ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World – 13
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World – 15

Returning From The Immortal World – 14


หลังจากสอบวิชาเกี่ยวกับภาษาจบ ถังซิ่วรู้สึกผ่อนคลายแม้ว่าจะไม่ได้ทำอย่างดีเลิศแต่เขาก็มั่นใจว่าจะได้คะแนนเกิน 140 ในวิชานี้

หลังจากพักกลางวันถังซิ่วก็ไม่ได้กลับไปพักที่หอพักแต่อย่างใด แต่เขาได้ออกไปนอกโรงเรียนเพื่อแอบเข้าไปในห้องสมุดของจังหวัด

ก่อนหน้านี้ซักครึ่งเดือน, ถังซิ่วรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับความรู้ในหนังสือคู่มือเรียนจึงเอาแต่ตะเวนวนไปทั่วห้องสมุดของโรงเรียน หลังจากนั้นถังซิ่วก็พึ่งตระหนักได้ว่าสามารถเข้าห้องสมุดของจังหวัดได้ด้วยบัตรที่ยืมมาจากห้องสมุดของโรงเรียน ถังซิ่วไม่ได้เข้าไปที่ห้องสมุดของจังหวัดเพียงเพื่อหาความรู้อย่างเดียวเท่านั้น เขาได้คำนึงถึงทิศทางการเพาะปลูกของตัวเองในภายหลัง

ภาคบ่ายเป็นการสอบวิชาคณิตศาสตร์ เขาใช้เวลาในการทำประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นเขาก็รีบส่งกระดาษ

การกระทำของถังซิ่วนั้นทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก, เพราะทุกคนรู้ว่าโรงเรียนต้องการกดดันนักเรียนโดยการเพิ่มความยากของข้อสอบแต่ ถังซิ่วก็ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงในการทำข้อสอบ

ในสายตาและความคิดของคนอื่น มีเพียงแค่ความเป็นไปได้เดียวนั้นก็คือ ถังซิ่วนั้นคิดว่าข้อสอบนั้นยากเกินไปจึงได้ทิ้งการทำข้อสอบ

“แม่ว่าข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์นั้นจะยาก, ถังซิ่วก็ไม่ควรละทิ้งการสอบ, เขาทำลายความเชื่อใจของอาจารย์ฮั่นซะเปล่า”

“ใช่, ครั้งนี้อาจารย์ฮั่นแพ้แน่, แม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอไม่สนใจเงินเดือนไม่กี่พันดอลลาร์ แต่ฉันคิดว่าหูไซเฉิงจะต้องยิ้มอย่างยินดีแน่เลย”

เขาได้พูดด้วยเสียงกระซิบหลังจากที่ผู้คุมสองทั้งสองมองหลังของถังซิ่วที่พึ่งเดินจากไป

บนใบหน้าของถังซิ่วมีแต่ความรู้สึกท้อแท้หลังจากที่ถังซิ่วได้ลองฝึกฝนวิชาที่เคยฝึกมาแต่ก็มีแต่ความล้มเหลว

“อย่าบอกนะว่าฉันสามารถฝึกฝนได้แค่วิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ ? แล้วตัวเองจะไปหาสมุนไพรและแร่ธาตุล้ำค่าได้จากที่ไหน” คิ้วของถังซิ่วได้ขมวดเข้าหากัน

“ลูกพี่, ผมรู้สึกได้ว่าการสอบครั้งนี้ผมทำได้ดีทีเดียว ถ้าการสอบพรุ่งนี้ดีเหมือนวันนี้ก็คงจะดี”

หยวนชูหลิงกระแทกแขนของถังซิ่วด้วยสีหน้าตาท่าทางที่ตื่นเต้น

“ตั้งใจไว้, สองเดือน ฉันคิดว่าคะแนนของแกจะต้องดีขึ้นแน่ๆ” ถังซิ่วเหลือบตามองไปที่หยวนชูหลิง

“เฮ้, ผมไม่นึกเลยว่าความรู้ที่มีมาเนิ่นนานแล้วโดยที่ไม่ได้หาเพิ่มจะสามารถตามทันการสอบได้ ต้องขอบคุณแรงผลักดันและคำชี้แนะของท่านลูกพี่ อ่อใช่, การสอบวันนี้ของพี่เป็นยังไงบ้าง ?”

หยวนชูหลิงที่กำลังยิ้มอยู่ได้ถามอย่างรู้สึกสงสัย

“ฉันไม่คิดว่านั้นเป็นการสอบด้วยซ้ำไป” ถังซิ่วตอบด้วยเสียงราบเรียบ

“ถังซิ่ว, แกมันอวดเก่ง แกไม่กลัวหรอ ? เหลือเวลาอีกเพียงแค่สองวันเท่านั้น”

“ช่วงสอบภาษาคงร้องให้อยู่เป็นชั่วโมงสินะ, ช่วงสอบวิชาคณิตศาสตร์ก็ยังทิ้งการสอบอีก,คิดว่าคะแนนของแกจะเป็นยังไงหละ ? ห๊า ?”

“ไม่คิดเลยว่านักเรียนจากห้องหลักจะโหดถึงเพียงนี้, ไม่ใช่แค่คะแนนสอบยังโหด, แต่ยังขี้โม้เก่งเป็นที่หนึ่งอีกด้วย”

คำพูดของถังซิ่วพึ่งจะจบก็ได้มีเสียงเหยียดหยามดังขึ้นมาข้างหูของเขา

คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าของถังซิ่วซึ่งก็คือเฉิงเยี่ยนหนานที่กำลังทำคิ้วขมวด, และหันไปมองถังซิ่วด้วยความรู้สึกผิดหวังอยู่

ไม่ว่าจะเป็นการสอบในภาคเช้าหรือภาคบ่ายของถังซิ่วนั้นสร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก หลายคนที่รู้ว่าการสอบของถังซิ่วช่วงก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร คนที่คาดหวังกับเขาก็มีแต่ความรู้สึกผิดหวังในตัวเขา

เมื่อเห็นเพื่อนในชั้นเรียนเยาะเย้ยถังซิ่ว, หยวนชูหลิงอยากจะกระโจนเข้าไปกระทืบพวกมันซะให้หมด

หยวนชูหลิงได้แต่มองด้วยสายตาขอความช่วยเหลือไปที่เฉิงเยี่ยนหนาน, แม้ว่าเฉิงเยี่ยนหนานจะมาอยู่ที่ห้องสิบก่อนพวกเขาประมาณ 1 เดือนก็ตามแต่เธอก็ได้คุมห้องด้วยความน่าเกรงขามของเธอและได้ตำแหน่งเจ๊ใหญ่ประจำห้อง

“ฮ่าๆไอพวกถุงขยะสองถุง ความกล้าก็ไม่มี นี่แปลว่ายอมรับแล้วสินะ, นี้ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่าห๊า ?”

“ถ้าพวกมันเป็นผู้ชายจริงจะไปหลบอยู่หลังผู้หญิงทำไมหละ ?”

………

นักเรียนห้องสิบก็กลัวว่าเฉิงเยี่ยนหนานจะคุ้มครองถังซิ่วและหยวนชูหลิง, แต่หลังจากที่สังเกตพฤติกรรมของเฉิงเยี่ยนหนานที่มีต่อถังซิ่วและหยวนชูหลิงที่เปลี่ยนไป, พวกเขาก็เริ่มด่าทอด้วยคำพูดที่ไร้ยางอายมากขึ้น

หลังจากที่ทุกคนยั่วโมโหและด่าทอต่างๆนาๆ, ลมหายใจของหยวนชูหลิงก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ

หยวนชูหลิงไม่สามารถทนต่อคำด่าทอนี้ได้อีกแล้ว เขาได้ทุกโต๊ะและยืนขึ้น, แต่ถังซิ่วได้ “อะแฮ่ม” ไปหนึ่งครึ่งเพื่อระงับอารมณ์ของหยวนชูหลิง

“จริงๆแล้วคะแนนสอบรายเดือนของเราจะดีหรือจะร้ายก็ช่างมันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนายเลยซักนิด, พวกนายไม่มีคุณสมบัติที่จะยั่วยุด้วยซ้ำ ถ้าคะแนนเฉลี่ยของพวกนายดีพวกนายคงไม่มานั่งอยู่ในห้องนี้หรอกจริงไหม ? ”

ถังซิ่วหันไปมองนักเรียนคนอื่นๆและกล่าวออกไป คำพูดของถังซิ่วเป็นเหมือนชนวนระเบิดที่ทำให้นักเรียนห้องสิบโกรธจัดโดยทันที

“ถังซิ่ว, นายมันไม่มีเกียรติเอาซะเลย กล้าพูดมาได้ยังไงว่าคะแนนสอบรายเดือนของพวกนายไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเรา ? ถ้าคะแนนสอบของนายดีคะแนนรวมของห้องสิบของเราก็จะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคะแนนของนายแย่คะแนนรวมห้องก็จะตกลง นายยังจะกล้าพูดอีกหรอว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาย ?”

“ถังซิ่ว, คะแนนในการสอบแต่ละครั้งของนายนั้นไม่มากน้อยไปกว่า 0 เลย นี้ยังจะกล้าไปสอบอีกหรอ ถ้าเป็นฉัน, ฉันคงละเลิกแล้วหละเพื่อไม่ให้คนอื่นตกต่ำลงไปด้วย”

“ถังซิ่ว, รู้ไหมอาจารย์ฮั่นต้องแบกรับแรงกดดันขนาดไหนเพื่อให้นายยังได้อยู่เรียนในห้องสิบนี้ ? ในทั้งโรงเรียนสตาร์ซิตี้แห่งนี้ มีใครบ้างที่จะเป็นโล่กำบังให้นายนอกจากอาจารย์ฮั่น ? ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ฮั่นนายคงจะโดนไล่ออกไปแล้ว อาจารย์ดีกับนายขนาดนี้ นายไม่คิดถึงอาจารย์บ้างหรอ ?”

………

ถังซิ่วไม่คิดเลยว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้ตกเป็นเป้าของสังคม แต่หลังจากได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้ถังซิ่วไม่ได้มีอารมณ์โกรธแม้แต่น้อยบนใบหน้าเขามีแต่รอยยิ้ม

ถังซิ่วรับรู้ได้จากคำพูดเหล่านี้ว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนารมณ์ที่ชั่วร้ายเพียงแต่เป็นห่วงอาจารย์ฮั่นชิงหวูเท่านั้น

"โยนมะละกอให้ฉันฉันจะโยนลูกพีชกลับไป ไม่ต้องกลัวไปหรอก รอดูผลได้เลยว่าคะแนนฉันได้ที่หนึ่งแน่นอน“

เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป หลังจากที่ถังซิ่วออกจากห้องไปในห้องก็เงียบเหมือนป่าช้า

“มะกี้เขาพูดว่าจะได้ที่หนึ่งในการสอบเดือนนี้จริงๆหรอ ?”

“มันต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่นอน คะแนนของถังซิ่วถ้าจะได้ที่หนึ่งก็คงต้องนับจากล่างขึ้นบนหละ, ถ้าจะได้ที่หนึ่งจริงๆก็คงจะเป็นในฝันเขาแหละ”

ในห้องมีแค่คนสองคนที่ยังนั่งนิ่งเงียบ บนหน้าของหยวนชูหลิงเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

“หลังจากที่ได้ยินข่าวถูกรถชนของเขาทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อความจำของเขา ไม่ใช่แค่ว่าสิ่งที่เรียนไปจะจำไม่ได้ หลังจากที่จำอะไรได้แล้วก็ยังลืมอย่างรวดเร็วอีกด้วย ในอีกมุมหนึ่งเขาเข้ามาที่ห้องสิบนี้โดยไม่มีความรู้อะไรหลงเหลืออยู่เลย ,จะเป็นไปได้หรอที่เข้ามาเพียงแค่หนึ่งเดือนจะสามารถคว้าที่หนึ่งของห้องไปได้ ?” เฉิงเยี่ยนหนานพึมพำบนใบหน้าที่มีแต่วามผิดหวัง

วันต่อมา, การสอบรายเดือนก็ยังคงดำเนินต่อไป เรื่องตลกเกี่ยวกับการสอบของถังซิ่วก็ยังคงดำเนินต่อไปเช่นกัน

การสอบภาคเช้าคนอื่นๆวุ่นกับการสอบของตัวเอง ปาดเหงื่อที่แก้ม, ตรวจสอบความถูกต้องของข้อสอบตัวเองตั้งแต่หน้าแรกไปยังหน้าสุดท้าย, แต่ถังซิ่วออกจากห้องไปอย่างไม่แยแสอะไร

หลังจากการสอบวิชาภาษาอังกฤษกับการฟังรวมกันแล้วถังซิ่วใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเพื่อทำข้อสอบ และเมื่อเขาทำเสร็จแล้วก็ได้หลบออกจากห้องสอบไปเหมือนเดิมซึ่งตอนนี้เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆพึ่งจะเสร็จข้อกายังไม่ทันจะได้ทำขออ่านเลยด้วยซ้ำไป

หลังจากการสอบทั้งหมดเสร็จสิ้น นักเรียนคนอื่นๆก็จะอยู่ภายในโรงเรียนเพื่อจะศึกษาหาความรู้ต่อแต่ถังซิ่วไม่ได้ไปที่ห้องสมุดแล้ว แต่มุ่งหน้าไปในเขตเก่าของเฮ้อจี้(Hejie Old area)เพราะเขารู้ว่าแม่ของเขาได้ทำอาหารอร่อยๆรอเขาอยู่นั้นเอง

ก่อนหน้าที่จะเข้าโรงเรียนมัธยมถังซิ่วได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทและได้รับการทดสอบจนกระทั่งเขาโผล่ออกมาเป็นที่หนึ่งและเป็นที่ยอมรับของสตาร์ซิตี้ นี้เป็นครั้งแรกที่ออกไปจากพื้นที่ชนบท

เพื่อการดูแลถังซิ่วแม่ของเขา, ซูหลิงหยุนก็เข้าเมืองมาพร้อมกับถังซิ่ว

ซูหลิงหยุนเป็นผู้หญิงในชนบท, ให้เธอทำอาชีพเกี่ยวกับพืชดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายกว่าให้เธอมองหาอาชีพการทำงานในสตาร์ซิตี้ เทียบกับความทุกข์นับไม่ถ้วนและความยากลำบากในเมืองสตาร์ซิตี้ สามปีที่ ซูหลิงหยุนทนกับความทรมานกับถังซิ่ว แม่ลูกทำให้ชีวิตของพวกเขาอยู่ในสถานะที่ล่อแหลม

เป็นสิ่งที่ดีที่สามารถทนกับความยากลำบากและทนงานหนักได้เพราะซูหลิงหยุนเป็นคนไม่เกี่ยงงานไม่ว่าจะเป็นงานสกปรกใดๆ แต่ในหลายปีได้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนในที่สุดก็เริ่มตั้งตัวได้, ยืมเงินมาหลายร้อยหลายพันดอลลาร์กัดฟันแล้วเช่าหน้าร้านค้าในพื้นที่เก่าเฮ้อจี้(Hejie Old area)ในที่สุดชีวิตของแม่และลูกก็สงบและมั่นคง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด