ตอนที่แล้วทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 16
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 18

ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 17


ตอนที่ 17

หลี่กวงเย่าสะพายกระเป๋าเป้ วิ่งหายใจเหนื่อยหอบ เหงื่อบนหน้าผากไหลลงมาไม่หยุด เท้าทั้งสองข้างวิ่งบนถนนอย่างเป็นจังหวะ

นอกจากวันที่ฝนตกแล้ว แต่ละวันเขาจะต้องฝึกวิ่งจ๊อกกิ้ง เพื่อรักษาความแข็งแรงของร่างกาย

หลี่กวงเย่าวิ่งมาหยุดที่หน้าประตูโรงเรียน เหงื่อไหลลงเต็มแผ่นหลัง คุณลุงรปภ.ที่หน้าประตูโรงเรียนโบกมือทักทายเขา “วันนี้มาค่อนข้างเช้านะ”

หลี่กวงเย่าใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้า ส่งยิ้มกลับไป “ครับ วันนี้ตื่นค่อนข้างเช้า” เขาปรับจังหวะลมหายใจแล้วเดินเข้ามาในโรงเรียนอย่างช้าๆ แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นนักเรียนหญิงรวบผมหางม้าคนหนึ่ง เหงื่อท่วมตัว จังหวะหายใจเหนื่อยหอบ วิ่งมาจากประตูอีกด้านหนึ่งของโรงเรียน

รปภ.เห็นแล้วจึงทักทายเธอเช่นกัน “อรุณสวัสดิ์จ้า”

เซี่ยหย่าซูชะลอจังหวะฝีเท้าให้ช้าลง พยักหน้าเล็กน้อย “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณลุง”

หลี่กวงเย่าเพิ่งเคยเห็นคนวิ่งมาโรงเรียนเหมือนเขาเป็นครั้งแรก และยังเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งอีกด้วย สายตาของเขาจึงหยุดอยู่บนร่างของเซี่ยหย่าซูเนิ่นนานอย่างหลีกหนีไม่ได้

เซี่ยหย่าซู ใช้ผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนคอซับเหงื่อ “ไม่เคยมีใครบอกนายเหรอ ว่าจ้องผู้หญิงแบบนี้มันเสียมารยาท?

หลี่กวงเย่าดึงสติกลับคืนมา ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษครับ แค่ไม่คิดว่าจะมีคนวิ่งมาโรงเรียนเหมือนผม”

เซี่ยหย่าซู เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงมีความภาคภูมิใจ “ฉันอยู่ทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน ก็ต้องฝึกร่างกายของฉันให้แข็งแรงน่ะสิ” จากนั้นก็แลบลิ้น ท่าทางดูช่างน่ารัก “จริงๆ แล้ว วันนี้ฉันเพิ่งเริ่มวิ่งเอง นายโชคดีนะนี่ วิ่งครั้งแรกนายก็เห็นเข้าซะละ”

หลี่กวงเย่าแปลกใจ “นี่พี่อยู่ทีมบาสเกตบอลเหรอ?”

เซี่ยหย่าซูเอามือสองข้างเท้าสะเอว “ทำไม ผู้หญิงจะเข้าทีมบาสเกตบอลไม่ได้หรือไง? จะบอกให้นะ ว่าฉันน่ะเก่งมาก”

หลี่กวงเย่ารีบโบกมือปฏิเสธ “ผมก็แค่แปลกใจ ไม่ได้เจตนาจะดูถูกซะหน่อย”

“โกหก นายต้องดูถูกฉันแน่ๆ โธ่เอ๊ย ผู้ชายก็เหมือนกันหมดแหละ คิดว่าความสามารถในการเล่นบาสเกตบอลของผู้หญิงสู้ผู้ชายไม่ได้” เซี่ยหย่าซูหรี่ตามองหลี่กวงเย่า “นายเล่นบาสเกตบอลเป็นไหม?”

หลี่กวงเย่าพยักหน้า

เซี่ยหย่าซูดึงผ้าขนหนูออกจากคอ “ฉันเอาบาสเกตบอลมาด้วย นายตามฉันไปสนามบาสเกตบอลเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะพิสูจน์ให้นายรู้ว่าผู้หญิงก็เล่นบาสเกตบอลเก่งเหมือนกัน”

หลี่กวงเย่ายิ้มอย่างหมดทางเลือก เดิมทีเขาคิดว่ามาถึงโรงเรียนเช้ากว่าเดิมจะได้กินข้าวอย่างสบายใจ ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้

“นายเหม่ออะไรอยู่ล่ะ รีบตามมาสิ หรือว่านายกลัวจะแพ้ผู้หญิง?”

ในสนามบอล เซี่ยหย่าซูยกสิทธิ์การรุกครั้งแรกให้หลี่กวงเย่า โดยเหตุผลที่ว่า“ฉันอยู่ทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน”

เปิดเกมเสร็จ หลี่กวงเย่าโน้มตัวลงต่ำ แจ๊บสเต๊ปไปทางขวา เซี่ยหย่าซูคิดว่าหลี่กวงเย่าจะตัดไปทางซ้ายของตน จึงรีบถอยหลังไปทางซ้ายทันที ผลปรากฏว่าตัวเองปล่อยช่องว่างให้หลี่กวงเย่า ทำให้เขาลงมือกระโดดจัมพ์ช็อตได้อย่างสบาย

สวบ!

เซี่ยหย่าซูเห็นหลี่กวงเย่าชู้ตบอลเข้าอย่างแม่นยำ ถึงกับร้องว้าว “ลูกนี้เข้าได้สวยจริงๆ ไม่คิดว่านายก็มีความสามารถเหมือนกัน”

จู่ๆ ก็ถูกเซี่ยหย่าซูชม หลี่กวงเย่าไม่รู้จะตอบยังไง จึงพูดซ้ำๆ ไปว่า “ดวงดี ดวงดี”

“ลูกต่อไปฉันจะเอาคืน เปลี่ยนสิทธิ์การครองบอล!”

เซี่ยหย่าซูถือบอลยืนในตำแหน่งรุกได้มั่นคงแล้ว จึงทำแจ๊บสเต๊ปไปทางขวา คิดจะเลียนแบบวิธีของหลี่กวงเย่าเพื่อทำคะแนน แต่หลี่กวงเย่ากลับไม่ไหวติง เขาโน้มตัวลงต่ำ สายตาจ้องที่เซี่ยหย่าซู ทำให้เซี่ยหย่าซูได้รับความรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

เซี่ยหย่าซูรู้ดีว่าตนเสียเปรียบเรื่องรูปร่าง จึงเลี้ยงบอลถอยหลังออกไปสองสามก้าวเพื่อเตรียมรับบอลชู้ตลงห่วง

หลี่กวงเย่าเห็นท่าทางของเซี่ยหย่าซู จึงรีบเดินขึ้นหน้าเตรียมบล็อก แต่การรับบอลของเซี่ยหย่าซูเป็นเพียงท่าหลอกเท่านั้น เธอเห็นหลี่กวงเย่าโน้มตัวมาข้างหน้า จึงรีบตัดไปใต้แป้นบาสเกตบอล ขณะที่รับบอลเตรียมพร้อมจะชู้ตทำคะแนนอย่างสบายๆ ทันใดนั้นก็มีเงามืดลอยผ่านมา เสียงตบดังขึ้น บอลถูกหลี่กวงเย่าตบออกไป

“หูย เกือบโดนเธอหลอกซะแล้ว ท่าหลอกล่อทำได้สวยนะเนี่ย” หลี่กวงเย่ามองสีหน้าตกใจของเซี่ยหย่าซู “โชคดีที่ผมเร็วพอ ไม่งั้นพี่คงได้คะแนน”

เซี่ยหย่าซูไม่ค่อยจะพอใจนักที่เสียบอลลูกนี้ไป เธอวิ่งก้าวยาวๆ ไปเก็บบอลนอกสนามกลับมา พูดอย่างไม่ย่อท้อ “เอาใหม่!”

เห็นความดื้อดึงของเซี่ยหย่าซู หลี่กวงเย่าจึงอดยิ้มไม่ได้ เขาย่อตัวลงต่ำ ขณะที่เซี่ยหย่าซูเลี้ยงบอล ทั้งตัวเขาจึงเข้าประกบป้องกันไว้

เซี่ยหย่าซูมีประสบการณ์มาก่อน เธอจึงย่อตัวลงต่ำเช่นกัน มืออีกข้างที่ไม่ได้เลี้ยงบอลรักษาบอลไว้อย่างดี ทำให้หลี่กวงเย่าไม่มีโอกาสได้แย่งบอล เมื่อเห็นช่องว่างที่แม่นยำแล้ว เธอจึงตัดไปทางขวา

แต่หลี่กวงเย่ารอจังหวะนี้อยู่แล้ว เขายื่นมือไปปัดบอลที่อยู่ระหว่างมือของเซี่ยหย่าซูทิ้ง แล้วคว้าบอลก่อนที่บอลจะหลุดออกไป ก้มหน้ามองพื้นแวบหนึ่ง จึงเห็นว่าตัวเองยืนอยู่ด้านนอกเส้นสามคะแนนพอดี เซี่ยหย่าซูเองก็ไม่ได้ขึ้นมาป้องกันด้านหน้า จึงไม่ลังเลที่จะลงมือชู้ตลงห่วง

สวบ!

มองดูบอลลงกลางห่วง หลี่กวงเย่าใช้มือเช็ดเหงื่อ “พอ ไม่เล่นแล้ว ผมหิวข้าว”

เซี่ยหย่าซูหันหน้ามาพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “นายคิดจะหนีใช่ไหม อย่าคิดว่าแบบนี้จะถือว่าชนะฉันนะ ตอนนี้เพิ่งสองต่อศูนย์!”

หลี่กวงเย่าหัวเราะ “วางใจเถอะ ต่อไปเราสองคนมีโอกาสได้ประลองกันอีกหลายครั้ง เพราะผมก็เป็นทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนเหมือนกัน ผมชื่อหลี่กวงเย่า ชั้นม.4/5” หลี่กวงเย่าหยิบกระเป๋าเป้ที่วางไว้ข้างสนาม “ แต่ทั้งชีวิต

ของพี่ก็อย่าคิดที่จะเอาชนะผม เพราะถึงแม้พี่จะเป็นผู้หญิง แต่ในโลกของบาสเกตบอล ขอเพียงพี่ยืนอยู่ทีมตรงข้ามกับผม ผมจะไม่มีวันปล่อยผ่านไปง่ายๆ อย่างแน่นอน!”

เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำและฉีดน้ำหอมบนตัวเล็กน้อยเสร็จแล้ว หลี่กวงเย่ากลับเข้าห้องเรียน นั่งที่นั่งของตัวเอง หยิบอาหารเช้าออกมากินอย่างช้าๆ

เหลือบเห็นหวังจงจวินกำลังเดินเข้ามาในห้องเรียน หลี่กวงเย่าจึงหันไปทักทาย “อรุณสวัสดิ์”

หวังจงจวินใช้สายตาที่เย็นชามองหลี่กวงเย่า นั้นถือเป็นการตอบสนอง

หลี่กวงเย่าชินกับท่าทีของหวังจงจวินจนถือเป็นเรื่องปกติ และก็ไม่รู้สึกโกรธ เขาเคี้ยวอาหาร พูดพึมพำไม่ชัดถ้อยชัดคำ “ถ้าตอนนี้นายอยากจะเข้าทีมบาสเกตบอล ก็ยังมีโอกาสอยู่นะ”

“ฉันจะเข้าทีมบาสเกตบอลที่มันไม่มีประโยชน์ไปทำไม?” หวังจงจวินพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก แล้วจึงเริ่มหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมากิน

“ก็เห็นอยู่ว่าชอบเล่นบาสเกตบอลมาก ทำไมต้องปากแข็งด้วย” หลี่กวงเย่าส่ายหน้ายิ้มๆ คนแบบนี้เขาเพิ่งเคยพบเคยเห็น “ทำไมต้องกดดันตัวเองขนาดนั้นด้วย?”

“นายรู้ว่าฉันชอบเล่นบาสเกตบอลมากงั้นเหรอ?” หวังจงจวินยิ้มเยาะ

“นี่มันไม่ชัดเจนอีกเหรอ การเล่นบาสเกตบอลเป็นเรื่องที่สนุกก็จริง แต่มันไม่เหมือนกับการฝึกฝนนะ บอลสามคะแนนของนายแม่นยำมาก ต้องฝึกฝนอย่างหนักแน่นอนถึงได้แบบนั้น ถ้าไม่ได้สนใจบาสเกตบอลเลย ก็คงจะทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” หลี่กวงเย่า ดื่มนมแล้วพูดต่อ “เพื่อนฉันที่ชู้ตบอลสามคะแนนแม่นกว่านายก็เป็นแบบนี้แหละ ฝึกชู้ตบอลสามคะแนนทั้งวัน ฝึกจนฉันคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว และเขาก็บอกฉันว่า ‘สิ่งที่ฉันยึดมั่นในบอลสามคะแนนก็คือจะต้องแม่นยำกว่าคนอื่น’”

ได้ยินว่า ‘แม่นกว่านาย’ สีหน้าหวังจงจวินดูไม่ค่อยพอใจนัก “นายไม่เข้าใจหรอก”

หลี่กวงเย่าหัวเราะ “อย่าเข้าใจผิดสิ ฉันแค่รู้สึกว่า ถ้ามีนายเป็นเพื่อนร่วมทีม จะต้องเป็นเรื่องที่น่าดีใจเรื่องหนึ่งแค่นั้นเอง”

ขณะนั้นก็มีนักเรียนสองสามคนเดินเข้ามาในห้อง หลี่กวงเย่าจึงไม่ได้พูดอะไรต่อและหวังจงจวินก็เงียบลงเช่นกัน

หลังจากนั้นไม่นาน ไมค์ก็เดินก้าวเข้ามาอย่างเพลียๆ

หลี่กวงเย่าทักทายไมค์อย่างมีความสุข “อรุณสวัสดิ์ ไมค์”

ไมค์มองหลี่กวงเย่าอย่างเขินอาย พูดเสียงเบา “อรุณสวัสดิ์”

“เมื่อวานรู้สึกยังไงบ้าง?” หลี่กวงเย่าถามอย่างยิ้มๆ

“เหนื่อยมาก แต่ก็มีความสุขมาก” เมื่อวานหลังจากได้เล่นบาสเกตบอลและอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านหลี่กวงเย่าแล้ว ไมค์จึงค่อยๆ เปิดใจให้หลี่กวงเย่า

“เล่นบาสเกตบอลสนุกใช่ไหมล่ะ งั้นวันนี้ฉันจะสอนนายเลย์อัพกับแย่งรีบาวด์” หลี่กวงเย่ายิ้ม มองดูสีหน้าไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ ของไมค์

ไมค์พยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น และเฝ้ารอเวลาเลิกเรียน

เซี่ยหย่าซูเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำเสร็จ เธอไม่ได้รีบกลับไปห้องเรียน แต่มาหาโค้ชอู๋ติ้งหวาที่ห้องพละ

อู๋ติ้งหวาจำเซี่ยหย่าซูได้ดี ดังนั้นถึงแม้ว่าเธอจะใส่ชุดนักเรียน ปล่อยผมยาวประบ่าทั้งสองข้าง อารมณ์แตกต่างจากครั้งแรกที่อยู่ในสนามบาสเกตบอลราวกับคนละคน แต่อู๋ติ้งหวามองแวบเดียวก็ยังจำเธอได้ “หย่าซู มีอะไรหรือเปล่า?”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะโค้ช หนูอยากถามโค้ชว่าในทีมบาสเกตบอลมีคนชื่อหลี่กวงเย่าไหมคะ?”

อู๋ติ้งหวาพยักหน้า “มี ทำไมเหรอ?”

เซี่ยหย่าซูถามอย่างสงสัย “เขาอยู่ม.4 จริงๆ หรือคะ?”

“ใช่” อู๋ติ้งหวามองเธอด้วยสายตาสงสัย “ทำไมจู่ๆ ถามถึงเขาล่ะ?”

เซี่ยหย่าซูอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างง่ายๆ “วันนี้ตอนเช้าหนูเจอเขาที่หน้าโรงเรียน จากนั้นหนูท้าประลองกับเขา ผลปรากฏว่าโดนเขายำซะเละเลย หนูคิดมาตลอดว่าในกวงเป่ย นอกจากเว่ยอี้ฝานแล้ว หนูคือคนเก่งคนที่สอง คิดไม่ถึงว่า...”

อู๋ติ้งหวามองเซี่ยหย่าซู เขาชื่นชมในความตรงไปตรงมาของเธอ จุดนี้เหมือนกับหลี่หมิงเจิ้งคู่พ่อลูกนั้นไม่มีผิด

“โค้ชคะ หลี่กวงเย่ากับเว่ยอี้ฝานใครเก่งกว่ากัน?” หลังจากที่ประลองกับหลี่กวงเย่าแล้ว เซี่ยหย่าซูก็คิดถึงคำถามนี้มาตลอด และคำตอบที่เซี่ยหย่าซูอยากได้ยินจากโค้ชก็คือเว่ยอี้ฝาน เหตุผลง่ายๆ เพราะหลี่กวงเย่าอยู่แค่ม.4 เธอยอมรับไม่ได้ที่เด็กม.4 หัวเกรียน จะเป็นคนที่เก่งที่สุดในกวงเป่ย

“เธอคิดว่าใครเก่งกว่ากันล่ะ?” อู๋ติ้งหวาถามกลับ เขารู้สึกได้ถึงน้ำเสียงของเซี่ยหย่าซูที่มีความเป็นปรปักษ์ลึกๆต่อหลี่กวงเย่า

เซี่ยหย่าซูตอบอย่างไม่ต้องคิดว่า “ต้องเป็นเว่ยอี้ฝานอยู่แล้วค่ะ!”

อู๋ติ้งหวายิ้มออกมา “ถ้าอยากรู้คำตอบ เธอก็ไปถามเว่ยอี้ฝานดูสิ เขาสองคนเคยประลองกันมาก่อน”

เซี่ยหย่าซูได้ยินดังนั้น ไม่พูดพร่ำทำเพลง หันหน้าแล้ววิ่งออกไป

อู๋ติ้งหวาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเซี่ยหย่าซูจะไปไหน เขาเข้าใจปฏิกิริยาของเซี่ยหย่าซูดี เพราะเขาเคยเป็นเหมือนเซี่ยหย่าซูมาก่อน ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองถูกเด็กใหม่ม.4 เล่นงาน

ยี่สิบปีก่อน สมัยที่เขายังเป็นเด็กม.5 เขามีความภูมิใจในทักษะการเล่นบาสเกตบอลของตัวเองมาก วันหนึ่งไปเห็นเด็กม.4 ฝึกซ้อมบาสเกตบอลที่สนามแล้วรู้สึกขัดสายตา จึงคิดจะใช้ทักษะการเล่นบาสเกตบอลสั่งสอนรุ่นน้องคนนั้น แต่ไม่คิดว่าจะถูกรุ่นน้องสั่งสอนเขาซะเอง

เขาไม่เคยลืมวันนั้นได้เลย ทุกครั้งที่รุกเร็วตัดเข้าไปก็ถูกบล็อกไว้ตลอด และทุกครั้งที่รุ่นน้องคนนั้นชู้ตบอลเข้ากลับเป็นเพียงการชู้ตจากวงนอกเท่านั้น ความเร็วของรุ่นน้องไม่ได้เร็ว กระโดดก็ไม่ได้สูง ท่าที่ซับซ้อนที่สุดมีเพียงแค่จัมพ์ช็อตเท่านั้น ที่สำคัญคืออู๋ติ้งหวารู้ว่ารุ่นน้องออมมือให้ อู๋ติ้งหวาเองก็ไม่อยากจะเชื่อความสามารถที่แตกต่างกันเช่นนี้

อู๋ติ้งหวาหยิบข้อมูลที่รวบรวมเรียบร้อยแล้ว เดินไปยังห้องผู้อำนวยการ เพราะเซี่ยหย่าซูทำให้เขาคิดถึงเรื่องราวในอดีต เขายิ้มที่มุมปาก “ไอ้หมอนี่...”

หลังจากเซี่ยหย่าซูออกจากห้องพละ ก็วิ่งไปห้องเรียนของเว่ยอี้ฝาน เห็นเว่ยอี้ฝานนอนฟุบอยู่ที่โต๊ะ เธอจึงเดินตรงไปยืนด้านข้างโต๊ะเว่ยอี้ฝาน “เว่ยอี้ฝาน ฉันถามนายหน่อย ก่อนหน้านี้นายเคยประลองกับรุ่นน้องที่ชื่อหลี่กวงเย่าใช่ไหม?”

ได้ยินคำว่า ‘หลี่กวงเย่า’ ทำให้เว่ยอี้ฝานหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง “อะไร?”

“เดิมทีฉันคิดว่านอกจากนายแล้ว ในกวงเป่ยไม่มีใครที่จะเอาชนะฉันได้ แต่เมื่อเช้านี้ฉันเจอหลี่กวงเย่า...”

“แล้วไงล่ะ?” เว่ยอี้ฝานไม่ต้องถามก็พอเดาคำตอบได้

“แล้วฉันก็คิดได้ว่า ที่จริงแล้วทักษะของฉันก็มีแค่หน่อยเดียวเอง” มองดูเซี่ยหย่าซูที่มีความเชื่อมั่นในทักษะบาสเกตบอลของตัวเองมาตลอด เวลานี้เธอกลับทำท่าสลดใจ เว่ยอี้ฝานจึงอดยิ้มไม่ได้

“โค้ชบอกว่านายเคยประลองกับหลี่กวงเย่า แล้วผลเป็นไง?” เซี่ยหย่าซูอยากรู้คำตอบเต็มทน

เว่ยอี้ฝานหุบยิ้ม “หลังจากที่ฉันตัดสินใจว่าจะเล่นบาสเกตบอลต่อ ฉันก็บอกกับผู้อำนวยการว่าฉันจะกลับไปเล่นบาสเกตบอลที่หรงซิน แต่ผู้อำนวยการบอกว่าฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะกลับไป เพราะฉันไม่ใช่นักบาสเกตบอลที่เก่งที่สุดในกวงเป่ย ฉันไม่เชื่อ และผู้อำนวยการก็เรียกหลี่กวงเย่าให้มาประลองกับฉัน”

“แล้วผลล่ะ?” เซี่ยหย่าซูถามอย่างร้อนใจ

“ผลก็คือ ฉันเลือกอยู่ที่กวงเป่ยต่อ”

เมื่อได้ยินคำตอบ เซี่ยหย่าซูเงียบไปสักพัก

ก่อนจะออกจากห้อง เซี่ยหย่าซูได้ทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้“ฉันจะเป็นคนแรกที่เอาชนะหลี่กวงเย่า”

มองดูด้านหลังของเซี่ยหย่าซู เว่ยอี้ฝานพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ คนนั้นต้องเป็นฉัน!”

หลังจากแพ้ให้หลี่กวงเย่าครั้งนั้น ช่วงเย็นติดต่อกันหลายวันแล้วที่เขาฝึกซ้อมชู้ตห้าร้อยลูกที่สวนสาธารณะ นอกจากจะหาความรู้สึกในการเล่นบาสเกตบอลกลับมาแล้ว ยังทำเพื่อเอาชนะหลี่กวงเย่าด้วย

“อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้จะมีการเปิดแข่งขันลีกซี” อู๋ติ้งหวาวางข้อมูลไว้บนโต๊ะของเย่อวี้เฉิง “ฉันคิดว่าถ้าจะพึ่งกวงเย่ากับอี้ฝานแค่สองคน ในการแข่งขันลีกบีถือว่าเรายังมีความสามารถในการแข่งขันอยู่ แต่นี่ไม่ใช่แผนระยะยาว ถ้าบวกเจินอี้เข้าไปด้วย วงในยังถือเป็นปัญหาใหญ่อยู่ดี ไมค์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาเล่นบาสเกตบอลไม่เป็นเลย”

เย่อวี่เฉิงขมวดคิ้วขึ้นมอง อู๋ติ้งหวาพูดอย่างหมดหนทางเลือก “โอเคๆๆ บวกไมค์เข้าไปด้วย แต่ตัวจริงก็ตั้งไว้แค่4คนนะ ถ้าหากหาใครสักคนมาเสริม ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสได้เล่นลีกเอจริงๆ ยังไงก็ต้องแพ้อยู่ดี!”

อู๋ติ้งหวาพูดจบก็ลดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ท่าทางหมดกำลังใจ “แล้วยังมีเวลาในการฝึกซ้อม ปัญหาสนามอีก เรื่องพวกนี้ยังต้องมีการปรับปรุงประสานงาน”

เย่อวี้เฉิงจุดบุหรี่ขึ้นสูบ สีหน้าค่อนข้างเครียด เขารู้ว่าอู๋ติ้งหวาพูดถูก ที่จริงการตั้งทีมบาสเกตบอลมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และนี่ยังคิดที่จะคว้าแชมป์จากการแข่งขันลีกเออีก ความลำบากจึงยากเกินจินตนาการ

โดยเฉพาะตอนนี้กีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมปลายมีราชันที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้อย่างโรงเรียนมัธยมปลายฉี่หนานอีก

“นอกจากสี่คนนี้แล้ว สภาพของคนอื่นๆ เป็นยังไงบ้าง?” เย่อวี้เฉิงค่อยๆ พ่นควันออกมา ควันสีเทาค่อยๆ กระจายตัวในอากาศ

“ฉันเลือกมาอีกเจ็ดคน พวกเขาผ่านการทดสอบร่างกาย คุณสมบัติด้านศักยภาพก็ไม่เลว แต่ความสามารถในปัจจุบัน เป็นได้แค่ตัวสำรองเท่านั้น”

“หาเวลารวมตัวทุกคนให้ฉันดูหน่อย สิบเอ็ดคน พอแล้ว เอาแข่งขันลีกซีให้ได้ก่อน ตอนนี้คงทำได้แค่นี้” เย่อวี้เฉิงเอามือนวดขมับ

อู๋ติ้งหวาถอนหายใจ ลุกขึ้นยืน หันหน้าเดินออกไป

มองดูด้านหลังของอู๋ติ้งหวาที่เดินออกไป เย่อวี้เฉิงดับบุหรี่ เขารู้อยู่แล้วว่าการตั้งทีมบาสเกตบอลไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาที่เจออยู่ตอนนี้มันอยู่ในส่วนที่เขาคาดการณ์ไว้ แต่ปัญหาเหล่านี้มันเกี่ยวข้องกับความสำเร็จหรือล้มเหลวของพวก

เขา ผู้เล่นเป็นพื้นฐานของทีม และถ้าดูจากสภาพนักบาสเกตบอลตามที่อู๋ติ้งหวาอธิบายไป กำลังของพวกเขาตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะตั้งหลักได้ในระดับการแข่งขันลีกเอ

เย่อวี้เฉิงกำลังคิดจะโทรหาใครบางคน แต่โทรศัพท์ดันดังขึ้นมาซะก่อน จึงทำให้เขาตกใจ

เย่อวี้เฉิงรีบปรับอารมณ์แล้วจึงรับโทรศัพท์ จู่ๆ น้ำเสียงก็สูงขึ้น “อะไรนะ การแข่งขันกระชับมิตรกับโรงเรียนมัธยมปลายตงไถเหรอ?”

…………………………………………………………………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด