ตอนที่แล้วทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 18
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 20

ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 19


ตอนที่ 19

หลังเลิกเรียน หลี่กวงเย่าและไมค์เปลี่ยนชุดกีฬา ใส่รองเท้าจ๊อกกิ้ง ช่วยกันยืดเส้นยืดสายวอร์มร่างกาย

“เดี๋ยวถ้าตามไม่ทัน บอกด้วยนะ”หลี่กวงเย่าเตือนไมค์ จากนั้นก็ยกนิ้วโป้งขึ้น “พร้อมหรือยัง?”

ไมค์พยักหน้า ย่างก้าวตามหลี่กวงเย่า เริ่มวิ่งระยะทางสิบกิโลเมตรนี้

ตอนเริ่มวิ่งหลี่กวงเย่ากลัวว่าไมค์จะตามไม่ทัน จึงเจตนาวิ่งช้าลง วิ่งไปได้ประมาณสามกิโลเมตรแล้ว เห็นว่าไมค์หายใจได้สม่ำเสมอกันมากขึ้น จึงปรับความเร็วในการวิ่งให้เหมือนเดิม

หลังจากหลี่กวงเย่าเพิ่มความเร็ว ผ่านไปสองกิโมเมตร การหายใจของไมค์เริ่มถี่ขึ้น เหงื่อที่ไหลทำให้เสื้อติดอยู่บนร่างเขา ขาเริ่มปวด คล้ายกับมัดก้อนอิฐสิบกิโลกรัมติดไว้ ทุกย่างก้าวต้องสูญเสียกำลัง เหงื่อที่หน้าผากจะเช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่หมด

หลี่กวงเย่าเห็นไมค์เริ่มตามไม่ค่อยทัน จึงลดจังหวะฝีเท้าให้ช้าลง หันกลับไปให้กำลังใจไมค์ “ไม่เลวนี่ ฉันวิ่งเร็วกว่าปกติไปหน่อย ไม่คิดว่านายจะตามทัน แรงดีมาก สู้ๆ เหลือแค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง”

ไมค์เปลี่ยนสีหน้า คิดในใจวิ่งมาตั้งนาน ได้แค่ครึ่งทางเองเหรอ? หลี่กวงเย่าสามารถวิ่งไปกลับโรงเรียนทุกวันแบบนี้ได้ โคตรเก่งจริงๆ

ถึงแม้ปกติไมค์จะไปวิ่งจ๊อกกิ้งแถวๆ เขื่อนกับคณบดีบ่อยๆ แต่ความเร็วในการวิ่งและระยะทางเทียบไม่ได้เลยกับที่หลี่กวงเย่าฝึกซ้อม เวลานี้ไมค์แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง เขาวิ่งตามหลี่กวงเย่าด้วยแรงใจที่มี

เห็นว่าไมค์แทบจะไม่ไหวแล้ว หลี่กวงเย่าลดความเร็วลงจนเกือบจะเป็นการเดินเร็ว เขาเดินและให้กำลังใจไมค์ไปด้วย

“สู้ๆ ไมค์ เกือบถึงแล้ว!”

“ไมค์ บอกกับตัวเองว่าฉันทำได้ เกือบจะถึงแล้ว อีกโค้งหนึ่งก็จะถึงแล้ว”

“โอเค เห็นบ้านฉันไหม รถคณบดีจอดอยู่ตรงนั้น ดี ร้อยเมตรสุดท้าย เพิ่มความเร็วหน่อย”

หลี่กวงเย่าผลักประตูบ้านออก วิ่งไปยังสนามบาสเกตบอล หลี่หมิงเจิ้งวางน้ำเตรียมไว้ให้ทั้งสองคนที่ข้างสนามตั้งนานแล้ว

มือทั้งสองข้างของหลี่กวงเย่าหยิบน้ำขึ้นข้างละขวด ส่งให้กับไมค์ที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่บนสนามบาสเกตบอล “ครั้งแรกก็วิ่งจนครบสิบกิโลเมตร ไมค์ นายต้องภูมิใจในตัวนายนะ”

ไมค์คว้าน้ำ กระดกดื่มทันที ความสุขค่อยๆ แผ่กระจายไล่ความเหน็ดเหนื่อยทั่วร่างกายออกไป

หลี่กวงเย่าดื่มน้ำไม่กี่อึก วางกระเป๋าเป้ลง เปลี่ยนรองเท้าเล่นบาสเกตบอล หยิบบาสเกตบอลที่อยู่ในตะกร้าข้างเสาบาสเกตบอล “ไมค์ นายพักก่อน รอนายรู้สึกว่าพักได้ที่แล้วค่อยออกมา”

หลี่กวงเย่าเดินไปข้างๆ หลี่หมิงเจิ้งที่ยืนรอข้างสนามอีกฝั่งหนึ่งตั้งนานแล้ว พูดอย่างตื่นเต้นว่า “พ่อครับ พ่อรู้ไหม โรงเรียนมัธยมปลายตงไถจะมาแข่งขันกระชับมิตรกับพวกเราด้วยแหละ!”

ตรงกันข้ามกับที่หลี่กวงเย่าคิดไว้ สีหน้าของหลี่หมิงเจิ้งนิ่งเฉย “พ่อรู้ ตอนที่โค้ชสองคนของตงไถมาพ่อก็อยู่ที่นั้นด้วย”

หลี่กวงเย่าแปลกใจ “พ่อก็อยู่?”

หลี่หมิงเจิ้งพยักหน้า เผยรอยยิ้มซุกซน “แล้วพ่อก็มีข้อตกลงข้อหนึ่งกับพวกเขา”

หลี่กวงเย่าสงสัย “ข้อตกลงอะไร?”

“นั้นก็คือในการแข่งขันครั้งนี้ลูกลงมือได้แค่นอกเส้นสามคะแนนเท่านั้น”

หลี่กวงเย่าอุทาน ห๊ะ เห็นได้ชัดว่าผิดหวังมาก “ทำไมครับ?”

“กวงเย่า พ่อถามลูกนะ ตั้งแต่กวงเป่ยตั้งทีมบาสเกตบอลมาจนถึงตอนนี้ ลูกได้ฝึกซ้อมหรือแข่งกับเพื่อนร่วมทีมมาบ้างหรือเปล่า?”

หลี่กวงเย่าพอจะเข้าใจความหมายของหลี่หมิงเจิ้งแล้ว ส่ายหัว “ไม่มีครับ”

“งั้นลูกก็ไม่เข้าใจความคุ้นเคยของเพื่อนร่วมทีมแน่นอน ยังมีเรื่องตำแหน่งและความสามารถของแต่ละคนด้วย และการแข่งขันครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่ลูกจะได้สังเกตพวกเขาไม่ใช่เหรอ?”

หลี่กวงเย่ายักไหล่ “ที่พูดมันก็ใช่ ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว”

“เข้าใจก็ดี มาฝึกซ้อมกัน หัวข้อพื้นฐานของวันนี้ จุดโทษสามร้อยลูก catch and shoot จากเส้นหลังอ้อมไปยังเส้นจุดโทษสองร้อยลูก จากนั้นฝึกซ้อมเลี้ยงลูกครึ่งชั่วโมง”

หลี่กวงเย่าพยักหน้า ถือบอลไปยังเส้นโยนจุดโทษ “พ่อ นอกจากไม่ลงมือในเขตเส้นสามคะแนนแล้ว ไม่น่าจะมีข้อตกลงประหลาดๆ อะไรอีกแล้วใช่ไหม?”

หลี่หมิงเจิ้งตอบ “ไม่มี”

“โอเค ผมรู้แล้ว” หลี่กวงเย่าเริ่มตั้งใจฝึกซ้อมบอลจุดโทษ

เมื่อตะกี้ได้ยินว่าลงมือได้แค่นอกเส้นสามคะแนนเท่านั้น ตอนแรกหลี่กวงเย่ารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่หมดกำลังใจ สักนิดหนึ่งก็ไม่มี เพราะกีฬาบาสเกตบอลมีจุดน่าสนใจอยู่ที่ นอกจากจะได้คะแนนแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่ส่งผลกระทบต่อชัยชนะ

เวลาหนึ่งทุ่ม ที่สนามบาสเกตบอลของสวนสาธารณะเหอปิน สองร่างที่โชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

หยางเจินอี้กำลังเลี้ยงบอล ส่วนเว่ยอี้ฝานประกบป้องกัน

หยางเจินอี้ใช้การเปลี่ยนมือเลี้ยงบอลคิดจะหลีกหนีจากเว่ยอี้ฝาน แต่คนด้านหลังกลับประกบชิดเขาแน่น ทำให้หยางเจินอี้ได้รับความกดดันมาก

ด้านหนึ่งต้องประคองบอลให้อยู่ อีกด้านต้องต่อต้านการปะทะกล้ามเนื้อกับเว่ยอี้ฝาน หยางเจินอี้หอบหายใจแรง ความเร็วช้าลง จากนั้นหมุนพลิกตัว ควบคุมบอลได้ไม่ดี บอลจึงหลุดออกจากมือไป

เว่ยอี้ฝานได้บอล เดินไปยังเส้นกลางสนาม สลับการรุกรับ หยางเจินอี้ประชิดเว่ยอี้ฝาน

โรงเรียนมัธยมปลายตงไถมีชื่อเสียงเรื่องสไตล์การเล่น มักจะใช้การกดดันและป้องกันแบบแมนทูแมนทั้งสนาม สิ่งที่เขาทั้งสองฝึกในตอนนี้ก็เป็นวิธีต่อต้านความกดดันจากตัวป้องกัน

วิธีการฝึกแบบนี้เหนื่อยมาก ผู้ครองบอลต้องเปลี่ยนจังหวะบ่อยเพื่อหลีกหนีจากตัวป้องกัน การสลับความช้าเร็วที่ผิดพลาดจะทำให้หายใจไม่เป็นจังหวะ ดังนั้นผู้เล่นที่ไม่ค่อยมีแรง จะเกิดความกดดันจากการป้องกันได้ง่าย

นอกจากนี้ เนื่องจากฝ่ายป้องกันจะแย่งบอลอยู่ตลอดเวลาแล้ว มันจะเป็นการทดสอบการเลี้ยงบอลของผู้ครองบอลและความสามารถในการรักษาบอลได้ดีมากด้วย อีกอย่างคือความต้านทานของร่างกาย ภายใต้การป้องกันที่มีความกดดันนั้นผู้ครองบอลจะปะทะกับร่างกายของตัวป้องกันหลายๆ คน ผู้ครองบอลต้องต้านทานการบุกรุกของตัวป้องกัน เท่ากับเป็นการทำอนาโรบิคที่เปลืองแรงมาก

ดังนั้นเว่ยอี้ฝานและหยางเจินอี้ฝึกไปแค่ครึ่งชั่วโมงก็หอบแล้ว แต่การฝึกประเภทนี้ยิ่งเหนื่อย ฝึกมากขึ้นยิ่งมีประสิทธิภาพ

ตอนที่เว่ยอี้ฝานอยู่หรงซินเคยปะทะกับตงไถมาแล้ว รู้ว่าตงไถชอบใช้การป้องกันกดดันทั้งสนามแบบทันที ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความสับสนวุ่นวาย และภายในช่วงที่ฝ่ายตรงข้ามเทิร์นโอเวอร์อยู่นั้นก็รีบรุกทำคะแนน ดังนั้นการฝึกประเภทนี้ ยิ่งฝึกซ้อมในสภาพที่เหนื่อยล้า ยิ่งมีประโยชน์

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ทั้งสองก็สิ้นสุดการฝึกซ้อมสำหรับการป้องกันแบบกดดัน ขณะนั่งพักอยู่ข้างสนาม

“อี้ฝาน ก่อนหน้านี้นายเคยแข่งกับโรงเรียนมัธยมปลายตงไถไหม?” หยางเจินอี้เช็ดเหงื่อ

“เคย สไตล์การเล่นของพวกเราเร็ว ชอบใช้เส้นสามคะแนนและการรุกเร็วเพื่อทำคะแนน ผู้เล่นชอบแย่งบอล และทำได้เร็วมาก ดังนั้นการแย่งบอลมากที่สุดในแต่ละปีของการแข่งขันลีกเอจึงเป็นของโรงเรียนมัธยมปลายตงไถ และก็เพราะแบบนี้แหละ การป้องกันโดยรวมของพวกเขากลับใช่ว่าจะยอดเยี่ยม วงในก็ไม่มีคนสูง หากไม่มีการเปิดรุกสามคะแนน โรงเรียนมัธยมปลายตงไถมักจะแพ้เพราะมีข้อเสียเรื่องรีบาวด์”

“อืม ดังนั้นถ้าจะชนะโรงเรียนมัธยมปลายตงไถ อันดับแรกก็ต้องบล็อกการรุกวงนอกของพวกเขา จากนั้นควบคุมการรีบาวด์ให้ดี”

“ถูกต้อง”

สองคนเงียบลงพักหนึ่ง หยางเจินอี้ดื่มน้ำอึกหนึ่ง “อี้ฝาน นายคิดว่าเราเอาชนะได้ไหม?”

เว่ยอี้ฝานส่ายหน้า “ยากมาก พวกเราไม่มีข้อดีในเรื่องส่วนสูง รีบาวด์แย่งไม่ชนะหรอก อีกอย่างทีมเราไม่มีพอยต์การ์ด และทีมเราไม่เคยฝึกซ้อมด้วยกันมาก่อน ตอนแข่งจริงจะต้องวุ่นวายแน่นอน”

ทั้งสองเงียบลงอีกครั้ง

“แล้วเราจะฝึกอะไรต่อดีล่ะ?” หยางเจินอี้ยกสองมือกางออก

“กระโดดจัมพ์ช็อต ตงไถมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง ดังนั้นการป้องกันครึ่งสนามมักจะเลือกป้องกันแบบแมนทูแมน อีกอย่างพวกเขาคิดว่าพวกเราด้อยความสามารถฉันเดาว่าพวกเขาจะใช้การป้องกันแบบหนึ่งต่อหนึ่งเพื่อทำให้เราเทิร์นโอเวอร์ สร้างโอกาสในการรุก” เว่ยอี้ฝานพูดไปพร้อมวาดมือไปด้วย “ในสภาพแบบนั้นนายต้องร่วมมือกับฉัน ไม่ว่าใครจะได้บอลต้องช่วยอีกคนหนึ่งบล็อกไว้ การสลับป้องกัน(Switch)ของตงไถค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นถึงเวลานั้นจะต้องมีโอกาสลงมือวงนอกอย่างแน่นอน ถ้าในสถานการณ์อย่างนี้ความสามารถในการกระโดดจัมพ์ช็อตถือว่าสำคัญมาก”

“ได้”

ชายทั้งสองลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ถึงแม้จะรู้ว่าการแข่งขันกระชับมิตรกับตงไถครั้งนี้แทบจะไม่มีหวังที่จะชนะ แต่สายตาและสีหน้าพวกเขาก็แสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่คิดที่จะยอมแพ้!

หยางเจิงอี้หยิบบอล นึกขึ้นได้ “เออใช่ อี้ฝาน หลี่กวงเย่านั้นน่ะเก่งจริงเหรอ? ช่วงนี้เซี่ยหย่าซูพูดถึงเขาบ่อยๆ”

เห็นได้ชัดว่าร่างของเว่ยอี้ฝานชะงักไปนิด “ถ้าหากว่าการแข่งขันกระชับมิตรวันนั้นเขาทำออกมาไม่ผิดไปจากปกติ พวกเรามีความหวังที่จะชนะตงไถ”

…………………………………………………………………………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด