ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World – 21
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World – 23

Returning From The Immortal World – 22


กว่าสองวันเต็มที่ถังซิ่วใช้ชีวิตอย่างสบายใจ

เขาทิ้งการบ่มเพาะพลังรวมถึงทิ้งการเรียนทั้งหมด

เขาใช้เวลาทั้งวันอยู่ข้างแม่ของเขาและเพลิดเพลินไปพร้อมกัน

เขาฝันถึงช่วงเวลานี้มาโดยตลอดหมื่นปีในดินแดนแห่งนิรันดร์ ในที่สุดฝันของเขานั้นก็เป็นจริง เขาจึงใช้ถึงวินาทีอย่างคุ้มค่าเคียงข้างแม่ของเขา

ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เมื่อไหร่ ดวงตาของถังซิ่วนั้นไม่เคยละไปจากแม่ของเขาแม้แต่วินาทีเดียว

“ไอ้เด็กคนนี้หนิ, จะจ้องหน้าแม่ไปถึงเมื่อไหร่ บนหน้าแม่มีอะไรติดอยู่หรือไง ?”

เมื่อเห็นลูกที่จ้องมาที่ตัวเธออย่างไม่กระพริบตาแล้วทำให้เธอรู้สึกดีเป็นอย่างมาก แต่ก็อดที่แกล้งไม่ได้

“ใบหน้าของแม่นั้นสวยงามยิ่งกว่าดอกไม้”

ถังซิ่วตอบโดยไม่ต้องคิด

“ปากหวานจริง, สงสัยว่าจังว่ามีแฟนที่โรงเรียนแล้วหรือยัง ? ”

เมื่อได้ยินคำชมของลูกในใจเธอนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก พร้อมเหน็บแนมเขาโดยทันที

“ผมเองก็อยากมีแฟนนะ น่าเสียดายที่ไม่มีใครชอบผมซักคน”

ถังซิ่วพูดอย่างไม่ค่อยสนใจซักเท่าไหร่

หลังจากพูดจบพักหนึ่ง ในสมองของเขาก็คิดถึงรูปร่างของฮั่นชิงหวู เขารู้สึกคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างมาก

“นั้นหมายความว่าพวกเขาตาไม่ถึง ซักวันพวกเขาจะต้องเสียดาย”

เมื่อเห็นใบหน้าของลูกชายที่กำลังแสดงถึงความพอใจนั้น ซูหลิงหยุน เอามือไปลูบที่หัวของเขาพร้อมถังซิ่วเข้ามากอด

วันแห่งความสุขมักจะสั้นเสมอ วันหยุดสองวันได้หมดลงแล้ว

แม้ว่าใจของถังซิ่วนั้นจะไม่อยากกลับไปที่โรงเรียนเลย แต่หลังจากที่แม่พูดเขาก็เชื่อฟัง

“นายรู้ไหม คะแนนสอบของเดือนนี้ออกมาแล้วได้ยินมาว่าคนในห้องเรามีคนติด 1 ใน 20 ด้วยแหละ”

“ฉันเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าเฉิงเยี่ยนหนานนอกจากการต่อยตีจะยอดแล้วยังเรียนเก่งอีกนะเนี้ย ฉันจะเอาเธอเป็นแบบอย่าง”

“คะแนนสอบของเฉิงเยี่ยนหนานเดือนที่แล้วนั้นได้แค่ 4 เปอร์เซ็นต์เองไม่ใช่หรอ ทำไมถึงได้ก้าวกระโดดแบบนั้นหละ ?”

…….

เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง ถังซิ่วก็ได้ยินเสียงพูดคุยเกี่ยวกับคะแนนสอบเดือนนี้ทันที

ถังซิ่วไม่ได้สนใจในสิ่งที่พวกเขาพูดเลยแม้แต่น้อย แต่กำลังคิดว่าจะหาเงินยังไงดี

หลังจากจบเหตุการณ์ที่ร้านอาหารนั้นเขาก็ได้เข้าใจสิงสำคัญข้อหนึ่ง

ถังซิ่วเข้าใจว่า ถ้าก่อนหน้านี้เขาเหมือนกับช่วงที่ปัญญาอ่อน ไร้พลังแม้แต่จะจับไก่เขาและแม่จะต้องถูกเล่นงานโดยพวกกลุ่มอันธพาลนั้นทุกวันอย่างแน่นอน ผลลัพธ์แบบนั้นมันช่างเลวร้าย

เพราะความโชคดีของตัวเขาเองที่สามารถฝึกวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ได้ มันทำให้ในหนึ่งเดือนมานี้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เผชิญเหตุการณ์ร้ายๆด้วยกำลังของตัวเขาเอง

เพราะว่าผลข้างเคียงของวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ร้ายแรงเป็นอย่างมาก ถังซิ่วนั้นไม่กล้าที่จะฝึกวิชาในเดือนนี้แต่หาวิชาบ่มเพาะและวิทยายุทธอื่นมาฝึกทดแทนก่อน

อย่างไรก็ตามหลังจากหนึ่งเดือนผ่านไปแล้วถังซิ่วก็พบว่าทุกวิชาที่มาจากดินแดนแห่งนิรันดร์นั้นมีความต้องการพลังวิญญาณเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่เหมาะที่จะบ่มเพาะบนโลกใบนี้

เมื่อวิชาบ่มเพาะและวิทยายุทธทั้งหมดที่มาจากดินแดนแห่งนิรันดร์นั้นไม่สามารถที่จะฝึกได้ ถ้าถังซิ่วต้องการที่จะปกป้องครอบครัวของเขา หรือแม่กระทั่งล้างแค้นคนที่อยู่ในดินแดนแห่งนิรันดร์ เขาจะต้องเลือกที่จะบ่มเพาะด้วยวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์

หากต้องการที่จะบ่มเพาะวิชานี้นั้น เขาจะต้องซื้อสมุนไพร ยาและแร่ล้ำค่ามากมายพร้อมด้วยน้ำยาปรับสภาพร่างกายเพื่อใช้หล่อหลอมร่างกายของเขา แต่มันจำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก

“นี้ถ้าเราทำเครื่องรางมาขาย เราจะกลายเป็นพระเจ้าไหมเนี้ย ?”

“ไม่รู้ว่าบนโลกนี้จะมีผู้ฝึกยุทธหรือเปล่า ? ไม่อย่างงั้นถ้าเราสร้างค่ายกลมันจะทำเงินได้ดีไหมเนี้ย ?”

“หรือเราจะทำยาขายดี ?”

…….

เขาใช้เวลาคิดตลอดช่วงบ่าย ถังซิ่วต้องการที่จะหาเงินเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าตัวเขานั้นไม่เหมาะที่จะใช้ความรู้จากดินแดนแห่งนิรันดร์มาทำเงินได้

“ลูกพี่, การทดสอบครั้งนี้นั้นมันไม่ได้มีผลอะไรเลยกว่าจะถึงการสอบเข้าวิทยาลัยก็อีกตั้งสองเดือน ถ้านายตั้งใจพยายามนายจะต้องมีโอกาสสอบเขาวิทยาลัยได้อย่างแน่นอน ”

เมื่อเห็นใบหน้าหงอยๆของถังซิ่วแล้ว หยวนชูหลิงคิดว่าถังซิ่วที่เป็นแบบนี้เพราะหลังจากที่ได้เห็นคะแนนของตัวเอง เขาจึงได้เข้าไปปลอบใจถังซิ่ว

“เจ้าอ้วน, นายรู้วิธีดีๆในการทำเงินไหม ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนชูหลิง นัยน์ตาเขาก็เป็นประกายพร้อมจับ หยวนชูหลิงไว้และถามอย่างตื่นเต้น

ถังซิ่วรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงหาวิธีทำเงินไม่ได้ ข้อแรกเลยนั้นเพราะว่าเขานั้นเป็นเด็กที่มาจากชนบท พร้อมทั้งไม่มีหัวการค้าและเป็นเพราะเขาได้ใช้ชีวิตอยู่หมื่นปีในดินแดนแห่งนิรันดร์ทำให้เขาตามโลกสมัยนี้ไม่ทัน

แต่หยวนชูหลิงนั้นต่างออกไป เพราะพ่อแม่ของเขานั้นเป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จ เขาโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้นภายใต้การมองและรับรู้ เขาจะต้องมีหัวการค้าและความสามารถที่มากกว่าตังเองอย่างแน่นอน

“ลูกพี่, นายต้องการเงินเท่าไหร่ ฉันให้ยืมไปก่อนก็ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วแล้ว หยวนชูหลิงรู้สึกทึ่ง พร้อมตอบด้วยเสียงใส

“ฉันไม่อยากจะยืมเงินฉันต้องการทำเงิน นายบอกฉันมาว่าธุรกิจอะไรในโลกนี้ที่ทำเงินได้มากที่สุดและเร็วที่สุด”

ถังซิ่วรู้ว่าหยวนชูหลิงนั้นตีความหมายของคำพูดของเขาผิดไป เขารีบส่ายหัวพร้อมตอบไป

“ถ้าอยากจะทำเงินให้เร็วที่สุด ของมันแน่อยู่แล้วว่าคือการปล้น!!! ปล้นธนาคารไม่ก็ร้านขายเพชร ไม่มีธุรกิจสุจริตอะไรที่ทำเงินได้รวดเร็วโดยเริ่มจากไม่มีอะไรหรอก”

หยวนชูหลิงตอบอย่างไม่ลังเล

ถังซิ่วได้ยินคำตอบของหยวนชูหลิง ก็ได้ตบไหล่ของเขาไปทีหนึ่งพร้อมสายตาคาดหวัง

“ตอบจริงจังหน่อยสิ ฉันคาดหวังกับคำตอบของนายมากนะ”

“ถ้าไม่อยากจะปล้นธนาคารหรือไม่กล้าปล้น งั้นก็ไปซื้อหวยสิ สามารถทำให้จากคนจนๆกลายเป็นเศรษฐีได้ในข้ามคืน แต่นี้มันขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้นเหมือนเป็นแค่ภาพลวงตา”

“หรือไม่ก็เล่นหุ้น แต่การจะเล่นหุ้นนั้นต้องใช้ทุนเป็นจำนวนมากบวกกับขยันศึกษามันไม่เหมาะกับนายอย่างแน่นอน”

 

………..

“ถังซิ่วถ้าอยากรู้วิธีหาเงินก็มาถามฉันนี้ ฉันรู้วิธีหาเงินที่เหมาะกับนายมาก คือการสอบเข้าวิทยาลัยชวนฉิงด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง ตราบใดที่นายสอบได้อันดับหนึ่งนั้นเงินรางวัลและผู้สนับสนุนต่างๆก็จะเข้ามาหานายแบบไม่ขาดสายเอง คนธรรมดาไม่สามารถจะหาเงินได้มากเท่านั้นเลยในชั่วชีวิต ”

ระหว่างที่ถังซิ่วกำลังพูดกับหยวนชูหลิงนั้นก็ได้มีคนพูดแทรกเข้ามา

เมื่อถังซิ่วเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นซูเชียงเฟย เขาอยากที่จะลุกจากโต๊ะไปสั่งสอนซะหน่อย

อย่างไรก็ตามคำพูดของซูเชียงเฟยนั้นทำให้เขาตื่นเต้นทันที พร้อมลดความโกรธในใจลงและถามหยวนชูหลิงว่า

“จริงอย่างที่มันพูดหรอเจ้าอ้วนว่าถ้าหากสอบได้ที่หนึ่งในวิทยาลัย ชวนฉิงนั้นหนะ ?”

“ลูกพี่, ตำแหน่งที่หนึ่งของการสอบเข้าวิทยาลัยชวนฉิงนั้นมีค่าอย่างแน่นอน แต่ปัญหาคือโรงเรียนเรานั้นไม่มีใครสอบเข้าได้ทีที่หนึ่งของวิทยาลัยชวนฉิงมา13ปีแล้ว  ถ้านายสามารถที่จะสอบเข้าวิทยาลัยนั้นได้จริงๆละก็ โรงเรียนของเราคงจะมอบเงินรางวัลให้นายไม่ต่ำกว่าล้านแต่นอน”

ภายใต้การจ้องตาของถังซิ่วนั้น หยวนชูหลิงพูดตอบไปอย่างขมขื่น

“ฮ่าๆๆๆๆ, น่าขำหวะ นี้คิดจะสอบเข้าด้วยคะแนนที่หนึ่งจริงๆงั้นเรอะ ?”

“คิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นอย่างที่เขาลือกัน สมองแกนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ”

“ก่อนหน้าการสอบรายเดือนมันก็บอกว่าจะเอาที่หนึ่ง ตอนนี้ก็บอกว่าจะสอบเข้าวิทยาลัยด้วยคะแนนอันดับหนึ่งอีก อีกไม่กี่วันมันคงพูดว่าจะไปเดินข้างนอกจักรวาลอย่างแน่นอน”

……..

แม่เห็นใบหน้าที่แน่วแน่ของถังซิ่ว ซูเชียงเฟยและนักเรียนห้องสิบได้เยาะเย้ย

หยวนชูหลิงที่อยู่ข้างๆนั้นถึงกับโกรธจนตัวสั่น คนที่นั่งอยู่หน้าถังซิ่ว เฉิงเยี่ยนหนานสามารถทนฟังได้จนคิ้วขมวด

มีแค่ถังซิ่วเท่านั้นที่นั่งอยู่นิ่งๆโดยไม่สนใจอะไร

“ถังซิ่ว คะแนนสอบอังกฤษและคณิตศาสตร์ได้ถูกส่งกลับแล้ว นายออกห้องสอบก่อนเวลานายคิดว่าได้คะแนนเท่าไหร่กันละ ไอไข่เค็มเป็ด”

หลังจากที่ซูเชียงเฟยยิ้มอยู่นานก็ได้พูดออกมา

“อ่าว คะแนนถูกส่งกลับมาแล้ว ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ?”

ถังซิ่วมองไปรอบๆพร้อมเห็นเพื่อนร่วงห้องคนอื่นๆได้กระดาษข้อสอบของตัวเองคืนแล้ว

“เจ้าอ้วนเห็นกระดาษคำตอบฉันไหม ?”

หลังจากที่เขาหันมองรอบโต๊ะ ใต้โต๊ะก็ไม่เห็น จึงได้เอ๋ยปากถาม หยวนชูหลิง

“ลูกพี่, ฉันไม่เห็นกระดาษคำตอบของนายเลย ฉันคิดว่านายรับมันไปกับมือเองแล้วซะอีก”

เสียงของหยวนชูหลิงเบาเหมือนเสียงยุง

“ฮ่า ฮ่า น่าหัวเราะ, ก่อนหน้าการสอบพูดว่าจะได้ที่หนึ่ง ตอนนี้ไม่กล้าที่จะเอากระดาษขำตอบให้เพื่อนดูอย่าบอกนะว่าได้ศูนย์คะแนนทั้งสองวิชาหนะ ?”

เมื่อเห็นท่าทางของถังซิ่วแล้ว ซูเชียงเฟยไม่สามารถที่จะหยุดหัวเราะได้

“แต่ละวิชาก็ออกห้องสอบก่อนครึ่งชั่วโมง เกือบจะทำให้โรงเรียนคิดว่าห้องเรานั้นมีเด็กมีความสามารถผุดขึ้นมา ที่ไหนได้ !!!”

“ตอนนี้ยังจะมาทำเป็นแกล้งโง่ถังซิ่ว ทำตัวน่าทุเรศในห้องห้าไม่คิดเลยว่าพอมาถึงห้องสิบก็จะทำตัวแบบนี้ หน้าของนายนี้คงจะหนามากสินะ !!”

............

ด้วยการกระทำและคำพูดของซูเชียงเฟย ทำให้นักเรียนห้องสิบคนอื่นๆต่างลุกขึ่นด่าถังซิ่วตามๆกัน

“ถังซิ่ว, ออกมาข้างนอกหน่อย”

หยวนชูหลิงที่ไม่สามารถที่จะทนฟังได้ กำลังจะก้าวออกไปปกป้อง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสดใสดังมาจากนอกประตู

หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ทำให้ห้องเรียนนั้นเงียบลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกลับไปประจำที่นั่งและเริ่มแกล้งทำเป็นเหมือนกำลังอ่านหนังสือ

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด