ตอนที่แล้วDivine King Of All Directions - 129
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDivine King Of All Directions - 131

Divine King Of All Directions - 130


Divine King Of All Directions - 130

 

เหล็งเฟิง ? หลินเทียนได้มองไปยังชายชุดสีฟ้าที่กำลังทำสีหน้าราบเรียบ

"คนตระกูลเหล็ง ! "

หลินเทียนได้คิดอยู่ภายในใจ

ณ ตอนนี้สายตาของผู้คนทั้งหมดได้ตกอยู่ที่ร่างของเหล็งเฟิงเป็นสายตาเดียวกันซึ่งหากเทียบกันแล้วต่างกับศิษย์เก่าทั้ง 4 คนที่อยู่ข้างๆมากๆ

"หล่อจริงๆ !"

"หากว่าแต่งกันกับเขาได้ก็คงจะดี ! "

ตรงหน้าประตูทางเข้านั้นมีผู้คนอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวคนไหนๆก็ต่างจ้องมองไปทางเหล็งเฟิงเป็นสายตาเดียวกัน

หลายๆคนได้แต่พูดออกมาว่า

"อย่าโง่ไปหน่อยเลย เขาเป็นถึงผู้สืบทอดตระกูลเหล็งซึ่งอยู่อันดับที่ 7 ในตารางสายลมและหมู่เมฆ จะใช้คนที่เจ้าจะเอาได้อย่างไร "

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วท่าทางของหลินเทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

"อันดับที่ 7 ตารางสายลมและหมู่เมฆ"

เขาได้กระซิบอยู่ภายในใจ

หลังจากที่ได้มาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันนั้นเขาก็พอรู้เรื่องของตารางนี้มาบ้างว่ามันเป็น 10 อันดับคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองนี้ซึ่งวัดอายุอยู่ที่ช่วง 16 – 20 ปีเท่านั้น เหล็งเฟิงนั้นดูอายุราวๆ 18 ปีแต่การที่สามารถอยู่ในอันดับที่ 7 ได้นั้นแสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดาเหมือนกัน

ห่างออกไปไม่ไกลนั้นมีเสียงรถม้าวิ่งเข้ามาซึ่งเรียกร้องความสนใจของผู้คนมากมาย

หลังจากที่รถม้าได้เปิดออกมาแล้วสายตาของผู้คนมากมายต่างจับจ้อง

"หลานสาวของท่านแม่ทัพจี่ ! "

"หญิงสาวอันดับ 1 ของเมืองนี้ อันดับที่ 6 ในตารางสายลมและหมู่เมฆยังอุส่ามาด้วย !"

"งดงามจริงๆ !"

"จะว่าก็ว่าทำไมนางถึงได้มาในวันนี้ ?"

"บางทีอาจจะอยากมาดูเด็กใหม่ก็ได้มั้ง "

"เป็นไปไม่ได้ ทุกปีก็มีเหมือนกันแต่ไม่เห็นว่านางจะมาเลยสักครั้ง "

ดวงตาของหลายๆคนได้เปล่งประกายออกมาขณะที่จ้องมองไปที่นาง พวกเขาได้แต่คิดว่ามันแปลกมากๆเพราะว่านางไม่ได้เป็นศิษย์ของสำนักนี้และไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนแต่วันนี้กลับมาที่นี่ทำไมกัน ? คนอื่นๆเองก็คิดว่ามันประหลาดเหมือนกัน

ตัวตนของนางได้บดบังเหล็งเฟิงไปทันทีและตอนนี้สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่นางไม่เว้นแม้แต่สาวๆก็ด้วย

จี่หยูได้กวาดตามองไปรอบๆเหมือนหาอะไรบางอย่างก่อนที่จะพบกับหลินเ ียนในหมู่ศิษย์ใหม่พร้อมทั้งยิ้มแล้วโบกมือให้กับเขา

หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่แปลกประหลาดออกมาทันที

"พระเจ้า ! นั่นนาง.......เหมือนกำลังโบกมือให้ใครน่ะ ? "

"ใครกัน ! ใครที่มีเกียรติขนาดนั้นกัน ! "

"ดูเหมือนว่าเป็นคนในหมู่ศิษย์ใหม่นะ ใครกัน ! "

หลายๆคนได้แต่มองไปยังศิษย์ใหม่ทั้งหลาย

เหล็งเฟิงเองก็ได้กวาดตามองไปที่นางก่อนที่จะมองกลับไปตรงหลินเทียนอีกครั้ง

หลินเทียนสัมผัสได้ถึงสายตาที่มุ่งร้ายได้อย่างชัดเจนดังนั้นถึงได้หันหน้ากลับไปมองตามพลางขมวดคิ้ว

ณ ตอนนี้ชายวัยกลางคนได้พูดออกมาว่า

"ทุกคนจัดแถวเป็น 5 แถวแล้วเข้าไปด้านในซะ ! "

เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้วศิษย์ใหม่กว่า 200 คนเองก็ได้แบ่งกลุ่มออกพร้อมทั้งเดินเข้าไปภายในการนำของเหล็งเฟิงและคนอื่นๆ

หลินเทียนที่อยู่ในหมู่คนเองก็ได้หันหน้ากลับมาทางจี่หยู

เมื่อเห็นสายตาของเขาแล้วนางก็ได้แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาพร้อมกับโบกมือให้กับเขา

หลินเทียนรู้ได้ทันทีเลยว่านางมาที่นี่เพื่อเขา

"บรรยากาศแบบนี้มันแหม่งๆยังไงชอบกลแหะ "

เขาได้พึมพำออกมาเพราะแม้ว่าเขาจะช่วยนางไว้ก็จริงแต่ว่านางก็ไม่น่าจะตอบแทนถึงขนาดนี้

ในหมู่คนเหล่านี้เองก็มีอีกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้นั่นก็คือ เหล็งอี้ทง

"ระยำ !"

เขาได้แต่กัดฟันพร้อมกับจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ดุร้าย

หลินเทียนนั้นฝึกฝนเคล็ดวิชาหนึ่งวิญญาณสวรรค์ดังนั้นถึงได้มีจิตสัมผัสที่แรงกล้าถึงได้ตระหนักถึงสายตาของเหล็งอี้ทงดี เขาได้มองกลับไปด้วยหางตา

การกระทำของหลินเทียนนั้นส่งผลให้เหล็งอี้ทงโกรธถึงขีดสุดเพราะเขาไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะกล้าเมินเขา

"ไอ้ลูกหมา รอก่อนเถอะ ! "

เหล็งอี้ทงได้ก่นด่าออกมาเบาๆพร้อมกับแสดงแววตาที่เย็นยะเยือกออกมา

ศิษย์กว่า 200 คนได้เดินเข้าไปด้วยกันซึ่งสร้างเสียงที่ดุดันออกมา ผู้คนมากมายได้แต่จ้องมองไปยังศิษย์ใหม่ทั้ง 200 คนนี้ที่กำลังเดินออกไปด้วยสายตาที่เปล่งประกายเพราะทั้ง 200 คนนี้คือผู้มีพรสวรรค์ของจักรวรรดินี้ !

หลินเทียนที่เดินตามพวกเขาไปก็ได้เดินไปถึงหน้าประตูเมืองอย่างรวดเร็ว

"เจ้านั่นดูแข็งแรงดีจัง "

"ไร้สาระ ! ทั้งจักรวรรดิมีประชากรอยู่ตั้งกี่คนแต่เลือกมาเพียงแค่ 200 คนเท่านั้น คนพวกนี้เป็นผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทานเลยล่ะ "

ผู้คนมากมายต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

"วิ่งตามมา ! "

ชายวัยกลางคนได้คำรามออกมาอย่างดัง

ณ ตอนนี้พวกเขาได้เดินออกมาจากเขตเมืองหลวงแล้วซึ่งพวกเขาเริ่มวิ่งออกไปไปพร้อมๆกันจนทำให้พื้นดินถึงกับสั่นสะเทือน

หลังจากที่ผ่านไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วก็พบกับเขตป่ากว้างใหญ่อยู่ตรงหน้า

หลินเทียนได้มองออกไปพร้อมกับพบป่าเขียวขจีที่อุดมไปด้วยกลิ่นอายอสูร

"กว้างกว่าป่าทมิฬแต่อันตรายเหมือนๆกัน "

หลินเทียนได้พูดกับตัวเอง

แต่ถึงอย่างไรเขาก็รู้ว่านี่มันไม่ธรรมดาๆอย่างแน่นอน

ณ ตอนนี้ผู้คนทั้งหมดได้หยุดเท้าลง

ชายวัยกลางคนได้มองไปยังศิษย์กว่า 200 คนพร้อมกับคำรามออกมาอย่างดังว่า

"เตรียมตัวไว้ให้ดี หลังจากที่เข้าไปแล้วก็จะเริ่มการทดสอบโดยทันที ภายในหนึ่งวันจะต้องไปถึงระยะทาง 10 กิโลเมตร แล้วหากว่าใครที่ไปไม่ถึงก็จะถือว่าหมดสิทธิ์โดยทันที หลังจากนั้นครึ่งเดือนหากว่าพบใครอยู่ก่อนถึงเขต 10 กิโลเมตรที่ว่าก็จะหมดสิทธิ์เหมือนกัน ในครึ่งเดือนนี้หากว่าใครที่ลงมือกับศิษย์ร่วมสำนักก็จะหมดสิทธิ์ เข้าใจแล้วหรือยัง ! "

"ขอรับ ! "

ศิษย์ใหม่ทั้งหลายได้ตอบเป็นเสียงเดียวกัน

"ดีมาก ! "

ชายวัยกลางคนได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่พอใจ

ศิษย์กว่า 200 คนเองก็ได้แต่จ้องมองเข้าไปในป่าด้วยแววตาเป็นประกายด้วยความอยากจาร้างปัญหา

หลังจากนั้นก็ได้ผ่านไป 15 นาที

"ทุกคนเข้าไปได้ ! "

ชายวัยกลางคนได้คำรามออกมา

พริบตาเดียวนั้นเองที่ศิษย์ทั้งหลายได้เคลื่อนที่เข้าไปอย่างรวดเร็ว

คนเหล่านี้เป็นเหล่าผู้มีพรสวรรค์ในหมู่หัวกะทิแน่นอนว่าไม่มีใครเกรงกลัวป่าพวกนี้อยู่แล้ว

หลินเทียนก็ได้พุ่งตามกลุ่มคนเข้าไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพบว่ามันมีกลิ่นอายที่รกร้างมากๆ ในอากาศมีกลิ่นอายอสูรที่เข้มข้นจนรู้สึกได้อย่างชัดเจน

เขาไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่า

ระยะทาง 10 กิโลเมตรนั้นจะพูดว่าสั้นก็สั้น ยาวก็ยาว ระหว่างทางหลินเทียนได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรมากมาย

"วิ้ส ! "

ไม่นานก็มีสัตว์อสูรระดับ 3 ได้พุ่งเข้ามาพร้อมกับใช้กรงเล็บแหลมตะปบไปทางเขา

หลินเทียนได้เหวี่ยงมือออกไปปะทะโดยทันที

โครม ! สัตว์อสูรตัวนี้ได้ปลิวออกไปไกลก่อนที่จะกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่พลางทรุดลงกับพื้น

เขาอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 แล้วดังนั้นการสังหารสัตว์อสูรระดับ 3 ธรรมดาๆนั้นไม่ถือเป็นปัญหาอะไรเลย

ไม่นานก็ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง

ใน 1 ชั่วโมงนี้เขาได้พบกับการโจมตีของสัตว์อสูรหลายสิบตัวไม่ว่าจะเป็นตัวใหญ่หรือเล็กก็ตามที แน่นอนว่าเขาฆ่าพวกมันทิ้งทั้งหมดและในเวลานี้เขาก็ได้เข้าไปถึงเขต 10 กิโลเมตรจากจุดเริ่มต้นแล้ว ที่นี่มีเสียงคำรามของสัตว์อสูรถี่กว่าเขตรอบนอกขณะที่กลิ่นอายอสูรเองก็เข้มข้นกว่ามาก

หลินเทียนได้กระโดดขึ้นไปบนต้นไม่พร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆแล้วเห็นว่าด้านหน้านั้นมีสัตว์อสูรระดับ 4 อยู่

"วิ้ส ! "

มันได้ตรวจพบเขาพร้อมกับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

มันเป็นสัตว์อสูรโกเลมสายฟ้าซึ่งมีความสามารถตรวจจับที่ดีมากๆ กรงเล็บของมันยาวเท่าตะเกียบขณะที่ดวงตาของมันมีสีแดงก่ำ

หลินเทียนไม่คิดเลยว่าเพิ่งเข้ามาแท้ๆแต่ก็ได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับ 4 แล้วและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือมันมีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 ด้วย เขาต้องอยู่ในพื้นที่นี้ถึงครึ่งเดือนมันไม่ใช่อะไรง่ายๆเลยจริงๆ ดูเหมือนว่าการจะเข้าร่วมสำนักเป่ยหยานนี่ก็ยากไม่ธรรมดาเลย

แน่นอนว่าสำหรับเขาแล้วโกเลมสายฟ้านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

เขาได้ยกเท้าขึ้นมาถีบอัดออกไปทันที

"โอ๊ก !! "

มันได้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสังเวชก่อนที่จะลอยออกไปไกล

สัตว์อสูรระดับ 4 ตัวอื่นสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ถึงได้พุ่งออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

หลินเทียนได้แต่คิดว่าชิบหายแล้วถึงได้รีบพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่กลัวสัตว์อสูรระดับ 4 เลยแม้แต่น้อยแต่หากว่ามันมากันเป็นฝูงหรือเป็นร้อยตัวนี่ต่อให้เขาแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตายอยู่ดี

"เห้ออออ ! "

หลังจากที่หนีพวกมันมาได้แล้วเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

ณ ตอนนี้เองที่ท่าทางของเขาได้เปลี่ยนไปเพราะสัมผัสได้ถึงสายตาที่เย็นยะเยือก

"เหอะ "

เสียงแสยะอันเย็นชาได้ดังขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มคนหนึ่งจะเดินเข้ามาพร้อมกับชายอีก 11 คน

"เหล็งอี้ทง"

หลินเทียนได้หลี่ตาของเขาลง

เหล็งอี้ทงดื้นกอดอกของเขาเอาไว้ขณะที่จ้องมองมาทางหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า

"โชคเจ้าดีมากๆที่ก่อนหน้านี้เจ้ารอดมาได้ตอนอยู่ที่เมืองเฟิงเจียน อย่างไรก็ตามเจ้ามันโง่แท้ๆที่กลับกล้ามาที่นี่ทั้งๆที่อุส่ารอดไปได้แถมยังกล้าทำเรื่องโง่ๆกับข้าอีก ไม่รู้หรือไงว่าเมืองหลวงนี้เป็นถิ่นข้า ! รนหาที่ตายชัดๆ ! "

หลังจากที่คิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนก่อนและเรื่องไม่กี่วันก่อนนี้ทำให้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างบ้าคลั่ง

หลินเทียนได้มองไปทางเหล็งอี้ทงเพราะสำหรับเขาแล้วการที่อีกฝ่ายจะรู้เรื่องสถานะของเขาก็ไม่น่าแปลกอะไร อีกฝ่ายเป็นถึงลูกหลานคนตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงดังนั้นการสืบค้นสถานะของเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เขาได้มองไปยังชายที่อยู่ด้ นหลังเหล็งอี้ทงทั้ง 11 คนพลางพูดออกมาว่า

"คนพวกนี้มันไม่ใช่ศิษย์ที่เข้าร่วมการทดสอบ ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ "

ชายที่อยู่ด้านหลังทั้ง 11 คนนั้นเป็นชายวัยกลางคนด้วยกันทั้งหมด

"แล้วไง เมืองนี้เป็นถิ่นข้า ในถิ่นข้าๆจะทำอะไรก็ได้ ข้ามีหลายวิธีที่จะทำให้เจ้าไม่สามารถอยู่ต่อที่เมืองนี้ได้ ยกตัวอย่างเช่นการตายของเจ้า ! "

เหล็งอี้ทงได้พูดออกมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด