ตอนที่แล้วตอนที่ 159 พี่เจ็ดจะส่งเจ้ากลับบ้านเอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 161 คนนอกนั้นรักและภักดี แล้วเจ้าเล่า ?

ตอนที่ 160 บุชง เจ้าเป็นคู่ต่อสู้คนสำคัญที่น่ารำคาญ


เฟิงหยูเฮงกระพริบตาของนาง “พี่เจ็ด ช่วยข้าขอร้องไม่ให้เขาตัดแขนวังซวนและคนอื่น ๆ แล้วข้าจะบอกท่าน”

ซวนเทียนหมิงเอื้อมมือออกไปและบีบแก้มนาง “เจ้าเริ่มเรียนรู้วิธีที่จะต่อรองกับข้าหรือ ?”

นางยิ้มอย่างมีความสุข การถูกบีบแก้มไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย มันป็นเรื่องน่าอายแต่กลับดูเป็นกันเอง “อันที่จริง อย่าโทษพวกเขาเลย เจ้าไม่โกรธใช่หรือไม่ !” จากนั้นนางมองที่ซวนเทียนฮั่วและพูดว่า “ในบ้านของตระกูลเฟิงมีช่องลับซ่อนอยู่ใต้เตียง หลังจากที่ข้ารู้ว่ามีเทียนมียาผสมอยู่ ข้ากลิ้งตัวลงจากเตียง และซ่อนตัวอยู่ภายในนั้น ข้าเป็นลม เมื่อข้าฟื้นขึ้นมาข้าได้ยินเสียงพี่เจ็ดพูด ดังนั้นข้าจึงปีนออกมา”

ซวนเทียนฮั่วมองหน้านาง เขายิ้มบาง ๆ แต่ไม่พูดอะไรออกมา

มีช่องลับซ่อนอยู่ใต้เตียงในที่พักของตระกูลเฟิงหรือ? สถานที่ซึ่งเขาค้นหาด้วยตัวเอง เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? เขาแค่ไม่อยากขุดคุ้ยความลับของนาง เนื่องจากเด็กหญิงคนนี้ต้องการที่จะปิดบังความลับนี้ เขาก็จะไม่ตามใจนาง !

เขาถอนหายใจ เขาสงสัยเมื่อก่อนซวนเทียนหมิงไม่สนใจเด็กหญิงคนนี้เลย แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ดังนั้นความรู้สึกที่คอยสนใจคนคนเดียวจึงรู้สึกดี

“ถ้าองครักษ์เงาทุกคนทำงานดี แล้วทำไมข้าจึงต้องมาที่นี่ ?” ซวนเทียนหมิงลงทุนกับเรื่องนี้มาก “แล้วข้าจะหาคนใหม่มาดูแลเจ้า ให้เป่ยจื่อเป็นคนดูแลเจ้าดีหรือไม่ ?”

จากภายนอกรถม้า เปยจื่อเปิดม่านและโผล่ศีรษะเข้ามาพลางเอ่ยป่า “พระองค์ บ่าวรับใช้คนนี้ไม่สามารถพาพระองค์ออกจากภูเขาทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือได้อย่างปลอดภัย แล้วข้าจะมีความสามารถในการปกป้องพระชายาได้อย่างไรพะยะค่ะ !”

เฟิงหยูเฮงพยักหน้าด้วย “ถูกต้อง ข้าไม่ต้องการองครักษ์เงาที่โง่เขลาแบบนี้”

เป่ยจื่อชูกำปั้นให้เฟิงหยูเฮง และปิดม่านลงทันที

“ซวนเทียนหมิง !” เฟิงหยูเฮงพูดอย่างอดทน “ข้าบอกว่าข้าชอบวังซวนและหวงซวนซึ่งอยู่เคียงข้างข้า ข้าชอบหยอกล้อกับบานซู เจ้าต้องกำจัดคนที่ข้าชอบด้วยหรือ ข้ายังไม่ได้แต่งงานกับเจ้า แต่เจ้ามาเจ้ากี้เจ้าการกับข้าแล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้า! แค่เอาทุกอย่างกลับคืนไป”

ซวนเทียนหมิงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็กลายเป็นศัตรู? นางคิดว่าเขาจะกลัวนางหรือ?

“ข้าจะทำตามที่เจ้าพูด!” เขากลัวนางจริง ๆ

ซวนเทียนฮั่วที่นั่งด้านข้างไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว เขาหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้เฟิงหยูเฮงและจ้องมองด้วยความชื่นชม

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของบานซูดังมาจากด้านนอก “พระองค์ ข้าซื้ออาหารมาแล้วพะยะค่ะ”

ดวงตาของเฟิงหยูเฮงเป็นประกายและพูดออกมาว่า “เร็ว ๆ ! เอามาให้ข้าเร็ว! ข้ากำลังหิว!”

ผู้ที่อยู่ด้านนอกเปิดม่านขึ้นและเข้าไปในรถม้า เมื่อได้เห็นเฟิงหยูเฮง บานซูตกใจมากแต่เขาก็มีความสุขมากเช่นกัน เขาวางห่ออาหารบนโต๊ะและเดินสองสามก้าว จากนั้นเขาก็คุกเข่าลง “บ่าวรับใช้คนนี้ละเลยหน้าที่ เจ้านายโปรดลงโทษข้าด้วยขอรับ”

เฟิงหยูเฮงมองไปที่บานซู และรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ผอมลงหลังจากไม่ได้เห็นเขาเพียงไม่กี่วัน ผิวของเขาคล้ำมากขึ้นและผมของเขาก็ดูยุ่งเหยิง ดูเหมือนว่าเขาจะแก่ขึ้นในไม่กี่วัน

นางพูดว่า "บานซู เงยหน้าขึ้นมา"

บานซูรู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่กล้าทำตามที่นางบอก

เฟิงหยูเฮงโกรธเล็กน้อย “เมื่อเจ้าเรียกข้าว่าเจ้านาย ทำไมเจ้าไม่เงยหน้าขึ้นมา?”

บานซูลังเลเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เงยหน้าขึ้น

เฟิงหยูเฮงเห็นแผลที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา แผลเป็นนั้นชัดเจนว่าเป็นแผลใหม่ที่มีความยาวสองนิ้วเต็ม แผลยังไม่ตกสะเก็ด ดังนั้นเนื้อและผิวหนังจึงยังแยกกัน มันดูน่าตกใจมาก

เฟิงหยูเฮงตกตะลึงเช่นกัน หลังจากดูเป็นเวลานาน นางก็ถามเขาว่า “ใครเป็นคนทำร้ายเจ้า?”

บานซูก้มหัวลงไม่พูด

ซวนเทียนหมิงดึงเด็กหญิงคนนั้นกลับเข้ามาในอ้อมแขนของเขา เขาเปิดห่ออาหาร ขณะที่พูดว่า “เขาทำตัวเอง เขาบอกว่าเขาไม่ควรได้รับการอภัยในครั้งนี้ เขา วังซวนและหวงซวนจะถูกลงโทษถึงตาย หากเจ้าเต็มใจให้อภัยเขา แผลเป็นนั้นเป็นบทเรียนที่เขาสอนตัวเอง”

“เจ้าโง่หรือไง ?” เฟิงหยูเฮงพูดไม่ได้ “เป็นไปได้ไหมว่าพวกผู้ชายชอบทำสิ่งนี้? เมื่อใดก็ตามที่เจ้าประสบปัญหา เจ้าจะต้องใช้มีดแล้วตัดอวัยวะบางอย่างบนร่างกายของเจ้า สนุกหรือไม่?”

ปากของซวนเทียนหมิงกระตุก “นั่นไม่สนุกแน่นอน”

“เจ้าทำตัวเองหรือ”

“เดาว่าเขาโง่”

ระหว่างองค์ชายกับพระชายาโต้ตอบกัน อย่างไรก็ตามทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงบานซูสูดจมูก เขาหันหน้าหนีและเช็ดหน้าทันที

เฟิงหยูเฮงซาบซึ้ง เขาภูมิใจในการเป็นองครักษ์เงาของเขา นางไม่เคยเห็นใครที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของบานซูได้ มีเขาอยู่เคียงข้างไม่ว่านางจะไปที่ไหนนางก็รู้สึกปลอดภัย นางมักจะล้อเล่นกับเขาและบางครั้งก็ดุเขาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงรู้ว่าบานซูปฏิบัติต่อนางอย่างดี เขาทำอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องนาง ถ้าบานซูไม่อยู่ที่นั่นแค่เรื่องที่วัดภูดูก็อันตรายพอ

“บานซู” นางเรียกเขา “คราวนี้ข้าไม่โทษเจ้า ข้าซ่อนตัวเองไม่ต้องการให้คนอื่นค้นพบ ไม่จำเป็นต้องทำร้ายตัวเอง มีความจำเป็นน้อยมากที่เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต วังซวนและหวงซวนนั้นก็เหมือนกัน เลือดเนื้อในร่างกายของเจ้ามาจากพ่อแม่ของเจ้า แม้ว่าพ่อแม่ของเจ้าจะไม่อยู่ เจ้าไม่ควรใช้ชีวิตของเจ้าแบบนี้ ทุกคนมีความเสมอภาคไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเชื้อพระวงศ์หรือประชาชนทั่วไป ตราบใดที่เจ้าไม่ทำผิดกฎหมาย ก็ไม่ควรมีใครที่มีอำนาจเหนือชีวิตของคนอื่น ข้าไม่สนใจว่าตรรกะนี้ใช้ได้หรือไม่สำหรับคนอื่น ๆ แต่สำหรับคนที่ติดตามข้า นั่นคือสิ่งที่อยู่กับข้า ยิ่งกว่านั้นข้าคิดว่าเจ้า วังซวน หวงซวนเป็นเหมือนครอบครัวและไม่ใช่แค่บ่าวรับใช้”

คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้บานซูนิ่งอึ้ง แต่ยังทำให้ซวนเทียนฮั่วและซวนเทียนหมิงไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง

ทุกคนเท่าเทียมกัน?

เป็นไปได้อย่างไร! สิ่งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสิ่งที่พวกเขาได้รับการสอนตั้งแต่เด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่

โลกนี้ต้องมีการแบ่งแยก ไม่เช่นนั้นจะมีราชวงศ์ได้อย่างไร? คนรวยกับคนจนต่างกันอย่างไร?

บานซูก็ยิ่งกลัวที่จะเห็นด้วยกับคำพูดของนาง แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก เขาก้มศีรษะลงไปที่พื้นและพูดว่า “คุณหนู ข้าขอบคุณมากสำหรับการยกโทษจากความตาย”

เฟิงหยูเฮงถอนหายใจอย่างไร้ประโยชน์ หากนางต้องการบอกใครบางคนที่ได้รับการเลี้ยงดูในระบบศักดินาเกี่ยวกับความเสมอภาค มันยากเกินไปจริง ๆ

“ลุกขึ้นเร็ว” นางพูดกับบานซู “ตอนนี้ข้าไม่มียาอยู่ในมือแล้ว เมื่อเรากลับไปที่เมืองหลวง ข้าจะรักษาบาดแผลบนใบหน้าของเจ้าเอง ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรอยแผลเป็นใด ๆ”

บานซูเกาหัวของเขาและพูดด้วยความอับอาย “ไม่เป็นไรขอรับ ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นอยู่แล้ว ไม่มีใครมองมาที่ข้าเลย”

เฟิงหยูเฮงส่ายหัว “ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องมีภรรยา”

บานซูอ้าปากค้าง แม้แต่ซวนเทียนหมิงก็อดไม่ได้ที่จะถามนางว่า “เจ้าสบายดีหรือไม่ ?”

นางพยักหน้าอย่างแข็งขัน “จริง เขาไม่เพียงแต่จะต้องหาภรรยา แต่จะต้องได้รับซองแดง นั่น…” นางจับหัวของนางเอง “ให้ข้ากินก่อน หากข้ายังคงหิวท้องกิ่ว ข้าจะเป็นลมอีกครั้ง”

ซวนเทียนหมิงเฝ้าดูนางทานอาหาร คอยยื่นน้ำและเช็ดปากให้นางบางครั้ง

เฟิงหยูเฮงไม่เคยถามว่าพวกเขาเดินทางไปที่ไหน นางจำได้ว่าดูเหมือนจะมีการเอ่ยถึงการกลับไปที่เมืองหลวง ไม่ว่าพวกเขาจะกลับไปที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือไม่ นางไม่สนใจเลย ด้วยการนำเสนอของซวนเทียนหมิง ไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โดยไม่ต้องใช้ความคิดใด ๆ เลย เขาสามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม

นางรู้ว่านี่คือความไว้วางใจและความปลอดภัย

เฟิงหยูเฮงใช้พลังงานมากเกินไป หลังจากรับประทานอาหาร นางก็นอนหลับ ในขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่น นางเหมือนจะได้ยินซวนเทียนหมิงพูดอะไรบางอย่างกับบานซู นางได้ยินไม่ชัดเจน แต่นางตื่นขึ้นมาด้วยเสียงของความวุ่นวายด้านนอก

เมื่อนางลืมตานางก็ยังอยู่ในอ้อมแขนของซวนเทียนหมิง ม่านของรถม้าไม่ได้เปิด เสียงของใครบางตะโกนเข้ามาที่รถม้า "พระองค์ บุชงขอถามอะไรบางอย่างพะยะค่ะ อาเฮงถูกไฟคลอกจนเสียชีวิตที่มณฑลเฟิงตงจริงหรือไม่ ? "

เฟิงหยูเฮงขมวดคิ้ว บุชง ?

ซวนเทียนหมิงรู้สึกเช่นกัน โดยไม่ต้องก้มศีรษะลง เขาเอานิ้วกดไปที่บริเวณระหว่างคิ้วของนาง จากนั้นนวดเบา ๆ ไปยังคิ้วที่ขมวด จากนั้นเขาก็พูดกับคนภายนอก “สิ่งที่เจ้าได้ยินมา หากเจ้าไม่เชื่อให้ลองค้นหาความจริงด้วยตัวเอง องค์ชายคนนี้ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารของเจ้า”

คนที่อยู่นอกรถม้าเริ่มโกรธและตะโกนออกมาอย่างกะทันหันเหมือนสัตว์ป่าดุร้าย เพราะมันทำให้นกในบริเวณนั้นบินหนีไป

เฟิงหยูเฮงมองไปที่ซวนเทียนหมิงอย่างประหลาดใจ นางเสียชีวิต?

ซวนเทียนหมิงยิ้มอย่างมีความสุขและช่วยประคองนางนั่งข้างเขา จากนั้นเขาก็พูดกับคนด้านนอกต่อไปว่า “เจ้าต้องส่งเสียงดังขนาดนี้ เพียงแค่ไปที่มณฑลเฟิงตงเพื่อสืบเสาะความจริง องค์ชายคนนี้เพิ่งกลับมาจากที่นั่น ครอบครัวเฟิงไม่ได้ปฏิบัติต่อลูกสาวคนที่สองของพวกเขาอย่างดี”

“องค์ชายเก้าจะให้อภัยครอบครัวเฟิงหรือไม่พะยะค่ะ ?” บุชงไม่เชื่อว่าองค์ชายเก้าจะสงบอยู่ได้หลังจากคู่หมั้นของเขาถูกไฟคลอกตาย

“ไม่ว่าองค์ชายคนนี้จะให้อภัยครอบครัวเฟิงหรือไม่ก็ตาม ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ามีสิทธิถาม บุชงหลีกทาง หากเจ้ายังทำให้ข้าเสียเวลา ข้าจะให้รถม้าคันนี้วิ่งชนเจ้า”

“ท่านกล้า ?”

“หืมม!” ซวนเทียนหมิงโกรธมาก “องค์ชายคนนี้จะไม่กล้าทำอะไรบ้าง? ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังต้องการที่จะถาม ไม่ว่าพระชายาของข้าจะถูกสังหารหรือไม่ เจ้ามากังวลอะไรด้วย ? ไม่ใช่ว่าตระกูลบุของเจ้าโทษพระชายาว่าทำให้ใต้เท้าบุเสียชีวิต มันคืออะไร? ในเวลาเพียงไม่กี่วัน สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปแล้วหรือ”

บุชงนิ่งงันโดยไม่พูดอะไร

“เอาล่ะ” ซวนเทียนหมิงพูดคำสุดท้าย “หลีกทาง ! องค์ชายคนนี้ได้ชี้แนะเจ้าแล้ว เจ้าจะทำเช่นไรขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง เป่ยจื่อ ออกเดินทางได้”

ข้างนอก เป่ยจือตอบรับและขยับแส้ของเขา ทำให้รถม้าเริ่มเคลื่อนที่

ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอก ถึงแม้รถม้าจะวิ่งเข้าหาบุชงและพรรคพวก แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงของบุชงอีกเลย

เฟิงหยูเฮงต้องการยกม่านขึ้นเพื่อดูว่าบุชงเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามนางก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะที่จะทำต่อหน้าซวนเทียนหมิง นางรู้สึกกังวลเล็กน้อยและได้แต่ยอมแพ้

แต่กลับเป็นซวนเทียนหมิงที่เริ่มพูดขึ้นมาและไขข้อสงสัยของนาง “ระหว่างทางเราได้ปล่อยข่าวออกไปว่าคุณหนูรองของตระกูลเฟิงกลับไปเซ่นไหว้บรรพชน แล้วนางถูกไฟคลอกเสียชีวิตที่บ้านตระกูลเฟิง”

“ทำไม ?” นางงงงวย “เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ข้ายังมีชีวิตอยู่”

“นอกจากเราแล้ว ไม่มีใครที่รู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่” ซวนเทียนหมิงขยิบตาให้นาง “บางครั้งเมื่อถึงทางตัน เราสามารถรู้ได้ว่าปฏิกิริยาแบบไหนที่ผู้รับผิดชอบจะมี”

ซวนเทียนฮั่วอธิบายขึ้นมา “ตัวอย่างเช่นแผนของครอบครัวเฟิงในการจัดการสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่นบุชงทำไมถึงโกรธ ตัวอย่างเช่น….”

“ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดบิดาของเจ้าจำเป็นต้องได้รับการสั่งสอน และปัญหาบางอย่างจะต้องเกิดขึ้นกับเขา” ซวนเทียนหมิงพูดอีกครั้งว่า “ถ้าเจ้าไม่ตายในกองไฟ เสด็จพ่อจะมีปฏิกิริยาอย่างไร”

เฟิงหยูเฮงยิ้มเยาะ “เจ้าทำแม้แต่พิจารณาการกระทำของบิดาเจ้าเอง”

ซวนเทียนหมิงปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น “สิ่งนี้ไม่สามารถทำได้หรือ?”

เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า:“ในความเป็นจริงฮ่องเต้ได้แสดงให้เห็นมากแล้ว ฝ่าบาททรงมอบปิ่นหงส์เพลิงและธนูโฮยี่ให้ข้า แม้ว่าข้าจะเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการทดสอบเพื่อดูว่าข้ามีความสามารถในการปกป้องสองสิ่งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามข้าเชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่ดี ข้าเชื่อว่าข้าสามารถปกป้องพวกมันได้ ดังนั้นพวกมันจึงได้รับเกียรติจากฮ่องเต้”

ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “เจ้าสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ เช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีตามธรรมชาติ ของทั้งสองอย่างนั้นสามารถล่อลวงคนที่กำลังวางแผนสิ่งต่าง ๆ ได้ตามธรรมชาติ มองไปภายหน้าจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ”

ซวนเทียนฮั่วมองดูทั้งสองพูด และริมฝีปากของเขาขดเป็นรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็เอามือของเขาวางไว้ในมือของเขาด้วยความเป็นห่วง เขาพูดเบาๆ ว่า "บุชงสามารถควบคุมทหารในภาคตะวันออกได้ ดูเหมือนว่าตระกูลบุยังคงมีชื่อเสียงและทรงพลัง อย่างไรก็ตามในความจริงแล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่ดี บางทีครอบครัวบุจะกลายเป็นต้นกำเนิดของภัยพิบัติทำลายตระกูล”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด