ตอนที่แล้วDivine King Of All Directions - 007
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDivine King Of All Directions - 009

Divine King Of All Directions - 008


Divine King Of All Directions - 008

 

การทดสอบของสำนักจิ่วหยางนั้นแบ่งออกเป็น 3 สัดส่วนซึ่งคือ พรสวรรค์ จิตใจและศักยภาพในการต่อสู้

วันนี้เป็นการทดสอบรอบแรกซึ่งก็คือการทดสอบ : พรสวรรค์

สำหรับผู้บ่มเพาะแล้วพรสวรรค์นั้นเป็นส่วนที่สำคัญ มันเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในอนาคตของบุคคล พูดกันให้ง่ายๆคือหากความเข้ากันของพลังฉีไม่เพียงพอแล้วก็จะไม่สามารถบ่มเพาะได้ดีและความสำเร็จในอนาคตก็จะไม่สูงมากนัก

อีกอย่างคือหากว่าผู้บ่มเพาะพลังนั้นมีความเข้ากันกับพลังฉีสูงมากก็จะไม่ใช่เพียงการที่จะสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วแต่ความสำเร็จในอนาคตของคนๆนั้นก็จะสูงมากเช่นกัน มันเป็นเพราะแบบนี้การทดสอบพรสวรรค์ของสำนักถึงได้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ตรงหน้าของสำนักนั้นมีเวทีถูกเตรียมเอาไว้ซึ่ง ณ ตอนนี้เองที่ชายชราได้ก้าวขึ้นไปพร้อมกับพูดออกมาว่า

"ทุกคนเองก็น่าจะรู้ถึงธรรมเนียมปฏิบัติเป็นอย่างดีแล้วแต่เฒ่าคนนี้จะขอชี้แจงอีกรอบว่า ผู้บ่มเพาะเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 2 ที่มีอายุน้อยกว่า 17 ปีเท่านั้นถึงจะมีสิทธิเข้าร่วมการทดสอบ หากว่าไม่ถึงเกณฑ์นี้ก็ให้รีบถอยกลับไป อย่าได้รบกวนการสอบคัดเลือกของสำนักเรา"

"อายุน้อยกว่า 17 ปีแต่อยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับที่ 2 นี่มันช่างเข้มงวดดีจริงๆ "

หลินเทียนได้แต่คิดอยู่ภายในใจของเขา

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยเพราะว่าปีนี้เขาอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้นจึงมีสิทธิเข้าร่วมการทดสอบทั้งหมด

จุดทดสอบของสำนักนั้นมีอยู่50จุดซึ่งเหล่าผู้ลงสมัครเองก็ได้แบ่งแถวออกเป็น 50 แถวโดยทันทีซึ่งศิลาจารึกจะถูกวางเอาไว้ที่หัวแถวของทั้ง 50แถว มันได้ถูกสลักเอาไว้ด้วยสัญลักษณ์ต่างๆเพื่อจำแนกเหล่าผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดนี้

"เริ่มการทดสอบรอบแรกได้ การทดสอบพรสวรรค์ ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบนี้จงยื่นมือขวาออกไปสัมผัสศิลาจารึกตรงหน้าแล้วพยายามขับเคลื่อนพลังภายในร่าง เมื่อทำเช่นนี้แล้วสัญลักษณ์รูปดาวที่ศิลาจารึกก็จะส่องสว่าง หนึ่งดาวคือผู้มีพรสวรรค์หนึ่งดารา สองดาวก็คือผู้มีพรสวรรค์สองดาราและถัดไปเรื่อยๆ มีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์สามดาราขึ้นไปเท่านั้นถึงจะผ่านการคัดเลือก "

"เริ่มการทดสอบได้ ! "

ชายชราได้พูดออกมา

หลังจากที่สิ้นเสียงของชายชราแล้วเหล่าผู้เข้ารับการทดสอบเองก็เริ่มสัมผัสศิลาจารึกตรงหน้าอย่างระมัดระวังก่อนที่จะขับเคลื่อนพลังภายในร่าง พริบตานี้เองที่สัญลักษณ์รูปดาวเริ่มส่องสว่างซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีผู้ที่มีพรสวรรค์สองดาราให้เห็นมากมาย

"ผู้มีพรสวรรค์สองดารา ยังไม่ผ่าน"

ผู้ตัดสินได้เอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างราบเรียบซึ่งเหล่าผู้รับการทดสอบเองก็ต่างแสดงสีหน้าที่ผิดหวังออกมาก่อนที่จะเดินหายไปสุดลูกหูลูกตา

ขณะนี้เองที่แต่ละแถวเองก็เริ่มการทดสอบของพวกเขา

"ผู้มีพรสวรรค์สองดารา ไม่ผ่าน "

"ผู้มีพรสวรรค์หนึ่งดารา ไม่ผ่าน"

"ผู้มีพรสวรรค์สองดารา ไม่ผ่าน"

"ผู้มีพรสวรรค์สามดารา ผ่าน"

"ผู้มีพรสวรรค์หนึ่งดารา ไม่ผ่าน"

เสียงของผู้ตัดสินนั้นดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานทดสอบแห่งนี้

ไม่นานก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง

หลินเทียนเองก็ถึงกับตกตะลึงเพราะว่าภายในระยะเวลาครึ่งชั่วโมงนี้นั้นกว่า 50 แถวเองก็มีผู้เข้ารับการทดสอบกว่า 3000 คนซึ่งผู้ที่ผ่านการทดสอบไปแล้วมีอยู่ไม่ถึงร้อยคนเลยด้วยซ้ำ

"สุดยอด เกณฑ์การเข้าร่วมสูงมาก "

หลินเทียนถึงกับโง่งมไปทันที

เข้าไม่รู้ก็ไม่แปลกเพราะถึงแม้ว่าอาณาจักรนี้จะมีผู้คนมากมายเท่าผู้ที่เหมาะสมจะบ่มเพาะเองก็มีอยู่เพียงแค่ 1/10 เท่านั้นซึ่งเงื่อนไขในการรับเข้าสำนักของที่นี่เองก็สูงกว่าระดับธรรมดาอย่างมากจึงไม่แปลกที่จะมีคนถูกคัดออกเป็นจำนวนมาก

"ผู้มีพรสวรรค์สองดารา ไม่ผ่าน"

"ผู้มีพรสวรรค์สามดารา ผ่าน"

"ผู้มีพรสวรรค์สองดารา ไม่ผ่าน"

เสียงของผู้ตัดสินยังคงดังก้อนอยู่ตลอดเวลา

ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงร้องดังขึ้นจากแถวที่อยู่ใกล้ๆกันซึ่งหลินเทียนเองก็ได้กวาดสายตามองไปและพบว่าที่หัวแถวนั้นมีชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงกำลังยืนอยู่ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือโม่เซิน มือขวาของเขากำลังสัมผัสอยู่กับศิลาจารึกและสัญลักษณ์รูปดาวเองก็ส่องสว่างพร้อมกันถึงห้าดวง

"ผู้มีพรสวรรค์ห้าดารา พระเจ้า นั่นมันใครกันน่ะ !"

"โม่เซินจากเมืองเฟิงเจียน ไม่รู้หรือว่าเขาเป็นน้องชายแท้ๆของโม่จี่ ? "

"โม่จี่ ? โม่จี่ที่ได้เข้าร่วมกับกองกำลังสำรวจของจักรวรรดิ ? "

"เฮือกกก ! "

ตอนนี้เองที่รอบข้างต่างเต็มไปด้วยเสียงการสนทนามากมายแถมหลายคนเองก็ถึงกับสูดหายใจเข้าลึกไม่ใช่เพราะว่าโม่เซินเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับห้าดาราเท่านั้นแต่มันเป็นเพราะว่าพี่ชายของเขาอย่างโม่จี่นั้นเป็นคนที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก

ผู้ตัดสินเองก็ได้แต่มองไปยังโม่เซินพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

"ดีมากๆ ! สมแล้วที่เป็นน้องชายของคนๆนั้น "

ภายในอาณาจักรนี้นั้นผู้เหมาะสมจะบ่มเพาะพลังคือผู้ที่มีพรสวรรค์สองดาราส่วนผู้ที่มีพรสวรรค์สามดารานั้นถือว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงเลยก็ว่าได้ ผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับสี่ดาราเองก็ถือว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมากแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับห้าดารานั้นเรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง จะเรียกว่าพบได้เพียงหนึ่งในหมื่นเลยก็ยังไม่เกินไป ความสามารถของโม่เซินนั้นทำให้ผู้คนที่นี่ถึงกับต้องสั่นสะท้านไปตามๆกัน

"กลับไปรวมกับคนอื่นๆแล้วเตรียมเริ่มการทดสอบที่สองเถอะนะ "

ผู้ตัดสินได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

โม่เซินเองก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมกับเดินออกไปด้วยท่าทางภูมิใจ

การทดสอบยังคงดำเนินต่อไปซึ่งหลังจากโม่เซินแล้วก็เป็นการทดสอบของเสี่ยวหยุนซึ่งหากว่าเทียบกันแล้วพรสวรรค์ของนางนั้นต่างกับเขามาก นางทำได้เพียงแค่พรสวรรค์ระดับสามดาราที่ผ่านมาได้อย่างฉิวเฉียดเท่านั้น

ณ ตอนนี้เองที่ถึงการทดสอบของหลินเทียน

ตัวของโม่เซินเองก็ยังไม่ได้เดินไปไหนและหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนได้ก้าวเดินไปที่ศิลาจารึกแล้วเขาก็ได้พูดเยาะเย้ยออกมาว่า

า"ขยะชิ้นสุดท้ายของตระกูลหลิน ก่อนหน้านี้ยังอ่อนปวกเปียกอยู่เลยแต่ยังกล้าเข้ารับการทดสอบอีกงั้นหรอ ? รีบไสหัวไปดีกว่ามั้ง อย่าคิดว่าชนะพวกอ่อนแอได้แล้วจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังได้นะ อย่าอยู่ที่นี่ให้อับอายขายขี้หน้าเลยดีกว่าหน่า ! "

ในตอนนี้หลินเทียนนั้นไม่ได้สนใจคำยุยงของโม่เซินเลยแม้แต่น้อย

สำหรับเขาแล้วตัวเขานั้นไม่ได้สนใจการทดสอบรอบแรกเลยแม้แต่น้อย หลายวันที่ผ่านมานี้เขาได้ขับเคลื่อนพลังจากหมู่ดาวตามเคล็ดวิชาบ่มเพาะซือจี่ตลอดทุกค่ำคืน จากความรู้ในหัวของเขาก็ทำให้ตัวเขาตระหนักว่าพลังจากหมู่ดาวนั้นแข็งแกร่งกว่าพลังฉีหลายเท่าตัวนัก ขนาดพลังจากหมู่ดาวเขายังดูดกลืนได้แล้วนับประสาอะไรกับพลังฉี ?

หลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนไม่ได้ให้ความสนใจเขาแล้วท่าทางของโม่เซินเองก็เปลี่ยนเป็นเย็นชายิ่งกว่าเก่าโดยทันที

"ฮึ้ม พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะนั้นเป็นสิ่งที่ได้มาโดยธรรมชาติ เจ้าน่ะอย่าได้ฝันถึงเลย ! "

โม่เซินได้มองไปทางหลินเทียนก่อนที่จะพูดต่อด้วยท่าทางหยิ่งผยองว่า

"ให้พูดอีกที ต่อให้เจ้ามีพรสวรรค์พอจะบ่มเพาะพลังแต่จะสามารถมีพรสวรรค์ถึงห้าดารา ? แต่ข้าผู้นี้เป็นผู้มีพรสวรรค์ ! เป็นตัวตนที่เจ้าต้องเอาแต่แหงนมองไปตลอดชีวิต ! "

เสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆโม่เซินเองก็ได้กอดแขนของเขาเอาไว้พร้อมกับพูดดูถูกหลินเทียนออกมาว่า

"หลินเทียน ร่างกายที่เปราะบางของเจ้ายังเทียบกับข้าไม่ได้ด้วยซ้ำดังนั้นอย่าพูดถึงท่านพี่โม่เซินเลย อย่างมากเจ้าก็ได้แค่พรสวรรค์ระดับสองดาวเท่านั้นแหละ เจ้าไม่มีทางผ่านการทดสอบแรกไปได้หรอกดังนั้นยอมแพ้เสียเถิด อย่าได้สร้างความอับอายให้ตัวเจ้าเองเลย "

ผู้เข้ารับการทดสอบที่อยู่รอบข้างต่างหันความสนใจมาทางพวกเขาทันที

"อย่างแรกอย่าพูดถึงเรื่องที่เขาจะผ่านการทดสอบเลย การที่จะมีพรสวรรค์ระดับห้าดารานั้นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว"

"ไร้สาระ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว "

ผู้คนรอบข้างต่างแสดงความคิดเห็นออกมา

โม่เซินเองก็ได้โอบเสี่ยวหยุนเข้ามาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

"เสี่ยวหยุน เจ้าลืมไปแล้วหรอว่าเจ้ามีอะไรอยากจะพูดกับเจ้าสกุลหลินนี่ ? "

"อ่อใช่ ข้าเกือบลืมไป "

เสี่ยวหยุนเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับมองไปทางหลินเทียนด้วยท่าทางเหมือนดั่งองค์หญิงที่หยิ่งผยองพลางพูดว่า

"หลินเทียน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจดังนั้นถึงได้ด่าทอข้าและโม่เซินเพื่อที่จะรักษาหน้าตัวเองเอาไว้แต่ไม่ว่าเจ้าจะไม่ยอมรับหรือรู้สึกอึดอัดยังไงทว่าข้าก็มีบางคำอยากจะบอกเจ้า ฟังเอาไว้ให้ดีนะว่าข้าและเจ้ามันอยู่คนละระดับกัน เจ้ามันไม่คู่ควรกับข้าตั้งแต่ต้นแล้ว คนที่คู่ควรกับข้าคือผู้มีพรสวรรค์อย่างโม่เซิน ผู้ที่ข้าจะแต่งงานด้วยคือเขาผู้เดียวเท่านั้น ! "

ท่าทางของหลินเทียนเองก็ยังคงราบเรียบเหมือนว่าไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นด้วยซ้ำ

เขาได้ยกมือขวาของตนเองขึ้นมาพร้อมกับสัมผัสไปที่ศิลาจารึกตรงหน้าก่อนที่ดาวสี่ดวงจะส่องสว่างขึ้น

"ผู้มีพรสวรรค์สี่ดารา ! "

ท่าทางของผู้ชมรอบข้างเองก็ถึงกับเปลี่ยนไปเป็นแข็งค้าง

หลินเทียนได้มองไปยังเสี่ยวหยุนพร้อมกับพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ดูถูกและเหยียดหยามว่า

"สองปีก่อนหน้านี้ข้ายังจำได้ดีว่ามีคนๆหนึ่งตามก้นข้าตลอดทั้งวันพร้อมทั้งยังเรียกข้าว่าท่านพี่อย่างน่าเอ็นดูแต่ทว่าตอนนี้หากมองไปที่เจ้าแล้วกลับพบว่าเจ้าเป็นเพียงแต่ตัวตลกเท่านั้น คิดถึงตอนที่เจ้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่แล้วข้าล่ะขยะแขยงเสียจริง ! "

"เจ้า....... ! "

ท่าทางของเสี่ยวหยุนเองก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดโดยทันที

โม่เซินเองก็ได้แสยะออกมาด้วยท่าทางเย็นชาว่า

"แค่เพียงสี่ดาราเท่านั้น ยังห่างชั้นกันอีกไกลนัก เจ้าน่ะยังไม่สามารถเทียบเคียงข้าได้ ! "

หลินเทียนเองก็ได้แหงนหน้ากลับไปมองทางโม่เซินพร้อมทั้งยิ้มอย่างชั่วร้าย

"บึ้สสสส ! "

แขนขวาของเขาสัมผัสไปที่ศิลาจารึกอีกครั้งก่อนที่สัญลักษณ์รูปดาวอีกหกดวงจะส่องสว่าง

"ผู้มีพรสวรรค์หะ......หกดารา ! "

นัยน์ตาของผู้คนถึงกับหดเล็กลง

ณ ตอนนี้เองที่ท่าทางของผู้ตัดสินเองก็ถึงกับตื่นตระหนกพร้อมกับแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา

ตั้งแต่สำนักนี้ถูกก่อตั้งขึ้นนั้นมีศิษย์ผู้มีพรสวรรค์ระดับหกดาราอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น !

หลินเทียนได้มองไปยังโม่เซินพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

"มีพรสวรรค์ระดับห้าดารามันยิ่งใหญ่นักหรือไง ? ตัวตนที่ข้าต้องแหงนมองไปตลอดชีวิตงั้นหรอ ? "

คำพูดของเขานั้นราบเรียบเป็นอย่างมากแต่กลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายที่เหยียดหยาม

ท่าทางของโม่เซินเองก็ถึงกับเปลี่ยนไปเป็นน่าเกลียดโดยทันที ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินเทียนยังไม่ได้รับการทดสอบนั้นเป็นเขาเองที่บอกหลินเทียนว่าตัวเขาเป็นตัวตนที่หลินเทียนจะต้องแหงนมองไปตลอดชีวิตทว่าตอนนี้หลังจากที่ผลการทดสอบออกมาแล้วมันเหมือนว่ามีฝ่ามือที่มองไม่เห็นได้ตบไปที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง !

"ผู้มีพรสวรรค์ระดับหกดารา ! นี่มันเป็นไปไม่ได้ ศิลาจารึกต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน ! "

เขาพูดออกมาด้วยท่าทางหม่นหมอง

หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วผู้ตัดสินเองก็แสดงสีหน้าที่สงสัยเช่นกันเพราะถึงอย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ระดับหกดารานี่มันเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก

"ศิลาจารึกมีปัญหางั้นหรอ ? "

หลินเทียนได้มองไปทางโม่เซินพร้อมทั้งพูดต่อว่า

"รับความพ่ายแพ้ไม่ได้นี่มันน่าหัวเราะเสียจริงๆ ! "

เขาได้สัมผัสไปที่ศิลาจารึกอีกครั้งก่อนนัยน์ตาของเขาจะเปลี่ยนไปพร้อมทั้งขับเคลื่อนพลังงานภายในร่างอย่างรวดเร็ว

บึ้สสส !

ศิลาจารึกได้สั่นสะท้านก่อนที่ดาวดวงที่เจ็ดจะเปล่งประกาย

"เป็นไปได้ไงกัน ! "

เสียงโห่ร้องได้ถูกจุดขึ้นอย่างดัง

ผู้มีพรสวรรค์ระดับเจ็ดดารา นี่มันอะไรกัน ?

"นี่......"

หลายคนถึงกับรู้สึกชาไปทั้งตัว

อย่างไรก็ตามมันยังไม่หมดแค่นี้ ชั่ววินาทีต่อมานั้นดาวดวงที่แปดก็ได้ถูกจุดขึ้น

"ปะ.....แปด...."

ผู้ชมถึงกับโง่งมไปทันทีขณะที่จ้องมองไปยังศิลาจารึกที่อยู่ตรงหน้าเหมือนว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในความฝัน

ณ ตอนนี้เองที่เสียงคำรามอันเย็นชาได้ถูกเปล่งออกมา

"ดวงที่เก้าจงเปล่งแสงให้ข้า ! "

ดวงตาของหลินเทียนเองก็ถึงกับส่องสว่างขณะที่พลังงานภายในร่างของเขาทะลักออกมาไม่หยุด ตอนนี้เองที่แสงสลัวๆที่ศิลาจารึกได้ถูกจุดขึ้นก่อนที่ตัวศิลาจารึกจะสั่นสะท้าน

ท้ายที่สุดแล้วดาวดวงที่เก้าก็ไดลุกโชนขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด