยินดีตอนรับคะ...ครับ!”

“สุขสันต์วันเกิดดดดด” ชายวัยกลางคนหัวเหม่งท่าทางเจ้าเนื้อผิวขาวจั๊วะ ในชุดผู้จัดการเซเว่นเดินถือเค้กชิ้นเล็ก ๆ เข้ามาพร้อมเทียนเลข 25 อันเบ้อเร่อปักกลางหน้าเค้ก

“ยังไม่เที่ยงคืนเลยลุง บ้าเปล่าอีกตั้ง 1 ชั่วโมง แล้วชายหนุ่มวัย 25 ที่กำลังกลัดมันอย่างผม ใครเขากินเค้กวันเกิดหน้าตาบ้องแบ๊วแบบนี้กันฟะ” เค้กหน้าหมีน้อยสีชมพูซะด้วย ลุงแกกล้าซื้อมาได้ยังไง

“เอาน่ากิน ๆ ไปเถอะถือว่าฉันอวยพรนายคนแรกไง นี่ตั้งใจเลือกมาอย่างดีเลยนะ ดูสิหมีน้อยสีชมพูออกจะน่ารักตะมุตะมิ”

อ่า เขาลืมไปได้ไงตาลุงนี่มันเป็นเกย์

“ขอบคุณครับ งั้นของขวัญขอเป็นเบียร์สักลัง”

“ไม่ให้โว้ย ให้เหล้าเท่ากับแช่ง เอ็งไม่รู้หรอโฆษณาเขาออกจะครึกโครม”

“ผมขอเบียร์ไม่ใช่เหล้าสักหน่อย”

“มันก็เหมือนกันแหละ เอ็งเถียงหรอ”

“ชิ ซื้อเองก็ได้” อดจะบ่นอุบอิบ กับความงกของลุงแกไม่ได้ มือก็หยิบเค้กหน้าตาบ้องแบ๊วใส่ปาก

“ฉันชอบแกนะ”

“ฝุ...แค่ก ๆ” เค้กแทบจุกคอ “ค่อก ๆ น้ำ ๆ” จู่ ๆ ก็พูดบ้าอะไรออกมาเนี่ยลุงงงง ขนคอผมนี่ลุกพรึบพรับเลยครับ

“อ่ะนี่น้ำ เมื่อกี้ฉันพูดจริง ปีนี้แกก็อยู่กับฉันต่อเถอะ ยอดมนุษย์พนักงานแบบแกหายาก ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ไม่ว่าเปล่ามือตาลุงยังตบหลังผมที่กำลังสำลักดังป้าบ ๆ

“ใครเขาจะทำงานเซเว่นไปจนตายวะลุง อนาคตผมจะเป็นคนดังระดับโลกต่างหากเล่า!” เมื่ออาการสำลักดีขึ้น ผมก็สะบัดมือตาลุงที่ตบหลังไม่หยุดออก แล้วค่อย ๆ กระดืบห่างจากตาลุงผู้จัดการเป็นวา แสร้งทำเป็นเก็บเศษเค้กกับเทียนลงถังขยะ หนีห่างออกมาอย่างเนียน ๆ

“เฮ้อ เรื่องที่แกอยากดังระดับโลกอะไรนั่น ฉันพูดตรง ๆ นะ วัยแบบแก ไอ้การมีฝันมันก็ดีอยู่หรอก แต่ฝันเฟื่องแบบเอ็งน่ะ บ้าให้น้อยลงมั่งก็ดี”

“อ่าว ๆ ลุงพูดงี้หมายความว่าไง”

“ที่ฉันพูด เพราะเห็นแกเป็นเหมือนลูกเหมือนหลานนะโว้ย แกทำงานที่นี่มากี่ปีแล้วนะ อืม 5 ปีแล้วใช่ไหม”

“...”

“ฉันเห็นแกทำนู่นทำนี่เป็นบ้าเป็นหลัง แต่ไม่เห็นจะดังสักที ปีนี้แกก็ 25 แล้ว แกคิดจะอยู่แบบนี้ไปนานแค่ไหนกันไอ้หนู...” เหมือนลุงแกจะได้ใจ หันมาทำหน้าเข้มพูดใส่ผมอย่างจริงจังแบบยาวยืด

ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะยายทวดที่เสียไปแล้วสอนมา เวลาผู้ใหญ่พูดห้ามพูดแทรก เดี๋ยวจะโดนด่าว่าเถียงคำไม่ตกฟาก ไอ้ผมเลยได้แต่เหลือบมองนาฬิกา เตรียมตัวเผ่น เมื่อเข็มชี้บอกเวลา 23:00 ผมกรอกลูกนัยน์ตากลับมามองหน้าลุงแกพร้อมตะเบ๊ะแบบทหารกล้า

“ถึงเวลาเลิกกะของผมแล้วผมไปล่ะ ขอเบียร์ลังหนึ่งด้วยหักจากเงินเดือนนะ บายลุง”ผมชิ่งออกจากจุดจุดนั้นอย่างรวดเร็วไปทางหลังร้าน

“เฮ้ย ฉันยังพูดไม่จบเลยไอ้ภา พอบ่นเรื่องนี้ทีไรหนีหายตลอด กลับมาาาาา!” ได้ยินเสียงตาลุงตะโกนดังไล่หลัง แต่จะกลับไปให้โง่เหรอ ไม่มีทาง ผมแวะตอกบัตรและขนเบียร์ออกไปลังหนึ่ง หอบกลับไปกินที่หอ คืนนี้กะว่าจะเมาหัวทิ่มให้ได้ แต่ดันเปิดประตูไปจ๊ะเอ๋ กับเพื่อนพนักงานกะต่อไปพอดี...วันนี้มาไวนะเนี่ย

“อ่าวกลับแล้วหรอภา”

“เฮ้ยมาพอดีเลย แต่เดียวเอ็งค่อยเข้าไป ลุงแกกำลังหัวเสีย”นี่ผมหวังดีบอกมัน ก่อนที่มันจะต้องไปฟังลุงแกบ่นเรื่องอนาคตชีวิตต่อจากผมเลยนะเนี่ย

“ฮ่า ๆ อีกแล้วเหรอ ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ลุงเขาหวังดีต่อนายไง”

“รู้ได้ไงว่าเรื่องอะไร”

“ก็มีเรื่องเดียวแหละที่ลุงแกจะบ่นนาย พ่อยอดมนุษย์พนักงาน แต่ก็สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะภา นี่ฉันรีบมาเข้ากะให้ตรงเวลาเพื่อนายเลย”

“เออ ๆ ใจมาก ไปละบาย”

“บาย ๆ”

............

คลิก คลิก ๆ

“โอเค กล้องพร้อม” ผมในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นใส่สบายเตรียมนอนที่ไปวิ่งผ่านน้ำทำเวลามาให้ทันกิจกรรมนับถอยหลังสู่วันเกิดอายุ25ปีของตัวเอง กดเปิดกล้องเพื่อไลฟ์สตรีมตามประสาคนดังที่ต้องแชร์วันเกิดให้เหล่าแฟนคลับได้มีส่วนร่วม

“เอาล่ะ...สวัสดีครับ นี่ภาเอง เอ่อ เอิ่มไม่มีคนดู...ฮ่า ๆ ก็แน่ล่ะสิ” หัวเราะให้กับตัวเองต่อหน้ากล้องประโยคหลังเบาราวกระซิบ แลดูสิ้นหวังชะมัด อาจจะเพราะเป็นวันเกิดที่ต้องอยู่คนเดียวหรืออาจจะเพราะประโยคบ่นของลุงผู้จัดการเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันวันนี้เลยเกิดอาการนอยด์ ๆ ขึ้นมาซะแบบนั้น ปกติไม่เคยได้คิดอะไรมัวแต่ตะบี้ตะบันถ่ายคลิปเวลาไลฟ์สตรีมไม่มีคนดูก็ยังพูดคนเดียวได้เลยแท้ ๆ

อ่า เงียบไป 5 นาทีแล้วหรอเนี่ย ช่างเถอะเวลานี้มันก็ดึกแล้ว ผมเปิดกล้องไลฟ์สตรีมทิ้งไว้ ลุกไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นมาสี่ห้ากระป๋อง แล้วกลับมานั่งหน้ากล้อง

“ยูทูบ ปีนี้แกก็เป็นเพื่อนดื่มในวันเกิดอีกแล้วสินะเนี่ย ฮ่า ๆ ไม่มีแกคงจะเหงาแย่” เอาวะผมคุยกับยูทูบก็ได้ ก็เหมือนที่ทำมาทุกปีนั่นแหละ สายตาเหลือบมองนาฬิกาคอมพิวเตอร์ที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละหนึ่งวินาที

“เฮ้ย ๆ อีก 30 วิ”

“อีก 20 วิ” หน้าตาที่ฉายบนจอแลดูตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ นี่เป็นข้อดีอีกอย่างของการเป็นยูทูบเบอร์ บิ้วตัวเองให้โอเวอร์แอคติ้ง และคุยคนเดียวได้ในทุก ๆ สถานการณ์

“ถ้าเที่ยงคืนปุ๊บ ผมจะฉลองโดยการกินเบียร์ทีเดียว 3 กระป๋องรวด! เรามานับถอยหลังพร้อมกันนะครับ 10” งานท้าเอง กินโชว์เองก็ตามมา

9 8 7 6 5 4 3 2...1

เที่ยงคืนแล้ว

เสียงเปิดเบียร์ 3 กระป๋องรวดดังขึ้นมารัว ๆ ผมจัดการรวบทั้งสามกระป๋องไว้ในสองมือแล้วยกซดทีเดียว เอาจนหมดแม้หยดสุดท้าย

“ฮ่า! หมดแล้ว ๆ” โชว์ต่อด้วยการคว่ำกระป๋องกลางอากาศ ให้ดูจะ ๆ ว่าไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว แล้วยกเสื้อขึ้นเช็ดตามหน้าตาที่เลอะเบียร์ ดื่มแบบบ้า ๆ บอ ๆ ก็ต้องหกเรี่ยราดเป็นธรรมดา

“คนดูก็ไม่มีสักคนแท้ ๆ ทำอะไรวะเนี่ย เฮ้อเปื้อนหมด...สุขสันต์วันเกิดนะเว้ยภาวิน” พูดจบก็ยิ้มให้กล้องแบบแกน ๆ ทีหนึ่ง

ผมก้มมองซากเบียร์สามกระป๋อง ที่นอนแอ้งแม้งบนพื้นห้อง แล้วพยักหน้าให้ตัวเองเป็นมั่นเหมาะ “ปีหน้าเพิ่มเป็น 4 กระป๋องรวดแล้วกัน ฮ่า ๆ ๆ ๆ” หัวเราะให้กับตัวเอง และเปิดเบียร์ซดอีกกระป๋อง จู่ ๆ ก็มีน้ำตาคลอขึ้นมาซะเฉย ๆ เหมือนจะร้องแต่ก็พยายามกลั้นไว้

“ทำไมเป็นคนดังมันยากเย็นนักวะ ตั้งแต่ ม.ต้นแล้วนะยูทูบก็ใช้มานานกว่าพวกดัง ๆ บางคนในตอนนี้ซะอีก คนติดตามปีที่แล้วเพิ่มมาแค่ 10 คนเท่านั้นเอง แต่เลิกติดตามไป 20 แม่งเอ๊ย! #$@%#^&&! @$^&*” ผมพ่นภาษาวิบัติด่าใส่กล้องเป็นชุด ไหน ๆ ก็ไม่มีใครฟังอยู่แล้วนี่

“รู้ไหมทุกวันนี้ผมนอนวันละ 4 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ความเหน็ดเหนื่อยตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมามันแค่นี้เองหรอฟะ ยอดติดตามแค่ 300 กว่า ๆ เนี่ยนะ” ชักสงสัยแล้วว่าชาติก่อน ถูกพระเจ้าสาปแช่งเอาไว้รึเปล่า

“สิบกว่าปีอันเหนื่อยยาก แต่กลับไม่ได้เชี่ยไรเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ในสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถ้าผมเลือกทำตามคนอื่น ๆ เรียนจบหางานดี ๆ ทำ หาแฟนน่ารักสักคน แล้วสร้างครอบครัวเล็ก ๆ ชีวิตผมคงดีกว่านี้รึเปล่านะ แต่ให้ย้อนกลับไปได้จริง ๆ ผมก็รู้ตัวเองอยู่ดีว่ายังคงเลือกเส้นทางเดิม

“หดหู่ชะมัด รู้สึกแย่แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยแฮะ ถ้าอ่อนแอกว่านี้ล่ะก็ คงคิดฆ่าตัวตายไปแล้ว” บ่นเสร็จก็เอาเบียร์กรอกปากไปอีกรอบ และแล้วคำบ่นชีวิตก็ยาวตามมายิ่งกว่าหางว่าวซะอีก แถมประโยคหลัง ๆ ก็เริ่มพูดเลอะเทอะตามจำนวนกระป๋องเบียร์ที่เรี่ยราดเต็มพื้นห้อง

จนนาฬิกาบนจอคอมเปลี่ยนจาก 02:59 เป็น 03:00 ยอดคนดูจาก 0 พลันเปลี่ยนเป็น 1 ในทันที นายภาวินที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เพราะกำลังเมาหัวทิ่ม อย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก ก็พร่ำบ่นเป็นคุ้งเป็นแควต่อไปเรื่อย ๆ

“อึก...ชีวิตแม่งบัดซบจริง ๆ เลยยยยย แค่อยากเป็นคนดัง แค่อยากดังเท่านั้นเอง ไม่ได้ขออะไรมากเลยแท้ ๆ ทำไมมันถึงไม่ดังสักทีล่ะโว้ย นี่ก็อายุปาเข้าไป 25 แล้วเล่นยูทูปมาเกือบ 10 ปี ทำมันมาหมดเกือบทุกอย่างที่คิดว่าต้องดังแน่ ๆ ทำไมยังไม่ได้เป็นยูทูปเบอร์คนดังห่าเหวอะไรนั่นเลยวะ! เจ็บใจชะมัด”

ทันทีที่จบคำบ่น ช่องแชททางขวามือก็มีคอมเมนต์เด้งขึ้นมา

เทพเจ้าสูงสุด : สวัสดีชาวโลก [ไอคอนหน้ายิ้มมีวงแหวนบนหัว]

“เชี่ยไรวะเนี่ย!” มีคนดู...สายตาที่สะลึมสะลือ เพราะดื่มติดต่อมา 3 ชั่วโมงของภาวินพลันเบิกกว้าง มาตอนไหนมาตั้งแต่เมื่อไร นี่นั่งฟังผมด่าพ่อง มานานแค่ไหนแล้ว ถึงจะแค่คนเดียวก็เถอะ

อ๊ากกกก ผมนี่มันไอ้งั่งของแท้เลย

“วะ หวัดดี เอิ่ม...เทพเจ้าสูงสุดมาเมื่อไรเนี่ย”

เทพเจ้าสูงสุด : สักพักแล้ว

"..."มือที่กำกระป๋องเบียร์ไว้พลันสั่นระริก พลาดแล้วไอ้ภา

เทพเจ้าสูงสุด : เฮ้ ข้ารู้ว่าเจ้าเมาไม่เป็นไร

เทพเจ้าสูงสุด : อยากเป็นคนดังงั้นหรือ ข้าช่วยเจ้าได้นะ

“นายเป็นแมวมองรึไง”

เทพเจ้าสูงสุด : จะว่าแบบนั้นก็ได้ กำลังหาคนไปต่างโลกน่ะ

เทพเจ้าสูงสุด : สนใจไหม ข้าเปิดดูคลิปเก่า ๆ ของเจ้าแล้ว ทำได้ทุกอย่างเลยนี่ยอดมาก

“ขอบคุณที่ชมคร้าบ แฮะ ๆ”

เทพเจ้าสูงสุด : แล้วอยากไปต่างโลกไหมล่ะ

“ไปแล้วจะดังจริง ๆ หรอ ฮ่า ๆ ๆ” คนบ้าอะไรชื่อเทพเจ้าสูงสุด ยังไม่พอ ยังมาชวนไปต่างโลกอีก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ดูยังไงก็ไม่ใช่แมวมองอย่างที่พูดชัด ๆ เห็นเขาเป็นไอ้งั่งรึไง เขาเลิกตื่นเต้นไปกับมันแล้ว ก็แค่พวกบ้า ๆ บอ ๆ

เทพเจ้าสูงสุด : แน่นอน นอกจากเจ้าจะดังแล้วยังรวยด้วย เชื่อข้าสิ

“ผมไปแล้วท่านเทพเจ้าสูงสุดจะได้อะไรล่ะคร้าบ แหมดูเหมือนจะมีแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้นเลยนิ ผมได้ทั้งดังทั้งรวย” เขาเอื้อมมือไปหยิบเบียร์อีกกระป๋องมาเปิดดื่ม นี่เขาต้องมานั่งคุยกับคนบ้าเป็นคุ้งเป็นแควขนาดนี้เลยหรอเนี่ย เอาวะยังดีกว่าคุยคนเดียว

เทพเจ้าสูงสุด : ฮ่า ๆ ๆ ชักชอบเจ้าขึ้นมาแล้วสิ เป็นคนแรกเลยนะที่ถามข้าแบบนี้ ปกติจะมีแต่คนขอพรนู่นนี่

“นายเป็นตาลุงรึไงฟะ” ผมล่ะอดจะบ่นออกมาไม่ได้ ทำเอานึกถึงลุงผู้จัดการเลยแฮะ

เทพเจ้าสูงสุด : …

เทพเจ้าสูงสุด : รู้ได้ไง! ปกติข้าชอบแปลงกายเป็นเทพธิดาสุดเซ็กซี่ขยี้ใจ หรือไม่ก็ตามภาพลักษณ์ที่คน ๆ นั้นชอบแท้ ๆ

“จริงดิแค่พูดลอย ๆ เป็นตาลุงจริง ๆ สินะ!” ว่าแล้ว พวกชมชอบเขาก็มีแค่ตาลุงเท่านั้นล่ะ บ้าเอ้ย ทำไมต้องตาลุงด้วยนะ!

เทพเจ้าสูงสุด : ในเมื่อเจ้าเดาตัวจริงข้าถูก แถมข้าก็ชอบเจ้าเป็นพิเศษ จะบอกจุดประสงค์ให้ก็ได้

เทพเจ้าสูงสุด : ข้าต้องการค่าความศรัทธาต่อโลกแฟนตาซียังไงล่ะ ในเมื่อแฮรี่นิยายแฟนตาซีเวทมนตร์ที่ดังระเบิดระเบ้อทั่วโลกจบไปแล้ว ข้าก็ต้องหาแนวทางใหม่ จากการส่งคนไปต่างโลกเป็นว่าเล่นแบบนี้ไงเล่า! หลัง ๆ มาเนี่ยคนก็เริ่มเอียนนิยาย มังงะ อนิเมะต่างโลกแล้วด้วย แถมยูทูบกำลังบูมสุด ๆ ข้าก็เลยคิดว่า ถ้าไลฟ์สตรีมไปเลยมันน่าจะดัง

“เอิ่ม จุดประสงค์อะไรก็ช่างมันเถอะ เอาที่ลุงสบายใจเลยครับ”

เทพเจ้าสูงสุด : ตกลงเจ้าจะไปไหม

ไหน ๆ ลุงก็ขยันชวนมาขนาดนี้แล้ว รู้สึกเหมือนถ้าไม่ตกลง ลุงแกจะไม่ไปไหน “OK ผมไป ๆ โลกแฟนตาซีใช่ไหม ป่ะ ๆ พร้อมละ” ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋า และไม่ลืมหยิบเบียร์ที่กินค้างไว้ไปด้วย เอากับลุงแกหน่อย เริ่มง่วงแล้วเนี่ย จะได้ปิดคอมไปนอนสักที

เทพเจ้าสูงสุด : OK งั้นไปเลย! [อีโมติคอนชูสองนิ้วสู้ตาย]

“บอกมาเลยต้องไปทางไหน โลกแฟนตาซี...ของ ลุ ง” ก่อนจะพูดจบคำ ที่หน้าผากก็เรืองแสงเป็นวงเวทย์แปลก ๆ ผมเห็นหน้าผากตัวเองได้ยังไงงั้นหรอ ก็ตอนนี้กำลังไลฟ์สตรีมอยู่ไงเล่า เฮ้ยตาลุงเทพเจ้าสูงสุดเป็นเทพของจริงงั้นหรออออออ?

.......

หลังแสงสว่างจากหน้าผากจางลง นายภาวินก็ปรากฏตัวที่ริมถนนกลางป่า ในชุดเสื้อยืดเลอะคราบเบียร์ กางเกงขาสั้น แถมยังตีนเปล่า พร้อมกระป๋องเบียร์ที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่งในมือ และโทรศัพท์ที่ไร้สัญญาณในกระเป๋ากางเกง ถ้อยคำแรกที่ผมเปร่งออกมาจากปากอย่างยากเย็น เมื่อเห็นมังกรบินผ่านหัวไปก็คือ

"ฉิบหายแล้ว ต่างโลกของจริง"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด