ตอนที่แล้วDivine King Of All Directions - 076
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDivine King Of All Directions - 078

Divine King Of All Directions - 077


Divine King Of All Directions - 077

 

หลินเทียนได้ชะงักไปเล็กน้อย นี่โจวเฮ่ามันตัดผ่านเขตแดนชีพจรเทวะไปได้แล้วงั้นหรอ ?

นี่เป็นข่าวร้ายอย่างแท้จริงนั่นแหละ

หลังจากเห็นหลินเทียนเงียบไปแล้วนางจึงได้พูดต่อว่า

"ไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะว่าข้าบอกเรื่องนี้กับอาจารย์ได้ ยิ่งกว่านั้นคือแม้โจวเฮ่าจะมีอิทธิพลแต่ก็ไม่พอที่จะฆ่าเจ้าได้หรอก "

หลินเทียนได้ยิ้มออกมาพร้อมทั้งยื่นมือออกไปดีดหน้าผากนางพลางพูดต่อว่า

"เด็กซื่อบื้อ"

ตอนที่อยู่ในสันเขาชิงเฟิงมันยังคิดจะฆ่าเขาแล้วแถมตอนนี้ยังเซ็นสัญญาความเป็นความตายกันอีก มันจะปล่อยเขาไปได้อย่างไรกัน ? แม้ว่ามันอาจจะไม่ลงมือหนักต่อหน้าคนอื่นๆแต่วิธีการเล็กๆน้อยๆนั้นต้องมีเป็นธรรมดา ต่อให้ไม่สามารถฆ่าเขาได้แต่ก็ต้องทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน

ซูชูวได้กุมหน้าผากตัวเองไว้พร้อมกับพูดออกมาว่า

"เจ้าทำอะไรน่ะ !"

"เปล่าหนิ "

หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า

"ที่ข้าจะบอกคือไม่ต้องกังวลหรอกก็แค่ตัดผ่านเขตแดนชีพจรเทวะเท่านั้นเอง"

"แค่ตัดผ่าน ? "

ซูชูวได้แต่นิ่งไปเพราะหลังจากที่นางได้ทราบข่าวนี้ก็ถึงกับกระวนกระวายอย่างมากแต่เจ้านี่กลับไม่สนใจแม้แต่น้อย !

แม้ว่าเพิ่งตัดผ่านแต่ก็ยังถือว่าเป็นเขตแดนชีพจรเทวะอยู่ดี !

"เอาหน่า ไม่ต้องกังวลหรอก "

หลินเทียนได้พูดออกมา

"เจ้ายังไม่กังวลเลยแล้วข้าจะกังวลทำไม ! "

ซูชูวได้พูดออกมาด้วยท่าทางดุ

หลินเทียนได้แต่ยิ้มตอบเพราะว่าหญิงนางนี้กังวลเกี่ยวกับเขาและมันทำให้เขาซาบซึ้งเป็นอย่างมาก

"อ่อใช่ แล้วเจ้าจะไปไหน ? "

ซูชูวได้ถามออกมา

"ไปยังข่ายอาคมคลื่นยักษ์ ข้าจะไปขัดเกลาร่างกายตัวเองเสียหน่อย "

หลินเทียนได้ตอบกลับไป

"ข่ายอาคมคลื่นยักษ์......"

ซูชูวได้พึมพำออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า

"พอดีเลย ข้าไปด้วย "

ไม่นานพวกเขาก็ได้ไปถึงลานฝึก

"สัตว์ประหลาดตัวน้อยมาแล้ว "

หลังจากที่เห็นการมาของหลินเทียนนั้นหลัวเสี้ยวก็รีบทักทายออกมาทันที

หลินเทียน

"......."

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาสำแดงทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตอยู่ภายในนั้นหลัวเสี้ยวก็เปลี่ยนเป็นเรียกเอาว่าสัตว์ประหลาดตัวน้อยแทนซึ่งมันทำให้เขาอับอายเป็นอย่างมาก

"สัตว์ประหลาดตัวน้อย ? "

ซูชูวได้จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่สงสัย

หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่หมดหนทางออกมาและไม่อยากจะอธิบายอะไร

หลังจากที่พูดคุยกับหลัวเสี้ยวเสร็จแล้วเขาก็ก้าวเข้าไปภายในข่ายอาคมทันทีซึ่งมีซูชูวเดินตามหลัง

"เป็นสถานที่ๆเป็นปัญหาจริงๆนั่นแหละ"

หลังจากที่ก้าวเข้ามาแล้วซูชูวก็ได้กระซิบออกมา แม้ว่าระดับพลังของนางจะอยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 8 แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงหญิงสาวซึ่งมีร่างกายที่ละเอียดอ่อนและเมื่อต้องอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงขนาดนี้มันทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวเป็นธรรมดา

"ไปกัน เส้นทางผู้บ่มเพาะต้องแบกรับความทุกข์ทรมานเป็นเรื่องธรรมดา หากว่าไม่เป็นแบบนั้นแล้วผู้เชี่ยวชาญจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาได้ไง ? "

หลินเทียนได้พูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า

"เพื่อที่จะได้สิ่งหนึ่งก็ต้องจ่ายสิ่งหนึ่งไป "

ซูชูวได้สำรวจเขาด้วยท่าทางที่ประหลาดใจพร้อมกับพูดว่า

"ไม่คิดเลยว่าคนแบบเจ้าจะพูดคำนักปราชญ์แบบนี้เป็นด้วย"

หลินเทียนได้แต่หมดคำพูดไป นี่ในสายตานางคิดว่าเราเป็นตัวอะไรกันแน่

เมื่ออยู่ในอาณาเขตแรงโน้มถ่วงสองเท่านั้นมันไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้มากเพราะซูชูวเองก็อยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 8 แล้วยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของนาง ไม่นานพวกเขาก็ได้เดินออกไปไกลจนถึงเขตแดนระหว่างแรงโน้มถ่วงสองและสามเท่า

หลินเทียนได้ก้าวเท้าออกไปทันที

"เฮ้ ทำอะไร ! "

ซูชูวได้จับเขาเอาไว้

"อะไร ? "

หลินเทียนได้ชะงักไปพร้อมกับชี้เข้าไปในอาณาเขตแรงโน้มถ่วงสามเท่าก่อนที่จะพูดต่อว่า

"ไปทางนั้นไง "

"ทางนั้น ? "

ซูชูวได้ชะงักไปพร้อมกับพูดว่า

"นั่นมันเป็นอาณาเขตแรงโน้มถ่วงสามเท่าซึ่งหากว่าระดับพลังยังไม่ถึงเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ก็จะทรมานเป็นอย่างมาก ! อยากจะได้รับบาดเจ็บหรือไง ? "

ตั้งแต่ที่สำนักได้ก่อตั้งมานั้นตลอดหลายปีมานี้ก็ได้มีผลสรุปของคลื่นยักษ์ออกมาซึ่งอย่างน้อยๆการที่จะเข้าไปในอาณาเขตแรงโน้มถ่วงสามเท่าก็จำเป็นต้องอยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ไม่งั้นก็จะเป็นเรื่องยากมากที่จะต้องอดทนอยู่ภายใต้แรงกดดันที่รุนแรงและหากก้าวเข้าไปโดยที่ระดับพลังยังไม่ถึงตามเกณฑ์ก็อาจจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายอย่างใหญ่หลวง

"ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีความมั่นใจ "

หลินเทียนได้พูดออกมาก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไป เมื่อเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวเขาก็ได้หันหลังกลับมาพร้อมทั้งพูดว่า

"เห็นไหมล่ะ ? "

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาใช้เวลาบ่มเพาะอยู่ภายในอาณาเขตนี้วันละหลายชั่วโมงดังนั้นถึงได้ปรับสภาพเข้ากับที่นี่โดยสมบูรณ์แล้ว

"เจ้า...."

ซูชูวได้แต่ชะงักไปด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ หากว่าหลินเทียนเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่ยากลำบากนางก็พอจะรับได้บ้างแต่นี่เขากลับเคลื่อนไหวไปมาด้วยท่าทางสบายอารมณ์ซะงั้น !

หลินเทียนได้ยักไหล่พร้อมกับพูดว่า

"อยากเข้ามาลองไหม ? "

"ไม่ ! "

ซูชูวได้รีบปฏิเสธโดยทันทีเพราะนางเพิ่งตัดผ่านมาได้และการบุ่มบ่ามเข้าไปก็จะสร้างความเสียหายให้ตัวเองอย่างแน่นอน

หลินเทียนได้ยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะเริ่มฝึกต่อ มันเป็นเพราะว่ามีซูชูวอยู่ด้วยเขาถึงไม่ได้เรียกเอากระบี่คืนสู่หยวนออกมาจากแหวนมิติเพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นของที่หายากและมีมูลค่าสูงมากๆ จากราคาปกติตามตลาดแล้วมันน่าจะมีมูลค่าถึง 1.5 ล้านเหรียญซึ่งแม้จะเป็นนางเขาก็ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร

พริบตาเดียวก็ได้ผ่านไปกว่า 8 ชั่วโมง

หลินเทียนและซูชูวได้เดินออกมาด้วยกันพร้อมทั้งกลับไปยังที่พักขณะที่นางเอาแต่จ้องมองเขาด้วยสายตาเหมือนกำลังมองสัตว์ประหลาด หลินเทียนอยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 8แต่กลัวสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายใต้แรงโน้มถ่วงสามเท่าตัว หากว่าไม่ใช่สัตว์ประหลาดแล้วจะให้เรียกว่าอะไร

"ยังห่างชั้นกับเขตแดนชีพจรเทวะอยู่หลายขุมอยู่แต่นี่ถ้าหากว่าเจ้าบ่มเพาะมาก่อนหน้านี้สักสองปีคิดว่าไอ้โจวเฮ่านั่นจะเป็นคู่มือเจ้าได้หรือไง "

ซูชูซได้ยิ้มออกมาเพราะสำหรับนางแล้วหลินเทียนถือเป็นสัตว์ประหลาดแต่ความต่างชั้นระหว่างเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 8 กับเขตแดนชีพจรเทวะยังห่างกันมาก มันไม่มีหวังที่เขาจะชนะเลยด้วยซ้ำ

แม้ว่าคำพูดของนางจะเป็นเพียงเสียงกระซิบแต่หลินเทียนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน

"หากว่าข้าบ่มเพาะก่อนหน้านี้สักสองปีแค่นิ้วเดียวก็ฆ่ามันได้แล้ว "

หลินเทียนได้พูดออกมา

ซูชูวได้แต่กรอกตาพร้อมทั้งตอบกลับไปว่า

"ขี้โม้จริงๆเลยนะเจ้า "

"ที่ไหนกันล่ะ ข้าพูดความจริงทั้งนั้น "

หลินเทียนได้ยิ้มออกมา

เมื่อเดินมาถึงทางแยกแล้วหลินเทียนกับซูชูวก็ได้แยกทางกันไปเพราะว่าอีกสิบวันจะถึงวันคัดเลือกแล้วและต่างคนต่างก็ต้องไปเตรียมการ

เมื่อกลับไปถึงที่พักแล้วสิ่งแรกที่เขาทำคืออาบน้ำแล้วกลับเข้าไปนอน

ตกเย็นเขาก็ลุกขึ้นมาใหม่ก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนยอดที่พักแล้วเริ่มวาดข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณอีกครั้ง

"อีกสิบวันข้าอาจจะสามารถตัดผ่านไปยังเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ได้ดังนั้นการเอาชนะเขตแดนชีพจรเทวะก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้"

เขาได้คิดอยู่ภายในใจ

ประกายตาของเขายังแฝงไปด้วยความเย็นชาก่อนที่จะเริ่มทำการบ่มเพาะต่อไป

หลังจากที่รู้ข่าวเรื่องของโจวเฮ่านั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันบ้างและนับจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้กลับไปที่ข่ายอาคมคลื่นยักษ์แม้แต่น้อยทว่ากลัวเริ่มการวาดข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เขาบ่มเพาะก็จะเปิดการทำงานของมันหนึ่งม้วนแต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งละสามม้วน !

พริบตาเดียวก็ได้ผ่านไปถึง 6 วัน

ใน 6 วันนี้หลินเทียนยังคงนั่งอยู่บนยอดที่พักขณะที่แสงจากหมู่ดาวสาดส่องลงมาห่อหุ้มร่างกายของเขามากกว่าครั้งไหนๆ

แม้เขาจะยังหลับตาอยู่แต่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

ณ ตอนนี้ความเจ็บปวดมากมายได้แล่นเข้าสู่อวัยวะภายในของเขา

เขาอดไม่ได้เลยที่จะส่งเสียงโอดครวญออกมา

"เจ็บดี ! "

หลินเทียนได้แต่กัดฟันของตัวเอง

ขณะที่พลังฉีอันรุนแรงได้ถาโถมเข้ามาในร่างนั้นหลังจากที่ผ่านไปได้สิบห้านาทีร่างกายของเขาก็ได้ส่งเสียงคำรามออกมา

จนถึงตอนนี้สิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้คือความเจ็บปวดที่รุนแรง

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังอดทน

"บึ้ส ! "

แสงสีเงินได้โอบล้อมร่างของเขาเอาไว้ขณะที่มันเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

และหลังจากที่ผ่านไปได้หนึ่งชั่วโมงเมื่อถึงตอนที่เขากำลังจะทนไม่ไหวนั้นร่างกายก็ได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดุเดือด

"โครมมมมม !!! "

พลังมากมายได้โลดแล่นไปทุกอณูของร่างกาย

ความเจ็บปวดอันรุนแรงได้สลายหายไปและหลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจหลินเทียนก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า

"เขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ! "

เมื่อสำรวจร่างกายตัวเองแล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา 6 วันแห่งการอดทนแถมผลาญข่ายอาคมไปนับร้อยม้วนจนทำให้เขาตัดผ่านมาได้ในที่สุด !

เขาได้พยายามสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะพบว่ามันราบเรียบยิ่งกว่าเก่ามาก

เมื่อเขาลองกลั้นหายใจก็พบว่าเขาสามารถกลั้นได้เกือบสองชั่วโมง

ในที่สุดก็มาถึงจุดสุดท้ายของเขตแดนหล่อหลอมร่างกาย !

เขาหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่อีกครั้งก่อนที่จะพบว่าเลือดเนื้อ อวัยวะภายใน กระดูกกำลังฟื้นฟูตัวเองและส่งผลให้พลังฉีและการสูบฉีดภายในพัฒนาไปอีกขั้น

"หากว่าเทียบกับเขตแดนก่อนหน้านี้แล้วเราแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยๆก็สามเท่า "

หลินเทียนได้คิดอยู่ภายในใจ

ประกายตาของเขาเปลี่ยนไปพร้อมทั้งเริ่มนั่งลงแล้วหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่เพื่อปรับสมดุลของพลังในร่างกาย การบ่มเพาะก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการสร้างบ้านเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรากฐาน หากว่าไม่แข็งแรงส่วนอื่นๆก็จะไม่มั่นคงและเขาเข้าใจถึงจุดนี้ดีดังนั้นทุกครั้งที่ตัดผ่านมาได้ก็จะตั้งใจปรับสมดุลของมัน

ไม่นานดวงดาวก็เริ่มจางหายก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น

หลินเทียนได้ลงมาด้านล่างและกลับเข้าไปพักในห้องไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะตื่นขึ้นในตอนบ่าย เมื่อเขาทานอาหารเสร็จแล้วก็เดินไปทางข่ายอาคมคลื่นยักษ์แล้วตรงเข้าไปในอาณาเขตแรงโน้มถ่วงสามเท่าเพื่อเริ่มการฝึกทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตอีกครั้ง

"แกร๊ง ! "

เสียงสะบั้นแรกได้ถูกส่งออกมาอย่างดังเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง

หลัวเสี้ยวที่อยู่ด้านนอกแม้จะไม่เห็นว่าหลินเทียนทำอะไรแต่เมื่อได้ยินเสียงเช่นนั้นแล้วเขาก็รู้ได้ว่ามันต้องเกิดจากการกระทำของหลินเทียนอย่างแน่นอน ตัวเขาได้แต่พูดออกมาด้วยท่าทางพูดไม่ออกว่า

"เจ้าสัตว์ประหลาดน้อยนี่เหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นอีกนะ นี่มัน.......... "

เขาไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรดี

หลินเทียนยังคงฝึกหนักอยู่กว่า 8 ชั่วโมงซึ่งมันส่งผลให้เขาทำความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะนี้ได้มากขึ้น

หลังจากที่เขาได้เดินออกมาแล้วก็มุ่งตรงกลับไปยังที่พักเพื่อพักผ่อนเล็กน้อยแล้วเริ่มการบ่มเพาะพลังต่อ

เวลาไม่เคยรอใครดังนั้นพริบตาเดียวก็ผ่านช่วงสี่วันสุดท้ายไปจนหมด

ในช่วงสี่วันนี้หลินเทียนเอาแต่หมกตัวอยู่ในข่ายอาคมคลื่นยักษ์และจนถึงวันสุดท้ายเขาสามารถก้าวไปยังอาณาเขตแรงโน้มถ่วงสี่เท่าได้แล้วแถมยังสามารถทำความเข้าใจทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตได้ถึง 30 % แล้วด้วย ตอนนี้ทุกการกวัดแกว่งของเขามีพลังทำลายไม่ได้ด้อยไปกว่าทักษะระดับกลางของเขตแดนหล่อหลอมร่างกายเลยแม้แต่น้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด