ตอนที่แล้วซัพที่12: หนูวม่ายอาววว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่ 14: ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟเผาป่าขุดดินข้าก็จะทำ!

ซัพที่13: โลก? ดาว? พระอาทิตย์? จักรวาล? ประเทศ? อาณาจักร?


ซัพที่13: โลก? ดาว? พระอาทิตย์? จักรวาล? ประเทศ? อาณาจักร?

ไร้วาจาใดจากท่านหมอหนุ่ม ใบหน้าของเขานิ่งเฉยจนจินหลงมิอาจอ่านออก เด็กน้อยนึกหวั่นในใจ ไม่นานเมิ่งชงหยวนจึงก้มลงอุ้มองค์ชายน้อยขึ้นจากพื้นไปวางบนเตียง จับข้อมือมาตรวจชีพจร จับศีรษะมาหมุนซ้ายหมุนขวา ก่อนจะหันหลังไปหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า เมื่อจินหลงเห็นสิ่งนั้นก็ร้องลั่น

“เดี๋ยวๆๆ เจ้าคิดจะทำบ้าอะไร๊!!” เจ้าเด็กแสบร้องเสียงหลงกับเข็มเงินในมือท่านหมอ

“ข้าก็จะรักษาท่านโดยเร็วไง เพราะข้าวินิจฉัยโรคผิด หลงคิดว่าท่านมิได้สติฟั่นเฟือน แต่แท้จริงกลับมีอาการแฝง ข้ารู้สึกด้อยฝีมือยิ่งนัก” สีหน้าหมองจริงจังของท่านหมอ ทำเอาเจ้าตัวแสบแทบอยากจะกลายร่างเป็นก็อตซิลาร์พ่นไฟ

“โว้ยยยย ข้าไม่ได้บ้า!! เจ้าเป็นคนบังคับข้าให้ข้าพูดเองนะ” จินหลงแหกปากไม่พอใจ

“แล้วมันใช่เวลาพูดเล่นไหม?! อดีตฮ่องเต้อะไรกัน หากท่านไม่ใช่องค์ชายมีหวังโดนโทษหมิ่นเบื้องสูงแล้ว ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยได้ยินว่ามีราชวงศ์หยางมาก่อนเลย” ท่านหมอพ่นลมหายใจ

“เอ้า! ข้าก็บอกแล้วไงว่าต่างโลกๆ ข้าไม่ใช่ฮ่องเต้ของโลกนี้!” จินหลงกอดอกลุกยืนบนเตียง

“แล้วไอ้คำว่าโลกของท่านนี่มันแปลว่าอะไรกัน!” เจ้าตัวแสบอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะต้องอธิบายถึงขนาดนั้น

นี่โลกใบนี้มันเทียบกับสมัยไหนของโลกเดิมเขากัน!

“โลกก็คือดาวที่เรายืนอยู่ บนโลกมีประเทศหลายประเทศ แต่ละแห่งจะถูกแบ่งด้วยน้ำทะเล” จินหลงพยายามอธิบาย

“..ดาว? ท่านจะบอกว่าพื้นดินที่เรายืนอยู่นี่ เป็นเพียงแสงบนฟ้าหรือ” ท่านหมอไม่อยากเชื่อ

“ถ้ามองจากดาวดวงอื่น โลกก็เป็นดั่งแสง ดาวแต่ละดวงจะมีชื่อเรียกที่ต่างกัน เช่นดาวอังคาร ดาวพฤหัส ส่วนดวงอาทิตย์จะเรียกว่าดาวฤกษ์ เป็นศูนย์กลางศูนย์กลางของระบบสุริยะ” เมิ่งชงหยวนกระพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่จินหลงเอ่ย

“ท่าทางข้าต้องจ่ายยาให้ท่านจริงๆ สินะ” จินหลงกุมขมับ

“เอางี้ เจ้าเคยเห็นชาวต่างชาติบ้างไหม?” หมอหนุ่มนิ่งคิด

“พระองค์หมายถึงพวกทิเบตหรือ?” มันก็ต่างชาติจริงๆ นั่นแหละ..แต่อยู่บนแผ่นดินเดียวกัน เรียกว่าชนเผ่าจะดีกว่า

“พวกฝรั่งหัวทองตาฟ้าน่ะ” จินหลงพยายามอธิบายโดยง่าย

“..ข้าว่านอกจากข้าจะต้องตรวจศีรษะท่าน ข้ายังต้องตรวจสายตาท่านอีกสินะ ฝรั่งน่ะมีสีเขียว ทั้งยังไม่มีตา ท่านไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน” จินหลงอ้าปากค้าง

นี่อีกฝ่ายไม่รู้จริงหรือจงใจกวนอวัยวะเบื้องล่างเขากัน!!

“โอเค ข้าบ้าเอง ข้าบ้าเอ๊งงงงงงงงง พอใจหรือยัง!!” เจ้าตัวแสบแหกปาก ล้มตัวลงนอน ยอมแพ้จะอธิบาย ทิ้งให้ท่านหมอยืนงงเพียงลำพัง

เมิ่งชงหยวนยืนเกาศีรษะ ได้แต่งงกับตัวว่าสรุปอีกฝ่ายบ้าจริงหรือแกล้งเขาอีกรอบกัน?

“สรุปพระองค์สติฟั่นเฟือนจริงหรือแค่แกล้ง?” คิดไปก็ไม่ได้อะไร ท่านหมอตัดสินใจถาม จินหลงใช้หางตามองเขา

“เหอะ ถึงข้ายืนยันว่าแกล้ง เจ้าก็ไม่เชื่อ” ..มันงอน!!

เมิ่งชงหยวนตบเข้าที่หน้าผากตน ท่าทางน้อยใจแก้มป่องขององค์ชายน้อย จะว่าน่าเอ็นดูก็น่าเอ็นดู แต่สำหรับเขาเอนเอียงไปทางน่าหมั่นไส้มากกว่า

“พระองค์รู้ไหม ว่าตั้งแต่พระองค์เลิกเพ้อถึงเสี่ยวเหมย พระองค์ดูเหมือนเด็กวัยห้าปีทั่วไป” จินหลงหันขวับ อ้าปากค้าง

จะบ้าหรือไง เขาพยายามพูดไม่รู้เรื่องที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วนะเห้ย

“ตลก ไม่เห็นมีใครพูดว่าข้าดูปกติดี” จินหลงย้อนใส่อีกฝ่าย

“ข้าจะรู้กับพระองค์หรือ แต่ในสายตาข้า ตอนนี้พระองค์ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจธรรมดาที่ควรไปฝึกวิธีการพูดใหม่” เจ้าตัวแสบสะอึก เปลี่ยนมาคิดกับตัว

จะว่าไปตอนแรกเขาแกล้งทำเป็นเห็นเสี่ยวเหมย ก็เพื่อดูให้เหมือนกับเห็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน คนจะได้นึกว่าบ้า แต่พอเจ้าหมอเมิ่งเข้ามา เขาเลยต้องลดอาการบ้าลง เพื่อให้แผนดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ที่แล้วมาจากนั้นเขาก็เอาแต่แกล้งทำเป็นดิ้นๆ โวยวายๆ

เอ้ะ.. หรือว่าจะเพราะก่อนจะแกล้งบ้าเขาทำตัวฉลาดล้ำ พอลดระดับความบ้าลงมาเลยคล้ายกับเด็กทั่วไป แต่ก็ยังไม่ได้เป็นปกติ...โว้ยยยยย! คิดไปคิดมางงหมดแล้วเนี่ยยยย!

จินหลงพองแก้มหงุดหงิดใจ ถ้าไม่เพราะความสามารถอันเลิศล้ำและใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ใครเทียมนี่ทำให้เขาถูกกำหนดเป็นรัชทายาทแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าเขาจะยอมมาแกล้งบ้าอย่างนี้เลย!

ถ้าให้ต้องครองบัลลังก์อีกรอบ เขาขอฆ่าตัวตายไปเกิดใหม่ชาติสี่ดีกว่า!

แล้วนี่ยิ่งพยายามเอาตัวรอดเท่าไหร่ สถานการณ์ยิ่งลำบากขึ้นเรื่อยๆ เลิกซะเลยดีไหม! ไม่ตามหงตามหามันแล้วไอ้ฮ่องเต้องค์ต่อไปเนี่ย!!

เด็กน้อยเริ่มหมดความอดทน อยากหนีจากภารกิจที่พระเจ้ามอบหมาย

เมิ่งชงหยวนเห็นสีหน้าจินหลงเครียดขึ้นเรื่อยๆ จึงอ้าปากถาม

“พระองค์มีเรื่องอยากระบายกับข้าไหม?” ท่านหมอถามด้วยความหวังดี จินหลงจึงตวัดสายตามามอง ก่อนเชิดหน้าหนี

“พูดไปเจ้าก็หาว่าข้าบ้า ข้าไม่พูดดีกว่า!” ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเด็กอวดดีนี่จะถึงกับเชิดใส่เขา มัน..มันน่า..มันน่าจับตีก้นซะให้เข็ด!!

“งั้นข้าไปล่ะ” พูดจบ ท่านหมอจึงหันหลังเตรียมเดินออกจากห้อง ทว่าเจ้าตัวแสบกลับไม่ยอม มือน้อยกำชายเสื้อท่านหมอแน่นไม่ยอมปล่อย ทั้งยังไม่พูดอะไร ท่านหมอหันกลับมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉยและพยายามดึงผ้าออกจากมือเล็กๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อย

“ถ้าท่านไม่มีอะไรจะปรึกษาข้า ก็ปล่อยข้าเซ่!!” เมิ่งชงหยวนโวยวายเมื่อองค์ชายน้อยยื้อเสื้อเขา

“ไม่ เมื่อครู่ข้ารวมหัวกับเจ้าหลอกนางกำนัลว่าต้องนอนพัก ขืนปล่อยเจ้าไปข้ามีหวังเบื่อตายอยู่ในห้อง” จินหลงพูดรัวไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายขัด

“พระองค์ก็นอนไปสิ หากพระองค์ไม่นอน มีหวังยาที่ข้าให้คงไม่ออกฤทธิ์ดี” อีกฝ่ายเอ็ด จินหลงได้ยินจึงหันมาเบะปากมองหน้าอีกฝ่าย แสดงถึงความไม่เชื่อถืออย่างชัดเจน

“ยากำมะลอของหมอกำมะลอ จะไปรักษาหายได้ยังไง” เมิ่งชงหยวนผงะเมื่อโดนสบประมาท

“หากยาที่ข้าปรุงไม่สามารถรักษาให้หายได้จริง มีหรือข้าจะได้ชื่อหมอเทวดามา” ชายหนุ่มเท้าเอวเชิดหน้าอย่างภาคภูมิ ยิ่งทำให้จินหลงไม่เชื่อถือ

“เอาเป็นว่าเจ้าอยู่นี่ก่อน นี่เป็นคำสั่งจากองค์ชายอย่างข้า” จินหลงลุกขึ้นยืนบนเตียง ทำท่าเบ่งบารมีกลับ เมิ่งชงหยวนถึงกับลูบหน้าตัวเองอย่างเพลียใจ

“ข้าจะไปอ่านตำรา!”

“ก็อ่านที่ห้องนี้สิ!”

“ก็ข้าไม่มีสมาธิ!”

“ก็ข้าบังคับให้เจ้าอ่านห้องนี้!”

“...”

 

หลังบังคับให้เมิ่งชงหยวนนั่งอ่านตำราในห้องได้สำเร็จ จินหลงจึงหันมาคิดกับตัวเองต่อ

จะว่าไป.. เมื่อกี้เขาคิดอะไรอยู่นะ?

“เนี่ย! เพราะเจ้าแท้ๆ ข้าลืมหมดแล้วว่าคิดอะไรอยู่!!” เจ้าเด็กแสบหันไปต่อว่าท่านหมอที่อ่านตำรา อีกฝ่ายถึงกับหวอ

“เอ้า! พระองค์ลืมของพระองค์เอง เกี่ยวบ้าอะไรกับข้า!”

จินหลงไม่สนใจเมิ่งชงหยวนที่บ่นโวยวาย เขากลับมาคิดทบทวนกับตัวเอง ก่อนจะนึกได้ว่ากำลังคิดจะเลิกทำภารกิจ แต่ถ้าเขาไม่หาคนมาเป็นฮ่องเต้แทน มีหวังได้เป็นฮ่องเต้เองอีกรอบแหง พระเจ้านี่ก็ช่างเจ้าเล่ห์นัก น่าจะรู้อยู่ว่าเขาไม่อยากกลับไปเป็นฮ่องเต้ ยังจะส่งเขามาเป็นองค์ชายคล้ายจะบังคับให้เป็นหนึ่งในตัวเลือก

แถมองค์ชายแต่ละองค์นี่ก็เด็ดดีจริงๆ พี่ใหญ่เฟิงหยางกับพี่รองเหวินหลงนี่ก็แข่งกันเหมือนจะชิงโล่ตัวร้ายแห่งชาติ น้องห้าจิ้งฉวี่นี่ก็เหมือนอยากได้โล่กากดีเด่น ถ้าเอาที่ดีๆ ก็คงเป็นพี่สามฮุ่ยเจี๋ยที่ดูเป็นผู้เป็นคนที่สุด

หรือเขาจะหนีไปอยู่กับพวกจื่อจงดี?

แต่จะหนีไปเฉยๆ พวกคุณชายอู๋กับหมอกำมะลอมีหวังคอขาดตายแหง งั้นแกล้งตายไปเลยดีไหม? ไหนๆ ก็มีพรอมตะยันสามสิบอยู่แล้ว แกล้งตายได้เนียนแน่ร้อยเปอร์เซ็นต์โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

อย่างเช่นการหาโอกาสอยู่กับเสด็จพ่อสองคน แล้วแกล้งบ้าหาอะไรแทงคอตัวเองตาย ทีนี้ก็จะไม่มีใครต้องรับโทษ เสด็จพ่อก็คงไม่ประหารตัวเองแน่

จะว่าไป..พูดก็พูดเถอะ ถ้าข้าไม่ช่วยพระเจ้าหาตัวฮ่องเต้จริง อะไรจะเกิดขึ้น?

พระเจ้าจะเสกให้เขาเป็นง่อยขาหักแขนหักปากเบี้ยวตูดบิดเหรอ? หรือว่าจะทำให้เขาตายอีกรอบ ไม่ได้ไปผุดไปเกิด?

จินหลงคิดวนไปมา นึกอยากหนีจากตรงนี้ แต่..

เขาจะทิ้งจิ้งฉวี่ไว้อย่างนี้เหรอ?

ความรู้สึกผิดในใจเริ่มแล่นเข้ามา แต่ก็ไม่รู้จะทำเยี่ยงไร ไร้คนคอยให้คำปรึกษา หากตอนนี้มีผู้ช่วยที่เขาขอจากพระเจ้ามาอยู่ด้วยก็ดีนัก

“เฮ้อ..อ..” จินหลงถอนหายใจ ก่อนจะหันมามองตัวเลือกเพียงตัวเดียวที่มี แม้จะไม่ไว้ใจเต็มร้อย แต่ก็มากพอจะปรึกษาอะไรได้

“นี่ เจ้าหมอกำมะลอ” จินหลงเรียกท่านหมอที่นั่งอ่านตำรา ทว่าวิธีการเรียกกลับทำให้เมิ่งชงหยวนรีบเงยหน้า

“ท่านหมอเทวดา!” เขาแก้ แต่เด็กน้อยไม่สนใจ

“เคยได้ยินเรื่ององค์ชายห้ามาบ้างไหม?” เมิ่งชงหยวนขมวดคิ้ว

“ก็ต้องได้ยินแหง เห็นนางกำนัลบอกว่าเพราะพระองค์ถูกพระสนมผู้เป็นแม่ขององค์ชายห้าวางยา จนสติฟั่นเฟือน ข้าจึงมาอยู่นี่ไง” จินหลงถอนหายใจนั่งก้มหน้าไม่พูดอะไร

“ข้าต้องถามใช่ไหมว่าทำไม เกิดอะไรขึ้น?” ท่านหมอวางตำรา เปลี่ยนมาเท้าคาง จินหลงจึงหันมามองหน้าเขา

“ใช่เจ้าต้องถาม”

“ได้! ทำไม เกิดอะไรขึ้น?” ท่านหมอตอบรับ ถามตามสเต็ป จินหลงจึงกวักมือให้ท่านหมอมานั่งข้างเขา

เรื่องมากจริงๆ!!

แม้จะบ่นในใจ แต่ท่านหมอก็ยอมเดินไปนั่งด้านข้าง จินหลงจึงพูดเสียงเบา

“ถ้าข้าบอกว่าคนที่วางยาข้าไม่ใช่เสด็จแม่ของน้องจิ้งล่ะ?” ดวงตาท่านหมอเบิกโผล่ง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“เห้ย!! แล้วทำไมก..อุ๊บ!” ไม่ทันจะพูดจบ จินหลงรีบใช้มืออีกฝ่าย และส่งสัญญาณชู่ว.. เพื่อให้อีกฝ่ายเงียบๆ

“เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่ พูดเสียงดังไม่ได้ ขืนเสียงลั่นออกไปด้านนอกจะทำไง” จินหลงคิ้วขมวดตำหนิอีกฝ่าย ท่านหมอจึงดึงมือน้อยๆ ออกจากปากเขา

“แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะพระองค์ แล้วเหตุใดพระองค์จึงไม่บอกความจริงไปเล่า มาแกล้งบ้าอย่างนี้ทำไม” ท่านหมอโวยวายเสียงเบา

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากบอกความจริง แต่กว่าข้าจะฟื้นมันก็สายเกินไปแล้ว ขืนข้ายึดมั่นในความถูกต้อง ไปทวงคืนทุกอย่างให้จิ้งฉวี่ตอนนี้ก็สูญเปล่า ทั้งยังจะทำให้เรื่องใหญ่กว่าเดิม” จินหลงเอ่ยเสียงเรียบ

“แล้วพระองค์จะปล่อยให้เรื่องทุกอย่างให้เป็นเช่นนี้?” เจ้าตัวแสบถอนหายใจ บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป

“มันไม่ใช่ว่าข้าอยากปล่อยทุกอย่างไว้เช่นนี้ สักวันข้าต้องทวงความเป็นธรรมคืนมาให้จิ้งฉวี่แน่ แต่ตอนนี้ข้าควรชดเชนยให้จิ้งฉวี่ยังไง? เขาเสียแม่ไปทั้งคน เพราะการคาดการณ์ที่ผิดของข้า ข้าไม่คิดเลยว่าการสืบสวนของยุคนี้จะตื้นเขินเพียงนี้” จินหลงหน้าเครียดกว่าเคย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

หากไม่ใช่เขา จิ้งฉวี่ก็คงไม่เสียแม่ในตอนนี้

“ท่านนี่เปลี่ยนอารมณ์ไปมาไวดีแท้ เมื่อครู่ยังเถียงข้า บอกข้าว่าไม่ต้องการคำปรึกษาอยู่เลยนี่” คำย้อนของท่านหมอเรียกตาขวางๆ ของเด็กน้อยได้เป็นอย่างดี

“.. ถามว่าจะชดเชยยังไง? ข้าว่าไม่ว่าพระองค์จะทำเช่นไร ก็ไม่อาจคืนแม่ให้องค์ชายห้าได้ แต่พระองค์อาจทำให้ความหวังของพระสนมเป็นจริงได้” ท่านหมอเลิกแซะ เปลี่ยนมาจริงจัง

“แล้วข้าจะรู้ได้ยังไง ว่าพระสนมต้องการอะไร?” เมิ่งชงหยวนหยักไหล่

“ข้าจะไปรู้ไหม คนเป็นแม่ก็คงอยากให้ลูกโตมาเข้มแข็ง มีชีวิตดี ปลอดภัย มีงานมีการทำ ทำตัวเป็นคนดีกระมัง อีกอย่างองค์ชายห้าก็เป็นถึงองค์ชาย พระสนมอาจอยากให้องค์ชายเป็นฮ่องเต้ก็ได้” จินหลงหน้าแหย

“ขืนจิ้งฉวี่เป็นฮ่องเต้ มีหวังโดนต่างแคว้นตีแตก ประเทศล่มจมแหง” องค์ชายน้อยฟันธง ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เอาเป็นว่า ไว้ข้าสำเร็จภารกิจเมื่อไร ข้าจะเป็นคนปกป้องจิ้งฉวี่แทนพระสนมเองแล้วกัน” อย่างน้อยอยู่กับเขา ก็ไม่ตายแถมอยู่สุขสบายแน่นอน!

“ภารกิจอะไรของพระองค์?” ท่านหมอไม่เข้าใจ

“ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไปๆ ไปเอาธูปให้ข้าที” จินหลงไม่ตอบ ทั้งยังใช้งานอีกฝ่าย

“ธูป? ท่านจะเอาธูปไปทำไม?” เมิ่งชงหยวนถามกลับ ไม่เข้าใจว่าธูปกับองค์ชายห้าเกี่ยวอะไรกัน

“เออน่าข้าบอกให้ไปเอาก็ไปเอา” จินหลงไล่อีกรอบ อีกฝ่ายยืนงงๆ ไม่เข้าใจว่าองค์ชายตรงหน้าจริงจังแค่ไหน

“พระองค์ก็ไปเอาเองสิ ข้าเป็นหมอ ไม่ใช่คนใช้” เมิ่งชงหยวนไม่สนใจ จินหลงจึงหรี่ตา

“ได้ งั้นข้าจะแหกปากร้องไห้วิ่งออกไปด้านนอก ตะโกนเรียกให้คนมาช่วย บอกว่าเจ้าจะฆ่าข้า” เมิ่งชงหยวนหน้าถอดสี รีบรั้งองค์ชายที่กำลังจะกระโดดลงจากเตียง

“เดี๋ยวๆๆ ข้าไปเอง ข้าไปเอาธูปให้ ท่านจะเอากี่ดอก!” จินหลงนิ่งนึก หนึ่งดอกเรียกภูตผี สามดอกไว้พระ แปดดอกไหว้เทพชั้นสูง สิบสองดอกไหว้เจ้าแม่กวนอิม สามสิบเอ็ดดอกใช้เชื้อเชิญเทพทั้งสิบหกชั้นฟ้า สิบห้าชั้นดิน ร้อยแปดดอกใช้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกชั้นฟ้า แล้ว... จุดเรียกพระเจ้านี่กี่ดอกวะ?

“เอาทั้งหมดเลย เอาทั้งหมดที่มีเลย!” ไม่รู้เท่าไร ก็จุดมันให้หมด!!

“เอาจริงดิ?”

 

หลังเมิ่งชงหยวนรวบรวมธูปทั้งสามร้อยห้าสิบเอ็ดดอก และกระถางธูปจำนวนหกกระถางมาได้ จินหลงจึงเปิดหน้าต่างด้านหลังห้องแล้วจุดธูปทั้งหมด

“แค่กๆๆ” ทั้งคู่สำลักควันที่ปกคลุมห้อง

“นี่พระ..แค่กๆ นี่พระองค์จะ..แค่กๆ จะทำอะไรเนี่ย” เมิ่งชงหยวนโวยวาย รีบหาผ้ามาให้องค์ชายและตัวเองอุดจมูกไว้

“เออน่..แค่กๆ ค..คอยดูแล้วกัน” จินหลงตอบ ก่อนจะพนมมือขึ้นนึกถึงใบหน้าของพระเจ้า

“พ..เพราะ แค่ก..ก.. เพราะพระองค์..ไม่บอกข้าเอง ว่าต้องใช้ธูปกี่ดอกในการเรียกพระองค์ล...งลงมา ข้าจึงจุดธูปทั้งหมด..แค่กก..ก ทั้งหมดที่มี ฉ..แค่ก..ก..ฉะนั้นช่วยลงมาได้แล้ว! ก่อนข้าจะสำลักควันตายยย!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด