ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World – 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World – 6

Returning From The Immortal World – 5


“ซิ่วน้อย,ลูกฝันร้ายอย่างนั้นเหรอ ?”

เสียงร้องที่โหยหวนของถังซิ่วได้ปลุกซูหลิงหยุนที่กำลังหลับอยู่ขึ้น , เมื่อเห็นสภาพของถังซิ่วที่เหงื่อท้วมตัวแล้วเธอก็รู้สึกจุกไปถึงลำคอ

ความเจ็บปวดที่รุนแรงนั้นเกือบจะทำให้ถังซิ่วต้องหมดสติไป หลังจากที่ได้สูดอากาศเพื่อตั้งสติเขาก็ได้เหลือบไปเห็นแม่ที่แสดงท่าทางเป็นห่วงเขาอย่างมากจึงได้พยักหน้าเพื่อตอบคำถามของแม่โดยทันที

เขาไม่อาจจะบอกใครได้เกี่ยวกับเรื่องราวของดินแดนแห่งนิรันดร์เพราะมันจะเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับตัวเขาได้

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าแม่ของเขาไม่มีทางทำอันตรายใดๆกับเขาแต่เขาเองไม่อยากที่จะต้องทำลายชีวิตธรรมดาๆอันสงบสุขของเธอ

“เจ้าลูกคนนี้นี่หลับไม่เต็มตื่นเลย,ดูสิมีแต่เหงื่อเหนียวเต็มตัวไปหมด มา เดี๋ยวแม่ไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้ลูกนะ”

เมื่อรู้ว่าแม่ได้เดินออกไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถทนอาการบาดเจ็บได้อีกจึงได้ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาอีกครั้งทว่าใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

“สุดยอดจริงๆ ,นี้มันสุดยอดเกินไปแล้ว ! จริงๆแล้วเทคนิคเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์นี้ไม่จำเป็นต้องดึงดูดพลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย,กลับกัน มันสามารถดูดพลังงานจากจักรวาลและดวงดาวมาเป็นของตัวเอง !! จริงๆแล้วเรามันไม่มีสิทธิที่จะบ่มเพาะวิชานี้ด้วยซ้ำ โชคดีของเราจริงๆที่กระอักเลือดไปตอนนั้นจึงทำให้หมดสติและฝึกวิชานี้ภายใต้จิตสำนึกของตัวเอง ดีจริงๆที่มันดันไปตรงตามเงื่อนไขของวิชานี้ ทำให้ได้รับสิทธิที่จะบ่มเพาะพลังนี้ ไม่อย่างนั้นตอนที่เราหมดสติไปแล้วเราเผลอไปดูดพลังวิญญาณรอบข้างเข้ามาก็คงไม่สามารถที่จะบ่มเพาะวิชานี้ได้”

ฉันนี้มันโชคดีเกินไปแล้ว !

เขารู้สึกถึงอำนาจแห่งดวงดาวอันเบาบางที่อยู่ในร่างกายตัวเองแต่มันกลับเต็มไปด้วยพลังซึ่งทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาต้องหุบลงทันทีเพราะความเจ็บปวดนั้นสร้างความกดดันให้เขาเป็นอย่างมาก ความเจ็บปวดนี้สามารถเทียบไดกับช่วงที่ต้องทุกข์ทรมานกับวังวนเดิมๆของการบ่มเพาะพลัง ,เขาไม่อยากจะต้องทนเจ็บปวดแบบนั้นอีกแล้ว

ข้อบกพร่องร้ายแรงนั่นคือการบ่มเพาะนี้จะต้องมีร่างกายและจิตใจที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะช่วยเหลือเขาในการดูดกลืนพลังจากท้องฟ้าและจักรวาลอันไม่มีที่สิ้นสุด

ผู้ให้กำเนิดวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์นั้นได้กล่าวไว้ว่าการฝึกฝนขั้นแรก ร่างกายที่เกรี้ยวกราดแห่งดวงดาว นั้นจำเป็นจะต้องเตรียมยาและสมุนไพรล้ำค่าให้เพียงพอรวมไปถึงแร่ล้ำค่าและเครื่องในของสัตว์อสูร,แก่นโลหิต เส้นเลือด และอื่นๆเพื่อหล่อหลอมร่างกาย

เขตแดนชั้นแรกร่างกายที่เกรี้ยวกราดแห่งดวงดาวนั้นประกอบไปด้วยหลายๆขั้นซึ่งก็คือ ขั้นหล่อหลอมพลังฉี , เสริมสร้างผิวหนัง ,เสริมสร้างเลือดเนื้อ, เปลี่ยนแปลงกระดูก ,เปลี่ยนแปลงหลอดเลือด,เปลี่ยนแปลงไขกระดูก ,เปลี่ยนแปลงอวัยวะภายใน ,ส่งพลังฉีและเลือด ,ครอบครองดินแดน รวมทั้งหมดเป็น 9 ขั้น นี้คือสิ่งที่เผ่าพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นสร้างขึ้นเพื่อที่จะได้ลบข้อเสียของเผ่าพันธุ์ตัวเองที่มีร่างกายอ่อนแอไม่สามารถเทียบกับเผ่าอสูรได้

เงื่อนไขทางร่างกายที่วิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ต้องการนั้นสูงเป็นอย่างมาก ,ถ้าเกิดว่าร่างกายนั้นไม่ถึงระดับความแข็งแกร่งตามต้องการของวิชา ต่อให้จะฝึกวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ได้รวดเร็วเท่าไหร่ก็ตามแต่สุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นแค่การดูดกลืนพลังงานจากดวงดาวมากเกินไปเท่านั้น ชะตาของเขาจะต้องจบลงที่การที่ร่างกายระเบิดพินาศ

“กว่าจะกลับมาที่โลกได้ด้วยความยากลำบาก ฉันคงไม่อยากตัวแตกตาย ,เหตุผลที่อยากฝึกวิชานี้นั้นก็คงเพราะครั้นที่ยังอยู่ที่ดินแดนแห่งนิรันดร์นั้นอันตรายเป็นอย่างมาก เขาต้องฆ่าไปทั่วทุกทิศทางเพื่อเอาชีวิตรอดจึงจำเป็นต้องมีระดับพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ทว่าต่างจากโลกที่เต็มไปด้วยความสงบสุขซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องมีระดับพลังต่อสู้ที่สูงเหมือนดินแดนแห่งนิรันดร์”

หลังจากที่ตกใจอยู่พักหนึ่งเขาก็รู้สึกสงบอีกครั้งแล้วยกเลิกความคิดที่จะฝึกฝนวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์นี้ต่อ

อย่างแรกเลยเหตุผลที่เขาไม่อยากฝึกฝนวิชานี้ต่อเป็นเพราะว่าถ้าเขายังฝืนดูดกลืนพลังแห่งดวงดาวต่อนั้นจะทำให้ตัวเขาระเบิดพินาศ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ มันทำให้เขานึกถึงความทรงจำที่แสนจะเจ็บปวดเมื่อเพื่อนๆและภรรยาที่เขารัก กลับร่วมกันฆ่าเขาเพื่อแย่งชิงวิชาอันล้ำค่านี้ไปจากเขา

“ในเมื่อโลกแห่งนี้นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีระดับพลังมากมายฉันก็สามารถที่จะฝึกฝนวิชาอื่นไปก่อนได้”

หลังจากได้ปลดเปลื้องความพยายามนับร้อยปีของเขา ในใจของเขารู้สึกสงบเป็นอย่างมาก

ในช่วงที่ถังซิ่วเป็นหลานของผู้นำนิกายนกพิราบศักดิ์สิทธิ์นั้นเขาได้รับเทคนิคการบ่มเพาะพลังและวิทยายุทธมาจากนิกายมามากมาย

หลังจากที่ได้เป็นนิรันดร์สูงสุดนั้นเขาก็ได้กวาดเอาวิชาแทบทั้งหมดมาจากดินแดนแห่งนั้น

ขณะที่คนอื่นนั้นต้องเครียดว่าตัวเองไม่มีเทคนิคจะให้ฝึกฝนนั้น กลับกันถังซิ่วกลับต้องเครียดว่าจะฝึกวิชาอะไรกันแน่ดี

“ซิ่วน้อย แม่ขอโทษนะที่ตอนกลางวันนั้นแม่ได้ตบลุงของลูกไป เขาอาจจะทำให้ลูกต้องโดนไล่ออกจากโรงเรียนมัธยมสตาร์ซิตี้ได้”

หลังจากที่ซูหลิงหยุนได้น้ำผ้าชุบน้ำมานั้น เธอก็ได้สังเกตเห็นท่าทางไม่ค่อยดีของถังซิ่วจึงคิดว่าเขานั้นจะต้องกำลังกังวลเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนอยู่แน่เลย

“แม่ครับไม่เป็นไร ตบไปเถอะ,ผมไม่นับมันเป็นลุงอยู่แล้ว ไม่อย่างงั้นเราก็ต้องโดนใส่ร้ายฟรีๆหนะสิ”

“แต่ ……….”

“แม่ครับ  แม่ไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอกเพราะไม่ว่าผมจะยังได้เรียนอยู่ในโรงเรียนสตาร์ซิตี้หรือไม่นั้นที่อื่นๆก็คงยินดีรับผมแหละ มันอยู่ที่ว่าแม่นั้นยังจะอยากจะสนับสนุนผมอยู่ไหม”

ซูหลิงหยุนที่กำลังจะพูดต่อนั้นได้ถูกขัดจังหวะโดยถังซิ่ว

“ไอเด็กน้อย ,แม่มีแค่ลูกคนเดียวนะจะไม่ให้สนับสนุนได้ยังไงล่ะ !”

หลังจากที่จับจ้องที่ลูกของตัวเองก็พบว่าเขาไม่ได้มีสีหน้าถือโทษเธอเลยแม้แต่น้อยจึงทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

ระหว่างที่ซูหลิงหยุนกำลังช่วยถังซิ่วเช็ดตัวอยู่นั้นเขาก็กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดว่าตัวเองควรจะฝึกวิชาบ่มเพาะไหนกันแน่ดี แล้ว วิทยายุทธล่ะ?

หลังจากที่เขารู้สึกว่ากางเกงของเขาถูกรูดลงแล้วจึงมีความรู้สึกเย็นๆที่ขาหนีบซึ่งทำให้เขาตื่นขึ้นจากห้วงความคิด

“หยุดก่อนครับแม่ ตรงนั้นผมทำเองได้ครับแม่ไปนอนพักผ่อนดีกว่า”

ถังซิ่วรีบดึงกางเกงขึ้นและแย่งผ้ามาจากมือของแม่เขาทันที

“ไอเด็กน้อย ! แม่เลี้ยงแกมากับมือ มีส่วนไหนบ้างที่แม่ยังไม่เห็น ?”

หลังจากที่ถูกถังซิ่วแย่งผ้าชุบน้ำไปจากมือแล้ว ซูหลิงหยุนจึงพูดเพื่อหยอกล้อเขาพร้อมทั้งเปลี่ยนไปเก็บกวาดห้องแทน

“ซิ่วน้อย หมอบอกแม่ว่าร่างกายของลูกไม่ได้เป็นอะไรมากแถมแผลจากเหตุการณ์เมื่อ1ปีก่อนก็ดีขึ้นได้โดยที่ไม่ได้รับการรักษาเลย ตอนนี้ลูกรู้สึกเป็นยังไงบ้าง ?”

“หลังจากที่พ่นเลือดเสียออกมาในเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันแล้วมันทำให้สมองผมปลอดโปร่งและรู้สึกสบายไปทั้งร่างกาย แม่ครับ ผมคิดว่าผมสามารถกลับไปเป็นอันดับ1ได้อีกครั้ง”

ถังซิ่วรีบตอบแม่ด้วยท่าทางตื้นเต้น เขารู้ว่าแม่นั้นเป็นห่วงเขาเรื่องอะไร เขาจึงได้พูดตามสิ่งที่แม่คิดไว้

จริงๆแล้วสิ่งที่ถังซิ่วพูดกับแม่เขานั้นไม่ถือเป็นการโกหกเลยแม้แต่น้อยทว่าอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการปิดบังแบบแนบเนียนซะมากกว่า

หลังจากที่วิญญาณกลับมารวมกันครบแล้วถังซิ่วได้ตรวจร่างกกายของตัวเองและรู้ว่าในร่างกายของเขานั้นมีเลือดเสียอยู่มากมาย เขารู้ว่านี่ต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เขาได้รับอุบัติเหตุเมื่อ1ปี ก่อนอย่างแน่นอน

ช่วงที่เขาได้ต่อยซูชางเหวินด้วยวิชาศิลปะต้นกำเนิดการจุดระเบิดนั้นเขาอยากจะให้ซูเชงเหวินได้รับบทเรียนที่ร้ายแรงแต่เมื่อกำลังเหวี่ยงหมัดเขาก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่นั้นเป็นโลกที่มีแต่ความสงบสุข ไม่ใช่ดินแดนแห่งนิรันดร์ที่เต็มไปด้วยการฆ่าฟัน จริงอยู่ที่ซูชางเหวินนั้นได้สร้างความเจ็บปวดให้กับครอบครัวของเขาแต่มันก็ไม่ใช่ศัตรูที่ถึงกับต้องแลกกันด้วยชีวิต เพราะงั้นเขาถึงได้ลดทอนพลังของวิชาลงและมุ่งพลังทั้งหมดไปที่การขับเลือดเสียในร่างกาย

อาการเจ็บป่วยที่อยู่ในร่างของถังซิ่วนั้นไม่ใช่ว่าหายได้โดยไม่ได้รับการรักษาแต่เขานั้นเป็นคนรักษามันด้วยตัวเองส่วนเรื่องเกรดเฉลี่ยที่โรงเรียนนั้น หลังจากที่วิญญาณกลับมารวมกันหมดแล้ว สมองเขาก็กลับมาเป็นปกติ มันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้ที่ต้องจำไปใช้สอบเพื่อให้ได้เกรดเป็นที่หนึ่งในชั้นเรียนกับความรู้ที่เขาต้องจดจำในช่วงหมื่นปีที่ครองดินแดนแห่งนิรันดร์มา ถ้าแค่สอบที่หนึ่งไม่ได้แล้วเขาจะครองโลกมาเป็นหมื่นปีได้ยังไงกัน

หลังจากที่ตรวจสอบแล้วว่าถังซิ่วนั้นไม่มีความผิดปกติอะไร ซูหลิงหยุนก็ได้ช่วยพาเขาออกจากโรงพยาบาล

หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็พากันไปโรงเรียน

“ซิ่วน้อย ,ยังไงก็ตามลุงของลูกนั้นก็ยังเป็นครอบครัวของเราและแม่คิดว่าเขาคงไม่ทำอะไรลูกหรอก ถ้าลูกเรียนที่โรงเรียนสตาร์ซิตี้ไม่ได้งั้นแม่ก็จะหาวิธีให้ลูกได้ย้ายไปโรงเรียนอื่น ยังไงก็ยังมี โรงเรียนสตาร์ซิตี้ 7 อยู่นะ”

ถังซิ่วที่กำลังจะผ่านประตูโรงเรียนก็ถูกหยุดโดยแม่ของเขาก่อนที่เธอกล่าวออกไปแบบนั้น

“ไม่ต้องห่วงครับแม่ ,ผมรู้แล้ว ผมจะตั้งใจเรียนให้ดีและไม่สนใจเรื่องอื่นๆเพราะว่าผมนั้นมีแม่อยู่”

เขาได้กอดกับเธอแล้วพูดต่อว่า

“แม่ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ ไม่อย่างงั้นผมจะทำตรงกันข้ามกันให้หมดเลย”

หลังจากที่เขาพูดจบก็รีบมุ่งตรงเข้าไปในโรงเรียนเหลือไว้เพียงซูหลิงหยุนที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมตาที่เริ่มเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

“ไอลูกคนนี้หนิ, อยู่ดีๆก็แสดงความกตัญญูขึ้นมาซะงั้น แปลกจริงๆ”

เมื่อรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของลูกชายแล้วเธอก็ได้แต่รู้สึกโล่งในอกขึ้นมาทันที ความรู้สึกพึงพอใจเอ่อล้นขึ้นมาภายในใจ

แต่สิ่งที่ซูหลิงหยุนยังไม่รู้นั้นคือถังซิ่วยังไม่ได้ไปไหนเลย หลังจากที่เขาก้าวเข้าไปในโรงเรียนแล้วเขาก็รีบวิ่งไปหาที่แอบเพื่อมองแม่ของเขาจากมุมไกลๆมุมหนึ่ง

เมื่อเห็นดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตาของแม่นั้น บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจ

เขาเริ่มที่จะคัดจมูกพร้อมด้วยน้ำตาสองสายที่กำลังไหลอย่างหยุดไม่ได้บนใบหน้าของเขา

คนอื่นไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนั้น แม่ของเขาสำคัญแค่ไหน แม้แต่ซูหลิงหยุนเองก็ยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ

หมื่นปีที่ผ่านมายังไม่อาจลืมได้

ในดินแดนแห่งนิรันดร์นั้น แม่เขาคือสิ่งเดียวที่ทำให้เขากังวลถึงและมารในใจเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือแม่ ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ไม่อาจที่จะลืมแม่ได้เลย

แม้ว่าช่วงที่อยู่ในดินแดนแห่งนิรันดร์นั้นเขาจะไม่เคยได้พบแม่อีกเลยแต่เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องทนทัณฑ์ทรมานจากจิตใจนั้น ทุกๆสังสารวัฏของการทรมานนั้นเขาจะได้พบกับแม่ของเขา ทุกๆสังสารวัฏนั้นซูหลิงหยุนคือแม่ของเขาและถังซิ่วคือลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ

“คุณแม่17 ปีที่ผ่านมานี้แม่เป็นคนปกป้องครอบครัวเรา เวลาต่อจากนี้ผมจะเป็นคนทำหน้าที่นี้เอง !!!”

เมื่อจ้องมองดูแม่ที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆจนหายไปในหมู่คนแล้วเขาก็ได้คำตอบในหัวใจ

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด