ตอนที่แล้วGE80 ผู้ใดเป็นฝ่ายถูกกำจัด [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE82 รอยยิ้มของนาง แม้แสนหยกสวรรค์ก็มิอาจแลก [ฟรี]

GE81 หัวใจของปีศาจ [ฟรี]


หนิงฝานก้าวเดินตรงไปยังเขตศิษย์นิกายฝ่ายในอย่างเปิดเผย ด้วยสถานะของผู้อาวุโสนิกาย เขาจะได้เหรียญตราของผู้อาวุโสมาครอบครอง ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าพันธะสัญญาเพื่อให้ตนได้อยู่ในเขตศิษย์ฝ่ายใน

แต่ถึงแม้จะมีเหรียญตราของผุ้อาวุโส หนิงฝานยังมิอาจไปยังสถานที่หวงห้ามของนิกาย แต่นั่นมีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้น

เมื่อได้พลังของไป๋ลู่มา แม้จะเพิ่งกรำศึกหนัก แต่หนิงฝานกลับไม่รู้สึกเหนื่อยอ่อน เมื่อครู่เป็นเพียงการลงโทษไป๋ลู่ เขาไม่ได้ดูดซับพลังของนางจนหมด และไม่ได้ทำลายระดับพลังของนาง เขาเพียงชิงแก่นหยินต้นกำเนิดของนางมาเท่านั้น

ไป๋ลู่เป็นสตรีที่มีพรสวรรค์ หากได้รับการฝึกฝนขัดเกลา นางจะได้เป็นบุคคลสำคัญของนิกาย

ราตรีที่มืดสลัว หนิงฝานเดินย่ำไปตามเส้นทางในเขตศิษย์นิกายฝ่ายใน แผ่สัมผัสเทพเพื่อค้นหาปราณหยินลึกล้ำ แต่ช่างน่าเสียดาย แม้ปราณภายในเขตศิษย์นิกายฝ่ายใน จะอุดมสมบูรณ์กว่าภายนอก แต่กลับไม่มีวี่แววของปราณหยินลึกล้ำ

แม้ศิษย์นิกายที่เดินตรวจตราจะพบเห็นหนิงฝาน แต่พวกมันไม่กล้ารั้งเขา

เมื่อการค้นหาไม่เป็นผล หนิงฝานจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปพบหลานเหม่ย

การรักษาอาการเป็นหมันของนาง ต้องใช้โอสถช่วยรักษา แต่ยามนี้หนิงฝานไม่มีโอสถ จึงไม่สามารถช่วยนางได้

หนิงฝานหันกลับไปยังโถงขัดเกลาผสาน แต่ยามนี้ ที่โถงก็ไร้ซึ่งผู้คน

ดูคล้ายยามค่ำคืนเช่นนี้ เหล่าสตรีที่ขัดเกลาผสานจะถูกไป๋ลู่สั่งห้าม ไม่ได้ออกมาจากที่พัก

หนิงฝานย้อนกลับมาที่พักของตน ภายในห้องยังมีเหล่าสตรีบางคนอยู่ พวกนางไม่กล้าออกมา แต่ไป๋ลู่ได้จากไป ทิ้งไว้เพียงที่นอนที่เปื้อนครอบโลหิตและของเหลวจากร่างนาง

“นี่คือการลงทัณฑ์ที่แท้จริง..”

หนิงฝานจ้องมองคราบโลหิตบนเตียงด้วยความเศร้า เส้นทางในการขัดเกลาผสานของปีศาจ ย่อมต้องทำลายสตรีมากมายนับไม่ถ้วน... หากอดทนกับสิ่งที่ทำและความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ ก็ไม่สมควรเป็นผู้ฝึกตนขัดเกลาผสาน

“ช่างเถอะ... นางเป็นกระถางขัดเกลาของข้าแล้ว ตราบใดที่นางไม่ทำสิ่งใดเกินเลย ข้าจะยังคงปราณีนาง”

แสงตะวันปรากฏบนผืนนภาอย่างช้าๆ หนิงฝานเปิดประตูออกไปสูดอากาศภายนอก แต่กลับพบสตรีผู้งดงามสองนาง นางหนึ่งถือผ้า อีกนางถืออ่างล้างหน้าขนาดเล็ก ในอ่าง มีน้ำที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งชนิดหนึ่ง มันเป็นทั้งน้ำใช้และน้ำดื่มเลิศรส

เมื่อครั้งที่อยู่ตระกูลหนิง หนิงฝานเคยใช้น้ำชนิดนี้ต้อนรับแขกเหรื่อผู้มาเยี่ยมตระกูล ครั้งหนึ่งหนิงฝานเคยทำมันหกเล็กน้อย ผู้นำตระกูลในคราวนั้น ทุบตีเขาอย่างโหดเหี้ยม กระทั่งลุกจากที่นอนไม่ได้ถึงครึ่งเดือน

และยามนี้ น้ำชาราคาแพงในคราวนั้น ได้มาอยู่ตรงหน้าตน

แม้น้ำที่อยู่เบื้องหน้าจะเป็นน้ำที่ล้ำค่า แต่หนิงฝานใช้มือประครองมัน นำมาล้างหน้าตามที่พวกนางได้เตรียมมา

“สูงส่ง... นี่คงเป็นการปฏิบัติต่อผู้ที่ทรงพลัง ในโลกของผู้ฝึกตนใบนี้”

หนิงฝานถอนหายใจเล็กน้อย แต่นั่นกลับทำให้สตรีทั้งสองเร่งคุกเข่า พวกนางหวาดกลัวจนตัวสั่น พวกนางคิดว่าทำให้หนิงฝานไม่พอใจ และจะถูกลงโทษ

เมื่อยามราตรี สตรีกลุ่มหนึ่งที่มาล่วงเกินหนิงฝานล้วนถูกลงทัณฑ์ แม้เป็นไป๋ลู่ยังเสียท่าให้หนิงฝาน

เมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของพวกนาง หนิงฝานถอนหายใจเล็กน้อย

“หากเจ้าไม่มุ่งร้ายข้า ข้าย่อมไม่ทำร้ายพวกเจ้า”

หนิงฝานกวักน้ำล้างหน้า ใช้ผ้าที่พวกนางนำมาเช็ดใบหน้า ก่อนออกเดินเล่นอย่างผ่อนคลาย

สตรีทั้งสองนางที่มา รับหน้าที่ดูแลหนิงฝาน เมื่อคืน พวกนางประจักษ์กับความโหดเหี้ยมทารุณ และทราบว่าไป๋ลี่ถูกพรากพรหมจรรย์ จึงทำให้นางหวาดกลัวหนิงฝานมาก

“โชคดีที่วันนี้ผู้อาวุโสหนิงไม่ดูดซับพลังข้า...”

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เหล่าศิษย์สตรีเริ่มทะยอยมายังโถงขัดเกลาผสาน

ในเมื่อหนิงฝานรับหน้าที่เป็นผู้อาวุโสของสถานที่แห่งนี้ เขาย่อมมีหน้าที่ชี้แนะพวกนาง

หนิงฝานขึ้นไปยืนบนเวที ยามนี้ ศิษย์สตรีกว่า 200 นาง ได้ปลดอาภรณ์เปลือยเปล่าและเฝ้ารอ

หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาเพียงต้องการถ่ายทอดวิชา แต่เหตุใดสตรีเหล่านี้ต้องเปลือยกาย

ในบรรดาศิษย์ทั้งหมด ผู้ที่ไม่เปลือยเปล่ามีเพียงไป๋เซี่ยว นางทำหน้าที่ดูแลศิษย์ และมีศักดิ์ฐานะต่ำกว่าหนิงฝานเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น นางยังคงปลดอาภรณ์นอกออก เหลือเพียงอาภรณ์ชั้นสุดท้ายที่คลุมกาย

เช้านี้ ไป๋ลู่ผู้เป็นที่เคารพเถิดทูนของเหล่าศิษย์สตรีไม่มา

แม้นางจะเป็นสตรีผู้ชื่นชอบใช้อำนาจและความรุนแรง แต่เมื่อนางได้สัมผัสกับความโหดเหี้ยมของหนิงฝานเมื่อคืน นางกลับลุกจากเตียงไม่ได้

“ยามนี้ ข้าจะถ่ายทอดวิชาให้พวกเจ้า เหมือนที่ได้ถ่ายทอดให้ไป๋ลู่... เป็นวิชาขัดเกลาผสานหายาก นามว่า ‘วิชาหงส์เทียม’ ข้าจะถ่ายทอดหลักใหญ่ใจความให้ฟัง และเปิดโอกาสให้พวกเจ้าได้ถาม”

ทันทีที่หนิงฝานกล่าวจบ สตรีหลายคนก็เปล่งอุทาน บางคนเผยสีหน้าตกตะลึง

“ผู้อาวุโสหนิง ท่านจะถ่ายทอดวิชาให้พวกข้าจริงหรือ?”

“ยังไม่นับว่าถ่ายทอดวิชาทั้งหมด และไม่อนุญาตให้พวกเจ้า กล่าวคำถามไร้สาระ เพราะข้าต้องไปโถงหลักนิกาย...” หนิงฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ผู้อาวุโสหนิง ยามท่านถ่ายทอดวิชา ท่านไม่จำเป็นต้อง ‘ยลโลหิต’ ก่อนหรือ...” สตรีนางหนึ่งอายจนหน้าแดง และเร่งปิดกุมปากของตนเองไว้

“ยลโลหิตอันใด?” หนิงฝานสงสัย

“เมื่อ 30 ปีก่อน ผู้อาวุโสท่านหนึ่งแห่งโถงแห่งนี้ ยามที่ท่านจะถ่ายทอดวิชา ท่านจะให้ศิษย์ทั้งหมดเปลือยกาย และพรากพรหมจรรย์ของศิษย์ 5 คน... ท่านเรียกสิ่งนั้นว่าการยลโลหิต แต่ศิษย์พี่ไป๋ลู่ไม่ยอมรับ จึงได้ต่อต้าน ศิษย์สตรีทั้ง 5 คนของเราในคราวนั้น จึงได้ดูดซับพลังของผู้อาวุโสจนตาย...” สตรีนางนั้นกล่าว

“จริงหรือ? มันเรื่องอันใดกัน?”

หนิงฝานประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าโถงขัดเกลาผสานจะมีเรื่องราวเช่นนี้

ดูราวกับเมื่อ 30 ปีก่อน ผู้อาวุโสผู้นั้นจะอาศัยศักดิ์ฐานะ พรากพรหมจรรย์ของศิษย์ไป 5 คน ดังนั้น ไป๋ลู่จึงนำศิษย์ทั้ง 5 คนนั้น สังหารผู้อาวุโสทิ้ง

มิน่า... ประมุขนิกายจึงไม่ตัดสินโทษประหารไป๋ลู่

มิน่า... เมื่อยามที่เขารับหน้าที่เป็นผู้อาวุโสแห่งโถงขัดเกลาผสาน ไป๋ลู่จึงนำสตรี 5 คนมาสังหารเขา ชื่อเสียงที่น่าหวาดกลัวของโถงแห่งนี้ คงเป็นเพราะไป๋ลู่จงใจสร้างมันขึ้นมา

นางเป็นเหมือนผู้อารักษ์โถงขัดเกลาผสาน และกีดกันบุรุษทุกผู้

เมื่อขบคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหนิงฝานกลับแปรเปลี่ยน

ไป๋ลู่...กระถางขัดเกลาคนที่ 18... การกระทำกับนางเช่นนั้น มิใช่เรื่องที่ยุติธรรมสำหรับนาง ยามนี้ นางคงร่ำไห้จนไร้น้ำตา

หนิงฝานแตะหน้าผากตน สีหน้าปรากฏอารมณ์ซับซ้อนหลากหลาย

แม้นางจะเป็นศัตรู แต่นางก็เป็นเพียงสตรีผู้โชคร้าย... เขาต้องปลอบประโลมนาง... แต่ยามนี้ต้องถ่ายทอดวิชาก่อน

หนิงฝานโคจรวิชาแปลงหยินหยางเพื่อสงบใจ สีหน้ากลับคืนดังเดิมและกล่าว

“ไม่ว่าผู้อาวุโสท่านอื่นจะเป็นเช่นใด... แต่ข้าหนิงฝานไม่เป็นเช่นนั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเปลือยกาย ไม่จำเป็นต้องสละพรหมจรรย์ ไม่จำเป็นยลโลหิต... พวกเจ้าสวมอาภรณ์เถอะ อย่าทำให้ข้าเสียเวลาอีกเลย!”

แม้หนิงฝานจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ศิษย์สตรีกว่า 200 นางกลับมีความสุข

ก่อนหน้านี้พวกนางกังวลว่าหนิงฝานจะชั่วร้ายยิ่งกว่าผู้อาวุโสคนก่อน แต่พวกนางคิดผิด

คำกล่าวของหนิงฝานทำให้พวกนางหน้าแดง และเร่งออกจากโถงเพื่อสวมแต่งอาภรณ์ก่อนจะรีบกลับมา

“สมภารไม่กินไก่วัด… แม้ผู้อาวุโสหนิงจะฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน แต่กลับไม่ชั่วร้าย เว้นแต่ผู้ใดจะล่วงเกิน”

เมื่อศิษย์สตรีสวมแต่งอาภรณ์เสร็จ พวกนางก็กลับมา หนิงฝานถ่ายทอดวิชา ‘หงส์เพลิงเทียม’ ให้ ด้วยความที่มีความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ หนิงฝานจึงมีความเข้าใจวิชาเป็นอย่างดี เมื่อถ่ายทอดให้ศิษย์สตรี พวกนางจึงได้รับประโยชน์ไม่น้อย กระทั่งมีศิษย์นับ 10 คนที่ทะลวงจุดตีบตันได้ทันที

แต่ยังมีอีกบางส่วนที่ไม่เข้าใจ หนิงฝานจึงช่วยพวกนางคลายข้อสงสัย

ตั้งแต่เริ่ม หนิงฝานไม่ได้ใช้อำนาจของผู้อาวุโส สัมผัสกายของเหล่าศิษย์สตรีแม้แต่นางเดียว

เมื่อคืนที่ผ่านมา หนิงฝานทำผิดต่อไป๋ลู่ วันนี้ เขาจึงบอกตนเองว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก

ไป๋เซี่ยวเป็นกังวล ยิ่งนานไป นางยิ่งไม่เข้าใจในตัวหนิงฝาน

“เขาทำแบบนั้นกับท่านพี่… แต่ยามนี้กลับไม่ใช่คนชั่ว… เขาไม่ใช่คนชั่ว!”

เมื่อเสร็จจากการถ่ายทอดวิชา หนิงฝานก็มุ่งไปหาไป๋ลู่ นางไม่ได้ร่ำไห้อย่างที่คิด ยามนี้ นางนอนอยู่บนเตียงด้วยร่างกายที่เปลือเปล่า ใบหน้าแดงระเรื่อ แต่เผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด

ไป๋ลู่...สตรีผู้อาจหาญแต่กลับถูกข่มเหงจนร่างกายอ่อนแอ...

“อย่า… อย่าทำอะไรน้องข้า… ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”

“แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ยุติธรรมกับเจ้า แต่ข้าหนิงฝาน...จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”

หนิงฝานนำโอสถผันแปรที่ 2 ออกมา

โอสถชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าโอสถเซียน เป็นโอสถที่ช่วยรักษาชีวิต ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของร่างกาย เหมาะกับฝู้ฝึกตนที่กำลังอ่อนแอ

เขาป้อนโอสถให้นาง ใช้ปราณส่งโอสถให้เข้าไปในท้อง

แต่ยามนี้ นางกลับขบกันนิ้วของหนิงฝาน แม้นางจะยังหลับอยู่

“หนิงฝาน… ข้าจะกัดเจ้าให้ตาย ข้าเกลียดเจ้า!”

“เกลียดข้า? หากเจ้าไม่เกลียดข้าย่อมแปลก... เจ้าเกลียดข้า แล้วจะทำอย่างไรได้?”

หนิงฝานลูบสัมผัสใบหน้านางก่อนถอนนิ้วออกมา เขารู้ว่าสิ่งที่กล่าวไป นางไม่ได้ยิน แต่เขายังคงกล่าว

โอสถที่หนิงฝานให้ไป หากนางตื่นเมื่อใด ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าจะจางหาย

เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่หนิงฝานไม่เสียใจ เพราะหากระดับพลังของเขาต่ำกว่าที่เป็น เขาย่อมถูกนางสังหาร แบบนั้นแล้ว ผู้ใดจะมาเห็นใจเขา

ในขณะที่หนิงฝานกำลังจะหันกายจากไป ไป๋ลู่ที่ไม่ได้สติกลับกอดแขนของเขาไว้ จนหน้าอกที่นุ่มละมุนสัมผัสแขน พลางละเมอกล่าว

“ท่านแม่อย่าเพิ่งไป.. ลู่เอ๋อร์อยากฟังเพลงกล่อม.... ท่านแม่...”

นางละเมอกล่าวเป็นเรื่องราว หนิงฝานที่ได้ฟัง หัวใจสั่นไหว

“ข้าไม่มีทั้งบิดาและมารดา เจ้าสมควรมีความสุขกว่าข้า… เจ้าอยากฟังเพลงใด...” หนิงฝานเผยด้านที่อ่อนโยน

“ข้าอยากฟังเพลงชาวประมง.. ข้า...อยากฟัง”

“ข้าร้องได้เพียงเพลงชาวประมงของแคว้นหวู่… แต่แคว้นเยว่นั้นไม่...”

หนิงฝานหลับตาและขับกล่อมบทเพลง ปลอบประโลมจิตใจของนาง พลางหวนนึกถึงหนิงกู่...น้องชายเพียงคนเดียว หนิงฝานเป็นเพียงทาสของตระกูลหนิง แม้จะกล่าวว่าเป็นพี่ชายของหนิงกู่ แต่กลับไม่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต

‘ล่องเรือในลำธาร หมู่ปลาแหวกว่าย สวมหมวกไม้ไผ่ ใส่อาภรณ์กันฝนสีเขียว พิรุณเอย...วายุเอย...จงอย่าได้พัดผ่าน’

บทเพลงขับกล่อมอย่างเชื่องช้า นำพาให้หวนนึกถึงวัยเด็ก และหวนนึกถึงวันที่ก้าวเดินสู่เส้นทางแห่งปีศาจ

มิอาจหวนกลับ… ชาวประมงที่ล่องเรือข้ามผ่านภูเขาและลำธาร ไม่ยอมหวนกลับบ้าน… เฉกเช่นตนที่ไร้ซึ่งบ้าน ตระกูลหนิง...ไม่ใช่บ้าน

บางที… บ้านเพียงหนึ่งเดียวอาจมีเพียงเมืองฉีเหม่ย มีบิดาเป็นอาจารย์ผู้ใจดี มีเมืองหนิงที่ภรรยาผู้แสนน่ารักอาศัยอยู่ มีหมู่บ้านแห่งนั้นที่หนิงกู่พักอาศัย บางที...นิกายกุ่ยเชว่แห่งนี้อาจเป็นบ้านหลังต่อไป

เมื่อขับกล่อมบทเพลงจนจบ ไป๋ลู่ก็ปล่อยแขนและหลับไป

หนิงฝานจ้องมองนางครู่หนิง ถอนหายใจ แล้วหันกายจากไป

ตนเองต้องมาปลอบประโลมจิตใจศัตรู… ช่างน่าขัน เมื่อหวนคิดว่าตนเองคือปีศาจ สิ่งที่ทำถือว่าผิดพลาดนัก

เมื่อยังตัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไม่ได้… ตนเองก็ไม่สมเป็นปีศาจ

แต่หากจะเป็นปีศาจ จำเป็นต้องตัดขาดความรู้สึกจริงหรือ? ผู้ฝึกตนต้องตัดขาดทุกสิ่งจริงหรือ?

ความรู้สึกที่ไม่ดีค่อยๆเพิ่มขึ้นในใจของหนิงฝาน ยิ่งใกล้บรรลุขอบเขตแก่นทองคำ ความรู้สึกต่างๆที่โถมเข้ามาก็ยิ่งรุนแรง

“หัวใจของปีศาจ...” หนิงฝานขมวดคิ้ว ผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมจะก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่จิตใจก็ปั่นป่วนได้ง่ายเช่นกัน หากก้าวผ่านมันได้ จิตใจก็จะเข้มแข็งขึ้น

ในขณะที่จิตใจกำลังปั่นป่วนสับสน วิชาการแปลงหยินหยางกลับช่วยได้เป็นอย่างดี และช่วยขับไล่อารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นไป บางที...เมื่อยามที่บรรลุแก่นทองคำ หนิงฝานคงต้องเผชิญกับหัวใจของปีศาจที่ยากจะก้าวผ่านอีกครั้ง และหากผ่านมันไปไม่ได้ เขาอาจจบชีวิต

สิ่งที่ทำให้หัวใจของปีศาจยากจะข้ามผ่าน คืออารมณ์ความรู้สึกของตน… แต่อารมณ์เหล่านั้น จะตัดมันให้ขาดได้อย่างไร

หนิงฝานมุ่งหน้าออกจากโถงขัดเกลาประสานด้วยสีหน้ามืดมน ไปยังโถงหลักของนิกาย

ศิษย์จำนวนมากที่เห็นหนิงฝาน เร่งถอยห่างอย่างหวาดกลัว และไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวคำ

มีเพียงผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวบรรลุแก่นทองคำเท่านั้นที่ไม่ถอยห่าง แต่เมื่อพวกมันเห็นสีหน้าของหนิงฝาน พวกมันกลับตกตะลึง

“ไม่จริง… หนิงฝานบรรลุขอบเขตขอบประสานวิญญาณขั้นสูง และกำลังก้าวเข้าสู่หัวใจของปีศาจ… เด็กนี่คือปีศาจอย่างแท้จริง”

ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวบรรลุแก่นทองคำ ต้องเผชิญกับหัวใจของปีศาจ พวกมันต้องใช้เวลา 10 ปีเป็นอย่างน้อย จึงจะผ่านจุดนั้นและบรรลุสู่ขอบเขตแก่นทองคำ

ดังนั้น เหตุใดพวกมันจะไม่ตกตะลึงกับหนิงฝาน!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด