ตอนที่แล้วDivine King Of All Directions - 156
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDivine King Of All Directions - 158

Divine King Of All Directions - 157


Divine King Of All Directions - 157

 

หลังจากที่ซินเชิงหยุนได้เดินเข้ามาแล้วหลินเทียนก็ได้แสดงสีหน้าทีโล่งใจออกมาทันที

"ช่วยดูแลข้าด้วยแล้วกัน "

เขาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า

ให้พูดกันตามตรงแล้วเขาที่อยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 4 นี่ให้ไปสู้กับระดับ 7ยังไม่พอ , เขาต้องรับการโจมตีจากคลื่นกระบี่ซึ่งเป็นทักษะของเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 9 ตอนปลายเป็นคนใช้นี่มันทำให้พลังฉีของเขาเกือบจะแห้งเหือดจนหมดดังนั้นตอนนี้ในหัวเขาของถึงได้รู้สึกวิงเวียนเป็นอย่างมาก

ซินเชิงหยุนได้ผงะไปก่อนที่จะพยุงหลินเทียนเอาไว้แล้วถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

"พี่เขย เกิดอะไรขึ้น ? "

"ไม่เป็นอะไรหรอก นำข้ากลับไปที่ๆพักหน่อย "

หลินเทียนได้ส่ายศีรษะของเขา

ซินเชิงหยุนได้พยักหน้าตอบพร้อมทั้งพยุงเขากลับไปยังที่พักอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่กลับไปถึงแล้วหลินเทียนก็ได้นั่งลงเพื่อเริ่มหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่เพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

ซินเชิงหยุนได้แต่มองไปรอบๆบ้านด้วยท่าทางที่ระมัดระวังเป็นอย่างมาก

จนถึงช่วงเย็นที่หลินเทียนได้ลืมตากลับขึ้นมา

"พี่เขย "

ซินเชิงหยุนได้เรียกออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า

"เป็นไงบ้าง ? "

"เกือบจะหายดีแล้ว"

หลินเทียนได้ตอบกลับไป

เขาได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

ณ ตอนนี้มันเป็นช่วงค่ำแล้ว

"ต้องรบกวนเจ้าด้วยนะ "

หลินเทียนได้มองไปทางซินเชิงหยุนพร้อมกับพูดออกมา

"ที่ไหนกันล่ะพี่เขย การปกป้องทันมันเป็นเรื่องที่ข้าควรจะทำเหมือนๆกับปกป้องพี่สาวอยู่แล้ว "

ซินเชิงหยุนได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดต่อหลังจากที่เข้าไปใกล้หลินเทียนว่า

"ไหนว่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น ? "

"ไปพบเข้ากับผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลเหล็งที่เหล็งเฟิงมันเอามาน่ะ ต่อจากนั้นก็น่าจะพอเดาได้นะ "

หลินเทียนได้ตอบกลับไป

ซินเชิงหยุนเองก็ได้ผงะไปด้วยท่าทางโกรธจัดว่า

"เหล็งเฟิงไอ้ระยำ ! กล้าที่จะลงมือท่ามกลางเมืองเลยงั้นรึ ! "

หลินเทียนได้ยิ้มออกมาและไม่ได้พูดอะไรต่อ

ตระกูลเหล็ง , เหล็งเฟิงและซูฮัวหลงนั้นเขาจะจัดการพวกมันไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี

"อ่อใช่ เจ้าไปดูที่หอคอยข่ายอาคมสังหารทั้งวันเลย ? "

เขาได้มองไปทางซินเชิงหยุน

"พี่เขย ข้าก็แค่อยากไปดูคนแข็งแกร่งเท่านั้น"

ซินเชิงหยุนได้กรอกตาไปมา

หลินเทียนได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า

"แล้วไงต่อ ? "

"คิดว่าเจ้าพวกนี้มันสุดยอดไปเลย เขตแดนชีพจรเทวะนี้มันเป็นอะไรที่ข้าปรารถนาจริงๆ"

ซินเชิงหยุนได้ยิ้มออกมา

หลินเทียนได้ยิ้มตอบพร้อมกับพูดว่า

"ไม่ต้องไปสนใจหรอกเพราะว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นมีอายุมากกว่าเจ้า "

หลังจากนั้นเขาก็ได้เงียบไปแล้วพูดต่อว่า

"เจ้าก็อยู่กับข้าก่อนสักพักแล้วกัน ข้าจะสร้างข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณเอาไว้ให้เข้าได้บ่มเพาะได้เร็วขึ้น "

"จริงรึ ? "

"จริงๆสิ "

ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่มีความสุขอย่างรวดเร็วว่า

"ได้ ! ขอบคุณท่านพี่มากๆ ! ท่านพี่เขยนี่ดีกับข้าที่สุดเลย ! "

ราคาของข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณนั้นอย่างน้อยๆก็หลายพันเหรียญซึ่งไม่ใช่ว่ามีเงินก็จะซื้อได้ด้วยแต่ตอนนี้ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมกำลังจะสร้างข่ายอาคมเพื่อเขาโดยเฉพาะซึ่งเรื่องแบบนี้ต่อให้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลใหญ่ก็ยังไม่ได้รับประโยชน์ขนาดนี้เลย

หลินเทียน

"......."

ประโยคสุดท้ายของซินเชิงหยุนนี่มันทำให้เขาชาไปทั้งตัว

ภายในแหวนมิติของเขาเต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมายซึ่งตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาเองก็ดีขึ้นมากถึงได้รีบหยิบเอาวัตถุดิบออกมาสร้างข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณอย่างรวดเร็วแล้วส่งให้ซินเชิงหยุนไป 10 ม้วน ตอนนี้เขาใกล้จะตัดผ่านไปยังปรมาจารย์ระดับ 4 แล้วดังนั้นการสร้างข่ายอาคมระดับ 2 ธรรมดาๆแบบนี้มันเป็นเรื่องหมูๆ

หลินเทียนได้พูดต่อว่า

"ด้วยระดับพลังของเจ้าในตอนนี้แล้วใช้ครั้งละ 1 ม้วนแล้วกัน "

"ได้พี่เขย "

ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา

หลินเทียนได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

"งั้นก็ไม่ต้องไปบ่มเพาะที่ลานฝึกแล้วกันเพราะว่าด้วยระดับพลังในปัจจุบันของเจ้าก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก ตอนนี้ให้บ่มเพาะอยู่ที่นี่ไปจนกว่าจะตัดผ่านเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ก่อนค่อยว่ากันอีกที "

"ได้"

ซินเชิงหยุนได้รีบตอบรับ

ณ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเที่ยงคืนตรงซึ่งซินเชิงหยุนก็ได้หมุนวนเคล็ดวิชาบ่มเพาะของตัวเองพลางเปิดการทำงานของข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณ

หลินเทียนได้มองไปทางเขาพร้อมกับพยักหน้าให้แล้วเดินออกไปอีกทางเพื่อเปิดการทำงาน องข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณ 2 ม้วนแล้วเริ่มการบ่มเพาะเช่นกัน

"ตระกูลเหล็ง เหล็งเฟิง "

เขาได้ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

สำหรับเขาแล้วซูฮัวหลงนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรนักเพราะต่อให้เป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 ก็ไม่ได้ถือเป็นภัยคุกคามอะไรเพราะว่าความสามารถด้านข่ายอาคมของเขาก็อยู่สูงกว่าอีกฝ่ายและสิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้มีเพียงเหล็งเฟิงและตระกูลเหล็งเท่านั้น

เขาได้แสดงท่าทางที่เย็นชาออกมาพร้อมกับหลับตาลงแล้วเริ่มก่อจุดชีพจรเทวะจุดที่ 5

คืนนั้นได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันรุ่งขึ้นหลินเทียนก็ได้ลุกขึ้นมาและรู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก จุดชีพจรเทวะจุดที่ 5 เองก็ก่อไปได้ครึ่งนึงแล้วซึ่งครั้งนี้เขาได้เลือกจุดที่ปอดและหลังจากที่มันก่อสร้างมาได้ครึ่งจุดก็ทำให้เขาหายใจได้ดีขึ้นมาก

เมื่อเดินออกมานอกที่พักเพื่อรับแสงแดดแล้วเขาก็ได้กวาดตามองไปทางซินเชิงหยุนที่กำลังบ่มเพาะอยู่ด้วยสายตาที่พึงพอใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าความสำเร็จในอนาคตของเจ้านี่จะไม่ใช่น้อยๆเหมือนกัน

วันนี้หลินเทียนอยากจะไปที่ตำหนักศิษย์เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลของตนเองและหลังจากนั้นเขาก็ได้เดินไปทางลานฝึก เขาได้ประสบการณ์จากวังน้ำวนและดินแดนทะเลทรายบ้าคลั่งมาแล้วและครั้งนี้เขาก็ต้องการไปยังถ้ำเสริมพลังฉี

หลังจากนั้น 1 ชั่วโมงเขาก็ได้ไปถึงที่หน้าทางเข้าของถ้ำเสริมพลังฉี

"ข้าต้องการใช้มัน "

หลินเทียนได้ส่งตราประจำตัวให้กับผู้ดูแลที่อยู่ด้านหน้าถ้ำ

ที่นี่แตกต่างจากดินแดนทะเลทรายบ้าคลั่งและวังน้ำวนตรงที่ว่าที่หน้าถ้ำแห่งนี้จะมีผู้ดูแลคอยเฝ้าเอาไว้ซึ่งผู้ที่ต้องการเข้าไปฝึกฝนนั้นต้องแจ้งกับผู้ดูแลเสียก่อนและผู้ที่มีสิทธิ์เข้าใช้ก็มีเพียงศิษย์ตำหนักในและตำหนักราชาเท่านั้น

ผู้ดูแลได้ตรวจสอบตราประจำตัวของหลินเทียนพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดว่า0

"เข้าไปสิ ยังมีที่ว่างอยู่พอดี "

หลินเทียนได้รับตราประจำตัวกลับมาก่อนที่จะก้าวเข้าไปทันที

ก้าวแรกที่ได้เข้าไปนั้นเขารู้สึกได้ว่าภายในแตกต่างจากโลกภายนอกมากๆ พลังฉีที่อยู่ภายในนี้มันเข้มข้นเป็นอย่างมาก หากว่าเทียบกับภายนอกแล้วมันสูงกว่าถึง 5-6 เท่าตัว , เขาได้แต่ระงับความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้พร้อมทั้งกวาดตามองไปรอบๆและพบว่าพื้นที่ภายในไม่ได้กว้างมากนัก ขนาดของมันประมาณ 100 ตารางเมตรและมันมีถ้ำอยู่กว่า 10 ถ้ำ

"ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมที่นี่ถึงได้เปิดให้เข้าใช้ครั้งละ 10 คน "

หลินเทียนได้พูดกับตัวเอง

หลินเทียนได้เดินเข้าไปยังถ้ำเหล่านั้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพบว่ามันมีพื้นที่ประมาณ 10 ตารางเมตรซึ่งด้านหน้าจะมีประตูไม้ปิดเอาไว้ หลังจากที่หลินเทียนได้เข้าไปแล้วก็ได้ปิดประตูไม้ลงพร้อมทั้งตั้งสติแล้วเริ่มการบ่มเพาะ

เคล็ดวิชาซือจี่ได้หมุนวนก่อนที่พลังฉีมากมายจะโถมเข้ามาหาเขา

"เป็นพลังฉีที่เข้มข้นมากๆ "

เขาได้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

ภายในถ้ำแห่งนี้มีพลังฉีเข้มข้นกว่าตอนที่เขาเปิดใช้ข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณพร้อมกับ 2 ม้วนด้วยซ้ำ หลังจากที่เงียบไปแล้วเขาก็ได้หยิบเอาข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณออกมาจากแหวนมิติและเริ่มเปิดการทำงานของมัน , พริบตานี้เองที่พลังฉีอันเข้มข้นได้โถมเข้ามาทางเขามากกว่าเดิมเป็น 3 เท่าตัวและมันทำให้ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมาทันที

"ใช้ข่ายอาคมได้ด้วยแหะ นี่มันดีมากๆ "

หลินเทียนได้อุทานออกมาด้วยท่าทางที่มีความสุข

พลังฉีภายในถ้ำแห่งนี้น่าเหลือเชื่อมากๆแถมเมื่อเพิ่มข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณเข้าไปอีก 2 ม้วนก็จะช่วยเพิ่มไปอีก 2 เท่าตัวซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือเขาจะสามารถก่อจุดชีพจรเทวะที่ 5 ได้เร็วขึ้นแล้วมันจะไม่ทำให้เขาประหลาดใจได้อย่างไรกัน ? ณ ตอนนี้หลินเทียนได้ตั้งสติพร้อมทั้งเริ่มการบ่มเพาะเพื่อก่อจุดชีพจรเทวะจุดที่ 5 อย่างรวดเร็ว

มันเป็นเพราะว่าตอนนี้พลังฉีที่โถมเข้ามาเข้มข้นมากๆดังนั้นมันเป็นเรื่องง่ายที่จะก่อจุดชีพจรเทวะกว่าปกติมากและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความเจ็บปวดก็ลดน้อยลงซึ่งสำหรับเขาแล้วคือไม่สามารถปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปได้แม้แต่วินาทีเดียว เขาเริ่มการหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่พร้อมทั้งเริ่มการเชื่อมต่อเส้นพลังต่างๆอย่างรวดเร็ว

"บึ้ส ! "

แสงได้โอบร่างของเขาเอาไว้อย่างช้าๆ

มันเป็นเพราะว่าพลังฉีที่โถมเข้ามานั้นเข้มข้นมากๆดังนั้นหลังจากที่เขาได้เปิดการทำงานขอข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณแล้วจึงสามารถเร่งความเร็วในการก่อสร้างจุดชีพจรเทวะได้แถมยังเริ่มที่จะฝึกฝนทักษะหมัดสังหารต่ออีก

1 เดือนได้ผ่านไปไวเหมือนโกหก

วันนี้แรงกดดันอันรุนแรงได้กวาดไปทั่วทั้งถ้ำ

"เห้อ ! "

หลินเทียนได้ถอนหายใจออกมาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

แน่นอนว่าแรงกดดันเมื่อครู่มันเกิดจากเขาซึ่งหลังจากที่บ่มเพาะมา 1 เดือนเต็มแล้วเขาก็ได้ใช้เวลาไปกับที่นี่ทั้งหมด 4 วัน 22 ชั่วโมงเพื่อที่จะตัดผ่านเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 5 ในตอนนี้

เขาได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งกำหมัดก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกอีกครั้ง

ทันใดนั้นเองที่หลินเทียนรู้สึกได้ว่าพลังฉีในร่างกายเขาเข้มข้นขึ้นแถมกลั้นหายใจได้นานขึ้น

"ดีมากๆ "

เขาได้กำหมัดแน่นพลางสัมผัสร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นของตัวเอง

หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมงสุดท้ายภายในถ้ำแห่งนี้ก่อนที่จะเดินออกไปได้ด้านนอก

หลังจากที่กลับไปยังที่พักแล้วเขาก็ได้พบกับซินเชิงหยุนที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นจากการบ่มเพาะพอดี

"พี่เขย บ่มเพาะแบบไม่พักเลย 1 เดือนนี้มันเอือมสุดๆไปเลย เราไปที่ป่าสัตว์อสูรเพื่อหาประสบการณ์กันดีหรือไม่ ? ในที่แห่งนั้นมีของดีๆอยู่เยอะเลยนะ "

ซินเชิงหยุนได้ส่งเสียงออกมา

เมื่อสามวันก่อนเขาได้ตัดผ่านมายังเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 โดยอาศัยข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณดังนั้นถึงได้อยากจะเข้าไปหาประสบการณ์ในป่าสัตว์อสูร

หลินเทียนได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

"ได้"

ให้พูดตามตรงแล้วหลังจากที่อยู่ภายในสำนักทั้งเดือนนั้นมันทำให้เขารู้สึกเบื่อเหมือนกัน

วันนั้นหลินเทียนได้ปลุกซินเชิงหยุนขึ้นก่อนที่จะออกไปจากสำนักแล้วตรงไปยังป่าสัตว์อสูรอย่างรวดเร็ว เหตุผลที่พวกเขาออกมาตอนกลางคืนก็เพราะว่าเขาไม่อยากจะถูกตระกูลเหล็งสร้างปัญหาให้ในตอนนี้ จริงๆเขาก็ไม่ได้กลัวอะไรแต่เขาแค่เพิ่มความระมัดระวังเพราะเขาซินเชิงหยุนมาด้วย

ไม่นานพวกเขาก็ได้ไปถึงด้านหน้าป่าสัตว์อสูร

ป่าแห่งนี้กินพื้นที่กว้างไม่สิ้นสุดซึ่งเทียบได้กับป่าทมิฬของเมืองเฟิงเจียนที่มีไว้ใช้หาประสบการณ์ ที่ยิ่งไปกว่านั้นถือภายในสถานที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยสมบัติมากมายและมีคนที่เคยพบกับอาวุธวิญญาณก่อนที่จะเอาไปประมูลและทำเงินได้มากมาย

"สัตว์อสูรที่อยู่ด้านในนั้นเป็นของจริงไม่เหมือนกับในข่ายอาคมสังหารดังนั้นหลังจากที่เข้าไปแล้วก็พยายามอย่าอยู่ห่างข้า "

หลินเทียนได้พูดออกมา

"ได้เลยพี่เขย "

ซินเชิงหยุนได้พยักหน้าซ้ำๆพร้อมทั้งจ้องมองไปด้านหน้าด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นมากๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด