ตอนที่แล้วบทที่ 18 หลี่ซานเหอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 ผู้หญิงคนแรกที่เทพเจ้าสร้าง

บทที่ 19 สัมผัสของวิชาหยกแดง


บทที่ 19

สัมผัสของวิชาหยกแดง

สิ่งที่หลี่ซานเหอสอนค่อนข้างดี แต่หลี่ฟู่เฉินตระหนักว่าเขาได้เรียนรู้สิ่งนี้ทั้งหมดแล้วในระหว่างการต่อสู้กับสัตว์ร้าย

สัตว์อสูรอำพลางตัวเก่งและมีการโจมตีที่รวดเร็ว หากต้องเผชิญหน้ากับพวกมันตรงๆ เป็นสิ่งที่โง่เขลา เพียงใช้ประสาทสัมผัสการต่อสู้ที่มีมา เขาใช้เวลาครู่เดียวในการทำความเข้าใจแนวคิดการโจมตีจุดอ่อนสำคัญของศัตรู นี่คือความสามารถของเขาในการใช้คมดาบเดียวในการฆ่าสัตว์อสูรระดับกลางขั้นหนึ่ง

ความสามารถในการต่อสู้ไม่สามารถอธิบายได้ แต่มันมีอยู่

หยางไคแห่งตระกูลหยางมีโครงกระดูกระดับสามดาว นอกจากนี้เขายังมีประสาทสัมผัสในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เมื่อเขาอยู่ในระดับที่ห้าของขอบเขตพลังลมปราณเขาสามารถพิฆาตสัตว์อสูรระดับกลางขั้นหนึ่งได้เพียงลำพัง

อัจฉริยะแห่งเมืองในศตวรรตนี้ กวนเซี่ยซึ่งยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม โครงกระดูกระดับสี่ดาวของนางถือเป็นอัจฉริยะการต่อสู้โดยธรรมชาติโดยไม่ต้องการคำแนะนำใด ๆ

ทักษะการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินค่อยๆพัฒนาขึ้นด้วยการบำรุงจากดวงจิตวิญญาณสีเขียวอ่อน

***

ในวันถัดมาหลี่ฟู่เฉินไม่ได้ไปหาหลี่ซานเหอ เขารู้สึกว่าเขาควรอุทิศเวลาสำหรับวิชาดาบหยกแดงเนื่องจากเขาเข้าใจสิ่งที่หลี่ซานเหอกำลังจะสอนแล้ว

“ท่านอาซานเหอ หลี่ฟู่เฉินไม่ได้มาที่นี่” หนึ่งในทายาทตระกูลหลี่, หลี่หงไครายงาน

ใบหน้าของหลี่ซานเหอหมองลง “ฟู่เฉิ่นเป็นผู้สูญเสีย แต่มันช่วยประหยัดเวลาของข้า หลี่ฮงไค,หลี่เซี่ยงตง ต่างฝึกฝนอย่างหนัก การเอาชนะฟู่เฉินคงเป็นเรื่องง่าย ข้าอยากเห็นใบหน้าของเขาในตอนนั้นเสียจริง”

การฝึกฝนวิชาดาบหยกแดงระดับสูงขั้นสีเหลืองนั้นยากมากในกรณีปกติ ถ้าผู้นั้นยังไม่ถึงระดับที่เจ็ดของขอบเขตพลังลมปราณจะไม่สามารถเข้าใจสาระสำคัญของวิชาดาบหยกแดงได้

การเข้าถึงขั้นตอนสุดท้ายของวิชาดาบหยกสีแดง เจ้าจะต้องอยู่ขอบเขตพลังลมปราณก่อกำเนิด.

“ข้าเข้าใจแล้ว วีธีการต่อสู้ของวิชาดาบหยกแดงคือทำให้ศัตรูเปิดช่องโหว่”

หลังจากได้ศึกษาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในที่สุดหลี่ฟูเฉินก็เข้าใจส่วนเล็ก ๆ ของกระบวนท่าแรก 'สัมผัสของวิชาหยกแดง' เขาพยายามนึกภาพ

ศิลปะการต่อสู้ทุกอย่างมีวิธีการต่อสู้ของตัวเองเพื่อเผชิญและเอาชนะฝ่ายตรงข้าม การเคลื่อนไหวครั้งแรก สัมผัสของวิชาหยกแดงเป็นกระบวนท่าแรงดึงดูด เมื่อดาบสัมผัสกับดาบของคู่ต่อสู้มันจะเกิดแรงดึงดูดทำลายจังหวะการต่อสู้ของคู่ต่อสู้ ง่ายที่จะสยบคู่ต่อสู้

แต่สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับพลังลมปราณของผู้ใช้ เพียงพอและมีคุณภาพหรือไม่ คุณภาพพลังลมปราณที่เพิ่มและคุณภาพที่สูงขึ้น แรงดึงดูดจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่ส่งผลตรงข้ามเช่นกัน หากพลังลมปราณต่ำและอ่อนแอ แรงดึงดูดจะตกลงได้

ขณะใบไม้ปลิวร่วงหล่น หลี่ฟูเฉินแทงด้วยดาบทันที!

ปราศจากการเคลื่อนไหว ดาบใช้แรงดึงดูดทำให้ใบไม้กระจายร่วงหล่น

ฟู่..! !

ภายใต้พลังลมปราณของวิชาหยกแดง, ดาบเหล็กเปรียบเหมือนคมดาบไฟที่ไหม้ออกมาทันที “นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นวิชาดาบขั้นสูงระดับสีเหลือง!”

หลี่ฟู่เฉินมีแต่คำชื่นชม ตะลึงกับผู้สร้างวิชาดาบหยกแดงและทึ่งกับความลึกซึ้งในศิลปะดาบนี้

***

เพียงอีกไม่กี่พริบตา ก็เหลือเพียงสามวันก่อนถึงวันแข่งขันหาผู้อัจฉริยะ

ทายาทตระกูลหลักทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยพลัง หลังจากผ่านการฝึกฝนการต่อสู้อันยาวนาน

“หยางไค,พรสวรรค์ในการต่อสู้ของเจ้าเหนือกว่าข้า หลังจากเจ้าเข้าเป็นศิษย์นิกายคังเหลียนได้ เจ้าจะเป็นหนึ่งท่ามกลาง เหล่าสาวกนิกายที่อยู่ภายนอก”

หยางลี่และหยางจั่น เกรงขามการต่อสู้ของหยางไคดังนั้นพวกเขาเพียงแค่ให้คำแนะนำเบื้องต้นแทนคำแนะนำจริง แม้ว่าสถานะปัจจุบันของหยางไคจะไม่เหมือนสองคนนี้ แต่ไม่กี่ปีหลังจากหยางไคเข้าสู่นิกายคังเหลียนแล้วจะเอาชนะพวกเขาอย่างแน่นอนและพวกเขาอาจจำเป็นต้องพึ่งพาเขาในอนาคต

หยางไคประกาศว่า“สิ่งที่กวนเซี่ยทำได้ข้าก็ทำได้เช่นกัน ข้าจะทำให้นิกายคังเหลียนรู้ว่าการไม่รับข้าเข้าล่วงหน้าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด”

หยางไคอารมณ์ดี แม้ว่าเขาจะมีเพียงแค่โครงกระดูกระดับสามดาว แต่ความทะเยอทะยานของเขาเกินความสามารถของโครงกระดูกนั้น

สนามฝึกซ้อมตระกูลกวน : สัตว์อสูร

โฮ่!

หมาป่ากรงเล็บโลหะแอ่นเข่าเหมือนหนังยางตึง แล้วปล่อยพุ่งไปที่กวนเผิ้งใช้กรงเล็บอันแหลมคมของมันยาวเกือบเมตรเฉือนที่กวนเผิ้ง

ฟิ้ว!ฟึ่บ!

ด้วยการต่อสู้อย่างดุเดือด กวนเผิ้งตวัดสังหารสามดาบติดต่อกัน เกิดประกายแสงทั้งสามคมดาบและหนึ่งในนั้นสร้างรอยแผลที่คอของหมาป่า

“หลี่ฟู่เฉิน ข้าจะให้เจ้าสัมผัสกับความอัปยศที่แท้จริงในการแข่งขันอัจฉริยะนี้”

ท่าทีดุดันแสดงออกในแววตาของกวนเผิ้ง

***

เหล่าผู้อัจฉริยะจำนวนมากเข้ามาในเมืองหยุ่นวู่

อัจฉริยะเหล่านี้มาจากเมืองต่าง ๆ ในแคว้นของเมืองหยุ่นวู่ แต่ละแคว้นมีหลายสิบตระกูล ทุกตระกูลต้องการก่อร่างสร้างตัวในเมืองหยุ่นวู่ ในศตวรรษที่ผ่านมาตระกูลหลักไม่ใช่สี่ตระกูลหลักดังเช่นปัจจุบัน หาตระกูลเหล่านี้สามารถยึดตำแหน่งตระกูลก่อนหน้านี้ได้ ทำไมตระกูลอื่นจะครอบครอบแทนไม่ได้

“สี่ตระกูลหลักมีสระน้ำทิพย์หกแห่ง เพียงพอที่จะสร้างทายาททั้งหกคนให้แข็งแกร่งทางร่างกาย แล้วพวกเขานั้นคือใคร?”

“ข้อมูลของเจ้ามีไม่พอ พวกเขาคือหยางไค,หยางห่าวแห่งตระกูลหยาง เฉินตูจิ่ว, เฉินตูเหลียงแห่งตระกูลเฉินตู ,กวนเผิ้งแห่งตระกูลกวนและหลี่หยุ่นไห่แห่งตระกูลหลี่, หยางไคนั้นแข็งแกร่งที่สุด”

“ช่างลำเอียงนักที่มีเพียงตระกูลใหญ่ๆเท่านั้นที่มีสระน้ำทิพย์แต่พวกเราไม่มีเลย หากเรามีสระน้ำ การเอาชนะพวกมันจะไม่ใช่งานที่เป็นไปไม่ได้”

“ในโลกนี้ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน ถ้าวันนั้นมาถึง ที่ซึ่งตระกูลของเราเป็นตระกูลหลักในเมืองหยุ่นวู่ เราคงลงทุนเพื่อสระน้ำทิพย์ เช่นกันเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีศิษย์เข้าสู่นิกายคังเหลียนอย่างต่อเนื่อง หรือพวกเจ้าคิดว่าสิ่งนี้ไม่ยุติธรรมกับตระกูลเล็กๆ เหรอ?”

“เฮ้ , เจ้าอยู่ข้างไหน ทำไมเจ้าพูดเข้าข้างตระกูลใหญ่เล่า”

“ข้าไม่ได้เข้าข้างใคร ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่าความยุติธรรมที่แท้จริงคือการต่อสู้เพื่อให้ได้มาและไม่พร่ำว่ายุติธรรมหรือไม่ แม้ว่าตระกูลใหญ่ ๆ จะมีน้ำใจมากพอ มันก็เป็นดั่งเงาในน้ำที่พร้อมแตกกระจายได้ทุกเมื่อ”

คนที่พูดอายุประมาณสิบห้าปีมีหน้าตาธรรมดาแต่เป็นใบหน้าที่แน่วแน่ เขามีมือที่ดูหยาบกร้านไม่เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ที่แก้มและลำคอของเขามีรอยกรงเล็บ พิสูจน์ว่าเขาเคยต่อสู้กับสัตว์อสูรและได้รับบาดเจ็บ

“เจ้าคือเหอปิงเหรอ?”

ผู้เป็นเยาวชนก่อนหน้านี้จำเยาวชนที่มุ่งมั่นผู้นี้ได้ โดยทันที

เหอปิงอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงของแคว้นทางเหนือของเมืองหยุ่นวู่ในอดีต ตระกูลของเขาไม่น้อยหน้ากว่าตระกูลหลักทั้งสี่ แต่ตอนนี้ฐานะของพวกเขาตกต่ำลง

เมื่อเขาอยู่ขั้นที่สามของขอบเขตพลังลมปราณ เขาได้เข้าสู่เทือกเขาม่านหมอกอย่างกล้าหาญเพื่อฝึกบทเรียนให้กับตัวเอง เขาเคยพิชิตการต่อสู้กับโจรที่มีขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่เจ็ดเพียงลำพังเมื่อเขาอยู่ที่ขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่ห้าเท่านั้น ด้วยทักษะการต่อสู้ล้ำกว่าใคร เขาคืออัจฉริยะแคว้นทางเหนือของเมืองหยุ่นวู่

“เหอปิง ช่างเป็นเกียรติที่ได้พบเจ้าในที่สุด ข้าชื่อซี่เฟย ในการแข่งขันครั้งนี้ เป็นพรหมลิขิตทำให้เราได้พบกัน ข้าหวังว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง ดังที่ถูกร่ำลือมา”

เมื่อได้ยินชื่อของเหอปิง เด็กหนุ่มผมยาวแววตาเฉียบแหลม เดินเข้ามา

“ซี่เฟย”

เหอปิงเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มผมยาว

ซี่เฟย, อัจฉริยะแคว้นตอนใต้ของเมืองหยุ่นวู่ เขาเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องทักษะดาบที่รวดเร็วร้ายกาจ มีข่าวลือว่าเขาสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตพลังลมปราณหลายสิบคนและมีทักษะการต่อสู้ที่น่ากลัวและไร้ความปราณียิ่ง

เป็นเพราะทั้งสี่ตระกูลหลัก ต่างมีทรัพยากรที่ยอดเยี่ยม ลูกหลานของพวกเขาส่วนใหญ่ได้รับการปฏิบัติราวดอกไม้ที่ปลูกในแจกันที่สวยงามและไม่เคยพบกับความยากลำบากใด ๆ แต่นั่นแตกต่างกับตระกูลเล็ก ๆ พวกเขาได้รับการฝึกฝนด้วยแนวคิดที่ว่าการทำงานหนักก่อให้เกิดความสำเร็จ…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด