ตอนที่แล้วตอนที่ 3 ยุทธภูมิที่โทเคีย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 กษัตริย์ผู้ไร้ใจ

ตอนที่ 4 พญามัจจุราชเพลิง


ตอนที่ 4 พญามัจจุราชเพลิง

 

เรดิกัลชักดาบเพนออกมา จากนั้นใช้มือลูบใบดาบเบา ๆ และเปล่งเสียงขึ้น

“โซล อีทเตอร์” (Soul Eater-กลืนวิญญาณ)

ทันใด ดาบเพนซึ่งตัวดาบแวววาวดุจแสงดาวยามราตรีกลับหมองหม่นราวถูกเมฆดำปกคลุม ดาบเพนถูกรังสีสีดำครอบคลุม จากนั้นรังสีสีดำก็ลุกโชติช่วงไม่ต่างจากเปลวเพลิงทมิฬ

เรดิกัลใช้มือซ้ายกดอานม้า ร่างของเขาลอยขึ้น จากนั้นลงสู่พื้นดินอย่างแผ่วเบาและสง่างามราวเทพบุตรจุติลงมาจากสวรรค์

“คอร์แซค มันอยู่ไหน?” เรดิกัลถามอูรูก

อูรูกหัวหน้าโกเลมไฟตอบกลับ “เจ้าไม่มีโอกาสที่จะได้พบกับนายท่านเพราะที่แห่งนี้คือสุสานของเจ้า”

อูรูกความจริงหวาดกลัวเรดิกัลอย่างยิ่ง แต่มันถือดีที่มีพวกมาก เรดิกัลต่อให้ร้ายกาจเพียงใดก็มาเพียงแค่ตัวคนเดียว จะไหนเลยจะเทียบเท่ากองทัพโกเลมไฟนับพัน หากกำจัดเรดิกัลได้ในศึกนี้ได้ คอร์แซคผู้เป็นนายมันต้องพึงพอใจอย่างยิ่งแน่

“จัดการมัน!!” อูรุกสั่งเหล่าโกเลมไฟ

เหล่าโกเลมขณะจะขยับกาย แต่เรดิกัลรวดเร็วยิ่งกว่า เขาพุ่งตรงไปหาอูรุก

อย่างรวดเร็วดุจลูกธนูที่พุ่งออกจากแหล่ง อูรุกต่อยหมัดเพลิงออกใส่เรดิกัล หมัดของมันเต็มไปด้วยพลังไฟลุกท่วม ก่อเกิดแสงสว่างเจิดจ้า หากสัมผัสถูกแม้แต่นิดเดียวร่างอาจถูกเผาไหม้เป็นจุล

แต่เรดิกัลหาได้ขยับกายหลบ เรดิกัลแทงดาบเพนออกตรง ๆ ปลายดาบเพนปะทะกับหมัดขวาของอูรุกซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าโกเลมไฟตนใด ๆ

“อ๊าก” อูรุกร้องด้วยความเจ็บปวด แขนของมันตกห้อยลง ไฟที่แขนมันก็มอดดับสนิท สีหน้าปรากฏแววแตกตื่นและสงสัย

ทันใด โกเลมไฟอีกสี่ตนเข้ามาด้านหลังเรดิกัล ทั้งหมดต่างต่อยหมัดจู่โจมใส่เรดิกัลอย่างพร้อมเพียง หมายขยี้ร่างราชาหนุ่มให้แหลกเหลว

เรดิกัลกวาดมือซ้ายไปด้านหลังอย่างรวดเร็วพร้อมร้อง

“เวฟออฟดูม” (Wave of Doom – เกลียวคลื่นแห่งคราเคราะห์) ทันใดนั้นปรากฏสภาพคลื่นสีดำรูปจันทร์เสี้ยวขึ้นในอากาศจากนั้นขยายเป็นวงกว้างโจมตี ใส่โกเลมทั้งสี่ตนที่กำลังจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว โกเลมทั้งสี่ตนถูกคลื่นสีดำรูปจันทร์เสี้ยวโจมตีที่หน้าอก ทำให้หน้าอกของมันระเบิดขึ้นทันที ทั้งหมดต่างร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดสิ้นชีพไป !!

เวทมนตร์เวฟออฟดูมเป็นเวทมนตร์ธาตุความมืดที่ใช้โจมตีศัตรู มีความรวดเร็วรุนแรง ยิ่งผู้ใช้พลังเวทยิ่งสูงเกลียวคลื่นรูปจันทร์เสี้ยวยิ่งขยายได้กว้างขึ้นตามพลังของผู้ใช้ ทำให้สามารถกวาดล้างศัตรูได้จำนวนมากยิ่งขึ้น

เรดิกัลขยับดาบเพนจู่โจมใส่อูรุกต่อ ดาบของเขารวดเร็วยิ่งกว่าประกายไฟ อูรุกกวาดแขนซ้ายที่เต็มไปด้วยไฟออก หมายให้เรดิกัลหลบหรือรั้งดาบกลับไปป้องกันตน แต่ดาบของเรดิกัลยังรวดเร็วกว่าก้าวหนึ่ง ดาบเพนแทงถูกท้องอูรุก พริบตานั้นร่างอูรุกสุดแสนเจ็บปวดรู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เรี่ยวแรงหดหายหมดสิ้น ร่างอันใหญ่โตของมันล้มลงนอน มีเพียงส่วนศีรษะที่ยังขยับได้

นี่คือความยอดเยี่ยมของเวทมนตร์ “โซล อีทเตอร์” (Soul Eater-กลืนวิญญาณ) เวทมนตร์นี้ใช้สำหรับเคลือบอาวุธของตนเองให้เป็นธาตุมืด พลังธาตุมืดจะส่งผลให้อาวุธสามารถดูดกลืนกินวิญญาณของสิ่งมีชีวิตไว้ในดาบ เมื่อสัมผัสถูกแขนก็จะดูดกินวิญญาณส่วนแขนทำให้ขยับไม่ได้ สำหรับอูรุก เรดิกัลเลือกจะดูดกลืนวิญญาณมันทั้งตัวเว้นเพียงส่วนศีรษะ

ในตอนนี้อูรุกรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าตายเสียอีก หากตายอย่างมากก็ไม่รับรู้อะไรอีก แต่ตอนนี้กายทุกส่วนของมันไร้ความรู้สึกเว้นเพียงส่วนศีรษะ ยิ่งความรู้สึกที่โดนดึงวิญญาณออกจากร่างเมื่อสักครู่ยิ่งสร้างความหวาดกลัวอย่างฝังแน่นยากจางหาย

“ฆ่าข้า” อูรุกกล่าวเชิงวิงวอน มันไม่ต้องการรับรู้ความรู้สึกทรมานแบบนี้

เรดิกัลไม่สนใจมันอีก เดินเข้าหากีรัสหัวหน้าหน่วยแบล็คเคิซซึ่งยืนหลบสายตาเขาอยู่

เพี๊ยะ!! เรดิกัลตบหน้ากีรัสฉาดหนึ่ง พลางถามว่า

“ใครใช้ให้เจ้านำทัพจู่โจมศัตรูก่อน ข้าเพียงสั่งให้เจ้านำหน่วยแบล็คเคิซมาเพื่อตรวจสถานการณ์เท่านั้น”

กีรัสคุกเข่าลงกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน “กระหม่อมผิดไปแล้ว ขอพระองค์ทรงลงพระอาญา”

เรดิกัลตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “รอให้จบศึกนี้ก่อน”

จากนั้นเรดิกัลเดินไปหาอูรุกซึ่งนอนขยับกายไม่ได้ ตรัสว่า

“สั่งบริวารเจ้าให้ไปตามตัวคอร์แซคมา ข้าจะคืนวิญญาณให้เจ้า”

อูรุกไม่ทราบเหตุใดเรดิกัลจึงใจดีขึ้นมา แต่มันก็ไม่กล้าแสดงความอ่อนแอยอมทำตามคำสั่งเรดิกัล แม้แต่กีรัสเองก็แปลกใจในพฤติกรรมเรดิกัลเช่นกัน

สมรภูมิอันดุเดือดเมื่อครู่กลับเงียบกริบราวถูกสาปไว้รอเพียงคำตอบของอูรุก

 

นี่เป็นแผนถ่วงเวลาของเรดิกัล

ก่อนหน้ากองทัพใหญ่ของเรดิกัลได้พบกับประชาชนที่อพยพหนีตายซึ่งกีรัสได้ช่วยเหลือไว้ ประชาชนเล่าให้ฟังว่าได้พบเห็นกองทัพกีรัสมุ่งหน้าไปยังเมืองโทลเคีย เรดิกัลทราบว่ากีรัสไม่ทำตามคำสั่งก็พิโรธยิ่ง จึงสั่งให้กองทัพใหญ่รีบมุ่งหน้ามายังเมืองโทลเคีย ต่อมากีรัสยิงพลุเวทมนตร์ขอความช่วยเหลือขึ้น เรดิกัลเห็นเช่นนั้นรีบขับขี่อาชาปีศาจเสด็จไปยังตำแหน่งที่พลุสัญญาณยิง โดยสั่งให้จอมเวทปีศาจซาอูเร่งยกทัพหลักตามมา

เรดิกัลเมื่อมาถึงได้สังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง เขาเห็นว่ากองทัพศัตรูมีจำนวนมาก จำต้องใช้อุบายถ่วงเวลาไว้ จึงเลือกใช้เวทมนตร์ดาร์คกราวิตี้ (Dark Gravity—แรงดึงดูดแห่งความมืด) เวทมนตร์แรงดึงดูดเป็นวงกว้างเพื่อแสดงอานุภาพของตน เวทมนตร์นี้ทำให้เสียพลังมาก ความจริงเรดิกัลไม่ยอมใช้ออกโดยง่าย แต่เพราะต้องการสะกดโกเลมไฟไว้ให้เกรงพระบารมี จึงยอมใช้เวทมนตร์ที่สิ้นเปลืองพลังเวทมหาศาล

แต่สำหรับหน่วยแบล็คเคิซซึ่งโดนเวทดาร์คกราวิตี้ด้วยนั้น เรดิกัลเห็นว่าหากผู้ใดไม่แข็งแกร่งพอทนแรงโน้มถ่วงจากเวทนี้ ต่อให้ต้องตายก็สมควรอยู่เพราะคนเหล่านี้นำความพ่ายแพ้อันน่าอับอายมาสู่เพธอส

เรดิกัลคือราชาที่ไร้ใจ

ต่อมาเรดิกัลใช้เวทมนตร์โซลอีสเตอร์เคลือบดาบเพน เพราะมีประสงค์แต่แรกที่จะดูดวิญญาณอูรุกหัวหน้าโกเลมไฟให้เหลือเพียงส่วนศีรษะให้ได้ เพื่อจะได้เปิดบทสนทนาถ่วงเวลารอทัพหลักไว้ หากอูรุกหัวหน้าหน่วยโกเลมไฟตาย เรดิกัลเพียงผู่เดียวยากต้านทานกองทัพโกเลมไฟนับพัน แต่หากให้มันอยู่ก็ไม่ได้ตายก็ไม่ได้ ทำสงครามประสาทถ่วงกองทัพโกเลมไฟให้ไม่กล้าวู่วามจะมีประโยชน์กว่า

ราชาที่ไร้ใจกับสติปัญญาที่ร้ายกาจ

 

“ว่ามาจะเอาอย่างไร?” เรดิกัลถามอีกครั้งหลักจากอูรุกเงียบกริบ

อูรุกแม้ไม่เกรงต่อความตาย แต่เรดิกัลใช้สงครามประสาทกับมัน ให้มันรับรู้ถึงความรู้สึกที่ก้าวไปอยู่ในประตูนรกแล้วครึ่งหนึ่งด้วยการถูกดูดวิญญาณ ทำให้ความฮึกหาญไม่เกรงตายของมันลดทอนลงอย่างมาก ยิ่งเรดิกัลแสร้งทำใจดีหยิบยื่นชีวิตครึ่งหนึ่งกลับคืนให้มัน ความคิดมันยิ่งสับสน

“อย่าได้ใช้อุบายของเด็กน้อยถ่วงเวลา” ซุ่มเสียงอันทรงอำนาจดังขึ้น กายยังไม่ปรากฏเสียงก็ดังกังวานมาก่อนแล้ว

 

เรดิกัลมองไปยังทิศทางต้นเสียงที่มาจากป่าใหญ่ข้างเมืองโทเคีย พบร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ เดินออกจากป่าเข้ามาในสมรภูมิ ใบหน้ามันคล้ายกระทิงอย่างยิ่งแต่จมูกไม่ยื่นออกมาเท่ากระทิง ใบหูยาวตั้งแหลม มีเขาสามเขา เขาที่สามอยู่บริเวณหน้าฝาก ดวงตาสีเหลือง ร่ายกายสีแดงเพลิงและถูกห่อหุ้มด้วยไฟ กายส่วนบนมันคล้ายมนุษย์และไม่สวมเสื้อผ้าเผยให้เห็นหน้าอกอันแข็งแกร่งประดุจเหล็ก กายส่วนล่างสวมใส่กางเกงเกราะแดงและเข็มขัดหัวสีทอง หางของมันส่วนปลายมีหัวคล้ายลูกศรธนูส่องประกายสีเงินแสดงถึงความคมกริบ

พญามัจจุราชเพลิง คอร์แซค !!

เรดิกัล กีรัส และหน่วยแบล็คเคิซแม้ไม่เคยเห็นคอร์แซคมาก่อน แต่ดูจากลักษณะกายก็พอจะคาดเดาออกได้

เห็นคอร์แซคเดินลากดาบยาวสีแดงเพลิง ใบดาบเล่มนั้นของมันมีขนาดใหญ่และมีคมด้านเดียว โกร่งดาบเป็นรูปเขากระทิง ดาบเล่มนั้นสัมผัสกับพื้นบริเวณใดบริเวณนั้นจะมีไฟลุกออกมา

ดาบโฮปเลสเฟรมHopeless Flame-เปลวเพลิงแห่งความสิ้นหวัง) อาวุธระดับตำนานอีกชิ้นหนึ่งเช่นเดียวกับดาบเพน (Pain-ความเจ็บปวด) ซึ่งมีเพียงแค่ชิ้นเดียวในผืนพิภพ พลังดาบของมันสามารถสร้างเปลวเพลิงอันร้อนแรงได้ตลอดเวลา ยิ่งผู้ใช้ดาบยิ่งเชี่ยวชาญ พลังเพลิงที่ออกมาจากดาบยิ่งมีพลังไม่รู้จักหมดสิ้น หากผู้ใดต้องเผชิญพลังของดาบนี้ก็ไม่ต่างจากการรอความตายด้วยความสิ้นหวัง

พญามัจจุราชมาพร้อมกับดาบแห่งความสิ้นหวัง ผู้ที่พบเจอไหนเลยจะรอดจากความตายได้?

 

เหล่าโกเลมไฟเห็นนายเหนือหัวของมันมาถึงต่างโห่ร้องต้อนรับเสียงกึกก้อง เมื่อสักครู่พวกมันตกอยู่ในความกดดันของเรดิกัลไม่ต่างกับถ่านที่กำลังจะมอดดับจากการเผาไหม้ แต่บัดนี้กลับได้รับเชื้อไฟทำให้กลับมาปะทุร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง

เรดิกัลไม่แสดงปฏิกิริยาใด แต่พวกหน่วยแบล็คเคิซกลับตื่นตระหนกยิ่ง พวกเขาอ่อนแรงแทบไม่มีเรี่ยวแรงทำศึกอยู่แล้ว ตอนนี้ยังได้พบเห็นพญามัจจุราช ความสิ้นหวังเกิดขึ้นในใจอย่างยากอธิบายได้

คอร์แซคยืนเผชิญหน้ากับเรดิกัล มันกล่าวพร้อมกับพ่นลมหายใจออกจากจมูกเป็นเปลวเพลิง “หากเจ้ากำลังรอทัพหนุน ความหวังของเจ้าก็สูญเปล่า”

เรดิกัลเงียบไม่ตอบ เขาไม่ทราบว่าคอร์แซคทราบได้อย่างไรว่าเขารอทัพหนุน

คอร์แซคกล่าวอธิบายว่า “ก่อนหน้าที่กองทัพพวกเจ้าจะมาถึง ข้าได้วางกำลังดักซุ่มไว้ในเมืองและนอกเมืองโทลเคียก่อนแล้ว กองกำลังแรกข้าให้พวกมันดักรอในเมือง เมื่อทัพใหญ่ของเจ้าเข้าเมืองมาแล้วค่อยจัดการ แต่คาดไม่ถึงหน่วยแบล็คเคิซเข้ามาก่อนจึงถูกบริวารข้าเล่นงาน อีกกองหนึ่งข้าได้สั่งให้เหล่าบริวารข้าห้าพันตนไปดักซุ่มไว้ที่ชายป่าข้างเมือง ตอนนี้คงกำลังขยี้ทัพใหญ่ของเจ้าอยู่”

“ข้าเห็นว่าเจ้าคนเดียวไม่สามารถต่อสู้กับบริวารข้านับพัน ดังนั้นข้าจึงคาดว่าเจ้ารอทัพหนุนอยู่ แต่ทัพหนุนของเจ้าคงมาไม่ได้แล้ว” คอร์แซคกล่าวคาดเดาความคิดเรดิกัลได้ถูกต้อง เรดิกัลเห็นว่าพญากระทิงเฒ่าผู้นี้ไม่อาจดูแคลนได้

ภายหลังจากคอร์แซควางกำลังซุ่มไว้สองกอง ตัวมันเองก็ซ่อนอยู่ในชายป่าข้างเมืองโทลเคียคอยติดตามว่าจะมีเหยื่อใดหลงกลเข้าไปในเมืองโทลเคียบ้าง แต่พอมันเห็นบุรุษชุดดำใช้เวทดาร์คกราวิตี้ซึ่งเป็นเวทความมืดขั้นสูงข่มขวัญทัพโกเลมไฟนับพันของมัน ทำให้มันคาดเดาว่าบุรุษชุดดำคือเรดิกัล เนื่องจากในดินแดนเพธอสผู้ใช้เวทความมืดขั้นสูงได้คงมีเพียงราชาเวทปีศาจซาอูและกษัตริย์แห่งความมืดเรดิกัลเท่านั้น ดังนั้นมันจึงปรากฏกายออกมา

คอร์แซคกล่าวต่อว่า “ซาอูเล่า? มันอยู่ที่ใด? เรียกมันมาเจรจากับข้า”

ความหมายในวาจาชัดเจนยิ่งว่าไม่เห็นเรดิกัลอยู่ในสายตา มันคิดว่าที่เพธอสยังอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะซาอูคุ้มครอง

“วาจาเจ้ายืดยาวราวอายุเจ้าเอง” เรดิกัลกล่าวขึ้น

คอร์แซคแสร้งทำเป็นกล่าวถึงซาอูเพื่อกดข่มว่าไม่เห็นเรดิกัลอยู่ในสายตา ส่วนเรดิกัลก็กล่าวเหน็บแนมคอร์แซคซึ่งมีอายุกว่าสองร้อยปีว่า “แก่” และ “ขี้บ่น”

ดาบในตำนานของทั้งสองยังไม่ทันได้สัมผัสกัน วาจาคมกริบราวมีดดาบก็ปะทะกันก่อนแล้ว

คอร์แซคจ้องมองเรดิกัลเขม็ง ใบหน้าเรดิกัลมีส่วนคลับคล้ายพระปัยกา (ทวดด้านปู่) ของเรดิกัลอยู่บ้าง โดยเฉพาะแววตาที่เย็นชา พญามัจจุราชเพลิงพลันหวนนึกถึงอดีต..

 

เมื่อร้อยปีก่อน ราชวงศ์มาร์ดิลของเรดิกัลรบพุ่งทำสงครามกับพวกเผ่ากระทิงเพลิงของคอร์แซคนับสิบปี แต่ฝ่ายคอร์แซคพ่ายแพ้สูญพันธุ์แทบหมดสิ้น เหลือเพียงคอร์แซคตนเดียว มันหลบหนีไปซ่อนอยู่ในภูเขาไฟเทมพอส ภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในแดนเหนือซึ่งอยู่ห่างไกลกับชายแดนตะวันออกของอาณาจักรเพธอสกว่าหกร้อยกิโลเมตร คอร์แซคบังเอิญได้พบดาบโฮปเลสเฟรมซึ่งหลอมตีจากลาวาภูเขาไฟอันร้อนแรงและไฟจากภูเขาไฟซึ่งไม่มีวันดับ คอร์แซคซ่อนตัวฝึกใช้ดาบโฮปเลสเฟรมให้ชำนาญ ระหว่างนั้นยังศึกษาเวทมนตร์อย่างลึกซึ้ง ทำให้ฝีมือมันก้าวหน้าเกินกว่าเผ่ากระทิงเพลิงตนใดในอดีต

กษัตริย์ของราชวงศ์มาร์ดิลในอดีตซึ่งเป็นปู่ทวดของเรดิกัลทรงทราบเข้า จึงยกทัพเข้าโจมตีภูเขาไฟเทมพอสหลายครั้ง แต่คอร์แซคอาศัยชัยภูมิภูเขาไฟที่ได้เปรียบโจมตีกลับด้วยเพลิงลาวาและดาบโฮปเลสเฟรม เมื่อฝ่ายทหารเพธอสสูญเสียเป็นจำนวนมากจึงได้แต่เจรจาสงบศึกไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก

คอร์แซคอยู่ภูเขาไฟเทมพอสศึกษาเวทมนตร์เพิ่มเติมและสร้างโกเลมไฟขึ้น จากนั้นทำการขยายอำนาจไปยังรอบ ๆ บริเวณนั้น มันสร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นอีกครั้ง ที่ใดที่คิดแข็งข้อต่อต้านท้าทาย คอร์แซคจะไปปรากฏกายที่นั่นและที่นั่นจะต้องมีคนตายด้วยเพลิงมรณะ ทำให้มันได้ฉายา “พญามัจจุราชเพลิง”

ยี่สิบปีก่อนมันเก็บตัวในภูเขาไฟเทมพอส ใช้เวทมนตร์ปลุกเสกโกเลมไฟให้มีชีวิตจนเกือบหมื่นตัว มันทราบดีว่าอายุขัยของเผ่ากระทิงเพลิงมีได้อย่างมากไม่เกินสองร้อยห้าสิบปี มันเองก็อายุกว่าสองร้อยปีแล้ว หากไม่บุกยึดอาณาจักรเพธอสล้างแค้นและขยายอำนาจในเวลานี้ เกรงว่าไม่มีเวลาใดเหมาะสมอีก

 

ขณะที่คอร์แซคจ้องมองเรดิกัลหวนนึกถึงอดีต พลันได้ยินเรดิกัลเอ่ยขึ้นเบา ๆ

“คลาย” มนต์โซลอีทเตอร์ซึ่งเคลือบอยู่ที่ดาบเพนของเรดิกัลพลันคลายสลายออก ตัวดาบเพนแวววับดุจแสงดาวอีกครั้ง คอร์แซคเห็นดาบของเรดิกัลมีโกร่งดาบสีแดงวาดลวดลายคล้ายเส้นเลือดซับซ้อน พลันฉุกคิดขึ้นถามว่า

“นี่คือดาบเพน?”

เรดิกัลไม่ตรัสตอบ แต่คอร์แซคก็ทราบแก่ใจแล้วว่าตนคาดเดาไม่ผิด หลังจากมันได้ดาบโฮปเลสเฟรมในตำนานมา มันก็ศึกษาศาสตราวุธในตำนานเพิ่มเติม คำบรรยายถึงดาบเพนในตำราสอดคล้องกับลักษณะดาบที่เรดิกัลถืออยู่

คอร์แซคนิ่งเงียบไม่กล่าววาจา มันทราบดีว่าดาบเพนหากสะกิดโดนแม้ผิวกายเล็กน้อยก็จะทำให้เกิดโลหิตไหลไม่หยุด ทรมานเจ็บปวดจนตาย

เรดิกัลจงใจคลายเวทมนตร์โซลอีทเตอร์ออกเพื่อให้คอร์แซคได้สังเกตดาบของเขาเพื่อข่มขวัญ จริงดังคาด คอร์แซคพอเห็นดาบเพนก็นิ่งเงียบไปคล้ายถูกข่มขวัญเล็กน้อย ต่อให้คอร์แซคไม่ถาม เรดิกัลก็จะหาทางให้คอร์แซคทราบอยู่ดีว่าเขาถือดาบเพนอยู่

ทุกการกระทำของเรดิกัลย่อมมีแผนการเคลือบแฝง

ความจริงคอร์แซคคิดสังหารเรดิกัลในทันที แต่เมื่อเรดิกัลมีดาบเพนอยู่ คอร์แซคก็ไม่กล้าวู่วาม แต่มันเห็นแววตาอันเย็นชาของเรดิกัลพลันรู้สึกเกลียดชังอย่างรุนแรง

หากไม่ล้างแค้นเวลานี้ จะรอถึงเวลาใด?

 

ลมหายใจของคอร์แซคร้อนแรงขึ้น เปลวเพลิงจำนวนมากพวยพุ่งออกจากจมูกอย่างรุนแรงแสดงถึงความแค้นที่แน่นอก คอร์แซคตวาดก้อง ยกดาบโฮปเลสเฟรมขึ้นฟันใส่เรดิกัลอย่างรวดเร็ว ใบดาบลุกท่วมด้วยเปลวเพลิงขนาดใหญ่ หน่วยแบล็คเคิซทั้งหมดต่างรู้สึกร้อนจนผิวกายแทบไหม้รีบถอยกายไปนับสิบก้าว

เรดิกัลขยับกายหลบอย่างรวดเร็ว จากนั้นแทงดาบเพนสวนกลับ ร่างกายคอร์แซคสูงใหญ่กว่าเรดิกัลสามเท่า ดาบเพนจึงแทงไปยังส่วนขาของคอร์แซค ทำให้คอร์แซควกดาบกลับมาป้องกัน ดาบในตำนานทั้งสองปะทะกันคราแรก บังเกิดเสียงประหลาดแสบแก้วหูยากบรรยายได้

คอร์แซคสะบัดดาบใส่เรดิกัลอีกครั้ง เรดิกัลถอยกายไปสองก้าวหลบหลีกดาบโฮปเลสเฟรม ทำให้ดาบเฉียดผ่านใบหน้าเขาไป แม้จะยังไม่ถูกผิวหน้า เรดิกัลยังรู้สึกร้อนแสบผิว หากไม่ใช่มีเวทมนตร์ความมืดคุ้มครอง ผิวเรดิกัลคงไหม้เกรียมไปบ้างแล้ว

เรดิกัลขยับกายไปด้านขวา จู่โจมดาบรวดเร็วดุจสายฟ้าแทงใส่ชายโครงด้านซ้ายของคอร์แซค พญามัจจุราชเพลิงกริ่งเกรงดาบเพนกระทบถูกผิวกายตนจึงรีบเบี่ยงกายหลบพร้อมกวาดดาบฟันใส่คอเรดิกัล บีบให้เรดิกัลเป็นฝ่ายวกดาบกลับมาป้องกัน

ดาบทั้งสองปะทะกันอีกครา แต่ครั้งนี้พลังเพลิงของดาบคอร์แซครุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล มันต้องการพิชิตเรดิกัลให้ได้ในดาบนี้ เรดิกัลเร่งเพิ่มพลังเวทแห่งความมืดใส่ดาบเพน ทำให้ดาบเพนปรากฎเปลวไฟทมิฬขึ้น

ระหว่างที่ทั้งสองประดาบทุ่มเทพลังเวทเข้าใส่กัน มุมปากคอร์แซคเผยอยิ้มเล็กน้อย จากนั้นหางของคอร์แซคพลันจู่โจมออกอย่างรวดเร็ว ปลายหางดุจลูกศรเงินของมันพุ่งใส่คอหอยเรดิกัล !!

 

-----------------

เรดิกัลของเราตกอยู่ในอันตรายซะแล้ว เรื่องราวจะเป็นไงต่อ ติดตามตอนไปรับรองสนุกกว่านี้เพราะเขียนสุดฝีมือ!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด