ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World – 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World – 3

Returning From The Immortal World – 2


ต้องสูญเสียเท่านั้นถึงจะรู้ว่าสำคัญ

ต้องสูญเสียเท่านั้นถึงจะรู้ว่ามีค่า

หมื่นปีในแดนนิรันด์ สิ่งที่ถังซิ่วเป็นกังวลเพียงอย่างเดียวคือแม่ของเขา แม่ที่อยู่บนโลกเรียกได้ว่าเป็นเพียง มารในใจ เพียงอย่างเดียว

และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้หัวใจของเค้ากระตุกอย่างรุนแรง เขาให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะต้องปกป้องแม่ไว้ให้ดี

ถังซิ่วตำหนิตัวเองที่ทำให้แม่ของเขาต้องหวาดกลัวแบบนี้ ,เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยของสองแม่ลูก ซางเหม่ยหยุนและซูเชียงเฟย์แล้วความโกรธก็ประทุขึ้นในใจ เขาจึงได้ตะโกนออกไปโดยไม่ลังเล

หลังจากที่เสี้ยววิญญาณของถังซิ่วกลับมาจากแดนแห่งนิรันด์แล้ว ภายนอกของเขาอาจเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แต่จริงๆ เขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าเหลือเชื่อ

สิ่งที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่เพียงแค่วิญญาณทั้งหมดของเขากลับมารวมกันเป็นหนึ่ง

อย่างแรกเลยคือ การรับรู้ของเขานั้นเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า , การตอบสนองของสมองของเขาเร็วขึ้นเป็นร้อยเท่า, ในบ้านหลังนี้ ไม่มีคำพูดใดที่จะหลบหูและสายตาของเขาได้ , หลังจากนั้น ข้อมูลทุกอย่างก็ถูกประมวลผลในสมองของเขา

จริงๆแล้ว ,หลังจากที่วิญญาณหลุดไปเขาสิงร่างเพลย์บอยที่เป็นหลานชายของผู้นำนิกายนกพิราบศักดิ์สิทธิ์,เขานั้นคุ้นเคยกับการออกคำสั่งและลักษณะนิสัยของเขาได้ผ่านไปปีแล้วปีเล่า มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถจินตนาการได้เลย, หลังจากที่วิญญาณกลับมาที่โลกแล้ว ทำให้เขายังมีลักษณะนิสัยที่ติดมาจากดินแดนแห่งนิรันด์

หลังจากที่เขาเผยให้เห็นถึงนิสัยที่ดุร้ายของเขาแล้ว ก็เหมือนว่าอุณหภูมิในห้องนั้นถึงจุดเยือกแข็ง, ผู้คนในบ้านต่างเงียบกริบ, สองแม่ลูก ซางเหม่ยหยุนและซูเชียงเฟยรู้สึกเหมือนกำลังโดนบีบคอและไม่สามารถพูดอะไรได้ซักคำ

“ถังซิ่ว, ใครให้สิทธิแกตะโกนโหวกเหวกใส่เรา ? ในสมองแกรู้จักคำว่าเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ไหมห๊ะ ? ขโมยเงินแล้วยังไม่ยอมรับความจริงอีก !!”

ซูชางเหวินลุกขึ้นตะโกนด่าทันที

ซูชางเหวินรู้สึกเหมือนว่าหลานคนนี้มันมีอะไรเปลี่ยนไป , ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่สบายใจเป็นอย่างมาก,ทั้งยังให้ความรู้สึกอันตรายแต่เมื่อเห็นเมียและลูกของตัวเองถูกถังซิ่วข่มด้วยคำพูดจึงต้องลุกขึ้นมาตอบโต้

“ซูชางเหวิน , แกมีสิทธิอะไรที่จะพูดเรื่องไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่กับฉันงั้นหรอ ?”

“มีทรัพย์สินมูลค่าเป็นสิบล้านแต่กลับทิ้งตาและยายของฉัน ทิ้งพวกเขาไว้ในพื้นที่ชนบทยังไม่พอ ค่าเลี้ยงดูที่ควรจะให้ก็ไม่มี นี่หรือที่เรียกว่าเคารพผู้หลักผู้ใหญ่?”

“วันรวมครอบครัว ซูหยานหนิงและ ซูเชียงเฟย์ยังตะโกนด่าผู้หลักผู้ใหญ่หนะ, ของครัวของพวกแกมันเย่อหยิ่งและทำตัวเป็นเจ้านาย นี่หรือสิ่งที่เรียกว่าที่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่หนะ ? ”

“ในงานเลี้ยงรวมญาติ , ตายายและลุงนั้นไม่ได้อยากได้เงินแม้แต่น้อย, ข้ออ้างของแกมันมีเยอะเหลือเกิน ,พวกเราญาติพี่น้องล้วนติดต่อกันและกัน  นี้เรียกว่าเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เรอะ ? ”

ถังซิ่วไม่สนใจท่าทางโอหังของตัวเองและพูดฉีกหน้าซูชางเหวินและเยาะเย้ยเขาทันที

ซูชางเหวินนั้นก็คุ้นเคยกับการออกคำสั่งมานับยี่สิบปีเขาคิดว่าแค่เขาดุด่าถังซิ่วแรงๆแล้วมันคงจะไม่กล้าปริปากอีก

แต่กลับกันเลย เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เขาดุด่าอย่างรุนแรงแล้ว ถังซิ่วไม่ใช่แค่ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไปแม้แต่น้อยแต่กลับเข้าปะทะคารมกับเขา ท่าทางการกดดันของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเองเลย

เมื่อถูกถังซิ่วฉีกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้วทำให้หน้าเขาแดงเหมือนตูดลิงทันที ในใจของเขาก็ปะทุความโกรธขึ้นมา

“แก!!!! , ไอเด็กเหี้ยชีวิตนี้คงไม่มีใครสั่งสอนแกสินะ ในเมื่อแม่แกสอนแกไม่ได้ก็ดี ฉันจะสอนแกเอง !!!!”

หลังจากที่โดนถังซิ่วฉีกหน้า เขาเลยยกมือตบไปที่ถังซิ่วทันที

เมื่อเห็นซูชางเหวินกล้าที่จะลงมือกับตัวเขา, ถังซิ่วแสยะปาก, ในดินแดนแห่งนิรันด์ช่วงหมื่นปีมานี้ ถ้าเขาลงมือกับใคร มันผู้นั้นต้องตาย

ถังซิ่วกำลังจะลงมือ ,เขาจะแสดงการลงทัณฑ์ด้วยเทคนิคแห่งนิรันด์ให้มนุษย์กระจ่อยร่อยมันเห็นซะหน่อย

ชั่วขณะนั้นเอง ใบหน้าของเขาถึงกับต้องซีดเผือด

เป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับร่างกายที่อยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนแห่งนิรันด์ ทำให้เขาลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองได้มาอยู่ที่โลกแล้ว ในร่างกายของเขาไม่มีการบ่มเพาะใดๆอยู่เลย หากเทียบร่างกายของเขากับคนธรรมดาแล้วก็ถือว่าอ่อนแอกว่าด้วยซ้ำไป

ท่าทีของเขาแข็งค้างเมื่อเห็นใบหน้าของซูชางเหวินที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างพอใจพร้อมกับฝ่ามือกำลังจะถูกใบหน้าของเขา

เมื่อเห็นฝ่ามือที่กับลังจะตบลงบนใบหน้าของเขา ถังซิ่วรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก, ไม่มีใครกล้าแตะต้องตัวเขาเองที่อยู่ในดินแดนนิรันด์กว่าหมื่นปี, นี่เขาจะต้องถูกตบโดยคนธรรมดาอย่างงั้นหรอ ?

“ซูชางเหวิน, แกกล้าหรอ ?  !!!!”

ใบหน้าของเขาปากฎแววตาที่ดุร้ายพร้อมตะโกนออกไป

“ฉัน.......ทำไมฉันจะไม่กล้าหละ,ฉันเป็นลุงของแก , ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิสั่งสอนแกหละ ?”

ซูชางเหวินเกิดอาการหวาดกลัวเมื่อได้เห็นแววตาที่ดุร้ายของถังซิ่ว

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของถังซิ่วแล้วก็ทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าเดิม แทนที่เขาจะหยุดมือกลับเพิ่มกำลังฝ่ามือเข้าไป

อย่างไรก็ตาม ซูชางเหวินให้โอกาสถังซิ่วหลบฝ่ามือนั้น , หลังจากที่เขาเร่งฝ่ามือถังซิ่ว ก็หลบไปแล้ว

ถังซิ่วคิดว่าตัวเองหลบฝ่ามือนั้นได้แล้ว แต่ก็เกิดเสียงประทะขึ้นในหูของเขาจนถึงขั้นทำให้เขาต้องหันกลับไปมองข้างหลัง

เขาพบว่าฝ่ามือของซูชางเหวินนั้นได้ตบลงไปใบบนหน้าของแม่ตัวเอง

ถังซิ่วได้ตระหนักว่าเมื่อกี้เขายังหลบอยู่ในอ้อมกอดแม่ แต่แม่ก็ยังยืนอยู่ด้านหลังเขาก่อนที่เขาจะหลบฝ่ามือไป

ความเสียใจ เจ็บปวด โมโหปะทุออกมา , ในหัวใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกในด้านลบ

“มันไม่ถูกต้อง ,จากตำแหน่งของซูชางเหวินนั้นควรจะสามารถยั้งมือได้ทัน ฝ่ามือไม่ควรจะไปถึงใบหน้าแม่ได้ , นี้มันอายที่ตบฉันไม่โดนจนต้องหาโอกาสไปตบแม่แทน !!  ”

ในสมองของถังซิ่วตอนนี้กำลังนึกถึงเหตุการณ์ช่วงที่ซูชางเหวินกำลังง้างฝ่ามือ

หลังจากที่เห็นภาพฝ่ามือที่เร่งความเร็วขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของซูชางเหวินแล้วความโกรธในใจเขาก็ถูกจุดขึ้น

เขาเกือบจะยอมสละทุกอย่างเพื่อจัดการกับซูชางเหวิน

หลังจากที่มองร่างกายของซูชางเหวินที่ไม่ไหวติง , เขาคิดว่าตัวเขานั้นอ่อนแอเกินไป แค่ลมพัดเบาๆตัวเขาก็ปลิวแล้ว เขาได้แต่ระงับอารมณ์ของตัวเองไว้

อย่างไรก็ตามถังซิ่วไม่ได้คิดว่าจะยอมกลืนการเหยียดหยามนี้กลับไป ก่อนหน้านี้ที่ซูชางเหวินและครอบครัวด่าเขานั้นทำให้เขาโกรธนิดหน่อย,แต่การที่ซูชางเหวินตบแม่ของเขานั้นเป็นล่วงเกินขัดจำกัดของเขา

“ไม่มีสมบัติเวทย์มนต์, ไม่มีการบ่มเพาะพลัง ซ้ำร่างกายนี้ยังอ่อนแอมาก ฉันจะจัดการปัญหานี้ยังไงดี ?”

ถังซิ่วจ้องไปที่ซูชางเหวินพร้อมกับขบคิดอยู่ภายในใจ

“มีอยู่!!!”

ชั่วขณะนั้น แววตาของเขาเป็นประกาย

ในช่วงที่อยู่ที่ดินแดนแห่งนิรันด์, ถังซิ่วนั้นได้สะสมแนวทางเทคนิคบ่มเพาะพลังไว้มากมายเหมือนดั่งมหาสมุทร มันรวมไปถึง ศิลปะต้นกำเนิดการจุดระเบิด (Origin Ignition Art) วิชานี้สามารถใช้จัดการกับปัญหานี้ได้

ศิลปะต้นกำเนิดการจุดระเบิด นั้นเป็นวิชาพื้นฐานจากดินแดนแห่งนิรันด์ มันใช้แค่โชคและการกำหนดลมหายใจ, มันไม่จำเป็นต้องมีพลังในการบ่มเพาะใดๆ คนธรรมดาก็สามารถที่จะสำแดงวิชานี้ได้ แต่มันจะบั่นทอนพลังชีวิตนิดหน่อยแต่อย่างไรก็ตามมันไม่ทำให้เกิดความเสียหายทางร่ายกายแต่อย่างใด

จริงๆแล้วการทำงานของวิชาศิลปะต้นกำเนิดการจุดระเบิดนี้มีข้อจำกัดมาก มันสามารถเพิ่มศักยภาพร่างกายได้เป็นเวลาสั่นๆเท่านั้น

แม้ว่าร่างกายของถังซิ่วจะอ่อนแอและไม่สามารถที่จะต่อกรกับซูชางเหวินได้, แต่เขาเชื่อว่าถ้าใช้พลังที่เก็บอยู่ภายในร่างกายของเขาในโอกาสที่เหมาะ เขาจะสามารถจัดการกับมันได้แน่นอน

“ซูชางเหวิน, แกตบแม่ฉันทำไม ? ฉันจะฆ่าแก !!!!”

เมื่อกักเก็บพลังในร่างกายได้พักหนึ่งเขาก็พบว่าซูชางเหวินนั้นไม่มีท่าทางว่าจะขอโทษแม่เขาเลยจึงได้ตะโกนและกระโจนเข้าใส่ทันที

ในขณะนั้นเอง ถังซิ่วก็สามารถปรับตัวเข้ากับร่างกายบนโลกมนุษย์นี้ได้ พร้อมตอบสนองได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ

“ไอเด็กเปรต, คิดว่าฉันกลัวแกหรือไง ?”

เมื่อเห็นถังซิ่วที่มีร่างกายเหมือนไม้เสียบผีกระโจนใส่เขา มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มพร้อมตะโกนอย่างดุร้าย

“มะกี้ฉันแค่อยากจะสั่งสอนแก, ใครใช้ให้แกหลบแบบไม่ระวังหละ? ทำให้แม่แกถูกตบเลยเห็นไหม ? ถ้าอยากจะโทษก็โทษตัวแกเองเถอะ !!!”

ซูชางเหวินพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเพื่อที่จะคว้าถังซิ่วเอาไว้

ได้ยินแค่เสียง “กร๊อบ”

ซูชางเหวินยังไม่ทันได้รู้สึกเจ็บปวด, เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมากระแทกที่หน้าอกของเขาและทำให้เขาเกือบจะอาเจียนอาหารมื้อก่อนหน้านี้ออกมาทั้งหมด , เขาอยากจะอาเจียนออกมาแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะพลังฝ่ามือที่ถังซิ่วส่งออกมานี้

ภายใต้ความเจ็บปวดแสนสาหัส ซูชางเหวินในตอนนี้เปรียบได้เหมือนคนที่ไร้กำลัง มือของเขากำลังสั่นเทา

“ช่วยด้วย, ฆาตกร!!!”

“เลือดสาดกระจายมากมาย, รีบๆโทรเรียกตำรวจเร็ว !!!”

“ทำไมงานวันเกิดถึงได้กลายเป็นแบบนี้ , ก็แค่เงิน 3000 ดอลลาร์ มันคุ้มกันหรอ ?”

ก่อนที่จะหมดสติไป ในหูของซูชางเหวินก็ได้ยินเสียงร้องระงม,แต่เขาคิดว่าเขาเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด